ความฝันตอนเด็ก ลงมือทำตอนโตแล้วก็ไม่สาย!
จากเด็กสาวที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนมาตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งเธอต้องพับความฝันนี้ลงไปพร้อมๆ กับการเริ่มต้นเส้นทางชีวิตใหม่ คือ การรีบโตไวๆ รีบเรียนให้จบ รีบทำงาน เพื่อแบ่งเบาภาระแม่..
กระทั่งวันที่เธอโตพอจนสามารถทำงานหาเงินได้แล้ว “ป๊อป” ในวัย 28 ปี ก็ได้หวนคืนสู่เส้นทางการนักเขียนอีกครั้ง เธอกลับมาเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก ใช้นามปากกาว่า “คุณแย้ม” มาแต่งนิยายเรื่อง ‘เกิดใหม่ครั้งนี้ไม่ขอมีสามีคนเดิม’ โดยใช้เรื่องใกล้ตัวในวัยเด็กมาแต่งเต้มตามจินตนาการ จนนิยายขึ้นไปติดท็อป ได้รับกระแสดีทั้งยอดวิว คอมเมนต์ และรายได้ เกินกว่าที่คาดหวังไว้มาก… ความฝันการเป็นนักเขียนที่เคยเลิกฝันไปนานแล้วเริ่มกลับมาเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง
ชีวิตที่เคยวนลูปไปวันๆ อย่างการตื่นเช้า ไปทำงาน กลับบ้าน เล่นเกม นอน ใช้ชีวิตธรรมดาๆ ไม่มีความฝันหรือเป้าหมายใหญ่ในชีวิต ตอนนี้ เธอไม่อยากให้การเขียนนิยายเป็นแค่งานอดิเรกอีกต่อไป เป้าหมายของเธอ คือ การเขียนนิยายเป็นอาชีพหลักให้ได้ในสักวัน
พบปะพูดคุยวันนี้ ชวนมาจับเข่าคุยกับ “ป๊อป” หญิงสาวช่างฝันที่จะทำให้ทุกคน อยากลงมือเขียนนิยายและไม่ล้มเลิกความตั้งใจบนเส้นทางแห่งนี้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ!
“นักเขียน” ฝันในวัยเด็กที่เลิกฝันไปนานแล้ว…
สวัสดีสมาชิกชาวเว็บส้มทุกท่านนะคะ ป๊อปค่ะ อายุ 28 ปี เจ้าของนามปากกา คุณแย้ม ตอนนี้กำลังเขียนนิยายเรื่อง ‘เกิดใหม่ครั้งนี้ไม่ขอมีสามีคนเดิม’ อยู่บนเว็บเด็กดี นอกจากเขียนนิยายแล้วตอนนี้เราทำงานเป็นพนักงานบัญชีอยู่ในบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่งค่ะ
สำหรับเรา ไม่ว่าจะเป็นในด้านการทำงานหรือในเรื่องการเรียนก็ไม่ได้เกี่ยวกับงานเขียนเลยค่ะ ตอนเรียนก็เรียนสายอาชีวะ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ส่วนตอนทำงานได้มาทำงานเกี่ยวกับบัญชี แต่มีสิ่งหนึ่งตอนสมัยเรียนที่พอจะเกี่ยวข้องกับการเขียนอยู่บ้าง คือการเขียนเรียงความ เคยเขียนเรียงความเพื่อขอทุนการศึกษาตอนประถมค่ะ (อันนี้เขียนทั้งน้ำตาเลย)
เรารู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างชอบวิชาที่เกี่ยวกับภาษา ตอนที่ใกล้เรียนจบม.สาม คือคิดไว้เลยว่าม.ปลาย เรียนห้องวิทย์คณิตไม่ไหวแน่ แบบเราต้องไปต่อศิลป์ภาษา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนต่อม.ปลายนะ ไปทางสายอาชีวะแทนเพราะอยากเรียนจบเร็ว ๆ จะได้รีบทำงานช่วยแม่หาเงิน
การเขียนนิยายเป็นนักเขียนเลยเป็นความฝันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วค่ะ เป็นฝันที่เลิกฝันไปแล้วด้วยซ้ำ ตอนที่กลับมาเขียนคิดจะทำเป็นแค่งานอดิเรกเพราะเรามีงานประจำอยู่แล้ว แต่จากฟีดแบ็กนิยายในตอนนี้ก็เริ่มไม่อยากให้เป็นแค่งานอดิเรกแล้วค่ะ อยากทำให้เป็นอาชีพหลัก เราคิดว่าฝันในสมัยเรียนตอนนั้นมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว
ย้อนวัยเด็ก.. จุดเริ่มต้นฝันมาจากสภากาแฟ
ก่อนจะมาเขียนนิยายเราเคยเป็นนักอ่านมาก่อนค่ะ นิสัยรักการอ่านนี้ได้มาจากการที่ผู้ใหญ่รอบตัวทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ที่บ้านจะเป็นร้านขายของชำตอนเช้ามีสภากาแฟ พวกผู้ใหญ่ที่มาที่ร้านจะชอบนั่งอ่านหนังสือพิมพ์กันค่ะ ด้วยความที่เป็นเด็กก็สงสัยว่าเขาอ่านอะไรกันตั้งนานสองนาน พอเขากลับกันไปหมดก็เลยเอามากางอ่านดูบ้าง เปิดดูมันทุกหน้า ตอนนั้นสิ่งที่อ่านแล้วรู้สึกสนใจที่สุดเป็นนิยายในหนังสือพิมพ์ค่ะ
พอรู้ความชอบตัวเองแล้วคราวนี้ก็หาอ่านตามที่ตัวเองชอบ ที่บ้านป้ามีหนังสือนิยายการ์ตูนให้อ่านเยอะก็ไปยืมมาอ่าน พอเข้าม.ต้นก็ได้รู้จักกับนิยายรักแจ่มใส ก็เลยเริ่มอ่านหนังสือนิยายของสนพ.นี้มาโดยตลอด พออ่านเยอะจินตนาการก็เยอะตาม กลายเป็นคนชอบคิดชอบมโน ก็เลยเอาความขี้มโนของตัวเองเขียนลงไปในสมุด พอมีคอมพิวเตอร์ก็มาพิมพ์ให้มันเป็นเรื่องเป็นราว ลองเขียนนิยายในแบบที่ชอบดูบ้าง
นิยายเรื่องแรกที่เขียนตอนนั้นอายุประมาณ 16-18 ปีค่ะ จำช่วงเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ อัพในเว็บ niyay.com จนจบ เขียนจบแล้วก็ส่งผลงานไปที่สนพ.ด้วย เป็นครั้งแรกที่ป๊อปรู้สึกว่าตัวเองชอบเขียน อยากเป็นนักเขียน
หลังจากแต่งเรื่องแรกจบ ตอนเรียนก็เขียนนิยายอีกสองเรื่องค่ะ พอจบปวส.ต้องทำงานไปด้วยเรียนต่อไปด้วยก็เลยไม่ได้เขียนนิยาย เป็นช่วงที่จินตนาการหดหาย อะไรที่เราเคยเพ้อเคยฝันมันหายออกไปจากหัวสมองหมดเลย ไม่ได้เขียนนิยายเลย ทิ้งหายไปนานหลายปี เพิ่งจะเริ่มกลับมาเขียนช่วงต้นปี 2565 นี่เองค่ะ ก็ได้ลองเขียนเรื่องสั้นจนจบไปสองเรื่อง นับรวมผลงานที่เผยแพร่ก่อนถึงเรื่องปัจจุบันก็มีทั้งหมดห้าเรื่องค่ะ
เริ่มเขียนจากเรื่องใกล้ตัวง่ายเสมอ
สำหรับป๊อป เราเป็นคนชอบคิดชอบจินตนาการอยู่แล้ว ในหัวมันจะเป็นเหมือนกับโรงภาพยนตร์ที่มีเราดูได้คนเดียว เลือกได้ว่าจะฉายเรื่องอะไร ตั้งแต่ต้นจนจบก็แค่เอาสิ่งที่เห็นมาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือแค่นั้นเอง
ไอเดียในการแต่งนิยายหาได้จากทุกอย่างรอบตัวเราเลยค่ะ สมัยนี้ยิ่งหาง่าย แค่ได้ดูข้อความ รูปภาพ มีม วิดีโอสั้นหรือฟังเพลง จากบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ทำให้เราจุดประกายความคิดได้แล้ว บางครั้งที่คิดหรือนึกภาพเหตุการณ์บางอย่างไม่ได้ ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวละครก็มีไปตั้งกระทู้ถามบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วยนะ
อย่างในเรื่อง ‘เกิดใหม่ครั้งนี้ไม่ขอมีสามีคนเดิม’ มีเรื่องราวหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเองค่ะ อย่างในเรื่อง บ้านของพาขวัญทำฟาร์มไก่ไข่ก็เอามาจากเรื่องราวในชีวิตจริง ที่บ้านของป๊อปเคยเลี้ยงไก่ไข่มาก่อน แต่นานมากแล้วสมัยยังเป็นเด็ก ถ้าจำไม่ผิดเลิกเลี้ยงไปตอนที่มีโรคระบาดไข้หวัดนก ป๊อปก็เอาเศษเสี้ยวความทรงจำในวัยเด็กเหล่านั้นมาใส่ในนิยาย งูเหลือมเข้ามากินไก่ในฟาร์ม ขี้ไก่กองพะเนินใต้กรงไก่ที่เราไม่ชอบ ฟาร์มนี้มีลูกสาวสามคนก็เอามาจากตาที่มีลูกสาวสามคน แล้วก็ใส่ชื่อฟาร์มนายแดงไปด้วย ความจริงแดงคือชื่อยาย เดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นฟาร์มนายเสรีที่เป็นชื่อตาแทน
ถึงจะเคยพับฝันไป แต่ก็ไม่เคยหยุดเรียนรู้
ป๊อปหยุดเขียนนิยายไปนานมาก เพิ่งจะกลับมาเขียนเมื่อปี 2565 แต่ระหว่างที่หยุดเขียนก็ไม่เคยหยุดอ่านนะ ยังอ่านนิยายแล้วก็เข้าไปอยู่ในกลุ่มนักเขียนนิยายด้วย มันเลยทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของนักเขียนท่านอื่น ได้อ่านเคล็ดลับสาระดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันกัน บางคนมีปัญหาก็นำมาปรึกษากับคนในกลุ่ม แล้วปัญหาพวกนี้บางครั้งก็ไปร่วมให้ความเห็นกับเขาด้วย จนทำให้รู้สึกคิดถึงการเขียนนิยายขึ้นมาค่ะ
ทีนี้พอเริ่มมีความอยากในการเขียนแล้ว ก็เริ่มคิดว่าจะเขียนอะไรดี พอดีว่าในกลุ่มนักเขียนมีคนมาโพสต์ถามว่าจะเขียนนิยายแนวไหนดี แนวที่ตัวเองชอบหรือแนวที่เป็นกระแส ก็เลยย้อนถามตัวเองว่าถ้าเป็นตัวเราจะเลือกเขียนนิยายแบบไหน แนวที่ตัวเองชอบอ่านชอบเขียนคือนิยายรัก ส่วนนิยายที่เป็นกระแสก็ไปเปิดดูในหน้าเว็บเด็กดีเอาเลยค่ะ ท็อปยี่สิบอันดับแรกของทุกหมวดในวันนั้นคือนิยายแนวเกิดใหม่ ทะลุมิติ ย้อนเวลา ย้อนยุค แล้วทั้งหมดก็เป็นนิยายจีน มีทั้งจีนแปลแล้วก็จีนแบบไทยแต่งเต็มกระดานไปหมด เห็นแล้วก็ดีใจค่ะ เพราะนิยายแนวที่เราชอบอ่านกับชอบเขียนมันอยู่ในกระแส ก็เลยคิดว่าจะเขียนนิยายรักทะลุมิติไปหาท่านอ๋องรูปงามสักคน
แต่พอมาเขียนจริงมันไม่ง่ายเลยค่ะ แต่งนิยายจีนไม่ง่ายสำหรับป๊อปเลยทั้งที่ดูซีรีส์อ่านนิยายจีนแปลมาโดยตลอด วัฒนธรรมเราไม่เหมือนกัน เอาแค่ชื่อตัวละครก็ยากแล้วแม้ว่าจะเสิร์จหาในเน็ตได้ก็ตาม เขียนเองอ่านดูก็รู้แล้วว่าไปไม่รอดก็เลยพับโครงการ จนไปเจอภาพปกสำเร็จจากเพจหนึ่งเข้า ทำให้คิดได้ว่าทำไมเราต้องย้อนไปจีนไปในที่ที่เราไม่คุ้นเคย ย้อนในประเทศไทยไม่ได้หรือไง พอคิดได้แบบนี้สมองก็สว่างวาบเลยค่ะ ลองเขียนพล็อตดูค่ะ สิ่งที่คิดได้ทั้งหมดในวันนั้นคือ ‘บทนำ’ ในนิยายเรื่องเกิดใหม่ครั้งนี้ไม่ขอมีสามีคนเดิมเลยค่ะ อย่างอื่นคือมาคิดเสริมเติมแต่งเอาทีละอย่าง
ตอนเขียนไปก็รู้สึกกดดันนะคะ ป๊อปเขียนไปด้วยอัพไปด้วย แต่จะไปกลัวเรื่องภาษาเขียนกับข้อมูลที่ไม่แน่นพอมากกว่า อย่างแรกคือกลัวหลุดภาษาถิ่น ซึ่งก็มีหลุดไปแล้วด้วยค่ะ ทั้งขำและเขินตอนที่นักอ่านมาเขียนรีวิวนิยาย คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเขียนมันดีแล้ว ใช้คำเหมาะกับบริบทนั้นๆ แต่พอลองมาอ่านซ้ำนี่มันภาษาถิ่น เสิร์จเน็ตก็ไม่มีคำแบบนี้ก็ต้องลบทิ้งแล้วหาคำใหม่ที่เข้ากัน
อีกอย่างที่กลัวคือคนที่อ่านจะว่าเรารู้ไม่จริง ป๊อปก็ความรู้น้อยจริง ๆ นะ ไม่รู้หลายเรื่องเลยค่ะ ไม่มีประสบการณ์ในตอนเรียนมัธยมปลาย ไม่มีประสบการณ์สอบเข้ามหาวิทยาลัย กระทั่งเรื่องฟาร์มไก่ไข่ก็ไม่รู้อะไรเลย ตอนเด็กแค่เล่นสนุกในฟาร์มเท่านั้น สิ่งเดียวที่มีคือจินตนาการกับความขี้มโนแค่นั้นเอง ก็เลยพยามอุดรอยรั่วของตัวเอง พยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้โดนว่า
แต่งนิยายได้ฟีดแบ็กดี แต่ก็ได้บทเรียนหลายอย่าง
ฟีดแบ็กดีมาก ดีที่สุดตั้งแต่เขียนนิยายมาเลยค่ะ ดีจนบอกกับตัวเองว่าจะเขียนมั่วซั่วไม่ได้นะ แล้วยอดวิว คนติดตามเพิ่มขึ้นทุกวัน กำลังใจมาเต็มทั้งที่ป๊อปก็ไม่ได้มาอัพนิยายทุกวัน นักอ่านคุยกับเราตลอดแม้ว่าบางเรื่องจะไม่ได้เกี่ยวกับนิยายก็ตาม หายไปนานก็ทวง มีคนถามเรื่องอีบุ๊คตลอดทั้งที่แจ้งไว้แล้วว่าเขียนสด แต่ก็เข้าใจได้ว่าคนอ่านไม่อยากรอ พวกเขากำลังติดนิยายของเราจนรอที่จะอ่านตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว
มีอยู่วันนึงปั่นนิยายเสร็จช้าแล้วกดอัพตอนเที่ยงคืนพอดี จังหวะเวลาแค่แป๊บเดียวที่กดรีเฟรชจอ ตัวเลขหลังรูปดวงตาคือขึ้นเป็นร้อยแล้ว มีเม้นก่อนอ่านด้วยนะ ในใจก็แบบพวกเธอไม่หลับไม่นอนกันเลยเหรอ ล่าสุดนิยายขึ้นติดท็อปสิบของทุกหมวด ขึ้นไปอยู่ในจุดที่เราเคยเห็นนิยายเรื่องอื่นขึ้นไปอยู่ตรงนั้น
แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่ตัวละครที่ป๊อปชอบโดนด่า คอมเมนต์แรงมากเลยนะ ในมุมมองของเราตัวละครตัวนั้นไม่ได้แย่อะไรมากมาย เราเขียนนิสัยใจคอให้พวกเขาเห็นแค่บางส่วนด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้ด่วนตัดสินกันไปแล้ว รู้สึกเหมือนว่าลูกฉันไม่ได้รับความเป็นธรรม คอมเม้นค่อนข้างรุนแรงจนคิดว่าบทมีปัญหา “ถ้าไม่เอาตัวละครนี้ออกจะไม่เปย์” อ่านคอมเม้นนี้แล้วตกใจว่ามันขนาดนั้นเลยเหรอ เขียนนิยายมานานก็จริงนะคะ แต่ป๊อปไม่เคยเจอคอมเม้นแบบนี้ คือไม่ค่อยได้เจอคอมเม้นที่เป็นปฏิปักษ์กับตัวเอง ป๊อปยังใหม่กับการรับมือเรื่องพวกนี้
แล้วพอมีหนึ่งคน สองสามก็ตามมา มันเลยทำให้ป๊อปคิดว่าบทมีปัญหาจริงๆ เพราะว่าไม่ได้ตั้งใจเขียนให้คนเกลียดตัวละครนี้ ก็พยายามปรับแก้เพื่อให้ถูกใจคน ด้วยการเอาตัวละครนี้ออกไปก่อนที่จะถึงเวลาที่สมควร เอาออกคือเรื่องใหญ่ค่ะ เพราะมันกระทบทั้งเรื่อง เป็นการเร่งให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ที่เป็นจุดเปลี่ยน
ตอนนั้นคือนอนเปื่อยเลยต้องหยุดพักเรื่องงานเขียนไว้ก่อน ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นค่ะ ฟังเพลง ร้องเพลง แต่ส่วนใหญ่จะเล่นเกมมากกว่าค่ะ ไปลับฝีปากลับสมองกับน้องในเกมเพื่อเรียกพลังบวกกลับมาค่ะ ตอนที่หยุดไปคือการซุ่มเขียนเพื่อให้พ้นซีนที่เป็นปัญหาค่ะ พอเขียนเสร็จแล้วก็อัพให้อ่านรวดเดียวเพื่อที่จะให้เขาด่ากันทีเดียวให้จบ ไป ฮ่าๆ
บทเรียนครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่สำหรับป๊อปนะ ตั้งใจว่าถ้ามีครั้งต่อไปจะหนักแน่นไม่ยอมทำอะไรที่ขัดกับความตั้งใจเดิมของตัวเองอีก
งานอดิเรกที่อยากให้เป็นอาชีพหลักในสักวันหนึ่ง
ป๊อปอยู่กับเว็บเด็กดีมานาน อ่านนิยายมาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีระบบเหรียญ แล้วตอนที่มีระบบติดเหรียญก็ได้ทดลองใช้ด้วยตัวเองแล้ว ทั้งซื้อล่วงหน้า ซื้อรายตอน ซื้อแพค ที่เด็กดีเติมคอยน์ง่ายเข้าระบบไว ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการซื้อนิยายในเว็บเด็กดีมาก่อนเลยค่ะ ก็เลยคิดว่าถ้าตัวเองลงขายที่นี่คนที่มาอ่านนิยายของเราก็คงไม่ต้องเผชิญปัญหาน่าหนักใจเหมือนกัน ระบบของเว็บนี้ไว้ใจได้
ก่อนที่จะติดเหรียญล่วงหน้าได้บอกนักอ่านไว้แล้วค่ะ นักอ่านในเด็กดีเป็นสายเปย์ ถ้าชื่นชอบนิยายเรื่องไหนจะพร้อมจ่ายพร้อมสนับสนุนนักเขียนค่ะ ตอนที่ประกาศว่าจะติดเหรียญครั้งแรก นักอ่านเขาโอเคเลย บางคนบอกว่าปามาเลยสิบตอน อ่านแล้วรู้สึกดี ป๊อปเคยอยู่ในจุดที่เรียกร้องให้นักเขียนปามาเป็นสิบ ๆ ตอนเหมือนกัน
การติดเหรียญของป๊อปจะเป็นการติดล่วงหน้าเจ็ดวันค่ะ ติดตอนละหนึ่งถึงสองคอยน์ พยายามซื้อใจนักอ่านอย่างถึงที่สุด ต้องการทั้งนักอ่านสายฟรีและสายเปย์ไปในคราวเดียวกัน เราเริ่มนับหนึ่งใหม่ ไม่มีฐานแฟนนิยาย นามปากกาก็ไม่ได้มีชื่อเสียง ซ้ำยังเขียนไม่จบ ก็เลยคิดใช้นิยายเรื่องนี้ในการทำความรู้จักกัน ในตอนนั้นคือหวังแค่ว่าสิ้นเดือนมีค่าน้ำชา ค่าขนม หรือมากสุดคือพอจ่ายค่าชาบูก็ยังดี
ถึงจะบอกว่าติดเหรียญเพื่อหวังค่าน้ำชาค่าขนมแต่ก็มีการคิดคำนวณมาก่อนค่ะ ก่อนจะติดเหรียญก็คอยสังเกตยอดวิว ยอดผู้ติดตาม กับทิศทางคอมเม้นมาโดยตลอด ค่อนข้างระวังในเรื่องการติดเหรียญพอสมควร เพราะนักเขียนหลายท่านชอบบ่นกันว่าพอเก็บเงินแล้วนักอ่านหาย ป๊อปก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นค่ะ ไม่อยากให้การติดเหรียญกลายเป็นการไล่นักอ่านที่จะเข้ามาทำความรู้จักกับงานของเรา ก็เลยรอจนได้ยอดตามที่ต้องการจึงเริ่มหารายได้ค่ะ
อย่างที่บอกว่าป๊อปติดเหรียญแค่เจ็ดวันนะ แต่นักอ่านเขาเปย์กันเยอะกว่าที่คาดการณ์ไว้ซะอีกค่ะ ยิ่งมีตอนมากเท่าไหร่เขาก็พร้อมจ่ายกันมากเท่านั้น อาจจะดูเหมือนอวด แต่คิดว่าถ้าอยากได้เงินเยอะก็แค่เขียนให้มากกว่าเดิมแค่นั้นเองค่ะ แต่ป๊อปมีตอนน้อย ความรู้ก็น้อย เสียเวลาไปกับตามหาสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ บางครั้งสภาพอารมณ์กับร่างกายก็ไม่พร้อม แล้วยังมีงานประจำที่ต้องรับผิดชอบอยู่อีก เดือนนึงเลยเขียนได้ 10-13 ตอนค่ะ
แรงใจจากนักอ่านในตอนนี้มีล้นเหลืออยู่แล้ว ไม่รังเกียจที่จะรับเพิ่มนะ เวลาที่ว่างจะต้องเปิดหน้านิยายขึ้นมาเขียนตอนต่อไปอยู่ตลอด ไม่ได้มีแค่นักอ่านที่อยากจะอ่านตอนจบ ตัวเราเองก็อยากอ่านตอนจบของนิยายที่ตัวเองเขียนเหมือนกัน
รายได้มันเกินคำว่าค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ ไปแล้วค่ะ ล่าสุดเดือนธันวาคมคือมากกว่าเงินเดือนจากงานประจำไปแล้ว อันนี้ตกใจจริง แล้วก็ดีใจด้วย คนอ่านเขาพร้อมเปย์เราอย่างที่บอกไว้ในตอนแรก เงินที่ได้จากการเก็บเหรียญส่วนใหญ่ก็เอาไปคอมมิชชั่นภาพประกอบนิยาย ทำปกสวย ๆ จ้างพิสูจน์อักษรเพื่อจะทำเล่มอีบุ๊คให้ออกมาดูดีที่สุด ส่วนยอดเดือนธันวาคมโอนให้แม่หมดเลยค่ะ สมทบทุนในการบำรุงรักษาบ้าน
ตอนนี้คนรอบข้างที่สนิทกันจะรู้ทุกคน ป๊อปก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ชอบอ่านนิยายแล้วก็ชอบเขียนนิยาย แต่เรื่องที่กำลังเขียนปัจจุบันนี้เก็บไว้นานมาก รอจนถึงแสนวิวถึงยอมบอกคนอื่น คนรอบตัวป๊อปให้การสนับสนุนในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ไม่มีใครพูดหรือทำให้เราไม่สบายใจ คนที่รู้ว่าป๊อปเขียนนิยายมีแต่ขอชื่อเรื่องไปตามอ่าน
ฝันที่กำลังดำเนินต่อไปบนเส้นทางนักเขียน
ก่อนหน้านี้ชีวิตมีแค่ตื่นเช้า ไปทำงาน กลับบ้าน เล่นเกม นอน ชีวิตวนลูปอยู่แค่ตรงนี้ค่ะ ใช้ชีวิตธรรมดา อยู่กับความธรรมดา ไม่มีความฝันหรือเป้าหมายใหญ่ในชีวิต แต่พอกลับมาเขียนนิยายมันทำให้ป๊อปเริ่มมีความฝันอีกครั้ง หวังว่านิยายจะโด่งดัง เป็นที่รู้จัก เป็นที่พูดถึง
เราคิดเอาไว้ว่าหลังจากเขียนเรื่อง ‘เกิดใหม่ครั้งนี้ไม่ขอมีสามีคนเดิม’ จบแล้วมีแผนจะทำอีบุ๊คค่ะ จากกระแสตอบรับจึงค่อนข้างคาดหวังกับยอดดาวน์โหลด อยากให้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ในใจ อยากขึ้นแท่นนิยายขายดี แล้วก็อยากลองเขียนนิยายเรื่องอื่นต่อจากนี้ด้วย อาจจะหันมาจริงจังทางด้านงานเขียนมากขึ้น อีกฝันคือคิดว่าจะมีนิยายสักเรื่องได้มีโอกาสทำเป็นละคร ซีรีส์ การ์ตูน หรือแปลไปเป็นภาษาอื่นค่ะ
สุดท้ายนี้ ป๊อปขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามและสนับสนุนกันเรื่อยมานะคะ บางคนตามกันมาตั้งแต่เริ่มเปิดเรื่องจนตอนนี้ก็ยังรออ่านกันอยู่เลย นักอ่านคือพลังใจที่ทำให้อยากเขียนนิยายทุกวัน ขอบคุณทุกคำติชมที่ชี้ให้เห็นว่างานเขียนมีจุดดีจุดบกพร่องส่วนไหน ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจทำให้ป๊อปมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อในการเขียนของตัวเอง
สำหรับคนที่มีฝันอยากเป็นนักเขียนเหมือนกัน ป๊อปเชื่อว่ามีหลายคนที่กังวลเรื่องการเขียน กลัวว่าบรรยายไม่ดี ใช้คำไม่สละสลวย กังวลเรื่องการใช้คำผิด อยากบอกว่าลองเขียนไปก่อน เรื่องพวกนี้มันแก้ไขกันทีหลังได้ การลงมือเขียนจะเป็นการฝึกฝนตัวเองไปในตัว ถ้ามีเวลาว่างก็อ่านหนังสือของคนอื่น ศึกษาวิธีการเขียนของคนอื่น อ่านหนังสือให้หลากหลาย ทุกอย่างไม่สามารถทำได้ในวันเดียว ต้องใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์ค่ะ
ความฝันตอนเด็กที่ต้องพับเก็บไว้ ใครว่าจะทำฝันนั้นตอนที่โตแล้วให้สำเร็จไม่ได้!
เรื่องราวของ “ป๊อป” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างดีๆ ที่เราอยากนำมาแชร์มากๆ เรื่องราวของเธอน่าจะคล้ายกับชีวิตของนักเขียนหลายๆ คน คือ เริ่มจากการเป็นนักอ่านมาตั้งแต่ยังเด็ก และมีความฝันอยากเป็นนักเขียน แต่ด้วยชีวิตของเราทุกคนต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต ทำให้บางคนได้ลงมือทำตามฝัน บางคนก็ต้องพับฝันเก็บไว้ชั่วคราว แต่ในวันนี้ หากใครอยากจะลองหยิบฝันในวัยเด็กมาทำให้เป็นจริง สิ่งที่นักเขียนสาวช่างฝันคนนี้แนะนำมาตลอดการบทสัมภาษณ์ ก็คือ การลงมือทำ นั่นเอง เราจะไม่มีวันรู้ว่าเราจะทำได้สำเร็จไหม หากไม่ลงมือทำกันตั้งแต่วันนี้..อย่างไม่ย่อท้อ
เชื่อว่าเรื่องราวจากนักเขียนช่างฝันในวันนี้จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจดีๆ ให้คนที่มีความฝันบนเส้นทางนักเขียน อดทนและพยายามกันต่อไปนะคะ เป็นกำลังให้ทุกคนประสบความสำเร็จค่ะ ^^
พี่แนนนี่เพน
อ่านผลงานของ “คุณแย้ม”
0 ความคิดเห็น