คุยกับ 'พี่พริ้ม' เด็กทุนรัฐบาลไทยใน ‘University of Cambridge’ ปาร์ตี้ไม่มีลิมิต แต่ธีสิสก็ต้องปั่นค่ะ!

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ว่าที่ #ทีมอังกฤษ ใครมีลิสต์ University of Cambridge มหาวิทยาลัยอันดับ 1* ของอังกฤษไว้ในใจบ้างคะ? นอกจากที่นี่จะโดดเด่นเรื่องการศึกษาวิจัย และมีสถาปัตยกรรมดีงามจนน่าเช็กอินให้ครบทุกมุมแล้ว ยังมีระบบและประเพณีของมหาวิทยาลัยที่ถ่ายทอดกันมายาวนาน รอให้ค่อยๆ ค้นหาจนจบการศึกษาเลยค่ะ

แต่หลายคนก็อาจสงสัยว่าเราจะมีเวลาได้ฮีลใจกับสถานที่สวยๆ บรรยากาศดีๆ แบบนั้นมั้ย? วันนี้เรามีรีวิวการเรียนฉบับ “พี่พริ้ม–ชรินพร ฤทธิรงค์วัฒนา” บัณฑิตจุฬาอินเตอร์ฯ ที่ได้ทุนรัฐบาลฯ UiS (Undergraduate Intelligence Scholarship Program) ไปต่อ ป.โท สายสังคมที่ ม.เคมบริดจ์ // บอกเลยว่าช่วงเวลา 9 เดือนนี้เธอได้เก็บเกี่ยว Cambridge Experiences แบบคุ้มค่าสุดๆ ในนี้จะสรุปตั้งแต่เรื่องการเรียน กิจกรรม และการทำธีสิส // ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมวาร์ปไปอังกฤษพร้อมๆ กันเลยค่าา~

*อ้างอิงการจัดอันดับ QS World University Rankings 2024

. . . . . . .

จากรั้วจามจุรี 
สู่ University of Cambridge

สวัสดีค่ะ ชื่อ “พริ้ม – ชรินพร ฤทธิรงค์วัฒนา” เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลฯ UiS เรียนจบ ป.ตรี จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคอินเตอร์ (BALAC) หลังจบพริ้มทำงานใช้ทุนระยะแรกเป็นเวลา 2 ปี ก่อนไปต่อ ป.โท MPhil in Politics and International Studies (POLIS) ที่ University of Cambridge เป็นคอร์ส 9 เดือนแบบ Full-time ตอนนี้จบแล้ว ปัจจุบันกำลังทำงานใช้ทุนระยะที่ 2 ค่ะ ^ ^

อธิบายเพิ่มเติมก่อนว่าทุน UiS จะแบ่งรับทุนเป็น 2 ระยะ (อ่านบทความ: ทุนรัฐบาล (ทุน UiS) เพื่อดึงดูดผู้มีศักยภาพสูง สำหรับนักศึกษา ป.ตรี ชั้นปีสุดท้าย ประจำปี 2567) เล่าภาพรวมคร่าวๆ ประมาณนี้ค่ะ

• ช่วงรับทุนระยะที่ 1 สนับสนุนค่าเรียน ป.ตรี ปีสุดท้าย
• หลังจบทำงานชดใช้ทุนระยะที่ 1 เป็นเวลา 2 เท่า (=2 ปี) *ระหว่างที่ทำงานไปได้ปีนิดๆ จะต้องเริ่มคิดแล้วว่าจะต่อด้านไหน มหาวิทยาลัยอะไรดี เขาไม่ได้กำหนดตายตัว แต่ต้องเลือกสาขาที่เป็นประโยชน์กับงาน และให้ทางต้นสังกัดอนุมัติด้วย
  
  พริ้มเลือกที่อังกฤษเพราะเคยไปแล้วชอบ รู้สึกบ้านเมืองปลอดภัย และใช้เวลาเรียน ป.โท ช่วงสั้นๆ ด้วยค่ะ เราค่อยๆ เก็บข้อมูลแล้วลิสต์ที่อยากเรียนมาตามลำดับ 1-6 สุดท้ายยื่นติดที่ University of Cambridge, London School of Economics (LSE) และ University College London (UCL) 
   
• เข้าสู่ช่วงรับทุนระยะที่ 2 สนับสนุนค่าเรียน ป.โท ที่ต่างประเทศตลอดหลักสูตร
• หลังจบทำงานชดใช้ทุนระยะที่ 2 เป็นเวลา 2 เท่า เช่น พริ้มเรียนคอร์ส 9 เดือน ต้องทำงานชดใช้ทุนประมาณ 18 เดือน

. . . . . . .

รีวิวการเรียนสุดเข้มข้น
ในมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ

พริ้มเรียน Mphil Politics and International Studies (POLIS) คำว่า Mphil มาจาก The Master of Philosophy ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยอื่นอาจเน้นวิจัย 100% แต่ที่ University of Cambridge ยังนับเป็น Taught Courses เน้นวิจัยแต่ก็มีเรียนในคลาสด้วย โดยคะแนนจะมาจาก Coursework 40% และ Dissertation 60% ค่ะ

ทีนี้ ป.โท ที่อังกฤษแบ่งออกเป็น 3 เทอมคือ (1) Michaelmas Term (2) Lent Term และ (3) Easter Term (ชื่อเวอร์มาก 5555) การเรียนจะอยู่แค่ 2 เทอมแรก เรียนเทอมละ 3 วิชา วิชาละ 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ และเรียนเพียง 5-6 สัปดาห์ต่อเทอมเท่านั้น! คะแนนวิชานึง 40% มาจาก Essay เลือกทำ 2 ใน 3 วิชาในเทอม ส่วนอีกวิชาแค่นั่งเรียนให้ครบก็ถือว่าผ่านค่า

การเรียนที่เจอไม่มีวิชาบังคับเลย และวิชาในลิสต์ก็ไม่ได้ลงลึกไปทางรัฐศาสตร์จ๋าๆ ทั้งหมด เขาออกแบบหลักสูตรเป็นแบบสหวิชา เลือกลงได้ตามความสนใจค่ะ เช่น พริ้มจบ BALAC จุฬาฯ และสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรม วิชาที่ลงเลยเป็นฝั่ง Religion (ศาสนา) และ Politics (การเมือง) สามารถเช็กตัวอย่างวิชาได้ที่หน้าหลักสูตรนี้ >> https://www.polis.cam.ac.uk/study-at-polis/graduates/MPhilIRPOL 

และลิสต์วิชาที่พริ้มลงเรียนคือออ

เทอม 1 Michaelmas Term [เรียน]

• Borders, Migration and Displacement
• Cultures of War
• Religion and Politics

เทอม 2 Lent Term [เรียน]

• Fighting for Status in International Relations
• Research Methods
• Religion and Politics; Islam, Secularism, Global Movements
• Transnational Authority in World Politics

เทอม 3 Easter Term [ทำธีสิส]

• Thesis / Dissertation ความยาว 20,000 words

เรียนกันยังไงบ้าง?

อ่านเยอะอ่านหนัก โดยจะมีคลาสแบบ Seminar-based ที่อาจารย์ให้ Reading List นักเรียนไปอ่าน แล้วเตรียมมาอภิปรายกับเพื่อนในคลาส ถ้าใครอยากได้ความรู้เต็มสตรีมคุ้มค่าสุดๆ ควรอ่านตามนั้น ซึ่งมีเยอะมาก! ความสนุกคือมีเพื่อนร่วมคลาสทั้งจากอเมริกา ยุโรป อินเดีย ยูเครน รัสเซีย ฯลฯ พริ้มเป็นคนเดียวในรุ่นที่มาจากประเทศใน SEA (South-East Asia)

สำหรับใครที่กังวลเรื่องภาษา ตอนสมัครเรียนเขากำหนดให้เรายื่น IELTS 7.5 (ทุก band ขั้นต่ำ 7) ถ้าได้ตามนี้เขาประเมินแล้วว่าเรียนไหวแน่นอน

ถึงจะเรียนน้อยแต่ไม่ใช่จะปล่อยจอยได้

การบริหารเวลาสำคัญมาก ถึงจะเป็นโปรแกรม 9 เดือน เขียน Essay วิชาละ 3,000 คำ เทอมละ 2 วิชา แต่พอเทอม 3 อยู่ดีๆ จะได้เจอกับ Dissertation ความยาว 20,000 คำ ช่วงนั้นเราอาจรู้สึกกดดันเรื่องเวลาค่ะ

ชีวิต ป.โท ช่วงพีคสุดๆ ของพริ้มคือ 2 เดือนสุดท้ายที่เราต้องทำ Dissertation พริ้มแทบจะนอนเช้าทุกวัน ตื่นเที่ยงแล้วทำต่อ เย็นกินข้าว กลับไปห้องสมุดแล้วทำต่อถึงตี 3 หรือเช้าเลยค่ะ จากนั้นก็เริ่มงานจนเสร็จอีกที 6 โมง – 1 ทุ่ม

ช่วงที่เรียนเสียน้ำตา 2 ลิตรเป็นเรื่องปกติ~ แต่บอกเลยนะคะว่าพริ้มโชคดีมาก เพราะสังคมที่นี่ เพื่อนคนไทยและต่างชาติคอยช่วยเหลือกันตลอด อาจารย์ที่ปรึกษา (Supervisor) ก็ใจดีและใส่ใจ อย่างพริ้มทำ Disseration หัวข้อที่เชื่อมโยงระหว่างการเมืองและวัฒนธรรม มี Supervisor คือ Dr Tomas Larsson เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องประเทศไทยและแถบ Southeast Asia ทำให้จากปกติเราที่ศึกษาในมุมคนไทยวิเคราะห์การเมืองไทยมาตลอด คราวนี้มีโอกาสได้มาฟังจากมุมมองอาจารย์ที่เป็นนักวิชาการชาวต่างชาติด้วย

. . . . . . .

นี่แหละ Cambridge Experiences
เหมือนฝัน และหาไม่ได้จากที่ไหน

แน่นอนว่าช่วงเวลา 9 เดือนนี้พริ้มไม่ได้เรียนอย่างเดียว 
แต่ใช้ชีวิตแบบเต็มที่สุดๆ 
จนนึกย้อนกลับไป ไม่มีอะไรเสียดายที่ไม่ได้ทำเลยค่ะ

1. ระบบ Collegiate System

มาเริ่มกันที่เอกลักษณ์ของ University of Cambridge กันก่อนค่ะ ที่นี่ใช้ระบบดูแลนักศึกษาที่เรียกว่า “Collegiate System”แบ่งออกเป็น 31 บ้าน (Colleges) กระจายอยู่ทั่วเมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) เช็กข้อมูล Colleges ทั้งหมดได้ที่นี่ >> https://map.cam.ac.uk/colleges  

ฟังก์ชันของ Colleges ที่ว่านี้ ครอบคลุมแบบเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ เป็นจุดรับประทานอาหาร (ราคาถูกกว่าข้างนอก) มีหอพัก  ห้องนอน ห้องสันทนาการที่มีบอร์ดเกม เครื่องดนตรี ฯลฯ ไปจนถึงโบสถ์ (Chapel) สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และแต่ละบ้านจะมีห้องสมุดของตัวเองค่ะ 

แล้วเขาเลือกบ้านกันยังไงนะ? 

เริ่มมาถึงเราจะต้องกรอกประวัติก่อน จากนั้นเขาจะพิจารณาจากคุณสมบัติและคาแรกเตอร์แต่ละคน เช่น บ้าน Trinity คือ No.1 ของเคมบริดจ์ คัดเด็กโอลิมปิก ส่วน St John’ College มีแนวโน้มจะรับเด็กทุนมากกว่า บางบ้านก็จะมีกฎเกณฑ์เฉพาะ เช่น รับแค่หญิงล้วน รับแค่เด็ก ป.โท หรือมีปัจจัยเรื่องศาสนามาเกี่ยวข้อง เพราะในบ้านจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างแตกต่างกัน

ส่วนตอนนั้นพริ้มได้มาอยู่ St John’ College ติด 1 ใน 3 บ้านดีที่สุด และรวยเป็นอันดับ 2 ในบรรดาบ้านทั้งหมดของ ม.เคมบริดจ์ แถมยังเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง The Theory of Everything (2014)

ส่วนเรื่องโซนคือดีมากๆ ที่ตั้งของ St John’ College คือใจกลางเมือง Cambridge เดิน 3 นาทีถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ส่วนใหญ่คนในเมืองจะขี่จักรยาน แต่พริ้มเดินตลอด ที่นี่เป็นเมืองเล็ก ปลอดภัย เหมาะกับการมาเรียนอย่างแท้จริง  (อาจมีฝนตกแบบบ้าๆ บอๆ  แต่ถือว่าโอเคกว่าส่วนอื่นของอังกฤษที่มีหิมะตกด้วย)  จากที่อยู่มาเรียกว่ามีพร้อมทั้งห้างใหญ่ๆ ร้านอาหารหลากหลายชาติ พิพิธภัณฑ์ในเมืองมีเยอะเพราะมหาวิทยาลัยลงทุนกับตรงนี้

แต่ต้องบอกว่าเป็นเมืองมหา’ลัยจริงๆ นะ เพราะถ้าจบไปแล้วกลับเดินเล่นอาจรู้สึกไม่ใช่ที่ของเรา เพราะเจอแต่นักศึกษาเต็มไปหมด 5555 หรือถ้าใครชอบแสงสี Nightlife การเข้าเมืองอาจเหมาะกว่า เราสามารถนั่งสถานีรถไฟฟ้า Cambridge เดินทางไปถึง London ได้ในเวลา 50 นาทีเช่นกันค่า

2. Formal Dinner

• พริ้มใฝ่ฝันอยากเข้า ม.เคมบริดจ์ ส่วนนึงเพราะมี Formal Dinner ประเพณีการร่วมรับประทานอาหารที่เป็นทางการและสุดจะหรูหราในฮอลล์ แต่ละบ้านจะมีจัด Formal Dinner เป็นของตัวเอง และสไตล์แตกต่างกันค่ะ
• มีเก็บค่าเข้า อาหารเสิร์ฟเป็นคอร์สๆ Appetizer > Main Course > Dessert
• ไม่จำเป็นต้องกินทุกวัน แต่ถ้าจะกินบ่อยแค่ไหนก็ย่อมได้ เพราะเป็นการผูกมิตรวิธีนึง
• เราสามารถไปร่วมโต๊ะที่บ้านอื่นได้ต่อเมื่อมีเพื่อนจากบ้านนั้นเชิญเรา ความโชคดีคือเพื่อนพริ้มกระจายไปอยู่ตามบ้านดังๆ เยอะมาก สรุปคือใน 9 เดือนพริ้มไปเก็บมาแล้ว 14-15 บ้าน เก็บคอนเทนต์รัวๆ เลยค่าา สาแก่ใจพริ้มมาก 5555
• หนึ่งในกฎของการเข้า Formal Dinner คือต้องสวมชุดคลุมสีดำ (โอกาสอื่นๆ ที่ใส่ชุดนี้ตอนพิธีแรกเข้า หรือ Matriculation) และจะมีกฎเฉพาะของแต่ละบ้าน เช่น St John’ College ตอนพริ้มเรียนมีกฎห้ามเล่นมือถือ

3. St John's College May Ball

May Ball คืองานเลี้ยงเต้นรำช่วงจบการศึกษา ซึ่ง St John’ กับ Trinity จัดใหญ่สุดๆ จนขึ้นชื่อว่าเป็นปาร์ตี้ที่ดีที่สุด Top 8 ของโลก ตั๋วค่าเข้า £200 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 8,900 บาท และพอเข้าไปจะเหมือนภารกิจ Survival ต้องอยู่ให้ได้ถึงเช้าอีกวัน // ใครอยากชมบรรยากาศและการเชิญชวนร่วมงาน ชมได้ที่เพจ StJohnsCollegeMayBall เลยค่ะ

Traditional Cambridge Punting

Punting (V.) คำภาษาไทยคือ “ถ่อเรือ” คือการที่นักเรียนเอาเรือใน College ออกไป Punt เพื่อชมวิวกัน เพราะเป็นเมืองที่มีแม่น้ำตัดผ่านค่ะ

4. Cambridge Thai Society 

นักเรียนไทยในเคมบริดจ์จะมีการรวมตัวเป็น “Cambridge Thai Society” บางทีมีจัดคอนเสิร์ตให้ชาวต่างชาติมาเที่ยว มีแข่งกีฬา Cambridge v.s. Oxford แข่งกันระหว่างคนไทยด้วยกันเอง ฯลฯ เป็นอะไรที่ลงตัวมากสำหรับเรา เพราะโปรแกรมพริ้มไม่มีคนไทย เราได้เรียนกับเพื่อนต่างชาติในคลาส แล้วออกมา Relax กับคนไทยในเคมบริดจ์

5. Learn hard, party harder!

ตารางแน่นมาก ทั้งปาร์ตี้ของ Cambridge Thai Society, ปาร์ตี้ของแต่ละ College หรือจัดตี้กันเองกับเพื่อน ชาบูทุกวีค! บอร์ดเกมทุกวีค! ชีวิตที่เคมบริดจ์เรียบง่าย สนิทกันเร็ว ไม่เหงาแน่นอน // แต่สำคัญคือต้องบริหารเวลาดีๆ นะคะ

. . . . . . .

และประสบการณ์ทั้งหมดนี้
เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่กล้าฝัน

สุดท้ายนี้อยากฝากถึงน้องๆ หรือใครก็ตามที่ใฝ่ฝันอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยท็อปๆ แต่ไม่กล้าสมัครเพราะไม่มั่นใจ มีคำพูดนึงรุ่นพี่บอกกันเสมอคือ ถ้าไม่ยื่นโอกาสเท่ากับ 0% แต่ถ้ายื่น ถึงจะมีแค่ 0.01% แต่นั่นก็คือโอกาส ดังนั้น Set goal ไว้ก่อนแล้วค่อยๆ ไปทีละขั้น ทำให้เต็มที่ พอมีโอกาสเข้ามาในชีวิตเราจะได้คว้าทันค่ะ