

สวัสดีค่ะชาว Dek-D สำหรับใครที่อยากเรียนต่อ “สิงคโปร์” ประเทศใกล้ไทย ที่รายล้อมด้วยโอกาสและสภาพแวดล้อมสุดอินเตอร์ แถมคุณภาพการศึกษาติดเบอร์ต้นๆ ของโลก วันก่อนเรามีโอกาสชวน “พี่ภูริ-ภูริ วิรการินทร์” ประธานสมาคมนักเรียนไทยในสิงคโปร์ (ATSIS) ปี 2023/24 มาแชร์ประสบการณ์สมัครเรียนและคว้าทุนเต็มจำนวนระดับ ป.ตรี เรียนต่อที่ National University of Singapore (NUS) **ล่าสุด NUS ครองอันดับ 1 ของสิงคโปร์ และอันดับ 8 ของโลก (อ้างอิง QS World University Rankings 2025: Top global universities)
ถึงการเรียนจะยากและต้องใช้เวลากับ Assignments สุดท้าทายแต่ละชิ้น แต่ในเมื่อสภาพแวดล้อมสิงคโปร์และ NUS มีอะไรให้ลองทำลองเข้าร่วมเยอะมาก มีหรือที่พี่ภูริจะพลาด! เขาสามารถบริหารจัดการเวลาเพื่อเรียนให้ได้ผลน่าพอใจ และแบ่งเวลาไปทำงานอดิเรก กิจกรรมมหาวิทยาลัย กิจกรรมชมรม พร้อมควบบทบาทประธานสมาคม ATSIS ที่สเกลงานใหญ่ยิ่ง และทำทุกอย่างออกมาได้ดีอย่างเหลือจะเชื่อสุดๆ!
ถ้าพร้อมแล้ว เราไปเริ่มดูรีวิวการเตรียมตัวก่อนสมัครเรียน (+ทุน) และชีวิตหลังก้าวเข้ามาเป็นนักศึกษา ป.ตรี ที่มหาวิทยาลัยตัวตึงของสิงคโปร์กันเลยค่ะ


Hello, P'Puri!
สวัสดีครับ ชื่อ “ภูริ” นะครับ จบ ม.ปลาย จากโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) ตอนนี้กำลังเรียน ป.ตรี ปี 3 โปรแกรม Double Degree สาขา Computer Science and Business Administration ที่ NUS ก่อนหน้านี้เคยฝึกงานตำแหน่ง Software Engineer Intern ที่บริษัทในสิงคโปร์และไทย ส่วนตอนนี้กำลังฝึกงานในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Crypto Currency ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสครับ


(ขวา) ฝึกงานที่ CVWO, Singapore

รีวิวสมัครทุนรัฐบาลสิงคโปร์
โอกาสคว้าทุน 50~100% พร้อมเบี้ยเลี้ยง
มารู้จักภาพรวมทุนอาเซียนกันก่อน
ASEAN Scholarships เป็นทุนเต็มจำนวนจากรัฐบาลสิงคโปร์ สำหรับนักเรียนกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะ แบ่งกว้างๆ ได้เป็น 2 ประเภทคือ
- ASEAN Scholarships เรียนต่อระดับ Secondary 3 (ประมาณ ม.3-6) และ Pre-University (ประมาณ ม.5-6) ที่สิงคโปร์ [อ่านรีวิว 4 รุ่นพี่ที่ได้ทุนไปเรียนมัธยมที่นี่]
- ASEAN Undergraduate Scholarship ทุนเรียนต่อระดับ ป.ตรี (University-Level) ขั้นตอนจะแตกต่างจากทุนมัธยมในข้อแรกครับ เราสามารถระบุขอรับทุนได้ในใบสมัครเรียน จากนั้นกรรมการจะพิจารณาคัดเลือกว่าเราได้ทุนประเภทไหน ซึ่งกรณีทุนอาเซียนเรียนต่อ ป.ตรี NUS จะมีดังนี้คือ
Tuition Grant ทุนส่วนลดค่าเรียน 50% ถ้าเราแจ้งประสงค์ขอทุนนี้ มหาวิทยาลัยตอบรับจะได้ทุกคนแบบไม่ต้องลุ้น เงื่อนไขคือหลังจบต้องทำงานที่ประเทศสิงคโปร์อย่างน้อย 3 ปี
Tuition Fees ทุนเต็มจำนวน เรียนฟรี 100% + ค่ากินอยู่ *ผมได้ทุนนี้ครับ มหาวิทยาลัยจะคัดเลือกผู้ที่ได้ทุนนี้อีกสเต็ปนึง หลักๆ ผมคิดว่ากลุ่มที่มีโอกาสได้สูง น่าจะเป็นเด็กโอลิมปิก คนที่เคยแข่งงานวิจัย/เวทีวิชาการระดับนานาชาติมาก่อน
แชร์โพรไฟล์ตอนยื่นสมัครทุน
- GPA 4.00 รร.กำเนิดวิทย์ (KVIS) แผนการเรียนที่นี่จะเน้นวิทย์-คณิต และก่อนจบทุกคนต้องทำวิจัยอย่างน้อย 1 เรื่อง เป็นโอกาสดีที่เราจะนำไปยื่นสมัครมหาวิทยาลัยได้ครับ
- IELTS 7.5 (กำหนดขั้นต่ำ 7)
- ผลสอบ SAT Subject Math II, Chemistry, Physics 800/80, AP Calculus BC, Physics C (E/M, Mechanics, Physics 2 5/5)
- ในใบสมัครจะมีให้กรอกส่วน Achievements เราต้องลิสต์ตามจำนวนที่กำหนด แนะนำให้เน้นฝั่งวิชาการเป็นหลักครับ // หนึ่งในตัวอย่างที่ผมกรอกไปคือประสบการณ์ฟอร์มทีมกับเพื่อน KVIS และสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ร่วมประกวดโปรเจ็กต์ Deep Learning เพื่อคัดกรองยารักษามะเร็ง ได้รับรางวัลชนะเลิศในกลุ่ม Computational Biology and Bioinformatics จาก Regeneron ISEF 2021 จากสหรัฐอเมริกา
สมัครที่ไหนไว้เป็นตัวเลือกบ้าง?
ก่อนอื่นต้องบอกว่า Timeline คร่าวๆ ของ NUS คือเปิดรับสมัครประมาณมกราคม ประกาศผู้มีสิทธิ์ได้รับทุน -> สัมภาษณ์ทุนประมาณต้นเดือนกรกฎาคม และใช้เวลานานกว่าจะรู้ผล Offer แนะนำว่าให้สมัครที่อื่นไว้เพื่อความปลอดภัยด้วยนะครับ
ตอนที่เลือกมหาวิทยาลัย ผมเริ่มจากเปิดเช็ก Rankings ศึกษางานวิจัย วิชาที่เปิดสอน และเลือกสมัครมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของสายที่ผมสนใจครับ มีทั้งในสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ญี่ปุ่น จีนสิงคโปร์ แพทย์รามาฯ ทีไทย และหนึ่งในนั้นคือ National University of Singapore (NUS) ที่สิงคโปร์ ถ้าข้อดีในแง่ประเทศคืออยู่ใกล้ไทย เดินทางไป-กลับสะดวก และขึ้นชื่อเสียงเรื่องคุณภาพการศึกษาด้วย

ทำไม NUS ถึงเป็นคำตอบสุดท้าย?
- เป็นมหาวิทยาลัยรัฐ No.1 ของสิงคโปร์ ดังหลายสาขา เช่น ธุรกิจ คอมพิวเตอร์ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมถึงฝั่งมนุษยศาสตร์ และสังคมวิทยา
- คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและจีนแมนดาริน แต่ถ้าพูดภาษาจีนไม่ได้ไม่ต้องกังวล เพราะทั้งตอนเรียนและพูดคุยกันปกติ นักศึกษาและอาจารย์ที่ NUS จะใช้ภาษาอังกฤษ เป็นข้อดีมากตรงที่เราสามารถ Get Along with Others Well (=เข้ากับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น) และธรรมชาติของภาษาอังกฤษก็ทำให้ไม่มีการแบ่งชนชั้น
- บรรยากาศดี มหาวิทยาลัยสวย ทันสมัย เต็มไปด้วยชีวิตชีวาครับ แม้ว่า NUS จะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่ใหญ่มาก แต่ถ้าอยากทำ Research, Projects หรือใดๆ ก็ตาม ที่นี่มีห้องและเครื่องมือทันสมัยให้เราใช้ได้ตลอด
- ตลาดงานในสิงคโปร์แข่งขันกันค่อนข้างเดือด (คิดว่าเหมือนกับประเทศอื่นๆ แหละ) ข้อดีคือรุ่นพี่และศิษย์เก่า NUS จะมีการแชร์ Resources ที่เป็นประโยชน์กับการหางาน รวมถึงมหาวิทยาลัยหรือคณะก็จะมีจัด Career Fair ประมาณเทอมละครั้ง หรือ 2-3 ครั้งต่อปี เป็นโอกาสพบปะกับศิษย์เก่าและบริษัทที่เข้าร่วมงานนั้นครับ
- เน้นผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ มีเงินทุนและโอกาสสำหรับคนอยากทำ Start-up อาจเป็นอาจารย์ที่มาซัปพอร์ต หรือมีเชิญศิษย์เก่าที่เป็น VC ให้เราไป Pitching งานด้วย ทำให้เด็ก NUS บางคนมีธุรกิจของตัวเองตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหา’ลัยด้วยซ้ำ
- ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม การเรียนและวิจัยแบบสหวิชาการ (Interdisciplinary) ทำให้เราได้ประยุกต์สาขาที่เรียนกับแขนงอื่นๆ ด้วย

. . . . . . . . .
เรียนกี่หน่วยกิต ถ้าจะพิชิตวุฒิแต่ละแบบ?
หลักสูตร ป.ตรี กำหนดให้เรียน วิชาเอก 120 หน่วยกิต + วิชาเลือก 40 หน่วยกิต = 160 หน่วยกิต แต่ก็จะวุฒิอีกหลายประเภทครับ เช่น
- Minor Programmes เรียนเพิ่ม 20 หน่วยกิต
- Double Major Programmes (DMP) เรียนเพิ่ม 40 หน่วยกิต
- Double Degree Programmes (DDP) Single Honours เรียนเพิ่ม 60 หน่วยกิต (ป.ตรี 2 ใบ)
- Double Degree Programmes (DDP) Double Honours เรียนเพิ่ม 80 หน่วยกิต (ป.ตรี 2 ใบ)
- Concurrent Degree Programmes (CDP) ป.ตรี ควบ ป.โท
- Double/Concurrent/Joint Degree Programmes กับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ
ส่วนผมเลือกเรียน ป.ตรี Double Degree Programmes (DDP) Double Honours ถ้าจบจะได้วุฒิ ป.ตรี Computer Science และ Business Administration ผมวางแผนไว้ว่าจะจบใน 5 ปี (ทุนเต็มระยะเวลา 5 ปี)
ระบบเกรดที่ NUS มีตั้งแต่ A+, A, A-, B+, B, B-, C+, C, D+, D และ F ค่ามีนจะอยู่ประมาณ B/B+ ครับ หากเป็นวิชาที่คนลงทะเบียนเรียนน้อยกว่า 30 คน เขาจะไม่ใช้ระบบตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม (Bell Curve) และข้อดีอย่างนึงคือ NUS มีเวลาให้เราเตรียมตัวเต็มที่ 1 สัปดาห์ ทั้งก่อนสอบกลางภาคและไฟนอล
จริงๆ ผมว่าเราสามารถเลือกว่าจะให้ Workload เท่าเดิมหรือหนักระดับไหน ขึ้นอยู่กับวุฒิที่ต้องการหลังจบ ทักษะการบริหารเวลา และเป้าหมายของเรา เช่น ถ้าอยากให้วิชาการอยู่ติด Top 5-10% ของคณะ Computing ก็อาจจะต้องทุ่มเวลาในมหาวิทยาลัยเกือบ 100% ไปกับการเรียน หรือบางคนขอแค่รักษามาตรฐานการเรียนให้ดีระดับนึง แล้วแบ่งเวลาไปทำกิจกรรม เข้าชมรม ทำงานอดิเรก หรือเที่ยวก็ได้ครับ


. . . . . . . . .
แต่ละปีของฝั่ง Computer Science
เรียนแบบไหน? วิชาอะไรตราตรึง?
ภาพรวมของ Computer Science (เรียกย่อว่า CS) จะเรียนหนัก งานเยอะ และการบ้านเน้นการลงมือปฏิบัติ (Practical) แต่ละวิชาของ CS จะแบ่งเป็น Lecture เรียนรวมกันห้องใหญ่, Tutorials คลาสเล็กประมาณ 20 คน อาจารย์จะสอนแบบลงรายละเอียดขึ้น และ Lab กำหนดโจทย์หรือคำถามให้เขียนโค้ดในห้อง (มีแค่วิชาส่วนน้อยที่ไม่ครบ 3 ส่วนนี้)
ปี 1 เทอมแรกมีวิชาพื้นฐาน Coding, Computing,วิชาเลข 2-3 ตัว, Computing Ethics, ภาษาอังกฤษ กับวิชาที่เด็ก NUS ทุกคณะต้องเรียน ช่วงปีแรกผมว่าชิลสุด แล้วเทอม 2 ก็จะมีวิชา Coding เพิ่มเข้ามา 2-3 วิชา
ปี 2 เทอมแรกเราต้องเลือกว่าอยาก Specialized หรือเจาะลึกด้านไหน แล้วไปเทกคอร์สกลุ่มนั้นเพิ่มให้ครบตามกำหนด (ประมาณ 3-4 วิชา) ผมเลือกเป็น AI กับ Software Engineering
ปี 3 ตอนให้สัมภาษณ์กับ Dek-D กำลังเรียนปีนี้ครับ เทอมนี้ผมมาฝึกงานที่บริษัท Start-up ด้าน cryptocurrency ที่ปารีส ซึ่งอยู่ภายในโปรแกรม NUS Overseas College ร่วมกับ Université PSL ซึ่งจะเน้นให้เราได้ประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจ Start-up และได้ประสบการณ์การทำงานต่างประเทศไปพร้อมกัน
NUS Overseas College

CS Focus Areas มีดังนี้ครับ
- Algorithms & Theory
- Artificial Intelligence*
- Computer Graphics and Games
- Computer Security
- Database Systems
- Multimedia Information Retrieval
- Networking and Distributed Systems
- Parallel Computing
- Programming Languages
- Software Engineering*
หนึ่งในวิชาที่ชอบคือ Data Structures and Algorithms ลงไปตอนปี 2 เรียนวิธีเก็บข้อมูล การคิดเกี่ยวกับอัลกอริทึม ทักษะที่ต้องใช้ตอนสัมภาษณ์งาน ฯลฯ ได้การบ้าน Programming สัปดาห์ละ 2 ข้อ ซึ่งผมว่า Workload กำลังดีไม่เยอะเกินไป
(ความยากล่ะ?) ช่วงแรกถ้าใครไม่เข้าใจก็จะมึนไปสักพัก แต่พอทันก็จะเรียนสนุกขึ้น (ถ้าเกิดใครเคยเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการมาก็คือประมาณนั้นเลย) แล้วผู้สอนก็เป็นอาจารย์คุมทีมเด็กสิงคโปร์ที่ไปแข่งโอลิมปิกคอมพิวเตอร์ระดับนานาชาติ แล้วถ้าใครชอบแข่งขันนะครับ ชอบแน่! สัดส่วนวิชานี้เป็นคะแนนสอบไปแล้วเกินครึ่ง การสอบภาคปฎิบัติก็มีขึ้น Leaderboard Score ของตัวเองเทียบกับคนอื่นๆ
อีกวิชาคือ Artificial Intelligence (AI) ผมสนใจด้านนี้มาก ตอนเรียนเจอทฤษฎี การเพิ่มประสิทธิภาพของโมเดล Machine Learning แล้วพอถึงเวลาสอบ เขาจะให้ทำขึ้นมาเลย เน้นทำออกมาให้ดีแต่ไม่ต้องใช้เทคนิคแพรวพราวก็ได้

.jpg)
.jpg)
.jpg)
. . . . . . . . .
เรียน ป.ตรี 2 ใบ Com-Sci และธุรกิจ
เด่นคนละอย่าง แตกต่างแต่ลงตัว
อธิบายคร่าวๆ คือฝั่ง Computer Science (CS) จะเป็นการเรียน Technical Skills เหมือนสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา ส่วนความรู้ฝั่ง Business Administration (BA) จะช่วยให้เราภาพรวมตลาดชัดเจนขึ้น
สาขา BA ที่ NUS จุดแข็งคือเรื่องคอนเน็กชัน และเน้นเรียนผ่านกรณีศึกษา (Case Studies) ทำความเข้าใจสูตร วิธีคิด เน้นฝึกวิเคราะห์และตัดสินใจ งานกลุ่มของ BA จะเยอะกว่าฝั่ง CS แต่ส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็นเป็น Presentation และ Discussion เป็นหลัก เช่น วิชา Finance เขาจะให้เราทำโจทย์ก่อนแล้วมาช่วยกันเฉลยในห้อง ส่วนวิชา Economics จะได้ดิสคัสว่าแต่ละคนมีวิธีคิดยังไงบ้าง
เท่าที่เห็นคาแรกเตอร์ของเพื่อน 2 คณะนี้นะครับ ผมรู้สึกเด็ก CS จะมีไอเดียเยอะมากกกก และจริงจังกับการฝึก Hard Skills ของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่เด็ก BA จะโดดเด่นเรื่องการสื่อสาร ความครีเอทีฟ และชอบมองทุกอย่างเป็นภาพรวม

. . . . . . . . .
มาเรียนทั้งที ใช้ชีวิตให้คุ้ม
เพราะ NUS มีอะไรให้ทำเยอะมาก!
ตอนนี้ผมเรียนปี 3 ผ่านการทำงานและกิจกรรมหลายอย่างมากๆ เช่น มีเทอมที่สมัครเป็น “Teaching Assistant” (TA) หรือ “ผู้ช่วยสอน” ในวิชาฝั่ง CS สมมติเป็นคลาสแล็บ TA จะมีหน้าที่รับโจทย์จากอาจารย์มาอธิบายให้นักศึกษาฟัง สรุปเนื้อหา และตอบข้อสงสัย (ถ้ายังไม่ชัวร์ก็ขอกลับไปหาข้อมูลเพิ่มก่อน)
ส่วนตัวผมว่า TA เป็นงานที่สนุก เหมือนมีอะไรให้เราชาเลนจ์เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากการทำเกรดวิชานั้นให้ดี เราได้มาทบทวนและเสริมเข้าใจบางประเด็นที่อาจไม่ได้เจอตอนเรียนเอง แล้วต้องเตรียมเก็งว่าน่าจะเจอนักศึกษาถามอะไรบ้าง
หรืออย่าง “ชมรม” (Clubs) ผมว่าเป็นจุดแข็งนึงเลย เพราะเขาจะ take it serious มากๆ โดยเฉพาะชมรมฝั่งวิชาการ (Academics) หากนักศึกษาชมรมไหน จะต้องส่ง CV เพื่อรับพิจารณาเข้าคัดเลือกเข้าชมรม แล้วหลังจากได้เข้ามาทำ ก็จะได้เจอประสบการณ์ที่สนุก ท้าทาย และมีคุณค่ามากๆ เลยครับ
อย่างชมรมที่ผมเข้าก็จะมีประมาณนี้~
- Google Developer Student Clubs NUS ชมรมที่ทำโปรเจ็กต์จริงจัง หลักๆ คือการสร้างเว็บไซต์ให้กับบริษัทสตาร์ตอัปที่ไม่แสวงหาผลกำไรครับ
- NUS FinTech Society
- NUS Computing Technopreneurship Society







. . . . . . . . .
9. ชวนพี่ภูริ #รีวิวสิงคโปร์ จากประสบการณ์ส่วนตัว
- ประเทศความปลอดภัยสูง ระบบขนส่งสาธารณะดี วางแผนชีวิตได้ไม่มีดีเลย์
- คนสิงคโปร์มีวินัยและความพยายามสูงมาก ทำอะไรเร็ว พูดตรง
- คนไทยอาจต้องปรับตัวเรื่อง Service-mind เพราะการบริการที่ไทยจะซอฟต์กับใจเรามากกว่า
- คนสิงคโปร์ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก อย่างที่บอกไปตอนต้นเลยคือทำให้เราเข้าถึงเพื่อนๆ ได้ง่ายขึ้น // ด้วยความที่มีคนพูดปนกับจีนฮกเกี้ยนหรือแมนดาริน ก็เลยทำให้บางครั้งเราเจอโครงสร้างประโยคแปลกๆ บ้างครับ
- สังคมที่เปิดกว้างทางความคิดโดยไม่มีแบ่งลำดับชั้น เช่น ผมเรียนแล้วทำงาน TA ไปด้วย ถึงเราจะอายุ 20+ และอาจารย์ 40+ แต่อย่างเรามีไอเดียแก้ปัญหาเรื่องระบบคุมสอบ หรืออะไรก็ตาม เราสามารถเสนอได้ เค้าจะรับฟังอย่างเปิดกว้างครับ

. . . . . . . . .
10. แนะนำสมาคมนักเรียนไทยในสิงคโปร์ (ATSIS)
ในสมาคมนักเรียนไทยในสิงคโปร์ (ATSIS) จะแบ่งหน้าที่ออกเป็นหลายฝ่ายครับ สำหรับประธานแต่ละปี เราจะเลือกตั้งกันภายใน ซึ่งผมได้เป็นประธานของปี 2023-24 หลักๆ งานของพวกเราจะมีดังนี้
- จัดกิจกรรมให้นักเรียนไทยในต่างแดน จากกว่า 14 ประเทศได้มารวมตัวเจอกันเป็นครั้งแรก จำนวนมากกว่า 250 คน
- สมาคมเราจะมีไปแชร์ข้อมูลตามโรงเรียนต่างๆ ด้วย เช่น รร.เตรียมอุดม, รร.กำเนิดวิทย์, รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ ฯลฯ
- จัดกิจกรรมให้นักเรียนไทยและรุ่นพี่ที่ทำงานในประเทศสิงคโปร์มาพบปะกัน โดยปกติจะมีงานอีเวนต์ของเรา 6 งานต่อเทอม สามารถเยี่ยมชม Past Events ได้ที่ลิงก์นี้ครับ
- ทำงาน co กับสถานทูตไทยในสิงคโปร์ เช่น งานวันสงกรานต์, เทศกาลดนตรี, Supermarket ไทยในสิงคโปร์ ฯลฯ
สำหรับน้องๆ ที่จะเรียนต่อหรือมหาวิทยาลัยตอบรับเข้าเรียนแล้ว ก็สามารถมาติดตามได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยครับ Networking professional and chill <3
- Instagram: @atsis.th Most Active!
- Website: https://www.atsis.org
- Facebook: ATSIS Association of Thai Students In Singapore
- LinkedIn: Association of Thai Students in Singapore


ในภาพคือตอนพี่ภูริกล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน และขวาคือบรรยากาศภายในงาน






0 ความคิดเห็น