หากใครเปิดระเบียบการรับสมัครของ ม.ธรรมศาสตร์ บ่อย ๆ คงได้เห็นหลักสูตรหรือรายชื่อสาขา ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เยอะมากกกก ชวนให้สงสัยว่า แตกต่างกันยังไง และหลักสูตรอินเตอร์ต่าง ๆ มีความพิเศษยังไง วันนี้จะพา DEK68 ทุกคนมาไขความลับ ให้รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งอ่านจบแล้ว อยากกดสมัครเลยก็ได้นะ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เปิดสอน 3 หลักสูตร ตอบโจทย์ทุกเส้นทางสายวิศวะฯ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE) ไม่ได้มีแค่หลักสูตรภาคภาษาไทยเท่านั้น แต่ยังเปิดสอนหลักสูตรนานาชาติที่ได้ทำความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำในต่างประเทศ เปิดกว้างให้กับน้อง ๆ ชั้น ม.ปลาย ได้เลือกเรียนตามความสนใจ และได้วางแผนอนาคตได้ด้วยตนเองด้วย ซึ่งที่นี่เปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีถึง 3 หลักสูตร 3 สไตล์ด้วยกัน คือ
- 1.หลักสูตรโครงการปกติ จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาไทยตลอด 4 ปี ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มี 6 สาขา ดังนี้
- สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
- สาขาวิศวกรรมเคมี
- สาขาวิศวกรรมเครื่องกล
- สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า
- สาขาวิศวกรรมโยธา
- สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ
- 2.หลักสูตรนานาชาติ TEP-TEPE จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ แบ่งย่อยเป็น 2 หลักสูตร คือ
- Twinning Engineering Programmes (TEP) เป็นหลักสูตร 2+2 ซึ่งหลักสูตรนี้ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี และมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยคู่สัญญาในระดับโลก โดยเรียน 2 ปีแรก ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต น้อง ๆ จะเลือกสาขาได้หลังจากจบปี 1 มี 4 สาขา คือ
- Chemical Engineering
- Civil Engineering
- Electrical Engineering
- Mechanical Engineering
และอีก 2 ปี เลือกเรียนได้จาก 3 มหาวิทยาลัย คือ - The University of Nottingham ประเทศอังกฤษ
- UNSW Sydney ประเทศออสเตรเลีย
- KU Leuven ประเทศเบลเยียม
- Thammasat English Programme of Engineering (TEPE) น้อง ๆ เลือกเรียนได้ 2 แบบในหลักสูตรนี้ คือ
- หลักสูตร 4 ปี ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
- หลักสูตร 5 ปี (ตรีควบโท) แบ่งการเรียนเป็น 3.5 + 1 แบ่งการเรียนดังนี้
- 3.5 ปี เรียนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
- ในเทอมที่ 2 ของปี 4 เรียนที่ The University of Nottingham ประเทศอังกฤษ
- และศึกษาต่อในระดับปริญญาโท คณะวิศวกรรมศาสตร์ The University of Nottingham อีก 1 ปี
- Twinning Engineering Programmes (TEP) เป็นหลักสูตร 2+2 ซึ่งหลักสูตรนี้ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี และมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยคู่สัญญาในระดับโลก โดยเรียน 2 ปีแรก ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต น้อง ๆ จะเลือกสาขาได้หลังจากจบปี 1 มี 4 สาขา คือ
- 3. หลักสูตรนวัตกรรม TU-PINE ผสานความรู้หลากหลายศาสตร์ เปิดสอน 4 สาขา คือ
- สาขาวิศวกรรมซอฟท์แวร์ (Soft-En)
- สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและการจัดการอุตสาหกรรม (iPen)
- สาขาวิศวกรรมโยธาและการบริหารการก่อสร้าง (EBM)
- สาขาวิศวกรรมยานยนต์และระบบอัตโนมัติ (AUTO) (ศึกษาที่ศูนย์พัทยา)
รู้จักภาพรวมของหลักสูตรที่เปิดสอนในวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กันไปแล้ว ในบทความนี้จะเจาะลึก หลักสูตรอินเตอร์ TEP-TEPE ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของคณะ เพราะ
- เรียนอินเตอร์ 100% ใช้ภาษาอังกฤษตลอดหลักสูตร
- โอกาสเรียนต่อเมืองนอก กับมหาวิทยาลัยในความร่วมมือที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ด้วยการเป็น TOP100 มหาวิทยาลัยโลก
- จบแล้วโกอินเตอร์ได้เลย เปิดประตูสู่ตลาดงานระดับสากล ทำงานได้ทั้งในและต่างประเทศ
ไม่ว่าน้อง ๆ จะเลือกหลักสูตร TEP หรือ TEPE ก็มีโอกาสได้สัมผัสกับจุดเด่นทั้ง 3 ข้อนี้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของนักเรียนและผู้ปกครองมาจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยคุณภาพของหลักสูตร และความเข้มแข็งด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว ยังได้ในเรื่องของความเป็นนานาชาติ ด้วยคอนเนคชั่นของมหาวิทยาลัย น้อง ๆ จะได้สัมผัสการเรียนการสอนด้านวิศวกรรมศาสตร์ ที่มีมาตรฐานสูงจากมหาวิทยาลัยในความร่วมมือซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก ซึ่งอยู่ในระดับ TOP100 ของมหาวิทยาลัยโลก แน่นอนว่าต่อยอดการทำงานในต่างประเทศได้ไม่ยากเลย
เจาะลึก! TEP VS TEPE แตกต่างกันยังไง?
หากย้อนกลับไปดูหัวข้อที่แล้ว ทั้ง TEP-TEPE เป็นหลักสูตรนานาชาติทั้งคู่ มีความแตกต่างกันตรงไหนนั้น มาดูกันเลย
หลักสูตร TEP
น้อง ๆ ที่เลือกเรียนหลักสูตร TEP จะเรียนในช่วง 2 ปีแรก ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เปิดสอน 4 สาขา ได้แก่ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า สาขาวิศวกรรมเคมี สาขาวิศวกรรมเครื่องกล และสาขาวิศวกรรมโยธา จากนั้น 2 ปีสุดท้ายเลือกไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในความร่วมมือชั้นนำระดับโลก เมื่อจบการศึกษาแล้วจะ "ได้รับปริญญาตรีถึง 2 ใบ" จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอีก 1 ใบ จากมหาวิทยาลัยในความร่วมมือทั้ง 3 แห่ง ที่น้อง ๆ เลือกไปศึกษาต่อ คือ
1. The University of Nottingham ประเทศอังกฤษ
น้อง ๆ ที่เลือกเรียนหลักสูตร TEP-NU จะได้พบกับบรรยากาศการเรียนการสอนและการทำวิจัยที่ถือได้ว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ตั้งอยู่ที่ The University Park Campus ซึ่งนอกจากจะมีอาณาเขตของมหาวิทยาลัยกว้างใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ และตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียง 1.6 กิโลเมตร ภายในวิทยาเขตยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น อาหารบริหารงานวิชาการ หอพัก หอสมุดขนาดใหญ่ ศูนย์บริการสุขภาพ ตลอดจนสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ พิพิธภัณฑ์ และสนามกอล์ฟ ให้น้อง ๆ ได้ใช้ชีวิตเต็มที่ได้ทุกด้าน
เงื่อนไขของน้อง ๆ ที่จะเลือกเรียนต่อในระดับชั้นปี 3-4 ที่ The University of Nottingham ประเทศอังกฤษ จะต้องได้เกรดเฉลี่ยขั้นต่ำ 2.4 และต้องมีผลคะแนน IELTS overall 6.0 โดยเลือกเรียนได้ 6 สาขา คือ
- Chemical Engineering
- Civil Engineering
- Electrical and Electronic Engineering
- Electronic and Computer Engineering
- Manufacturing and Mechanical Engineering
- Mechanical Engineering
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
2. UNSW Sydney ประเทศออสเตรเลีย
หนึ่งในสมาชิก Group of Eight (Go8) หรือเครือข่ายมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านงานวิจัยของประเทศออสเตรเลีย ได้รับยอมรับจากทั่วโลกเรื่องการเรียนการสอน บุคลากร นวัตกรรม และงานวิจัยที่ได้รับรางวัลมากมาย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเป็นสถาบันที่เปิดสอนด้านวิศวกรรมแขนงต่าง ๆ มากที่สุดและใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรเลียอีกด้วย
เงื่อนไขของน้อง ๆ ที่จะเลือกเรียนต่อในระดับชั้นปี 3-4 ที่ UNSW Sydney จะต้องได้เกรดเฉลี่ยขั้นต่ำ 2.5 และมีผลคะแนน IELTS overall 6.5 โดยเลือกเรียนได้ 10 สาขา คือ
- Chemical Engineering
- Civil Engineering
- Electrical Engineering
- Telecommunications
- Computer Engineering
- Mechanical Engineering
- Mechanical and Manufacturing Engineering
- Aerospace Engineering
- Photovoltaics and Solar Energy Engineering
- Renewable Energy Engineering
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
3. KU Leuven ประเทศเบลเยียม
KU Leuven เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป มีชื่อเสียงเรื่องการวิจัยและการเรียนการสอนทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ โดยน้อง ๆ ที่เลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยนี้ จะได้ไปเรียนที่ KU Leuven – Campus Group T, Faculty of Engineering Technology
เงื่อนไขของน้อง ๆ ที่จะเลือกเรียนต่อในระดับชั้นปี 3-4 ที่ KU Leuven ประเทศเบลเยียม จะต้องได้เกรดเฉลี่ยขั้นต่ำ 3.00 และมีผลคะแนน IELTS overall 6.5 โดยเลือกเรียนได้ 3 สาขา คือ
- Electromechanical Engineering
- Electronics Engineering
- Chemical Engineering
หลักสูตร TEPE
หลักสูตร TEPE หรือมีชื่อเต็มว่า Thammasat English Programmes of Engineering เป็นหลักสูตรที่น้อง ๆ จะได้รับโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ และมีกิจกรรมส่งเสริมให้นักศึกษาได้ฝึกอบรมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อเสริมประสบการณ์การทำงาน โดยน้อง ๆ สามารถเลือกศึกษาแบบปริญญาตรี 4 ปี หรือ ตรีควบโท 5 ปีก็ได้
หลักสูตรแรก เหมาะกับน้อง ๆ ที่อยากใช้เวลาเรียนเพียง 4 ปีในประเทศไทย แต่ได้คุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ เพราะออกแบบการเรียนการสอนที่เน้นความรู้ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย TEPE หลักสูตรนี้ จะประกอบไปด้วย 4 สาขา คือ
- Electrical and Data Engineering
- Civil Engineering and Real Estate Development
- Mechanical Engineering and Industrial Management
- Chemical Engineering and Management
แต่ถ้าใครรู้สึกว่าอยากทุ่มสุดตัว อยากเป็นวิศวกรที่มีวุฒิปริญญาโทด้วย ขอแนะนำ TEPE “Double Degree” หลักสูตรตรีควบโท
หลักสูตร TEPE “Double Degree” ตรีควบโท ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของน้อง ๆ ที่อยากได้ 2 ปริญญาตรีควบโท ซึ่งหลักสูตรนี้จะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจเกี่ยวกับหลักการและการปฏิบัติทางวิศวกรรมไปพร้อมกับมุมมองทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ใช้เวลาเรียน 5 ปี แบ่งเป็นระยะการศึกษาดังนี้
- ระยะการศึกษาที่ 1:
- ศึกษาระดับปริญญาตรี 3.5 ปี ที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
- ศึกษาระดับปริญญาตรี 0.5 ปี (1 เทอม) ที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ The University of Nottingham
- เมื่อจบการศึกษาในระยะที่ 1 นี้ นักศึกษาจะได้รับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE)
- ระยะการศึกษาที่ 2:
- ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ The University of Nottingham เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยเมื่อจบการศึกษาในระยะที่ 2 นี้ นักศึกษาจะได้รับปริญญาโทวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต จาก The University of Nottingham ประเทศอังกฤษ
น้อง ๆ ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tep.engr.tu.ac.th/curriculum/tepe
และรายละเอียด TEPE Double Degree ที่ https://www.tep.engr.tu.ac.th/curriculum/tepe-x-uon
อยากเรียนแล้ว สมัครยังไง?
หลักสูตรไทย
เปิดรับในระบบ TCAS ทุกรอบ
- รอบ 2 Quota : รับสมัคร 3-18 มีนาคม 2568 ใช้เกณฑ์ TGAT/TPAT, A-Level (ขึ้นอยู่กับโครงการ)
- รอบ 3 Admmission : รับสมัคร 6-12 พฤษภาคม 2568 ใช้เกณฑ์ TGAT/TPAT, A-Level
หลักสูตรนานาชาติ TEP-TEPE
- รอบ Inter Portfolio 2 : รับสมัคร 15 กุมภาพันธ์ – 10 มีนาคม 2568 (กำลังเปิดรับสมัคร)
- เลือกยื่นได้ 3 รูปแบบ
- Track 1 : Academic Portfolio in Scientific Fields
- มีแฟ้มสะสมผลงานด้านวิชาการ ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี
- มีผลคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษ ตามที่กำหนด
- มี Statement of Purpose
- Track 2 : High School Academic Record Submission
- มี GPAX ไม่ต่ำกว่า 3.00
- มีผลคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษ ตามที่กำหนด
- มี Statement of Purpose
- Track 3 : Standardized Test Score Submission
- มีผลสอบอื่น ๆ ตามที่หลักสูตร TEP-TEPE กำหนด ได้แก่ SAT / Digital SAT / GSAT, IB , ACT, GCE Level, AP, NCES Level2-3, TPAT3, และ A-Level โดยมีคะแนนขั้นต่ำตามที่กำหนด
- มีผลคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษ ตามที่กำหนด
- มี Statement of Purpose
- Track 1 : Academic Portfolio in Scientific Fields
- เลือกยื่นได้ 3 รูปแบบ
- รอบ Inter Program Admission 1 : รับสมัคร 1-30 เมษายน 2568
- รอบ Inter Program Admission 2 : รับสมัคร 25 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน 2568
สอบถามการรับสมัครและข้อมูลเพิ่มเติม
- รายละเอียดการรับสมัครได้ที่ https://tep.engr.tu.ac.th/admission/application-rounds
- สมัครในระบบออนไลน์ http://www.tseadmission.engr.tu.ac.th/tep-tepe
- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-564-3001 ถึง 9 ต่อ 3256, 3027, 3196 หรือ 087–325-3074, 087-325-2653
เจาะลึกหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กันขนาดนี้แล้ว น้อง ๆ คงได้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้นว่า ม.ธรรมศาสตร์ นั้นมีทางเลือกด้านวิศวกรรมศาสตร์ให้กับเด็กไทยมากมาย ไม่ใช่แค่สาขาวิชาที่หลากหลาย แต่น้อง ๆ ยังสามารถเลือกได้ว่าอยากเรียนหลักสูตรไทย หรือ หลักสูตรนานาชาติ และควบ 2 ปริญญา อย่าง TEP-TEPE หรือ เรียกได้ว่า น้อง ๆ สามารถออกแบบอนาคตได้ด้วยตัวเองเลย แต่ที่แน่ ๆ ไม่ว่าจะเรียนหลักสูตรไหนก็มีโอกาสทำงานได้ทั้งในและต่างประเทศเลยค่ะ
#Thammasat #TU #TSE #วิศวธรรมศาสตร์
#InterPort2 #TEPTEPE #วิศวอินเตอร์มธ
#Dek68 #TCAS #TCAS68 #เด็กซิ่ว
1 ความคิดเห็น