สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่า~ ช่วงนี้ต้องบอกว่า ‘ฝุ่น PM 2.5’ นั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แถมส่งผลเสียต่อสุขภาพมากๆ อีกด้วย และถ้าหากพูดถึงปัญหาเรื่องฝุ่น จริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่ที่บ้านเราเท่านั้นนะคะ แต่หลายประเทศก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันและพยายามหาทางแก้ไขกันอยู่ อย่างเช่น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ที่เคยเผชิญสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 รุนแรงมาก่อน แต่ปัจจุบันก็ได้หาแนวทางในการลดปริมาณฝุ่นลงอย่างเห็นได้ชัด และน่าเอาเป็นต้นแบบมากๆ
วันนี้พี่ลูกหมูเลยมารวบรวม 5 สาขาน่าเรียนในต่างประเทศ ที่จะพาไปเจาะลึกเกี่ยวกับการแก้ไขเรื่องฝุ่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม การวางผังเมือง ชั้นบรรยากาศ รวมถึงสายสุขภาพ (บางสาขาก็มีเปิดสอนที่ไทยด้วยนะ) ตามมาดูกันว่าแต่ละสาขาเรียนเน้นเกี่ยวกับอะไรกันบ้างนะ? รวมถึงมีลิสต์มหาวิทยาลัยดังๆ ในสาขานั้นๆ มาให้ด้วย ใครสนใจอยากเรียนทางด้านนี้ เลื่อนไปอ่านกันได้เลยค่า
1. Environmental Science
มาเริ่มกันที่สาขาแรกกันเลยค่ะ คือสาขา ‘Environmental Science’ หรือ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม หลายคนรู้จักสาขานี้เพราะมีหลายสถาบันในไทยที่เปิดสอน และแน่นอนว่าสาขานี้เกี่ยวข้องกับ PM 2.5 โดยตรงเลย เพราะเรียนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติต่างๆ ทั้งป่าไม้ น้ำ ดิน อากาศ รวมถึงการดูแลรักษา และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ น้องๆ จะได้เรียนเรื่องมลพิษทางอากาศ การปนเปื้อนในธรรมชาติต่างๆ เครื่องมือสำคัญ แถมยังได้เรียนกฎหมายในการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
อย่างที่เราทราบกันว่าฝุ่น PM 2.5 นั้นเป็นมลพิษทางอากาศ สาขานี้ก็จะศึกษาแหล่งกำเนิดของ PM 2.5 ผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อม และต่อคุณภาพของมนุษย์ มีการทำวิจัยเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ และการจัดการมลพิษในสิ่งแวดล้อมทั้งตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพอากาศ โดยการใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดหรือการสร้างแบบจำลองเพื่อดูการกระจายตัวของฝุ่น ตลอดจนแนวทางการแก้ไข เช่น พัฒนาเทคโนโลยีดักจับฝุ่นนั่นเองค่า
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ
- Harvard University (USA) - Environmental Health
- ETH Zurich (Switzerland) - Atmospheric and Climate Science
- University of Cambridge (UK) - Environmental Science
- University of Copenhagen (Denmark) – Environmental Science // มีการวิจัยด้านทรัพยากรธรรมชาติและนโยบายสิ่งแวดล้อม
- University of Queensland (Australia)– Environmental Science // มีการวิจัยด้านมลพิษและพลังงานทางเลือก
...........
2. Environmental Engineering
นอกจากด้านวิทยาศาสตร์แล้ว เทคโนโลยีก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยปราบปรามมลพิษทางอากาศได้ และคณะที่เกี่ยวข้องคงหนีไม่พ้น ‘Environmental Engineering’ หรือ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมนั่นเอง ซึ่งเป็นสาขาวิศวกรรมที่ประยุกต์ใช้ความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และเทคโนโลยี เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม วางแผน และออกแบบ หรือควบคุมมลพิษ เช่น มลพิษทางอากาศ (Air Pollution Control), น้ำเสีย (Wastewater Treatment), ขยะ (Solid Waste Management) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Mitigation) และมุ่งเน้นที่การออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีในการลดมลพิษนั่นเองค่ะ
แน่นอนว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็ต้องการแนวทางแก้ไขจากวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน ทั้งการออกแบบเครื่องมือ หรือ เทคโนโลยีต่างๆ ที่จะช่วยวิเคราะห์และดักจับฝุ่น เช่น การออกแบบเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ (Air Quality Monitoring Systems) หรือ การใช้ Remote Sensing & GIS ในการวิเคราะห์แหล่งกำเนิด PM 2.5 รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Electrostatic Precipitators หรือ ESP ( ใช้ไฟฟ้าสถิตดักจับฝุ่น), Baghouse Filters (ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อกรองฝุ่นละออง) และ Cyclone Separators (เครื่องมือคัดแยกฝุ่น) ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ นี้ เราสามารถนำมาปรับใช้ในการลด PM 2.5 ให้เบาบางลงได้
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ
- Stanford University (USA) - Department of Civil & Environmental Engineering // มีการวิจัยเกี่ยวกับ คุณภาพอากาศและพลังงานสะอาด และมีโครงการพัฒนา Air Pollution Control Technologies
- Imperial College London (UK) – Department of Civil & Environmental Engineering // มีงานวิจัยเกี่ยวกับ PM 2.5 และมลพิษทางอากาศในเมือง และที่นี่ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘Smart Air Quality Sensors’
Proto Credit: Imperial College London (Website)
- Technical University of Munich (TUM) (Germany) // มีหลักสูตรเกี่ยวกับ การพัฒนาเทคโนโลยีกรองฝุ่น PM 2.5
- The University of Tokyo (Japan) – Department of Biological and Environmental Engineering // มีการศึกษาเรื่อง Industrial Air Pollution & PM 2.5 Control
...........
3. Atmospheric Science
ลองมาดูสาขาแบบเจาะลึกเน้นๆ กันบ้าง นั่นก็คือ ‘Atmospheric Science’ หรือวิทยาศาสตร์ชั้นบรรยากาศ หลักสูตรนี้จะเน้นศึกษาการทำงานของบรรยากาศและปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศ รวมถึงการใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ดาวเทียมและ AI เพื่อวิเคราะห์สภาพอากาศ // สรุปง่ายๆ ก็คือ สาขานี้จะเรียนแนวๆ อุตุนิยมวิยา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ การตรวจวัดและวิเคราะห์ข้อมูลบรรยากาศ นั่นเองค่า
เราสามารถศึกษาและวิเคราะห์ฝุ่น PM 2.5 ได้ผ่านวิทยาศาสตร์บรรยากาศในหลายมิติ เช่น การเคลื่อนที่ของ PM 2.5 ตามกระแสลมและสภาพภูมิอากาศ หรืออย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่ามีการใช้ดาวเทียมเพื่อวิเคราะห์สภาพอากาศ จึงมีการใช้ดาวเทียมตรวจจับระดับ PM 2.5 หรือ ใช้ AI และ Machine Learning คาดการณ์ระดับ PM 2.5 เพื่อวางแผนนโยบายควบคุมมลพิษและแจ้งเตือนภัยนั่นเองค่า เจ๋งสุดๆ
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ
- University of California, Berkeley (UC Berkeley) – Atmospheric Science Program // ศึกษาผลกระทบของ PM 2.5 และมลพิษจากยานพาหนะ โดยการใช้ Satellite Remote Sensing ตรวจจับมลพิษทางอากาศ
- University of Melbourne (Australia) –School Geography, Earth and Atmospheric Sciences // วิจัยเกี่ยวกับ PM 2.5 และการพยากรณ์คุณภาพอากาศ
- National University of Singapore - NUS (Singapore) – Department of Geography // สิงคโปร์เป็นประเทศที่เคยมีปัญหา PM. 2.5 หนักหน่วงมาก่อน เค้าได้ทำศึกษาผลกระทบของหมอกควันจากอินโดนีเซียด้วยนะคะ (น่าสนใจมาก)
...........
4. Public Health
เปลี่ยนโหมดมาที่สายสุขภาพกันบ้างค่ะ โดยสาขา ‘Public Health’ หรือ สาธารณสุขศาสตร์ ภาพรวมคือ เรียนเกี่ยวกับการดูแลและจัดการสุขภาพของประชาชน โดยเน้นการป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ และพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงนั่นเองค่า
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า ปัญหา PM 2.5 นั้นเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลกเลย เพราะว่าเจ้าฝุ่นจิ๋วนี้สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดทำให้เกิดอันตรายต่างๆ กับร่างกายได้ (เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ, โรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็งปอด) ซึ่งสาขานี้ก็จะมีบทบาทมากเลยล่ะค่ะ เพราะจะได้ศึกษา วิเคราะห์ และพัฒนานโยบาย เพื่อป้องกันและลดผลกระทบของมลพิษทางอากาศที่มีต่อสุขภาพของประชาชน โดยจะศึกษาผลกระทบของ PM 2.5 (Epidemiology & Environmental Health) และการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศ รวมไปถึงการจัดการด้านสาธารณสุขเมื่อเกิดวิกฤตฝุ่น PM 2.5 เช่น ตั้งศูนย์ฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีโรคเรื้อรัง และ พัฒนาแผนปฏิบัติการลดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เป็นต้น
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ
- Johns Hopkins University (USA) - Environmental Health // ที่นี่เป็นหนึ่งในโรงเรียน Public Health อันดับต้นๆ ของโลก และมีการวิจัยเกี่ยวกับการป้องกันมลพิษทางอากาศ และโรคทางเดินหายใจจาก PM 2.5
- University of Oxford (UK) – Nuffield Department of Population Health // มีหลักสูตร ‘Global Health Science & Epidemiology’ ที่เน้นวิจัยผลกระทบของมลพิษต่อสุขภาพ
- University of Sydney (Australia) - Public Health and Air Quality
- Karolinska Institute (Sweden) - Public Health Sciences
...........
5. Urban Planning and Environmental Policy
ขอปิดท้ายด้วยสาขาที่น่าเรียนมากๆ อย่าง ‘Urban Planning and Environmental Policy’ หรือการวางผังเมือง และการออกนโยบายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการรวมองค์ความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรม สิ่งแวดล้อม นโยบายสาธารณะ กฎหมาย และเศรษฐศาสตร์เมือง เพื่อการออกแบบเมืองให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบขนส่ง พื้นที่สีเขียว และคุณภาพอากาศ
สาขานี้นอกจากมีส่วนช่วยในการพัฒนาผังเมืองแล้ว ยังช่วยพัฒนาแนวทางในการลดมลพิษต่างๆ อีกด้วย เช่น การสร้างพื้นที่สีเขียว หรือทำเมืองให้เป็น Smart City เพื่อลดฝุ่นละออง ลดขยะและการเผาขยะ การพัฒนาระบบขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงกำหนดกฎหมายหรือมาตรการจำกัดการปล่อยมลพิษต่างๆ เช่น การขึ้นรถสาธารณะ ฟรี 7 วัน เป็นต้น เรียกว่าเป็นอีกศาสตร์ที่มีส่วนช่วยแก้ไขปัญหา PM 2.5 โดยตรงเลยค่ะ
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ
- Massachusetts Institute of Technology (MIT) (USA) - Urban Studies and Planning // ที่นี่มีหลักสูตร Master in City Planning (MCP) ศึกษา Sustainable Urban Development & Smart Cities และมีการวิจัยเกี่ยวกับ การลดมลพิษในเมืองใหญ่ เช่น New York, Los Angeles เป็นต้น
- University College London (UCL) (UK) – The Bartlett School of Planning // มีหลักสูตร MSc Sustainable Urbanism และมีการวิจัยนโยบายสิ่งแวดล้อมในยุโรปและผลกระทบของมลพิษ PM 2.5
- นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรปริญญาโทจากเยอรมนีที่เข้าร่วมทุน DAAD (EPOS) ด้วยนะคะ เช็กรายชื่อสาขา คลิกที่นี่
แต่ละสาขานี่น่าเรียนทั้งนั้นเนอะ จะเห็นได้ว่าต่างประเทศให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นและสิ่งแวดล้อมมากๆ เห็นได้จากหลายมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนทางด้านนี้โดยเฉพาะเลย ยังไงน้องๆ ช่วงนี้ก็อย่าลืมดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกไปไหนมาไหนด้วยนะคะ ซื้อเครื่องฟอกอากาศติดบ้านไว้ก็ดีค่า แล้วอย่าลืมดูแลตัวเองและหมั่นเช็กสุขภาพกันด้วยน้า~
...........
สำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัคร
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D"
ติดตามทุนต่อนอกง่ายๆ กับ Dek-D
- Website: www.dek-d.com/studyabroad
- X: @tornokandcourse
- IG: @tornokandcourse
- Facebook: Study Abroad เรียนต่อนอก by Dek-D
- Facebook: Study Guide ไปเรียนต่อนอกกันเถอะ
- TikTok: @tornokandcourse
0 ความคิดเห็น