‘พี่ฝน’ เล่าชีวิตเด็กทุน ก.พ. เรียนต่อ ‘KTH’ มหาลัยอันดับ 1 สวีเดน เด่นวิจัยแถมเป็นมหาลัยสายซัปพอร์ตสุดตัว!

สวัสดีค่าชาว Dek-D ถ้าพูดถึงประเทศในแถบยุโรปที่เด่นเรื่องคุณภาพชีวิตและเน้นการคิดค้นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อโลกมากๆ เชื่อว่า “สวีเดน” คงเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึงค่ะ วันนี้จะพาไปรู้จัก “พี่ฝน” คนไทยที่ไปเรียนต่อ ป.โท ด้านวัสดุศาสตร์ที่ สถาบัน KTH Royal Institute of Technology ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งของสวีเดนด้วย

การไปเรียนต่อสาขาที่ใช่ในประเทศที่โดดเด่นด้านนี้จะเป็นยังไงบ้าง เรียนหนักไหม ชีวิตนอกคลาสเป็นยังไง พิจารณาปัจจัยอะไรบ้างก่อนตัดสินใจไปเรียนด้วยทุนรัฐบาลไทย // ตามไปเริ่มกันเลยค่ะ!

โอกาสปรึกษาฟรีกับ 24 รุ่นพี่ทุนดีกรีสุดปัง
พบกัน 26-27 เม.ย. 68 ที่ไบเทคบางนา

อ่านจบลิสต์ข้อสงสัยไว้ แล้วเตรียมมาพูดคุยปรึกษาแบบ 1:1 กับ "พี่ฝน" ตัวจริงที่งาน Dek-D's Study Abroad Fair นะคะ บอกเลยว่ารอบนี้เราได้รับเกียรติจาก 24 รุ่นพี่เด็กนอกหลายทุน หลายประเทศ ได้แก่ ทุนรัฐบาลไทย, จีน, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, อิตาลี,  ฮังการี, สวีเดน, Franco-Thai, Fulbright TGS, Chevening, Erasmus+, ทุนตรงจากมหาวิทยาลัยและบริษัทเอกชน (แถมมีบูทจาก DAAD ของรัฐบาลเยอรมนีด้วย) ขนทัพมาพร้อมไฮไลต์อีกแน่นงาน

 

Note: พบพี่ฝนได้วันอาทิตย์

 

KTH Royal Institute of Technology
KTH Royal Institute of Technology
Foto: Fredrik Persson 

1

เส้นทางเด็กทุน ก.พ.
ข้อดีและเงื่อนไขที่ต้องคำนึง

ฝนชอบวิชาเคมีมาตั้งแต่ ม.ปลายแล้วค่ะ ต่อมาก็เลือกเข้าเรียนคณะวิทยาศาสตร์ เอกเคมีที่ ม.มหิดล ได้ทุนศรีตรังทองเรียนฟรี 4 ปี หลังจบทำงานสักระยะนึงก่อนคิดเรียนต่อ ป.โท ตอนที่คิดเรื่องเรียนต่อต่างประเทศ ก็มองว่าเป็นผลดีเรื่องภาษาและคอนเน็กชัน และที่สำคัญคือได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แล้วยังมีโอกาสไปดูว่าตอนนี้นวัตกรรมที่ต่างประเทศเป็นยังไงบ้าง

ตอนแรกตั้งใจจะประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพราะจะปรับตัวได้ง่ายกว่า แต่อย่างทุนของสาขาและมหาวิทยาลัยในอังกฤษที่สนใจก็มีจำกัด เลยเปลี่ยนมาดูทุนรัฐบาลไทย (ก.พ.) ตามความต้องการของหน่วยงานภาครัฐแทนค่ะ ข้อดีคือครอบคลุมทุกอย่าง ทั้งค่าเรียน ค่ากินอยู่ ค่าครองชีพ ค่าสอบวัดระดับภาษาอังกฤษสำหรับยื่นทุน และค่าตั๋วเครื่องบิน แต่เงื่อนไขที่ต้องพิจารณาคือเราจะต้องกลับมาใช้ทุนในหน่วยงานตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนตัวเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเลย เพราะตั้งใจจะกลับมาทำงานที่ไทยอยู่แล้ว

ทุกปีทุน ก.พ. จะมีลิสต์สาขาและหน่วยงานที่เปิดรับนักเรียนทุน ฝนก็ดูว่ามีสาขาไหนที่ตรงกับความสนใจของตนเองบ้าง จนมาเจอกับสาขา ‘Paper Technology’ ซึ่งกำหนดให้เรียนในโซนยุโรป อเมริกา หรือออสเตรเลีย ซึ่งจบมาจะต้องบรรจุในกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวง อว. อย่างน้อย 2 เท่าของระยะเวลาที่ไปเรียน

คอนเซ็ปต์นี้จะเน้นเรียนเกี่ยวกับเส้นใยและเทคโนโลยีทางด้านกระดาษ เราอาจจะเสิร์ชหาไม่เจอชื่อนี้ตรงๆ แต่จะเป็นแขนงนึงของ Materials Science สุดท้ายฝนจึงเลือกเรียนสาขา Macromolecular Materials ที่ KTH Royal Institute of Technology ประเทศสวีเดน

เตรียมสมัครทุนยังไงบ้าง?

เราสามารถสมัครทุนได้เลย แต่การจะได้ทุนต้องสอบด้วยค่ะ ข้อสอบคล้าย ก.พ. ภาค ก. แต่ยากกว่าการสอบบรรจุข้าราชการทั่วไป มีวัดทั้งความสามารถทั่วไป, วิชาภาษาอังกฤษ และภาษาไทย* (ต้องอ่านเยอะอ่านไวมากกก สมมติมี 50 ข้อ ก็อ่านไป 50 บทความ ซึ่งบทความนึงยาวประมาณครึ่งหน้า A4 ได้) ตอนนั้นฝนเน้นทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ซื้อจาก HiEd และดูข้อสอบออนไลน์เพื่อให้เจอโจทย์หลายๆ แบบค่ะ

ฝนจบคณะวิทย์ที่ ม.มหิดล ด้วยเกรด 2.94 ถ้าจะยื่นเข้าบริษัทใหญ่ๆ คงยากมาก เพราะแทบทุกที่รับเกรด 3 ขึ้นไปสำหรับการเข้าทำงาน แต่ขอเป็นแรงบันดาลใจว่าเกรดเท่านี้ก็ยื่นเข้า KTH ได้นะ เพราะทางมหาวิทยาลัยจะดูองค์ประกอบอื่นๆ เช่น กิจกรรมที่ทำระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งบางสาขาก็อยากได้คนที่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน อย่างสวีเดน ช่วงหลังๆจะเน้นเรื่องการ contribute อะไรให้โลกได้ ซึ่งฝนเองเป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่ ม.ปลาย เคยทำงานในสโมสรนักศึกษา, ค่ายอาสาสอนหนังสือเด็ก, ค่ายรับน้อง, ชมรมบาสของคณะ ฯลฯ น่าจะพิสูจน์ได้ว่าเรามีแพสชันกับการทำเพื่อส่วนรวม แล้วยังสอดคล้องกับทุน ก.พ. ที่ต้องการหาคนเรียนเพื่อกลับมาสร้าง impact ให้กับสังคมด้วยค่ะ

2

เรียนต่อศาสตร์ที่ศึกษาวัสดุ
ศึกษาวิจัยวิธีช่วยโลก

ถ้าพูดถึง ‘Materials Science’ (=วัสดุศาสตร์) คำนี้กว้างมากค่ะ ครอบคลุมทั้งเคมี ฟิสิกส์ และวิศวกรรม แต่ถ้าสโคปลงมาเป็น ‘Macromolecular Materials’ จะเน้นวัสดุที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เช่น พลาสติก ยาง เซลลูโลส* (เซลลูโลสคือโครงสร้างที่เป็นส่วนประกอบของกระดาษ ทิชชู่ เชือกบางชนิด ฯลฯ) เรียนเพื่อทำความเข้าใจคุณสมบัติของวัสดุแต่ละอย่างว่าแข็งแรงและยืดหยุ่นแค่ไหน ทนความร้อนได้ไหม แล้วค้นหาวิธีพัฒนาวัสดุนั้น เช่น การทำเส้นใยที่แข็งแรงขึ้น หรือการทำให้วัสดุทนความร้อนได้มากขึ้น

ถ้าน้องๆ สนใจแนะนำให้เตรียมพื้นฐานเคมีแน่นๆ เป็นหลัก ตั้งแต่เรื่องตารางธาตุและพันธะเคมี เคมีอินทรีย์ (Organic Chemistry) การทำปฏิกิริยาต่างๆ และจะมีผสมกับพื้นฐานฟิสิกส์บางเรื่องที่ได้ใช้แต่ไม่ลงลึกเท่าเคมี เช่น เรื่องแรงและการเปลี่ยนรูป (Force & Deformation) เพื่อให้เข้าใจว่าวัสดุจะทนแรงกด กระแทก หรือยืดหยุ่นได้แค่ไหน แล้วทำให้โครงสร้างวัสดุมันแตกหรือเปล่า เป็นต้น 

ตัวอย่างวิชาที่ลง

  • วิชา Polymeric Materials เรียนเกี่ยวกับวัสดุที่มาจาก โพลิเมอร์ เช่น พลาสติก, PVC, หนังเทียม ฯลฯ ข้อสอบไม่ใช่แค่ท่องจำ แต่ให้เราดีไซน์วัสดุใหม่ขึ้นมาเอง
     
  • วิชา Ideation ได้ฝึกคิดว่าจะเอางานวิจัยไปต่อยอดเชิงธุรกิจยังไง เช่น ถ้ามีงานวิจัยที่น่าสนใจ จะทำให้กลายเป็นสินค้าในตลาดได้ยังไง // ถือเป็นเรื่องที่ใหม่ถ้าย้อนไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน แต่ทุกวันนี้มหาวิทยาลัยในไทยเริ่มมีเปิดสอนกันมากขึ้นแล้ว
     
  • วิชา Risk Management สอนวิเคราะห์ความเสี่ยงของการออกสินค้าใหม่ เช่น อุตสาหกรรมรับความเสี่ยงได้แค่ไหนก่อนที่ผลิตภัณฑ์นั้นๆ จะออกสู่ตลาด

โพรเจ็กต์จบมี 2 แบบ

  1. ทำร่วมกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย อาจารย์มักจะได้ทุนจากเอกชนอีกที บ้างก็เป็นโพรเจ็กต์ของผลิตภัณฑ์ที่เตรียมออกสู่ตลาดแล้ว บ้างก็เป็นวัสดุตัวใหม่ที่กำลังพัฒนาคุณสมบัติ **ฝนเลือกรูปแบบนี้และทำเกี่ยวกับวัสดุธรรมชาติค่ะ เพราะตอนก่อนมามีคุยกับรุ่นพี่ในหน่วยงานต้นสังกัดที่ฝนจะได้เข้าไปทำงานว่าตอนนี้แนวโน้มวิจัยไปทางไหน บังเอิญเรื่องที่ฝนสนใจตรงกับโพรเจ็กต์ที่องค์กรในไทยอยากขับเคลื่อนพอดี
     
  2. ทำร่วมกับบริษัทเอกชน บริษัทจะจ้างเราเป็นพนักงานจริงๆ ส่วนใหญ่เป็นโพรเจ็กต์ที่อยู่ขั้นเตรียมพัฒนาออกสู่ตลาดค่ะ
เว็บหลักสูตร ป.โท Macro. Materials

3
บรรยากาศการเรียนประมาณนี้เลย~

  • ด้วยความที่เป็นระดับ ป.โท ต้องอ่านเองเยอะ แต่อาจารย์ช่วยชี้เป้าให้ว่าควรหาข้อมูลจากไหน มีทั้งเลกเชอร์ + แล็บ + วิชาโพรเจ็กต์ที่ให้ทำงานกลุ่ม เช่น ศึกษางานวิจัยแล้วมานำเสนอ หรือเอาปัญหาจริงจากแล็บมาให้แก้กัน ส่วนวิชาเลกเชอร์ก่อนเรียน อาจารย์จะอัปโหลดหนังสือเรียน + บทความให้อ่านล่วงหน้า ถ้าอ่านได้ก็อ่านดีกว่า ตามทันแบบไม่ต้องจดยิกๆ

    จริงๆ สาขานี้ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน แต่ถ้าเคยทำงานในอุตสาหกรรมหรืออย่างฝนที่เคยทำงานในห้องแล็บ ก็จะง่ายขึ้นเวลาดิสคัสกับเพื่อนๆ ในคลาส
     
  • นักศึกษามาจากทั่วโลก ทั้งอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน อาเซียน แอฟริกา ฯลฯ  ในคลาสเรียนทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ 100% ถึงมีคนสวีเดนก็ไม่พูดภาษาสวีดิชเลยเพื่อให้เกียรติทุกคนเท่าเทียมกัน // สาขานี้กำหนด IELTS ขั้นต่ำ 6.5 ช่วงแรก struggle หน่อย เวลาจะพูดต้องคิดนาน แต่อยู่ไป 1-2 เดือนก็อยู่ตัว
     
  • ตารางสอบที่นี่มีตั้งแต่ 4~6 ชั่วโมง แต่เป็นบรรยากาศชิลๆ เราลุกไปเข้าห้องน้ำตอนไหนก็ได้ พกอาหาร น้ำ ขนมเข้าไปได้เลย (ชิลเกิ๊นนน) แต่เรื่องความยากก็แล้วแต่วิชาเลยค่ะ มีทั้งเน้นท่องจำและวิเคราะห์ เช่น วิชาชื่อ Paper Making Process ก็ต้องจำให้ได้หมดว่าในการผลิตกระดาษแผ่นนึง มีกระบวนการและเครื่องมืออะไรบ้าง
     
  • ที่สวีเดนติด F ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ต้องลงเรียนใหม่ ทาง KTH ประกาศวัน re-exam ไว้ล่วงหน้า เพราะเขารู้ว่าทุกวิชามีคนตกอยู่แล้ว หรือถ้าสอบผ่านแล้วแต่ไม่พอใจ อยากแก้เกรด ก็สมัครสอบใหม่ได้ ถ้าคะแนนดีขึ้นก็ใช้เกรดใหม่สูงสุด A ได้เลย // ที่นี่ใส่ใจเรื่อง mental health มากๆ ด้วยนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไร สามารถเข้าไปคุยกับอาจารย์ได้เลย 
     
  • นอกคลาสมีกิจกรรมแนววิชาการให้เข้าร่วม เช่น ปีแรกฝนได้เข้าร่วม Fiberteknologerna ซึ่งรวมตัวคนที่สนใจเรื่อง Natural Product, Cellulose และ Fiber มาเรียนรู้ด้วยกัน มีจัดทริปพาไปดูการทำงานจริงในอุตสาหกรรม เช่น พาไปดูโรงงานและบริษัทอุตสาหกรรมที่ทำเกี่ยวกับ ไฟเบอร์โดยเฉพาะ ไปดูโรงงานการผลิตไฟเบอร์ต่างๆ ตอนนั้นมีโอกาสลองขึ้นรถเครนที่ใช้ตัดต้นไม้เพื่อนำมาทำกระดาษ ได้ลองขึ้นกระดาษเองเป็นแผ่นเล็กๆ ด้วยค่ะ

4
เทรนด์ความยั่งยืนที่กำลังมาแรง
สาขานี้มีบทบาทยังไงบ้าง?

ตอนนี้ทั่วโลกให้ความสนใจกับเรื่องความยั่งยืน สาขา Macromolecular Materials ก็มีบทบาทในการคิดค้นวัสดุใหม่หรือพัฒนาสิ่งที่ใช้กันอยู่ตามปกติ ให้มีคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และลดผลกระทบที่จะเกิดกับโลกของเรา เช่น

  • พลาสติกทั่วไปใช้เวลาย่อยสลายเป็นร้อยปี แต่ปัจจุบันมีงานวิจัยที่พัฒนาวัสดุให้ย่อยสลายใน 6 เดือน เช่น การใช้เส้นใยธรรมชาติ (กัญชง) มาใช้แทนพลาสติก
  • การพัฒนาพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ดีขึ้น เช่น จาน-ชามกระดาษ ซึ่งปกติจะย่อยสลายได้เร็วแต่เปียกน้ำไม่ได้ จึงต้องมีสารเคลือบกันน้ำ เราก็มาดูว่าสารเคลือบนั้นจะย่อยสลายได้ดีแค่ไหน เป็นต้น
  • การหาแนวทางรีไซเคิล (Recycle) ที่คงคุณสมบัติของวัสดุเดิมไว้ให้มากที่สุด และเพิ่มจำนวนครั้งที่สามารถรีไซเคิล
  • คิดค้นการใช้พลังงานสะอาด หรือวัสดุที่ปล่อย CO₂ ต่ำ เพื่อชะลอภาวะโลกร้อน
KTH
KTH
โครงสร้างวิชาเรียน

5

KTH Experiences
ชีวิตนักศึกษาและประสบการณ์ในรั้ว Top U.

แล็บดี มีระบบซัปพอร์ตพร้อม 

จากที่สัมผัสมาด้วยตัวเอง รู้สึก KTH เตรียมระบบช่วยเหลือนักศึกษาไว้พร้อมทั้งเรื่องเรียน สุขภาพ และการหางาน อย่างเช่น มีจัดงานสัมมนาของมหาวิทยาลัยที่เชิญรุ่นพี่ที่จบออกไปทำงานในอุตสาหกรรมจริงๆ มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง มีเวิร์กช็อปเขียนเรซูเม่ เพิ่มความโดดเด่นตอนสมัครงาน

เรื่องวิชาการมีชื่อเสียงด้านเรื่องวิศวกรรมและเทคโนโลยี มีทรัพยากรและงบพร้อมอัดฉีดด้านวิจัย เพราะเขามองว่าเป็นรากฐานสำคัญของนวัตกรรม ได้รับงบสนับสนุนเยอะ + ถ้าบริษัทเอกชนเห็นศักยภาพของงานวิจัยนั้น ก็อยากร่วมสนับสนุนเงินทุนด้วย ต้องบอกว่าระบบซัปพอร์ตจริงจังเพื่อให้งานวิจัยที่ทำเกิดขึ้นได้จริง ถ้าเกิดนักศึกษาต้องการใช้เครื่องมือที่ไม่มีในแล็บ อาจารย์กับทางคณะก็สามารถจัดหาให้ใช้ได้ 

สวีเดนเองก็คือประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องนวัตกรรม (Innovaton) และวัสดุ (Material) แล้วความน่าสนใจคือไม่ได้เน้นแค่ทำวิจัยในห้องแล็บ แต่พยายามเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนำวิจัยไปต่อยอดเป็นธุรกิจจริง

สังคมนานาชาติ & กิจกรรมหลากหลาย

ถ้าอยากหาประเทศที่นักเรียนไทยไม่เยอะมาก สวีเดนน่าจะตอบโจทย์ ที่นีมีเพื่อนต่างชาติเยอะและจะทำความรู้จักกันได้ง่ายถ้าเทียบกับคนสวีดิชที่เขาจะมีกำแพงมากกว่า

ก่อนเปิดเทอม ป.โท ที่มหาวิทยาลัยมีคอร์สภาษาอังกฤษฟรี ฝนก็ลงเรียนด้วย ทำให้ได้เจอเพื่อนใหม่จากหลายประเทศ แถมคาบสุดท้ายของคลาส อาจารย์ยังให้ทุกคนเอาอาหารจากประเทศตัวเองมาแชร์กันด้วย หรือแม้แต่ห้องสมุดมักจะมีเทศกาลหรืออีเวนต์ต่างๆ นักศึกษาเข้าร่วมได้ เช่น อาจเป็นเทศกาลหนังสือหรือหรือกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมค่ะ

แนะนำว่าเด็กอินเตอร์ควรไปเข้าชมรมเพราะทำให้เข้าสังคมง่ายขึ้น อย่างตอนนั้นฝนเข้าชมรมละครเวที เข้าไปทำฝ่ายที่ดูแลอาหารให้ทีมงานทุกฝ่าย (มีข้อจำกัดคือแสดงเป็นภาษาสวีดิช เราเลยต้องมาอยู่ฝ่ายสวัสดิการแทน) ถือเป็นประสบการณ์ที่ชาเลนจ์เพราะเข้าไปถึงเป็นเด็กอินเตอร์คนเดียวท่ามกลางคนสวีดิช ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะค่ะ 

และอีกชมรมที่ไปเข้าคือ “ชมรมหนังสือพิมพ์” ปีนึงจะออก 4 ฉบับ แต่ละฉบับมีธีม ต้องเขียนเนื้อหาให้สอดคล้องกัน มีแบ่งงานเป็นกองบรรณาธิการและทีมพิสูจน์อักษรค่ะ

สายตี้ไม่ต้องกลัวเบื่อ ทุกคณะมีผับของตัวเอง!

ทุกคณะที่ KTH มีผับเป็นของตัวเองและเปิดทุกเย็นวันศุกร์ แต่การจะเข้าผับจะต้องเป็นนักศึกษาของคณะนั้นๆ เพราะต้องใช้คีย์การ์ดแตะก่อนเข้าผับ เป็นการส่งเสริมให้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ แต่นอกจากนั้นก็มี “ผับกลาง” ที่นักศึกษาจากทุกคณะเข้าได้ ไม่ต้องมีคีย์การ์ด ชวนเพื่อนต่างมหาวิทยาลัยมาก็ได้ ส่วนใหญ่เป็นแนว Hangout, คุยกัน, กินขนม, สร้างคอนเน็กชัน แต่ก็มีบางที่ที่เป็นผับสายแดนซ์จริงจัง ผับที่มีไว้เพื่อ “เต้น” คือเข้าไปแทบจะเดินไม่ได้เลย (คนเต็มไปหม้ดดดด)

ตามไปทัวร์ KTH แบบ 360° กัน!

6

เตรียมรับมือกับบางเรื่อง
คนไทยบางคนอาจไม่ชินสิ่งนี้!

สวีเดนเป็นประเทศที่พื้นที่สีเขียวเยอะและแทบไม่มีฝุ่นเลย 

เดินออกจากหอก็เจอป่า แบ่งตารางชีวิตแต่ละวันได้ลงตัว เช้ามาไปเรียน บ่ายเข้าแล็บ/ทำโปรเจ็กต์ ตกเย็นเดินเล่น 4-5 กิโลเมตรและปั่นจักรยานไปเที่ยวในเมืองได้ตลอด

หน้าหนาวพระอาทิตย์จะตกเร็วมาก

อาจตกตั้งแต่บ่าย 3 บรรยากาศหม่นๆ ท้องฟ้าสีขาวดำทะมึนทั้งวัน กว่าฟ้าจะสว่างอีกทีก็ 9-10 โมง เลยอาจทำให้คนอารมณ์เฉาๆ แปรปรวนหรือนอนไม่หลับตามไปด้วย ต้องเสริมวิตามิน D ช่วยปรับสมดุลร่างกาย

ร้านค้าปิดเร็ว เมืองสงบ คนไม่ค่อยปาร์ตี้

ถ้าชอบบรรยากาศเมืองที่คึกคักเจอคนเยอะๆ อาจไม่เหมาะ ส่วนใหญ่คนชอบไปที่เดิมๆ ร้านเดิมๆ ไม่ค่อยมีที่ใหม่ๆ ให้ลอง ยิ่งช่วงหน้าหนาวก็อย่างที่บอก บรรยากาศอาจไม่ค่อยสดใสมีชีวิตชีวาเหมือนช่วงอื่นของปี ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาล ร้านค้าจะแทบไม่เปิดเลย

ตัวเลือกอาหารมีไม่มาก

โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่สวีเดนปลูกผักไม่ได้ ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก ถ้าไม่ชินกับอาหารยุโรปอาจจะเบื่อง่าย ต่างจากตอนอยู่ไทยที่วาไรตี้และมีให้เลือกสรรเยอะทุกฤดูกาล 

หรือถ้าคิดถึงอาหารไทย ก็สามารถพอหาได้แต่ราคาจะสูงค่ะ เข้าร้านเดือนละครั้งได้ก็หรูแล้วว แต่มีทางเลือกคือซื้อวัตถุดิบมาทำเองเลยดีกว่า เลยอยากแนะนำให้เตรียมสกิลทำอาหารพื้นฐานไว้ค่ะ จะประหยัดไปได้เยอะ

7

ภาคต่อชีวิตการทำงานหลังกลับไทย

ตอนนี้ฝนทำงานที่กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวง อว. มีโอกาสใช้ภาษาเยอะขึ้นโดยเฉพาะหลังจากองค์กรปรับโครงสร้าง แล้วฝนได้มาอยู่ในกลุ่มที่มี Research Area ที่กว้างขึ้น มีโอกาสติดต่อกับชาวต่างชาติมากขึ้นและมีโอกาสนำเสนอผลงานวิจัยในระดับนานาชาติมากขึ้นด้วย

องค์กรที่ฝนทำงานมีนโยบายที่ฝนชอบก็คือการผลักดันการใช้วิทยาศาสตร์เพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น ถ้าเกิดมีอะไรผิดปกติขึ้นมา อยู่ดีๆ น้ำเปลี่ยนสีงี้ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบหาสาเหตุกัน เป็นต้น ดังนั้นแนวทางที่อธิบดีพยายามผลักดันคือการพัฒนาแล็บให้ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ เทียบเท่ามาตรฐานของต่างประเทศ เพราะถ้าไม่มี know-how ต่อให้มีเครื่องมือพร้อม ก็ยังวิเคราะห์ไม่ได้ว่าสิ่งนั้นอันตรายหรือปลอดภัย ปัจจุบันแล็บที่ฝนทำงานจึงมีเครื่องมือชั้นสูงและรองรับการพัฒนาในสเกลที่ใหญ่ขึ้นค่ะ

. . . . . .

[ You are all Invited. ]
โอกาสปรึกษาฟรีกับ 24 รุ่นพี่ทุนดีกรีสุดปัง
พบกัน 26-27 เม.ย. 68 ที่ไบเทคบางนา

เคลียร์คิวให้พร้อม เพราะ Dek-D's Study Abroad Fair  จะคัมแบ็กแบบเล่นใหญ่!  พาว่าที่เด็กนอกเริ่มก้าวแรกเตรียมพร้อมออกเดินทาง เพื่อพิชิตฝันเรียนต่อต่างประเทศให้เป็นจริง

  • ปรึกษาฟรี 1:1 กับ 24 รุ่นพี่นักเรียนทุน ป.ตรี/โท/เอก อย่าพลาดโอกาสนี้! เพราะรอบนี้เราได้รับเกียรติจากทั้งศิษย์เก่าทุนรัฐบาลไทย, จีน, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, อิตาลี,  ฮังการี, สวีเดน, Franco-Thai, Fulbright TGS, Chevening, Erasmus+ รวมถึงทุนจากมหาวิทยาลัยและบริษัทเอกชน (แถมมีบูทจาก DAAD ของรัฐบาลเยอรมนีด้วย) เปิดบูทให้ทุกคนสามารถ Walk-in เพื่อพูดคุย ปรึกษา หรือรีวิว SoP แบบตัวต่อตัวได้
  • แจกฟรี Planner วางแผนเรียนต่อนอกสำหรับมือใหม่
  • IELTS Mock Test  - ทดลองสอบ IELTS ฟรีโดย British Council IELTS (Walk-in only)
  • Alumni’s Talk: #ทอล์กเด็กนอก รายการพูดคุย-สัมภาษณ์รุ่นพี่นักเรียนทุนจากหลากประเทศ & แชร์ประสบการณ์เรียนต่อ การใช้ชีวิต จัดเต็ม 24 หัวข้อสุด Exclusive
  • จัดพร้อม Dek-D’s TCAS Fair 2025 งานเรียนต่อมหาวิทยาลัยในไทยที่ใหญ่ที่สุด มางานเดียวคุ้ม ได้เลือกทั้งไทยและต่างประเทศ
มาเถอะ อยากเจอ! ดูรายละเอียดที่นี่
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น