แม้มีภาระอันหนักอึ้งบนบ่าก็ไม่หวั่น! กับ "หนึ่งฟ้าเดียวดาย" นักเขียนสู้ชีวิตผู้ใช้งานเขียนเลี้ยงดูคุณพ่อที่กำลังป่วย!
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทุกคน พบปะพูดคุยในวันนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับ ‘หนึ่งฟ้าเดียวดาย’ นักเขียนสู้ชีวิต ผู้ไม่เคยท้อถอยกับความยากลำบากและภาระแสนหนักอึ้งบนบ่า แถมเขายังต้องดูแลคุณพ่อที่กำลังป่วยติดเตียง!
ก่อนมาเป็นนักเขียน คุณหนึ่งฟ้าเดียวดายเคยประกอบอาชีพทำสวนเหมือนกับคุณพ่อค่ะ แต่เพราะความเป็นห่วง บวกกับวันหนึ่งที่ไม่สามารถติดต่อคุณพ่อที่บ้านได้ทำให้เขาเริ่มคิดแล้วว่าบางทีการทำสวนแล้วต้องออกมาจากบ้าน ทิ้งคุณพ่อไว้คนเดียวก็ไม่สบายใจ เลยอยากหางานที่สามารถทำอยู่บ้านได้ จะได้คอยดูแลคุณพ่อได้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
สุดท้ายคุณหนึ่งฟ้าเดียวดายเลือกจะเอางานอดิเรกอย่างการเขียนนิยายมาประกอบอาชีพจะได้ทำงานอยู่บ้าน แต่คุณพ่อไม่เข้าใจค่ะ ด้วยวัยหรือชุดความคิดที่ต่างกันทำให้คุณพ่อคิดว่างานเขียนเนี่ยเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง ให้ไปทำสวนดีกว่า! สุดท้ายก็ทะเลาะกันใหญ่โตเลย
แล้วแบบนี้..กว่าคุณหนึ่งฟ้าเดียวดายจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาต้องพิสูจน์ตัวเองยังไงให้คุณพ่อมั่นใจว่างานเขียนสามารถหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ หรือต้องฝ่าฟันอุปสรรคทั้งด้านการเงิน สุขภาพ และปัญหาต่างๆ มาอย่างยากเย็นแค่ไหน เราไปหาคำตอบกันค่ะ!
****
สวัสดีครับผม นามปากกา หนึ่งฟ้าเดียวดาย ครับ ปัจจุบันใช้นามปากกา สุขนิรันดร์ ชื่อจริงๆ ผมชื่อ ชา “นายปรีชา ทองแก้ว” ปัจจุบันอายุสามสิบสี่ย่างสามสิบห้าปีแล้วครับ ถ้าหากนับเวลาการอยู่กับงานเขียนจริงๆ ก็ประมานเก้าปีนิดๆ
ปัจจุบันสิ่งที่ผมทำหลักๆ ก็คือการดูแลพ่อกับแม่ครับ เพราะว่ามีพ่อที่ป่วยติดเตียงมานานหกปีแล้ว และแกไม่สามารถช่วยตัวเองใดๆ ได้เลย แล้วยังมีแม่ที่ต้องคอยดูแลด้วย จากงานอดิเรกก็เลยกลายมาเป็นอาชีพหลัก ที่สามารถยึดเอาเลี้ยงดูตัวเองและพ่อกับแม่ได้
ส่วนความหมายของนามปากกา “หนึ่งฟ้าเดียวดาย” มาจากในตอนที่เข้าวงการเขียนได้สักพัก ก็ได้เริ่มแต่งนิยายแนวอดีตปัจจุบันอนาคตครับ ในตอนนั้นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์เหงา ที่แม้ว่าในโลกนี้จะมีผู้คนมากมาย แต่กลับมีเราเพียงแค่คนเดียวที่กำลังมองท้องฟ้าอยู่ที่นี่ตรงนี้เพียงแค่คนเดียว
และนามปากกาปัจจุบันที่ใช้อยู่ก็คือ “นามปากกาสุขนิรันดร์” ก็ได้มาจากความตั้งใจในการเขียนนิยายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น มันอาจจะจะฟังดูย่อยยากสักนิดหนึ่ง แต่ผมตั้งใจที่จะให้งานเขียนของผมสามารถบอกอะไรหรือเป็นแรงบันดาลใจให้นักอ่านมีความสุขในปัจจุบัน และสามารถเอาข้อคิดจากเรื่องราวไปใช้ในตอนที่เขานึกขึ้นได้ อย่างน้อยที่สุดโลกในนิยายที่อยู่ในมือเราสามารถทำให้นักอ่านสามารถหนีออกจากโลกภายนอกที่มักจะโหดร้ายกับความรู้สึกของเราครับ
จุดเริ่มต้นจากงานอดิเรก สู่งานประจำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
สำหรับจุดเริ่มต้นการเขียนนิยาย เริ่มจากการเป็นนักอ่านในเด็กดีมาราวๆ 4-5 ปี ด้วยความที่ต้องคอยดูแลพ่อเป็นส่วนมากในช่วงที่พ่อเดินไม่ได้ เลยมีเวลาอ่านนิยายแทบจะทั้งวันในช่วงเวลานั้น
จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2558 วันที่ 21-22 ธันวาคม ช่วงนั้นไรท์หลายๆ คนที่ติดตามอยู่ (ส่วนใหญ่ตอนนั้นเป็นหมวดอดีตปัจจุบันอนาคต กำลังภายใน และแฟนตาซี กับแนวเกมออนไลน์ที่เพิ่งแยกออกมาจากหมวดแฟนตาซี) ต่างพากันหนีเที่ยวปีใหม่หมดเลย แล้วช่วงนั้นนิยายติดท๊อป 20 ในทุกหมวดที่กล่าวมาผมอ่านจนถึงตอนล่าสุดเกือบหมด และมีหลายๆ เรื่องที่ถึงกับอ่านซ้ำไปหลายรอบ จนรู้สึกเบื่อๆ ที่ไม่มีนิยายในแนวที่ชอบอัพเลย
จนในวันที่ 23 ธันวาคม ผมเลยตัดสินใจที่จะลองเขียนนิยายในแบบที่ชอบลงในเด็กดีดูครั้งแรกครับ ซึ่งอาจจะประจวบเหมาะที่ไรท์คนอื่นๆ หายไปเที่ยวปีใหม่ และผมในตอนนั้นไฟแรงสุดๆ เนื่องจากเขียนครั้งแรก เลยขึ้นท๊อปชาร์ตไวมาก จนกลายเป็นความประทับใจแรกในการเขียนนิยายมาตั้งแต่ตอนนั้นครับ
และครั้งแรกที่เขียน สำหรับผมผมรู้สึกว่าการเขียนครั้งแรกไม่ยากเลยครับ เพราะตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเลย เคยเป็นแต่นักอ่าน ซึ่งมันอาจจะเป็นความโชคดีของผมด้วย ที่หลังจากอัพนิยายไปแล้วไปตรงกับในช่วงที่ไรท์ซึ่งเป็นที่นิยมกันไม่อยู่
ผมเลยโชคดีเคยขึ้นท๊อปชาร์ตอันดับ1ในหมวดแฟนตาซีตั้งแต่เรื่องแรกเลย และยังมีนักอ่านช่วยมาติชมบอกจุดบกพร่องให้เราสามารถแก้ไขปรับปรุงตัวเองตลอดเวลาครับ
ผลงานจากการนำจิตนาการสุดล้ำ มาผนวกกับคำสอนของศาสนาพุทธ!
“นิยายส่วนใหญ่ของคุณหนึ่งฟ้าเดียวดายจะเป็นแนวจีนโบราณ เมื่อสอบถามเกี่ยวกับสตอรี่ที่มาที่ไปว่าทำไมถึงแต่งแนวนี้เป็นหลัก คุณหนึ่งฟ้าเดียวดายได้ตอบว่า…”
ตั้งแต่เด็กๆ แล้วผมชอบดูหนักจีนกำลังภายในครับ เป็นอะไรที่ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว ยิ่งได้มาอ่านนิยายแนวก็ยิ่งเข้ากับความเชื่อและจินตนาการของตัวเอง ที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกับ “ความเชื่อในวิถีพุทธ” การได้จินตนาการเรื่องลมปราณ การฝึกฝน มันเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผมสามารถเอาใจออกจากความไม่สบายใจได้เยอะเลย ผมเลยชอบเขียนนิยายแนวนี้ครับ
และเพราะผมชอบความแฟนตาซีครับ ยิ่งแนวนี้มันยิ่งเป็นความแฟนตาซีที่ไม่ไกลตัวเกินไป โดยเฉพาะเรื่องของกำลังภายใน ผมว่ามันมีเสน่ห์ที่ความพยายาม
เพราะนิยายแนวนี้ตัวเอกส่วนใหญ่ต้องพยายามต้องผ่านอะไรมามากมาย มันใกล้เคียงกับชีวิตจริงๆ ครับ กว่าคนเราจะประสบความสำเร็จมันก็แบบนี้เหมือนกัน มีน้อยคนมากๆ ที่จะโชคดี
แต่ถ้าถามผมว่าทำไมถึงตัดสินใจเปิดขายนิยายครั้งเหรอครับ…แรกเริ่มเดิมทีเลยที่เขียนนิยายมันเป็นเพราะว่าความชอบล้วนๆ เลยครับ แล้วพอผมเริ่มมียอดวิวขึ้นหลักแสนเลยเอาไปคุยกับพ่อดู เพราะอยากจะลองประกอบอาชีพนักเขียนดู รวมกับช่วงนั้นเด็กดีเริ่มเปิดระบบขายนิยายใหม่ๆ นิยายที่ติดตามอ่านหลายๆ เรื่องเริ่มหันมาขายออนไลน์บ้างแล้วเลยอยากจะลองดูบ้าง แต่พ่อยังไม่มั่นใจในเรื่องนี้ เพราะสำหรับพ่อที่เกิดตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2490 แล้ว การทำสวนมันยั่งยืนกว่า
เอาจริงๆ คือในตอนนั้นมีผมอยู่กับแกแค่สองคน และตัวแกก็เจ็บขาเจ็บเท้าจนเดินไม่ได้ถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีครั้งนึงที่ปกติเวลาผมจะเข้าสวนทำงาน จะโทรหาแกก่อนทุกครั้ง แต่วันนั้นผมติดต่อแกไม่ได้ จนต้องรีบวิ่งขึ้นเขากลับบ้าน…ผมเลยเริ่มคิดเรื่องการขายนิยายแบบจริงจังครับ เพราะอยากหาอะไรที่สามารถทำไปด้วยในตอนที่ยังดูแลแกใกล้ๆ ได้
สุดท้ายก็ทะเลาะกันอยู่พักนึง แต่ก็ได้เอารายได้นิยายที่เริ่มขายครั้งแรกให้แกได้ดู ....ผมในตอนนั้นอัพเดทให้แกฟังเป็นรายชั่วโมงเลย ซึ่งท่าทีของพ่อก็เปลี่ยนไปมากเลยครับ
จบเดือนผมขายนิยายเดือนแรกได้16,000 บาท จากที่ช่วงนั้นมีรายได้จากการทำสวนแค่ราวๆ 4,000 บาท พ่อเลยเอาทุนก้อนสุดท้ายซื้อคอมพิวเตอร์มือสองให้เครื่องนึง ก่อนที่แกจะล้มป่วยติดเตียง
แต่ตอนแรกก็กังวลนะครับ กลัวว่าขายไม่ได้เหมือนกัน เพราะพอบอกนักอ่านว่าขาย นักอ่านก็หายไปเยอะเลย แต่พอเริ่มขายได้ก็ดีใจครับ โล่งใจมากๆ
เพราะรักในการกิน เลยหยิบมาเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผลิตนิยายแนวทำอาหารชวนหิว!
สำหรับนิยายล่าสุดเรื่อง “月火 เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ” ผมได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่องแรกที่เขียนขึ้นมาอย่างเรื่อง The legend of itoria : ตำนานจอมราชันย์พันธุ์พิลึก ผนวกเข้ากับความเชื่อที่เกินจินตนาการในศาสนาพุทธ
หลังจากที่ไม่กี่เดือนมานี้ได้ศึกษาและฝึกฝนตัวเองมากขึ้น จนปิ้งไอเดียในการสร้างโลกใบใหม่ที่มีความแตกต่างกันของเวลาและขนาดของโลกอีกครั้ง โดยหยิบเอาความเชื่อ คำสอนแหละหลักการ-เหตุผลของศาสนาพุทธเป็นแกนหลักของเรื่อง นำมันมาผสมจินตนาการเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ผ่านตัวละครที่ดัดแปลงมาจากเพื่อนสนิทคนนึงครับ
ต้องเกริ่นก่อนว่าโดยปกติแล้วผมจะเขียนนิยายโดยเอาตัวเองไปเป็นส่วนหนึ่ง หรือไม่ก็จินตนาการตัวละครขึ้นมาครับ แต่หลังจากที่ผ่านอะไรหนักๆ มาในช่วง 2 ปีให้หลังเนื่องจากอาการป่วยของพ่อ ทำให้แทบจะไม่ได้เขียนงานจริงๆ จังๆ เลย หลังจากที่เริ่มฝึกสติมากขึ้นพยายามเอาตัวเองออกมาวางข้างนอก รวมกับที่มีนักอ่านคอยซัพพอทช่วยเหลือมาตลอดในช่วงที่ผมแทบจะไม่ได้ออกงานเลย เลยอยากจะลองกลับมาจริงจังและทุ่มเทเพื่อตอบแทนนักอ่านบ้างครับ
ในตอนนั้นได้กลับไปคุยกับเพื่อนเก่าคนนี้พอดี เลยลองคุยกันแล้วเอาเจ้าเพื่อนคนนี้นี่แหละมาเป็นตัวเอกในนิยายดู ส่วนที่ไปที่มาของเพื่อนคนนี้ นางชื่อ “ทิพย์ กมลทิพย์” เป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งในชีวิต เป็นเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่แม้จะไม่เคยเจอหน้ากันจริงๆ สักครั้ง แต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่สามารถพูดคุยกันทุกเรื่องเลยครับ
ส่วนที่ว่าเรารู้จักกันได้ยังไง...ต้องย้อนกลับไป17-18ปีก่อน ในตอนที่โลกออนไลน์ยังไม่ทันสมัยเหมือนในปัจจุบัน ผมได้รู้จักกับทิพย์ผ่านทางโปรแกรมแชทที่เรียกว่า QQ ถ้าคน 90 แถวๆ นั้นน่าจะรู้จักกันดีเลย
จากตอนแรกที่หาเพื่อนคุยเล่นๆ ตามแบบเด็กบ้านนอกที่เห่อคอมพิวเตอร์ในยุคนั้น กลายเป็นเพื่อนที่โทรคุยกันปรึกษากันทุกๆ เรื่องเป็นสิบๆ ปี โดยไม่เคยพบหน้ากันจริงๆ เลย และด้วยการที่พูดคุยกันทุกเรื่องนี้เองทำให้เราได้รู้จักนิสัยใจคอกันมากขึ้น จนแทบจะทุกซอกทุกมุม แต่ก็ห่างกันไปในช่วง6-7ปีหลัง เนื่องจากนางมีครอบครัวแล้ว ไม่อยากให้แฟนนางคิดมาก จะมีคุยกันในโอกาสพิเศษแค่นานๆ ครั้ง จนเพิ่งกลับมาคุยกันใหม่ก่อนที่จะเริ่มเขียนนิยายเรื่องใหม่ราวๆ เดือนนึงครับ หลังจากนั้นก็ได้คุยกันพอสมควร เนื่องจากขออนุญาติเอานางมาใส่ในนิยายพร้อมข้อมูลอื่นๆ ครับ
ส่วนด้านความน่าสนใจของนิยายเรื่อง “月火 เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ” จะอยู่ที่การเล่นกับขนาดที่ใหญ่กว่าโลกของเรา 1,000 เท่า
เวลาเองก็แตกต่างกัน โดยที่1วันของโลกนั้นนานเท่ากับ 10 วันในโลกของเรา แต่ละเดือนยาวนานถึง 100 วัน และแต่ละปีมี 12 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานมากๆ เลยครับ
ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ใช้ทั้งหลักการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะขนาดใหญ่ว่าของเรา ผนวกกับเรื่องอายุขัยที่เพิ่มลดตามศาสนาพุทธ เนื่องจากอายุเฉลี่ยของผู้คนในโลกนั้นมากถึง 200 ปี ผมว่าแค่จินตนาการตามมันก็มีอะไรน่าค้นหาอีกเพียบเลยครับ
และหากถามว่าเขียนเรื่องนี้ยากไหม..อาจจะเป็นเพราะว่าผมชอบกินอยู่แล้ว เลยไม่คิดว่ามันยากครับ การได้ศึกษาเพิ่มเติมและจินตนาการไปด้วย มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของนักเขียน ส่วนที่ยาก…ถ้าหากมีก็คงเป็นการคิดเมนูจากวัตถุดิบที่จำกัดครับ เนื่องจากตัวเองในเรื่องนั้นมีความสามารถในการเปิดเอาของออกมาจาก “ตู้เย็น” แต่ตู้เย็นนี้จะจำกัดจำนวนวัตถุดิบที่นำออกมาได้ตามความแข็งแกร่งของนางเอกครับ เลยค่อนข้างยากนิดนึง
แต่ที่ยากที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องเวลาของตัวผมเลยครับ เนื่องจากต้องคอยดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียง ที่มีอาการอื่นๆ แทรกซ้อนหลายอย่าง ทำให้แต่ละวันสามารถนอนได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง หกปีที่ผ่านมาผมได้นอนเฉลี่ย2-4ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งแยกย่อนเป็นรายครั้งนานสุดไม่เกินสองชั่วโมงครับ ยังไม่นับเวลาพ่อป่วยที่แทบไม่ได้นอนเลย สารภาพตามตรงเลยว่าบางวันที่ตื่นมาแทบจะเป็นระบบออโต้ไปแล้วครับ เวลาเขียนงานส่วนมากจึงต้องปรับตามเวลาที่มี
และจริงๆ เรื่องนี้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเขียนให้ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้เลยครับ เนื่องจากว่าผมมีอะไรจะเล่าอีกเพียบเลย ขอสปอยสั้นๆ ว่าเล่ม 1-2 ยังเป็นแค่ส่วนของบทนำที่คิดเอาไว้ครับ ตั้งแต่เล่มสามเป็นต้นไปถึงจะเริ่มเข้าเนื้อหาที่แท้จริงของเรื่อง เพราะตอนนี้ตัวเอกของเรื่องของเรายังไม่ได้เป็น “แม่ครัว” และยังไม่ได้เริ่มต้น “ความแสบ” ตามชื่อเรื่องเลย โดยที่วางเอาไว้คร่าวๆ ที่ 20 เล่ม+ เลยครับ
ส่วนเป้าหมายของการเขียน..อาจจะเป็นเพราะผมค่อนข้างไม่อินกับทางโลกเท่าไรแล้ว คำตอบข้อนี้อาจจะไม่เหมือนกับนักเขียนท่านอื่นๆ เท่าไหร่ และเพราะผมไม่เขียนนิยายแนวตลาดด้วย ผมแค่หวังว่าจะมีนักอ่านติดตามเรื่องราวของผมต่อไปนานๆ และให้นักอ่านได้อะไรไปจากสิ่งที่ได้อ่านไป แม้ว่าจะแค่สักคนสองคนที่สามารถเอาตัวเองออกจากความทุกในชีวิต ไปสนุกกับเรื่องราวได้ หรือสามารถเข้าใจข้อคิดที่ใส่ลงไปได้ ผมก็ดีใจมากแล้วครับ
และแน่นอนว่าเมื่อขายก็ต้องอยากได้เงิน แต่ผมคงอินกับคำสอนในศาสนาพุทธไปสักนิด แต่ผมอยากให้อาชีพนักเขียนที่สามารถเขียนอะไรก็ได้ ยึดเป็นสัมมาอาชีพ ที่ผมจะเขียนแต่สิ่งที่ไม่ทำให้นักอ่าน “หลง” มากเกินไป แค่ได้เท่าที่นักอ่านอุดหนุนและชอบนิยายเราจริงๆ ก็ดีใจแล้วครับ เพราะสำหรับผม ถึงจะชอบเงิน แต่เงินนั้นต้องได้มาด้วยการไม่เบียดเบียนใคร...แฮ่ะๆ
ในวันที่ท้อ ก็ยังมีกำลังใจจากนักอ่านคอยผลักดันให้ผลิตผลงานต่อไป!
อุปรรคในช่วงเริ่มต้นผมเขียนนิยายครั้งแรกจากมือถือครับ ในตอนนั้นมือถือยังไม่ทันสมัยเหมือนในตอนนี้ แค่การพยายามเขียนนิยายให้จบตอนและอัพนิยายขึ้นก็ยากพอสมควรแล้ว
ส่วนระยะหลังมานี้ก็คือปัญหาเรื่องสุขภาพที่บางวันผมแทบจะง่วงตลอดทั้งวัน เนื่องจากต้องคอยดูแลพ่อครับ ถ้าแกไม่สบายวันไหน ผมแทบไม่ได้นอนเลย ชนิดที่ยาวที่สุดก็สองวันกว่าๆ ได้นอนไปแค่ไม่ถึงสองชั่วโมง ช่วงแบบนั้นแทบไม่ต้องพูดเรื่องการเขียนงานเลย เวลาให้พักสายตายังไม่มีครับ เพราะต้องดูแลทั้งพ่อและแม่ด้วยตัวคนเดียว
ถ้าถามว่าผมเคยท้อไหม….ผมเคยครับ เคยไปหลายครั้งด้วย ไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์ลบที่ช่วงนึงผมยังไม่มีภูมิต้านทาน ทั้งปัญหาทางบ้าน เคยท้อไปหลายครับแล้วครับ แต่ก็ได้นักอ่านคอยเป็นแรงใจให้กลับมามีกำลังใจทุกครั้งเลย
ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ยังเขียนนิยายต่อ ก็คือนักอ่านนี่แหละครับ ตลอดช่วงเวลาที่ผมเป็นนักเขียนมา ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้ง โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนในชีวิตสำคัญในตอนที่พ่อล้มป่วยติดเตียง ถ้าไม่มีนักอ่านคอยให้กำลังใจคอยซัพพอร์ต ผมคงหาทางไปไม่เจอเหมือนกัน โดยเฉพาะหกปีมานี้ได้นักอ่านคอยให้กำลังใจ และการเขียนนิยายออกมาก็เป็นสิ่งเดียวที่ผมพอจะตอบแทนพวกเขาได้ครับ
สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงชาวเด็กดีบ้าง
สิ่งที่สำคัญที่สุดของนักเขียนก็คือการลงมือเขียนครับ อย่ารอให้เราพร้อม แต่ลงมือทำแล้วให้นักอ่านเป็นคนบอกเอง ว่าเราควรจะปรับปรุงอะไร หรือเดินไปในทางไหน บางทีนิยายของคุณอาจจะโดนใจนักอ่านตั้งแต่ตอนแรกก็ได้ครับ ขอแค่ทำมัน ใช้ประสบการณ์คอยสอนแล้วปรับปรุงไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ลืมตัวตนและความตั้งใจของเราก็พอ
*****
คุณหนึ่งฟ้าเดียวดาย เป็นนักเขียนอีกคนที่พี่ฮูกรู้สึกชื่นชมในความแข็งแกร่งจริงๆ ทั้งต้องดูแลคุณพ่อที่กำลังป่วย และมีภาระอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการจนวันๆ หนึ่งมีเวลานอนแค่ 2-4 ชั่วโมงเท่านั้นเอง!?
แต่กว่าคุณหนึ่งฟ้าเดียวดายจะมาเป็นนักเขียนเต็มตัวได้เนี่ย ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองในหลายๆ เรื่องเลยนะคะ อย่างต้องทำให้คุณพ่อเห็นว่าผลงานของเขาสามารถขายได้จริงๆ สุดท้ายคุณพ่อก็น่ารักมากเลยที่ยอมเข้าใจ แถมยังใช้เงินทุนก้อนสุดท้ายที่มีซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนลูกชายให้ทำตามฝันอีก
และต้องบอกเลยค่ะว่าไอเดียการแต่งนิยายก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลย เพราะคุณหนึ่งฟ้าเดียวดายใช้หลักธรรมคำสอนตามหลักพุทธศาสนามาผสมกับจิตนาการจำพวกกำลังภายใน จนกลายมาเป็นนิยายปังๆ ตั้งหลายเรื่อง!
ส่วนที่พี่ฮูกชอบที่สุดคือทัศนคติของคุณหนึ่งฟ้าเดียวดายค่ะ เพราะเขาคิดแค่ว่าอยากจะตอบแทนกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ของนักอ่านด้วยผลงานดีๆ และหวังว่านักอ่านทุกคนจะได้ความสุขหรือกำลังใจในการชีวิตกลับไป ต่อให้มีแค่ 2-3 คนก็พอใจแล้ว และพร้อมพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ด้วยคำติชมของนักอ่านทุกคน!
ผลงานก็ดี ทัศนคติก็ดี ถ้าใครสนใจอยากจะติดตามอ่านผลงานของคุณหนึ่งฟ้าเดียวดายต่อ พี่ฮูกก็ได้รวบรวมไว้ให้แล้วนะคะ! และสำหรับใครที่เป็นแฟนนิยายเรื่อง “月火 เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ” เตรียมเปย์อีบุ๊คได้เลยค่ะ เพราะคุณหนึ่งฟ้าเดียวดายได้สปอยไว้แล้วว่าเนื้อเรื่องปัจจุบันเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ความสนุก มันส์ ฮากำลังจะเริ่ม โดยเขาวางแผนจะเขียนถึง 20+ เล่มจบนะคะ!
นิยายอื่นๆ ของหนึ่งฟ้าเดียวดาย
- 月花 เยว่ฮวาแม่ค้าสาว 'แซ่บ' ทะลุมิติ
- ย้อนเวลากลับมาเป็นนางร้ายผู้ที่จะกระทืบนางเอกให้จมดิน!!
- 血蓮花 ข้ากลับมาเพื่อเหยียบหน้าพวกเจ้าทุกคน!!
- นางมารแม่ลูกสี่
- The legend of itoria : ตำนานจอมราชันย์พันธุ์พิลึก
1 ความคิดเห็น