พักงานลุยป.โท ที่ ‘โปแลนด์’ ประเทศนี้น่ารักกว่าที่คิด แม้ชีวิตจะพลิกเมื่อต้องย้ายคณะกลางคัน!

สวัสดีค่าน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนน  ไหนมีใครกำลังอยากเรียนต่อยุโรปบ้าง? ต้องบอกว่า “โปแลนด์” ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศในโซนยุโรปที่น่าสนใจสำหรับคนต่างชาติไม่น้อยเลยค่ะ เพราะมีเมืองสวยๆ บรรยากาศดี แถมค่าครองชีพไม่สูงอีกด้วย ซึ่งถ้าใครอยากอ่านรีวิวจากรุ่นพี่ที่ไปอยู่จริง เรียนจริง 

วันนี้เราจะพาทุกคนไปอ่านสตอรี่ของ 'พี่ลูกหมู' Digital Content Creator ประจำเพจ Study Abroad เรียนต่อนอก by Dek-D ที่ได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศโปแลนด์ พร้อมแชร์ทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ประสบการณ์สนุกๆ และข้อคิดดีๆ เพียบ! ถ้าพร้อมแล้วเราตามไปอ่านพร้อมกันเล้ยย~

............

ที่มาที่ไป จุดเริ่มต้นของการสมัครป.โท

สวัสดีค่า ชื่อ 'ลูกหมู' นะคะ จบปริญญาตรีจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และปริญญาโทจาก Lazarski University ที่โปแลนด์ ปัจจุบันเป็น Digital Content Creator ที่ Study Abroad เรียนต่อนอก by Dek-D ค่ะ

จริงๆ การไปเรียนต่อต่างประเทศคือความฝันตั้งแต่วัยเด็กของพี่เลยค่ะ แต่หลังจบป.ตรี พี่ไปเริ่มทำงานก่อนในตำแหน่ง Team Project Management ที่บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง งานหลักๆ คือดูแลเอกสารและโพรเจกต์ต่างๆ มีโอกาสร่วมงานกับ Project Manager หลายคน ประสานกับหลายแผนก อย่าง  Engineer, Planner, Procurement, Logistic, Contract, ITC แล้วค้นพบว่าที่จริงตัวเองชอบด้านการจัดการ ยิ่งพอได้ดีลงานกับต่างชาติแล้วพัฒนาภาษาเรื่อยๆ ไฟก็กลับมาลุกโชนอีกครั้งว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศให้ได้ค่ะ

แล้วอีกเรื่องสำคัญที่ช่วยตัดช้อยส์ คือส่วนใหญ่ถ้าจะสมัครเรียนในไทยต้องยื่นคะแนนคณิต แต่พี่แพ้ทางคณิตมากกก ก็เลยตั้งใจหาข้อมูลที่ต่างประเทศเป็นหลักค่ะ

เรียนจบแล้วต่อโทเลยดีไหม หรือทำงานก่อนดี?

จริงๆ พี่ว่ามันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แล้วก็ความต้องการและเป้าหมายของแต่ละคน อย่างเช่น บางคนเรียนจบแล้วยังไม่อยากทำงาน หรือไฟยังแรงอยู่อันนี้อยากเรียนต่อก็ลุยเลย หรือบางคนเรียนจบแล้วได้ทุนเลยเรียนต่อก็ดี 

แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว การได้ทำงานก่อนจะเปิดโอกาสให้ได้ค้นหาตัวเองและตกผลึกว่าตัวเองว่าชอบอะไร ถนัดด้านไหน อยากเรียนรู้ด้านไหนเพิ่มเติมบ้าง แล้วยังช่วยตอนเราเรียนได้เยอะมาก โดยเฉพาะตอนอภิปราย (Discuss) ตอนฟังบรรยาย หรือทำงานที่อาจารย์มอบหมาย (Assignments) เราจะตามทันและนึกภาพออกได้ไวกว่า และหยิบยกมาอธิบายสนับสนุนสิ่งที่เราคิดได้ 

ทำไมถึงเลือกมหา’ลัยนี้  หลักสูตรนี้  และที่โปแลนด์?

จริงๆ แล้ว โปแลนด์ไม่ได้เป็นชอยซ์แรกของการมาเรียนต่อเลย ตอนแรกพี่ได้ใบตอบรับเข้าเรียนจาก Lincoln University ที่นิวซีแลนด์ กับ Birmingham City University ที่อังกฤษ แต่เหตุผลหลักๆ เลยคือเรื่อง Budget ซึ่งขนาดสองที่นี้ได้ทุนมาบางส่วนแล้วแต่ค่าใช้จ่ายยังสูงอยู่ อย่างที่นิวซีแลนด์ค่าครองชีพไม่ได้สูงมากแต่ค่าเรียนเป็นหลักล้าน ส่วนที่อังกฤษค่าเรียนไม่ได้แพงมากแต่อย่างที่รู้ๆ กันว่าค่าครองชีพคือน้ำตาจะไหลTT  แล้วหลักๆ เลยคือพี่ออกค่าใช้จ่ายไปเรียนเอง ไม่อยากรบกวนที่บ้าน เลยอยากลองมองหาประเทศที่ค่าเรียนกับค่าครองชีพถูกกว่านี้หน่อย แต่ใดๆ ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพการเรียนการสอนอยู่นะ 

สุดท้ายก็มาเจอ Lazarski University ที่โปแลนด์นี่แหละที่เราสามารถจ่ายเองไหวโดยไม่ต้องเดือดร้อนที่บ้านเลย ที่สำคัญเลยคือ เขาเปิดหลักสูตร Double Degree ที่จบมาจะได้วุฒิจากโปแลนด์ + อังกฤษ เลยตัดสินใจยื่นเอกสารไป มีสอบสัมภาษณ์ แล้วมหา’ลัยก็ตอบรับเข้าเรียนค่ะ

เตรียมตัวและวางแผนสมัครยังไงบ้าง? 

ด้วยตอนนั้นข้อมูลไปเรียนที่โปแลนด์ยังมีไม่ค่อยเยอะ พี่เลยสมัครผ่านเอเจนซี บวกกับได้ยินมาว่าสถานฑูตโปแลนด์เป็นอะไรที่โหดมาก ยากมาก เอกสารต้องแน่น เลยให้เอเจนซีช่วยดูให้ ซึ่งพี่เขาก็จัดการให้ทุกอย่างเลยตั้งแต่สมัครเรียน เอกสารยื่นวีซ่า หาที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน และมีคนดูแลตอนเราอยู่ที่นู่นด้วย โดยใช้เวลาเตรียมตัวทั้งหมดตั้งแต่สมัครเรียนก็ใช้เวลา 4-5 เดือน

รีวิวป.โทที่ Lazarski University กับการย้ายคณะ

ที่มหาลัยนี้ก็จะเปิดสอนทั่วไป มีทั้งหลักสูตร ป.ตรี ป.โท แต่ที่น่าสนใจคือ Double Degree ที่พี่สมัครเข้าไป ซึ่งมันจะมีสองคณะหลักๆ ก็คือ 'International Business Economics' ที่เป็นด้านเศรษฐศาสตร์ กับ 'International Relation' ด้านรัฐศาสตร์ ที่ทางมหาลัยเขา co กับ Coventry University ของอังกฤษ (จบมาจะได้วุฒิจาก Coventry U. ด้วย) ซึ่งพี่ว่าน่าสนใจดี ส่วนคณะเด่นๆ ของที่นี่จะเป็นเศรษฐศาสตร์ กฎหมาย ด้านธุรกิจ แล้วยังมีเปิดให้เรียนหมอกับนักบินด้วย

 

และต้องเล่าก่อนว่าตอนแรกที่พี่สมัครไปคือหลักสูตร Double Degree ของคณะ International Business Economics ซึ่งเป็นอันที่ตั้งใจไว้ว่าอยากเข้ามากก แต่ว่าพอเข้าไปเรียนปุ๊บความจริงก็เปิดเผย จำได้ไหมที่พี่บอกว่าไม่ชอบคณิตเลย ใช่ค่ะพี่เข้าไปแล้วเจอเขาเสิร์ฟคณิตให้แบบจัดเต็ม โดยมันจะมีอยู่วิชานึงชื่อว่า 'Econometrics' ที่แปลเป็นไทยได้ว่าการประยุกต์วิธีทางสถิติเพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางเศรษฐศาสตร์ (แค่ได้ยินชื่อก็จะร้องไห้แล้ว) แล้วพี่เองก็ไม่ได้มีพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์มาก่อน พี่เลยคิดว่ามันยากมากสำหรับพี่ ทำไม่ได้เลย ตอนนั้นเครียดมาก เพราะเพิ่งมาที่นี่ใหม่ๆ ด้วย อารมณ์เหมือนยังปรับตัวไม่ค่อยได้ มีอาการ homesick คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ พี่เลยหาทางแก้ไขปัญหา และลองเข้าไปคุยกับคณะดู 

 

สุดท้ายเลยขอย้ายมาเรียน 'Business Management' ที่เป็น Single Degree ได้แค่วุฒิเดียว ซึ่งไม่ต้องเจอคณิตแล้ว และพี่คิดว่ามันเข้ากับพี่มากกว่า ได้เรียนวิชาพื้นฐานของ Business Management ต่างๆ เช่น

  • Human Resources (HR)
  • Business Law
  • Sales and Negotiation
  • Risk Management
  • Strategic Management
  • Change Management
  • Startup Business
  • Digital Marketing

แล้วจะมีให้เลือกเรียนภาษาที่ 3 ระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมัน ซึ่งพี่เลือกเรียนฝรั่งเศส ทำให้พอมีความรู้บ้างนิดหน่อย55555 ส่วนวิชาเอกพี่เลือกเป็น 'Big Data Management' ที่เน้นเรียนพวก AI, IoT, Chatbot แล้วก็มีวิชาที่สอนทำ SQL, Power BI เป็นวิชาปฏิบัติ สนุกดี ได้ลงมือทำ มีแบบฝึกหัด ส่วนอีกวิชาที่ชอบมากก็คือ 'Data Law' สอนพวก Copyright, PDPA, Software License ต่างๆ พี่เลยคิดว่าเอ้อ คิดถูกละที่ย้ายมาเรียน Management 55555

 

ส่วนเรื่องการสอน ด้วยความที่เป็นคลาสเล็กๆ มีนักเรียนไม่ถึง 20 คน ทำให้ทุกคนรู้จักกันหมด อาจารย์ใจดี ใส่ใจมากกก แบบจำชื่อได้ทุกคน! เพื่อนๆ คอยช่วยเหลือกันตลอด แล้วตอนเรียนก็เน้นให้เราพูดคุยกัน พี่เองชอบฟังเพื่อนๆ ตอนตอบคำถามอาจารย์นะ ตลกดี แล้วได้มุมมองอะไรใหม่ๆ เยอะเลย

เรียนเป็นหลักสูตรอินเตอร์ แล้วจำเป็นต้องมีสกิลภาษาโปลิชมั้ย?

ของพี่คือเรียกได้ว่าพื้นฐานภาษาโปลิชเป็นศูนย์ ตอนแรกก็คิดว่ามาทั้งทีควรจะเรียนภาษาเขาสักหน่อยดีไหมนะ แต่เอาเข้าจริงภาษาโปลิชยากมาก แล้วพี่ไม่ได้มีแรงจูงใจในการเรียน เพราะไม่ได้วางแผนจะเรียนหรือทำงานที่ประเทศนี้ต่อ (การจะเรียนภาษานึงได้จำเป็นต้องมีแรงจูงใจที่ทำให้อยากเรียนค่ะ) สุดท้ายเรียนคำเบื้องต้นไว้ อย่างสวัสดี ขอบคุณ ฯลฯ 

แต่ถ้าถามว่าถ้าไม่รู้โปลิชแล้วชีวิตยากขึ้นมั้ย ส่วนตัวไม่เจอปัญหาเลย เพราะส่วนใหญ่คนที่นี่ทั้งวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้หมด

รีวิวโปแลนด์จากประสบการณ์ส่วนตัว

รีวิวความเป็นอยู่ & สังคม

  • วอร์ซอเป็นเมืองในยุโรปที่เล็กแต่อบอุ่น น่ารัก ทุกอย่างดูเชื่อมถึงกันหมด ทำให้การเดินทางง่ายมาก นอกจากนี้รถสาธารณะยังมาตรงเวลาและสะอาดเหมือนบ้านเมืองเขาเลย (นักศึกษามีสวัสดิการส่วนลด 50% อีกค่ะ)
     
  • ก่อนมาก็เคยได้ยินว่าคนโปแลนด์เย็นชา ไม่ค่อยยิ้ม ตอนแรกแอบกังวลนิดๆ แต่พอมาสัมผัสกลับพบว่าจริงๆ แล้วพวกเขาไนซ์มากกก ดูพร้อมช่วยเหลือตลอด มีครั้งนึงพี่ขึ้นรถบัสแล้วสแกนตั๋วไม่ติด ก็มีคนโปลิชเข้ามาแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้ 
     
  • ไปไหนมาไหนคนเดียวได้แบบอุ่นใจ บางวันตื่นไปทำงานตีห้า หรือไปห้องสมุดกลับมาห้าทุ่มเที่ยงคืนก็ยังรู้สึกปลอดภัยอยู่ดี และไม่เคยเจอประสบการณ์ที่เขาเหยียดคนเอเชีย // แต่ไม่ว่าน้องๆ จะไปเรียนที่ไหน คอยให้ระวังไว้ตลอดดีที่สุด คอยมองหน้ามองหลัง ดูซ้ายดูขวาตลอดด้วยนะ

โดยรวมรู้สึกไม่ต้องปรับตัวเยอะ บางโมเมนต์รู้สึกเหมือนอยู่ง่ายกว่าไทยด้วยซ้ำ ไม่วุ่นวายดีค่ะ

 

อาหารการกินเป็นยังไงบ้าง?

สำหรับพี่เกิดและโตที่ไทย เลยติดอาหารไทยกับเอเชียที่จะมีความแซ่บๆ หน่อย แต่อาหารโปแลนด์จะเป็นแนวจืดๆ เค็มๆ เลยแอบรู้สึกว่าอาหารไม่ถูกปากเท่าไหร่ แต่ใดๆ ที่นี่มีร้านอาหารไทยเยอะมากก ลูกค้าเต็มร้านตลอด ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติด้วยนะ เชื่อเลยว่าอาหารไทย popular จริงงง 

พี่เองก็ชอบแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือกับตำถาดบ่อยๆ แต่กินทีน้ำตาจะไหล ไม่ใช่เพราะเผ็ด แต่ะราคาเอาเรื่อง!  สุดท้ายเลยสลับกันระหว่างเข้าร้านอาหารไทยกับออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำเอง

มีเหตุการณ์อะไรที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ หรือ Culture Shock ที่เจอระหว่างอยู่โปแลนด์บ้าง?

ถ้าถามว่า Culture shock ไหมก็ไม่ขนาดนั้น แต่บางอย่างรู้สึกแปลกๆ ดี เช่น เวลาขึ้น-ลงลิฟต์แล้วมีคนอื่นด้วย พอถึงชั้นตัวเองคนไทยแบบเราๆ ก็จะเดินออกไปปกติใช่ไหมล่ะคะ แต่ที่โปแลนด์คนจะชอบหันมาพูดอะไรสักอย่างกับเราเป็นภาษาโปลิชก่อนเดินออกจากลิฟต์ ซึ่งพี่แปลไม่ออก สงสัยน่าจะประมาณว่าบายเด้อ ขอให้มีวันที่ดีไรงี้หรือเปล่า แล้วเราต้องตอบอะไรกลับไปไหม 5555 สุดท้ายเลยพูด Thank you กลับไปเฉยๆ (สรุปทุกวันนี้พยายามหาแต่ยังไม่เจอว่าสรุปเขาพูดอะไรค่ะ!) 

แล้วรถบัสของที่นี่เป็นอะไรที่ตรงเวลามากกก มากจนขนาดเราสายนิดเดียว วิ่งจนถึงหน้าประตูรถ เขาก็ไม่เปิดให้เราขึ้นนะ ถ้าที่ไทยคนขับเห็นเราท่าเรารีบๆ จะรอ แต่ที่นี่คือไปเลยจ้า 55555

อีกอย่างคือเวลาซื้อตั๋วพวกบัส เมโทร แทรม ถ้าเป็นที่อื่นๆ หรือบ้านเราจะซื้อตามระยะทาง เช่น ใกล้ก็ถูก ไกลก็แพง แต่ของโปแลนด์เขาซื้อ “ตามเวลา” งงๆ หน่อย ไม่เคยเจอ คือเหมือนเราต้องคำนวณเองว่าถ้าเราจะไปที่นี่ ต้องใช้เวลากี่นาที ถ้าน้อยกว่า 20 นาทีงี้จะเป็นอีกราคานึง ถ้าเกินจากนั้นเป็นอีกราคานึง (แต่ถ้าเราไปใหม่ๆ เราก็ไม่รู้ไหมอะว่าถ้าเราไปที่นี่มันใช้เวลากี่นาที 55555) แล้วบางทีพี่กะไม่ถูกเลย อย่างถ้ามีรถติด จากตอนแรกใช้เวลา 20 นาที แต่พอรถติดมันก็เกินเวลาไป ซึ่งถ้าเราซื้อตั๋วเวลาผิดประเภทงี้จะโดนปรับอีกต่างหาก

ทำงานจนอดไปเที่ยว?

พี่ทำงานพาร์ตไทม์ระหว่างเรียนด้วย อันนี้ทำถูกกฎหมายนะ มีสัญญาจ้างงาน ยื่นเข้าระบบภาษีปกติเลย ตอนนั้นเลือกทำอยู่ส่วนที่ดูแลอาหารเช้า (Breakfast) ของโรงแรม แล้วทำงานหนักมากก พูดได้ว่าไฟแรงสุดๆ ไปเรียนวันจันทร์-พฤหัส แล้วพอศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ก็ไปทำงาน แทบไม่มีวันหยุดพักเลย ช่วงปิดเทอมใหญ่ทำงานทุกวัน บางทีทำงานควบอีกร้านนึง แล้วก็รับงานสอนภาษาไทยให้น้องลูกครึ่งด้วย เรียกได้ว่าเก็บเงินรัวๆ ได้เป็นหลักแสนเลย

แล้วอยากเล่าว่าการที่พี่ทำงานนี่แหละทำให้ไม่ได้ไปเที่ยว จากตอนแรกที่แพลนไว้ว่าถ้ามาอยู่ที่นี่ จะมีวีซ่าเชงเก้น พี่จะไปเที่ยวทั่วยุโรปเลย ไปแถบสแกนดิเนเวีย เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน ฝันไว้อย่างดิบดีว่าปิดเทอมใหญ่ฉันจะไปดูแสงเหนือไรงี้ สรุปคือไม่ได้ไปไหนเลยเพราะทำแต่งาน55555 แต่อย่างน้อยได้ไปเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เพราะว่ามันใกล้สุด นั่งรถบัสไปแค่ประมาณ 7 ชม. ก็ถึงแล้ว 

Berlin, Germany
Berlin, Germany

มีอะไรที่อยากบอกคนที่อยากไปเรียนต่อโปแลนด์บ้าง

อยากจะบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับความพร้อม เป้าหมาย และความต้องการของแต่ละคนด้วย แต่พี่คิดว่าถ้าเราอยากเรียนแล้วอยากได้โพรไฟล์ด้าน Business ปังๆ คนแย่งตัวเข้าทำงาน พี่คิดว่าไปประเทศอื่นที่คนส่วนใหญ่เขาไปกัน เช่น อังกฤษ อเมริกา อะไรทำนองนี้อาจจะตอบโจทย์กว่าก็ได้

แต่ถ้าใครคล้ายๆ พี่ที่อยากลองออกจาก safe zone ไปอยู่ที่ใหม่ๆ หาอะไรท้าทายชีวิตดู บวกกับได้เรียนในสิ่งที่สนใจในงบประมาณที่เรารับผิดชอบเองได้ โปแลนด์ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะพี่คิดว่าเป็นประเทศในยุโรปที่น่ารักมาก อยู่สบาย บ้านเมืองสวยงาม ที่เที่ยวสวยๆ ก็เยอะ ค่าครองชีพไม่สูง 

หรือถ้าใครอยากเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ที่นี่หางานพาร์ตไทม์ไม่ยาก ตอนปิดเทอมใครเป็นสายเที่ยวก็บินไปเที่ยวยุโรปได้เพราะมีเชงเก้นวีซ่า (เห็นน้องๆ เพื่อนๆ ที่พี่รู้จักไปเที่ยวฉ่ำอ่ะ)  แล้วพอเรียนจบก็มีเพื่อนๆ คนที่พี่รู้จักหลายคนได้งานที่บริษัทในโปแลนด์ และบริษัทก็ออก Work Permit ให้ ถ้าเราทำไปยาวๆ อาจยื่นขอ PR ได้อีกนะ เป็นอีกโอกาสที่ดีมากๆ 

แต่สำหรับพี่เอง Prefer ที่จะกลับไทยมากกว่า โดยรวมพี่คิดว่าโปแลนด์เป็นประเทศที่มาเรียนแล้วดีมาก มีความสุข และถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอันนึงของชีวิต รู้สึกว่าเกิดมาชีวิตนี้คุ้มละ บรรลุเป้าหมายแล้ว

……………

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
พี่แอล
พี่แอล - Columnist Certified concert hopper, Japanese food lover, and anime binge-watcher.

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น