2 ปีสุดคุ้มที่ USYD ในซิดนีย์! นี่แหละชีวิตเด็กกฎหมายใน ม.ดังออสเตรเลีย เรียนฟรีด้วยทุน Australia Awards (Mekong-Australia Partnership)

สวัสดีค่าชาว Dek-D สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากลัดฟ้าไปเปิดตัวบทกฎหมายในต่างแดน และฟังการดิสคัสอย่างเดือดๆ ในคลาสเรียนที่ต่างประเทศ วันนี้มีรีวิวประสบการณ์ตรงจาก​ “พี่พัฒน์” ที่จบ ป.ตรี ด้านกฎหมายจาก ม.รามคำแหง และ ป.โท ม.ธรรมศาสตร์ แล้วต่อมาก็คว้า 2 ทุนไปเรียนต่อ 2 สาขาใน 2 ประเทศ นั่นก็คือที่อังกฤษ (ทุนรัฐบาลไทย ก.พ.) และออสเตรเลีย (ทุน Australia Awards – Mekong-Australia Partnership) นั่นเองค่ะ พูดเลยว่าแพสชันด้านกฎหมายมาเต็มมากกก!

ในรีวิวนี้จะพาไปพูดคุยว่าพี่พัฒน์สมัครทุนยังไง? ไปเรียนอะไรบ้าง? เจอความสนุกและความท้าทายแบบไหน? ป.โท สามใบต่างกันยังไง? ไปอ่านรีวิวพาร์ตแรกกันเลยค่ะ~

โอกาสทอง! ปรึกษาฟรีกับ 24 รุ่นพี่ทุนดีกรีสุดปัง
พบกัน 4-5 ต.ค. 68 ที่ไบเทคบางนา

จดคำถามที่คาใจ แล้วมาคุยแบบ 1:1 กับ "พี่พัฒน์” ตัวจริงได้ในวันเสาร์ที่งาน  Dek-D's Study Abroad Fair  นะคะ รอบนี้เราได้รับเกียรติจาก 24 รุ่นพี่เด็กนอกหลายทุน หลายประเทศ ได้แก่ ทุนรัฐบาลไทย ก.พ. และ ทุน UIS, CSC (จีน), GKS (เกาหลีใต้), ASEAN Scholarships (สิงคโปร์), TaiwanICDF (ไต้หวัน), MEXT (ญี่ปุ่น), DAAD (เยอรมนี), Franco-Thai (ฝรั่งเศส), Fulbright TGS (สหรัฐฯ), Chevening (สหราชอาณาจักร), Erasmus+ (ยุโรป), Swedish Institute (สวีเดน), Stipendium Hungaricum (ฮังการี), Australia Awards (ออสเตรเลีย), และทุนจากมหาวิทยาลัย/บริษัทเอกชน

. . . . . . . 

สองใบ สองประเทศ สองทุน

สวัสดีค่ะ ชื่อ “พี่พัฒน์” นะคะ เรียนจบ ป.ตรี Pre-Degree คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ตอนอายุ 19 ปี จากนั้นไปต่อ ป.โท ใบแรกคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ตามด้วย ป.โท ใบที่สองเป็นสาขากฎหมายระหว่างประเทศที่ University of Bristol, UK  ค่ะ

ตอนไปอังกฤษได้รู้ว่าการเรียนต่างประเทศทำให้เปิดโลกมาก ใช้ชีวิตแบบอิสระและผจญภัยได้เต็มที่ พอมาเห็นข่าวทุนรัฐบาลออสเตรเลียกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง หรือ Australia Awards – Mekong-Australia Partnership ที่คนไทยกลับมาสมัครได้เป็นรุ่นแรก ก็ไม่รอช้าค่ะ ลองสมัครและเรียนต่อโทอีกใบสาขากฎหมายสิ่งแวดล้อม (Environmental Law) ที่ The University of Sydney (USYD)*

Note: *สาขากฎหมายของ USYD ติด Top3 ของออสเตรเลีย อ้างอิงจาก QS World University Rankings by Subject 2025: Law & Legal Studies 

ทำไมถึงสนใจสายนี้?

ตอนเรียนคณะนิติศาสตร์ที่ไทย พี่เคยลงวิชาเลือกตัวนึงคือกฎหมายสิ่งแวดล้อม พอเรียนแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย น่าเรียนอ่ะ น่าสนใจมากกก แล้วสิ่งแวดล้อมคือประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจมากขึ้นทุกวันด้วย แต่หลังจากจบมายังไม่ได้เริ่มงานด้านนี้โดยตรงนะคะ พี่ไปทำงานใน Law Firm, Corporate Lawyer และนักกฎหมายรัฐสภา (ตำแหน่งนิติกร) แล้วไปเรียนต่อโทกฎหมายระหว่างประเทศที่อังกฤษก่อนจะกลับมาทำงานรัฐสภา และสอบติดผู้ช่วยพิพากษา

ระหว่างนั้นความสนใจเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อมก็ยังอยู่ค่ะ แล้วยิ่งชัดขึ้นมาอีกตอนไปทริปดำน้ำ เห็นความสวยงามของธรรมชาติแบบใกล้ชิดมากๆ พี่มีความคิดแว็บขึ้นมาว่า “ธรรมชาตินี่ดีจังเลยนะ เราจะรักษาธรรมชาติยังไงให้อยู่กับโลกเราได้นานที่สุด”

เป็นเหตุผลที่พี่สมัคร Environmental Law ยื่นคะแนน IELTS 7 ไม่จำเป็นต้องมีไพรไฟล์วิชาการเลิศหรูก็มีโอกาสได้รับทุนนะคะ แต่แนะนำให้เขียนเรียงความ SoP จากแพสชันจริงๆ แสดงความจริงใจและเข้าใจเส้นทางที่ตัวเองเลือก แล้วเล่าว่าเราตั้งใจจะกลับมา contribute อะไรให้กับสังคมบ้าง 

. . . . . . . 

และแล้วแพสชันก็พามาถึงจุดนี้
รีวิวการเรียน 2 ปีที่ USYD 

คลาสเรียนกฎหมาย x สิ่งแวดล้อม

สิ่งที่รอเราอยู่ก็คือการเรียนที่เข้มข้นและสไตล์ต่างจากที่เคยเจอค่ะ ตอนมาออสฯ พี่ได้เรียนกฎหมายสิ่งแวดล้อมแบบครอบคลุมทั้งแง่การคุ้มครอง อย่าง พ.ร.บ.สัตว์ป่า และแง่การอนุรักษ์ เช่น พ.ร.บ.โลกร้อน ที่เชื่อมโยงกับประเด็น Climate Change ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ SDGs เช่น บางประเทศมีนโยบายให้ประชาชนใช้ขนส่งสาธารณะในวันธรรมดา แล้วค่อยใช้รถส่วนตัวในวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นแนวคิดที่รัฐสามารถนำไปใช้จริงได้เลยค่ะ

พี่ได้เรียนกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และบางคลาสมีเชิญผู้พิพากษามาเล่าบรรยากาศการฟ้องคดีในศาลให้เราฟัง ทำให้เห็นภาพชัดว่าสิ่งที่เรียนจะถูกนำมาใช้จริงในศาลหรือเชิงนโยบายยังไงบ้าง

ตัวอย่างวิชาท้าทายสุดเปิดโลก

วิชาแรกที่นึกถึงคือ Climate Justice and Disaster Law เป็นการวางรากฐานความเข้าใจเรื่องกฎหมายโลกร้อนในระดับสากลเลยค่ะ เนื้อหาเน้นวิเคราะห์ปัญหาโลกร้อนในปัจจุบัน + ความเสี่ยงด้านภัยธรรมชาติ + โยงเข้ากับเรื่องสิทธิมนุษยชน ทุกวันนี้คนเริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งแวดล้อมกับสิทธิมนุษยชนเกี่ยวข้องกัน อย่างเรื่องสิทธิในการหายใจอากาศสะอาดเข้าร่างกาย หรือสิทธิในการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เป็นต้น

เราจะได้เรียนสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เช่น UNCLOS, UNFCCC และเชื่อมโยงกับ SDG ต่างๆ ด้วยค่ะ ถ้าใครตามข่าวโลกร้อนหรือภัยธรรมชาติจะยิ่งนึกภาพออก เพราะอิงเคสที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละวันค่ะ

อีกวิชาที่น่าสนใจคือ International Sustainable Finance เป็นการนำเรื่องสิ่งแวดล้อม x ไฟแนนซ์ ช่วงแรกอาจรู้สึกยากเพราะพี่ไม่มีพื้นฐานไฟแนนซ์มาก่อน แถมเด็กนิติส่วนใหญ่จะไม่ค่อยถูกกับวิชาเลขด้วย แต่คอร์สนี้ไม่ได้ให้คำนวณเยอะเลยค่ะ เขาเน้นให้อ่านสัญญาและวิเคราะห์ข้อกฎหมายเป็นหลัก ทำให้ได้เห็นมุมมองที่ไม่ใช่กฎหมายจ๋าๆ เช่น ยกเคสจริงอย่าง “Sustainable Bond” มาให้นักศึกษาลองอ่านข้อสัญญาแล้ววิเคราะห์ประเด็นว่าพันธบัตรนี้ที่บอกว่าจะเอาไปทำโพรเจกต์รักษ์โลก จริงๆ แล้วทำได้ขนาดนั้นไหม? มีช่องกฎหมายตรงไหนที่ผู้บริโภคอาจเข้าใจผิด เป็นต้น 

ไม่ใช่แค่ท่องจำ แต่ฝึกคิดแบบชัดเจนและลึกซึ้ง

ที่นี่จะมีระบบออนไลน์ คล้ายๆ Canva / Blackboard สำหรับโหลด Materials และ Reading List ของหัวข้อแต่ละสัปดาห์ให้อ่านล่วงหน้า ซึ่งแนะนำให้อ่านเพื่อให้เรียนตามในคลาสทันค่ะ ในคลาสก็จะไม่ใช่การเน้นฟังเลกเชอร์แล้วจบ แต่เขาจะฝึกให้เราคิด-วิเคราะห์ อาจารย์จะเปิดให้ทุกคนดิสคัสกันแบบ Constructive Discussion เวลาเรายกประเด็นอะไรขึ้นมา เค้าจะถามต่อว่า “แล้วคุณมีหลักฐานหรือเหตุผลอะไรซัปพอร์ตความคิดนั้น?” “ทำไมถึงต้องตีความแบบนี้?” “กฎหมายนี้มีเหตุผลรองรับอะไรอยู่ข้างหลัง?” ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่มีถูกผิดนะคะ แต่อยู่ที่ว่าเราจะอธิบายมุมมองของตัวเองยังไงให้สมเหตุสมผลและมีน้ำหนัก

พูดง่ายๆ คือ ถ้าเป็นตอน ป.ตรีจะเน้นเรียนว่าใช้กฎหมายยังไง เช่น บทบัญญัตินี้ตีความว่าอะไร มีคำวินิจฉัยว่ายังไงบ้าง ฯลฯ แต่พอขึ้น ป.โท เราจะได้ฝึกคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และเริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่เรียน สกิลนี้ใช้ต่อยอดไปถึงการทำงานจริงได้ โดยเฉพาะสายงานกฎหมายที่ต้องวิเคราะห์และถกเถียงในประเด็นต่างๆ อย่างเป็นระบบ

ส่วนตอนสอบบางวิชาเป็น Take-home exam อาจจะมีโจทย์มาให้เขียนตอบปกติ หรือเลือกทำ 1-2 ข้อจากทั้งหมด แล้วส่งภายในเวลาที่กำหนด // พี่รู้สึกเลยว่าเขียนตอบยาวๆ ยังง่ายกว่า เพราะถ้าเขียนสั้นแปลว่าเราต้องเข้าใจจริงๆ แล้วหาวิธีอธิบายให้กระชับได้

และความท้าทายตอนเรียนก็ต่างกันอีก ตอน ป.โท ธรรมศาสตร์ต้องเขียน Thesis ในขณะที่อังกฤษเรียนทั้งปี 4 วิชา และมี Dissertation ที่เขียนไม่ยาวมาก ส่วนโครงสร้างหลักสูตรออสเตรเลียจะให้เรียนทั้งหมด 8 วิชา (เทอมละ 4 วิชา) ไม่มี Thesis/Dissertation เลย แต่มาในรูปแบบ Essay ปลายภาคตู้มเดียว 8,000 คำ ซึ่งตรงนี้อยู่ที่เรื่องเทคนิคการลงทะเบียนเรียนให้วันส่งงานไฟนอลแต่วิชาไม่อยู่ติดกันเกินไป การเรียนถือว่าเข้มข้นอัดแน่นมากๆ ถ้าเป็นสายกฎหมายที่ออสฯ ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้หมดค่ะ

สุดท้ายแล้วพี่ว่าการเรียนกฎหมายช่วยฝึกให้เราคิดอย่างมีเหตุผล (logical) มากขึ้นค่ะ ไม่ใช่แค่ “ตัดสินใจแบบนี้เพราะรู้สึก” แต่จะคิดต่อว่า “เพราะอะไร?” “ทางเลือกนี้มีข้อดีข้อเสียยังไง?” ได้ฝึกเปรียบเทียบ pro & con ก่อนจะเลือกอะไรสักอย่าง แล้ว mindset แบบนี้ก็ใช้ได้เกือบทุกเรื่องในชีวิต

. . . . . . . 

เรียนไปทำงานไป
ได้บาลานซ์ชีวิตแบบออสซี่

จริงๆ ช่วงเทอม 2 เหนื่อยสุดเพราะกำหนดส่งงานแต่ละวิชาจะมาติดๆ กัน คีย์สำคัญคือบริหารเวลาและวางแผนให้ดี จัดลำดับความสำคัญให้ถูกว่างานไหนส่งก่อน-หลัง  // แต่จริงๆ พี่รู้สึกว่าที่ออสฯ ไม่ได้เครียดหรือเรียนหนักแบบอดหลับอดนอนขนาดนั้น ระหว่างเรียนพี่ก็ยังไปทำงาน Hospitality ในร้านอาหารฟิวชัน ซึ่งพี่ไม่ได้มีสถานะเป็นพนักงาน Full-time หรือ Part-time แต่เป็น ‘Casual Employee’ รูปแบบนี้ยืดหยุ่นมากค่ะ ร้านจะให้เราส่งวัน-เวลาที่สะดวกเข้าล่วงหน้า แล้วเขาจะจัดตารางให้ตามช่วงที่ต้องการคนช่วยงานเพิ่ม

. . . . . . . 

รีวิวชีวิตจริงในซิดนีย์
เมืองน่าอยู่ อากาศดี กิจกรรมแน่น!

ถ้าเทียบ 2 ประเทศที่เรียนมา ชอบทั้งคู่แต่ให้ฟีลคนละแบบ ถ้าอังกฤษก็จะชิลๆ อากาศเย็น เดินไปเรียนได้ทุกวัน ส่วนออสเตรเลียอากาศไม่หนาวเกิน มีอะไรให้ทำตลอด จะไปทะเล ดำน้ำ หรือแค่เดินเล่นในเมืองก็รู้สึกดีแล้ว~~~~

Photo by Jamar Cromwell on Unsplash
Photo by Jamar Cromwell on Unsplash

นักเรียนทุนนี้ไม่มีเหงา

ถึงจะยื่นคะแนน IELTS ผ่านเกณฑ์ แต่ถ้าได้ทุน Australia Awards – MAP ก็จะมีคอร์ส Academic English ให้เรียนก่อนบินด้วยนะคะ (ตอนนั้นพี่เรียนออนไลน์เพราะเพิ่งช่วงโควิด-19) แล้วพอถึงออสฯ ก็มีคอร์สภาษาให้เรียนช่วงสั้นๆ ก่อนเปิดเทอมอีก ทำให้ได้เพื่อนร่วมทุนจากภูมิภาคแม่โขง เช่น กัมพูชา พม่า ลาว ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้เรียนฟรี แล้วเป็นโอกาสสำหรับคนที่อยากมาตั้งหลักและหาที่พักที่ถูกใจตั้งแต่เนิ่นๆ 

ระหว่างเรียนทุนยังมีจัดทริปบ่อยๆ อย่างทริปแคนเบอร์รา หรือเวิร์กชอป 3 วัน 2 คืนที่ Manly Beach เป็นโอกาสให้รู้จักเพื่อนร่วมทุน Australia Awards ที่อยู่นอกภูมิภาคด้วยค่ะ

ที่พักเรื่องใหญ่ เลือกยังไงให้รอด?

อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ พี่มีทำสัญญาระยะสั้น (short-term contract) มาเรียนคอร์สภาษาที่ทุนจัดให้ และถือโอกาสสำรวจที่พักก่อนจะตัดสินใจอยู่ยาวๆ เพราะถ้าเสิร์ชตามเน็ตแล้วจ่ายเงินเลย อาจรู้สึกเฟลตอนมาเห็นสถานที่จริง 

สำหรับที่พักก็มีหลายแบบอีกคือ

  • หอพักมหาลัย โควตาจำกัด ถ้าทันก็จะทำให้ชีวิตช่วงเริ่มไม่เหนื่อยมาก เดินไปเรียนได้
  • หอพักของเอกชน มีจัดกิจกรรม Excursion Day ด้วย
  • แชร์บ้าน/อพาร์ตเมนต์ อาจหาจาก https://flatmates.com.au/ หรือตาม Facebook Fanpage / Group แต่ต้องระวังมิจฉาชีพมากๆ นะคะ แนะนำให้ขอเอกสารมาเช็กจนกว่าจะแน่ใจแล้วค่อยโอนเงิน และแนะนำว่าจะมีระบบนัด Inspection ให้ดูห้องก่อนได้ ถ้าถูกใจก็คุยเลย แต่ถ้าทำผ่านเอเจนซีจะมีขั้นตอนซับซ้อนขึ้น

ประเทศที่อยู่ง่าย แต่ต้องพก Survival Skills มาด้วย!

  • โลเคชันของมหาวิทยาลัยคือใจกลางเมืองซิดนีย์ (CBD) เลยค่ะ เดินทางสะดวกสุดๆ ไปไหนก็ง่ายหมด มี Supermarket ทั่วเมือง จะไปรัฐอื่นก็ง่าย~

    ที่สำคัญคือถ้าเป็นระบบขนส่งสาธารณะในซิดนีย์ เราถือแค่ Opal Card ใบเดียว สามารถใช้ได้ทั้งเรือเฟอร์รี่ รถเมล์ รถรางเลยค่ะ แถมนักเรียนได้สิทธิ์จ่ายในเรตถูกลง เช่น จาก $6 เหลือแค่ $4.2 แถมมีระบบ capped ด้วย ถ้าใช้ครบ $30 ในสัปดาห์นั้นๆ ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว

    แต่หลายเรื่องเราต้องศึกษาและใช้สกิลเอาตัวรอด เช่น ทำเอกสาร-บัญชีการเงิน หาที่พัก ฯลฯ ถ้ามาถึงแล้ว อย่างแรกที่ควรทำคือ “เปิดบัญชีธนาคาร” เพราะต้องรับเงินโอนจากทุน จะได้รีบไปวางแผนค่าใช้จ่ายต่อค่ะ
  • ถ้าเป็นสายลุยหรือชอบธรรมชาติ น่าจะหลงรักออสฯ เพราะมีกิจกรรม Outdoor ให้ทำหลายอย่าง โดยเฉพาะดำน้ำ ปีนเขา เล่นเซิร์ฟ ฯลฯ พี่เองเคยไปเที่ยวมอร์ตันไอซ์แลนด์ (Moreton Island) และดำน้ำที่ Great Barrier Reef จริงๆ ที่นั่นมีปัญหาปะการังฟอกขาว แต่สัตว์น้ำคือปังจริง!
Photo by Daniel Pelaez Duque on Unsplash
Photo by Daniel Pelaez Duque on Unsplash
Photo by Kristin Hoel on Unsplash
Photo by Kristin Hoel on Unsplash

ในมหาลัยและเมืองซิดนีย์มีห้องสมุดให้เข้าเยอะ โดยเฉพาะของคณะกฎหมายเอง พี่ชอบไปใช้โซน Study Space ทั้งเงียบ สะอาด และเปิด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดในเมืองซิดนีย์ อยู่ตามห้างหรือพื้นที่สาธารณะบางจุด ฟีลคล้ายๆ TK Park ในไทย แต่เป็นของรัฐบาลเองเลย ใหม่เอี่ยม น่าเข้า และไม่มีค่าใช้จ่ายเหมือนกันค่ะ เรียกว่าเป็นประเทศที่ส่งเสริมการเรียนรู้สุดๆ

เปิดโลกกว้าง เพื่อนต่างชาติเยอะ

  • เพื่อนในคลาสมีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งจากยุโรป อาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย และที่เยอะที่สุดคือคนจีน ทำให้เวลาเรียนหรือดิสคัสกัน เราจะได้เห็นมุมมองเฉพาะตัวที่สะท้อนบริบทของแต่ละประเทศ เพราะหลายหัวข้อไม่ได้มีแค่ตัวบทกฎหมาย แต่ยังขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนตัว บริบทสังคม และผลกระทบจากนโยบายของแต่ละประเทศ ช่วยให้การแลกเปลี่ยนในคลาสมีมิติมากขึ้นค่ะ

    ส่วนใหญ่คนที่ดิสคัสเก่งๆ ก็คือกลุ่มเจ้าของภาษานี่แหละ เพราะเขาเล่าได้คล่องและมีสำนวนเฉพาะของตัวเองมาก แต่สำหรับเราที่เป็นนักเรียนต่างชาติก็ไม่ต้องกังวลนะคะ มั่นใจเข้าไว้แล้วพูดเต็มที่เลย
     
  • คนที่ออสฯ เฟรนด์ลี่มากก บรรยากาศแอบชวนให้นึกถึงตอนไปอเมริกา แบบเดินๆ อยู่ก็มีคนชมว่าเสื้อสวย ชวนคุยแบบไม่ต้องรู้จักกันมาก่อน ถ้าออกนอกโซน CBD ไปเดินป่าหรือไฮกิ้ง คนที่เดินสวนกันยังทัก Good morning ตลอด

Tips & Checklists
สำหรับว่าที่นักเรียนไทยในออสฯ

  • ทำการบ้านไว้จะได้ไม่อ๊อง แนะนำให้เช็ก Materials แล้วเตรียมตัวอ่านก่อนถึงคลาส เพราะช่วยลดความประหม่าและทำให้เราเรียนตามในคลาสทันเร็วขึ้น
     
  • เตรียมภาษาอังกฤษให้พร้อม โดยเฉพาะทักษะการเขียนเชิงวิเคราะห์ เพราะการเรียนใน ป.โท จะเน้นการเขียน Essay การอ่านจับประเด็น และการให้เหตุผลอย่างเป็นระบบ รวมถึงทักษะ Listening & Speaking ก็สำคัญมากตอนฟังเลกเชอร์หรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมคลาส ช่วงแรกๆ อาจต้องปรับหูนิดนึงให้คุ้นกับสำเนียงออสซี่ แต่ส่วนตัวพี่ว่าฟังง่ายค่ะ
     
  • เรื่อง Visa Condition สำหรับคนได้ทุน เราจะต้องลงเรียนแบบ Full-time เท่านั้นนะคะ แต่ถ้าเป็นคนออสเตรเลียเอง บางคนจะเรียนแค่ Part-time แล้วไปทำงานควบคู่กันได้ เพราะระบบของเขายืดหยุ่นสำหรับพลเมืองในประเทศค่ะ

. . . . . . . 

ว่าด้วยเรื่องสายงานหลังเรียนจบ
Environmental Law

จริงๆ แล้ว Environmental Law เป็นหนึ่งในสายกฎหมายที่ไปต่อได้ไกลและกว้างมากๆ ไม่จำกัดแค่ภาครัฐหรือองค์กรสิ่งแวดล้อม แต่สามารถทำงานใน Law Firm (เน้นให้คำปรึกษาด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม), เป็น In-house Lawyer ดูแลด้านกฎหมายให้บริษัทเอกชน และอีกมากมายค่ะ เพราะโลกตอนนี้ให้ความสนใจกับ Sustainability กว่าเมื่อก่อน คนที่เชี่ยวชาญด้านนี้เลยยิ่งเป็นที่ต้องการขึ้นเรื่อยๆ

หรือถ้าอยู่ไทยก็สามารถสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา ทนายความ หรือตัวเลือกอื่นๆ เช่น ทำงานกับองค์กร NGO หรือองค์กรระหว่างประเทศ อย่าง Environ Justice Foundation (EJF), Greenpeace, WWF ฯลฯ โดยเฉพาะในสายที่เกี่ยวข้องกับ Climate Justice, Maritime law, สิทธิมนุษยชน หรือการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development)

แต่กรณีเรียนจบ ป.โท จากออสเตรเลีย ยังไม่สามารถทำงานเป็นทนายในออสฯ​ ได้ทันทีนะคะ เพราะระบบกฎหมายและขั้นตอนการเป็นทนายความ (Lawyer) ที่นั่นจะมีขั้นตอนเพิ่มเติมอีก

แหล่งข้อมูลเส้นทางทนายความในออสเตรเลีย

  • Council of Australian Law Deans (CALD) รวมรายชื่อมหา’ลัยกฎหมายที่ได้รับการรับรอง และข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการศึกษาและการฝึกกฎหมายในออส
  • Law Admissions Consultative Committee (LACC)  ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอน Admission, วิชาที่ต้องเรียน, แนวทางการเทียบวุฒิ ฯลฯ
  • Legal Admissions Board (ของแต่ละรัฐ) เช่น New South Wales, Victoria

. . . . . . . 

Ready? 
Don’t wait.

ถ้าพร้อมแล้วตั้งใจว่าจะขอทุน เตรียมศึกษาข้อมูลแล้วทำให้เต็มที่เลยค่ะ ต่อให้ปีนี้ยังไม่ได้ ปีหน้าก็ยังมีโอกาส พี่รู้จักหลายคนที่เคยพลาดแล้วไม่ยอมแพ้ ในที่สุดก็ได้ทุนในครั้งต่อไปจริงๆ ส่วนถ้าใครกังวลว่า “ถ้าสมัครแล้วไม่ได้ จะเสียเวลาฟรีๆ รึเปล่า?” พี่ไม่อยากให้คิดแบบนั้นเลยค่ะ เพราะกระบวนการเตรียมตัว ตั้งแต่เขียน Motivation, เตรียมเอกสาร ไปจนถึงซ้อมตอบคำถามกับกรรมการ ทุกอย่างเป็นโอกาสให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้ค่อยๆ ทบทวนและตกผลึกจากประสบการณ์ แล้วรู้จุดที่สามารถพัฒนาเป็นเราในเวอร์ชันที่พร้อมกว่าเดิม

ในทางกลับกัน ถ้าเกิดได้ทุนขึ้นมาจริงๆ ก็คุ้มมากๆ ถ้าตีเป็นมูลค่าก็ตกหลักล้าน หรือบางคนก็ทะลุสองล้าน++ ขึ้นอยู่กับหลักสูตร ยังไม่นับสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งประสบการณ์ใหม่ๆ มุมมองที่เปลี่ยนไป และคอนเน็กชันที่เป็นเพื่อนจากหลายประเทศทั่วโลกด้วยค่ะ

. . . . . . . .

[ You are all Invited. ]
โอกาสปรึกษาฟรีกับ 24 รุ่นพี่ทุนดีกรีสุดปัง
พบกัน 4-5 ต.ค. 68 ที่ไบเทคบางนา

เคลียร์คิวให้พร้อม เพราะ Dek-D's Study Abroad Fair จะคัมแบ็กแบบเล่นใหญ่!  พาว่าที่เด็กนอกเริ่มก้าวแรกเตรียมพร้อมออกเดินทาง เพื่อพิชิตฝันเรียนต่อต่างประเทศให้เป็นจริง

  • 40+ บูทสถาบัน/เอเจนซี/มหาวิทยาลัย จาก 20+ ประเทศฮิตทั่วโลก
  • ปรึกษาฟรี 1:1 กับ 24 รุ่นพี่เด็กนอก หลายทุนหลายประเทศ
  • แจกฟรี! Planner & Timeline วางแผนเรียนต่อนอก 2026
  • IELTS Mock Test ฟรี  (Reading & Writing) โดย British Council IELTS
  • Alumni’s Talk #ทอล์กเด็กนอก แชร์ประสบการณ์เรียนต่อกว่า 20 หัวข้อ
  • โปรแกรมทดสอบความรู้ 10 ภาษา
  • จัดพร้อม Dek-D’s TCAS Fair งาน Open House เรียนต่อมหาวิทยาลัยในไทยที่ใหญ่ที่สุด มางานเดียวคุ้ม ได้เลือกทั้งไทยและต่างประเทศ
มาเถอะ อยากเจอ~ ดูรายละเอียดงานที่นี่
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น