‘พี่ฟ้า’ แชร์ 7 เรื่องเล่าเด็กทุนรัฐบาลไทย เรียนต่อโทกฎหมายที่ D.C. เมืองหลวงสหรัฐฯ & ชีวิตราชการหลังจบ

สวัสดีค่ะชาว Dek-D น้องๆ ป.ตรี ที่อยากสมัคร “ทุนรัฐบาลไทย” เพื่อสานฝันการเรียนต่อมหาวิทยาลัยระดับโลกที่มักจะมาพร้อมค่าใช้จ่ายสูงลิ่ว แต่ยังกังวลเรื่องข้อผูกพันในการกลับมาทำงานราชการ ขอบอกว่า “ทุนรัฐบาลไทย UIS” (ทุนรัฐบาลเพื่อดึงดูดผู้มีศักยภาพสูงฯ) อาจตอบโจทย์ค่ะ

วันนี้เรามีรีวิวจาก “พี่ฟ้า – ฟ้าฤดี” ศิษย์เก่านิติศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ได้รับทุนนี้เพื่อไปเรียนต่อด้านกฎหมายระหว่างประเทศที่ Georgetown University ประเทศสหรัฐอเมริกา มาให้น้องๆ ได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าทุนนี้มีลักษณะพิเศษยังไงบ้าง เหมาะกับใคร และควรเตรียมตัวยังไงจึงจะเพิ่มโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นนักเรียนทุนในอนาคต ตลอดจนชวนพี่ฟ้าแชร์มุมมองการทำงานราชการด้วยค่ะ

ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มข้อแรกกันเลยค่าา

โอกาสทอง! ปรึกษาฟรีกับ 24 รุ่นพี่ทุนดีกรีสุดปัง
พบกัน 4-5 ต.ค. 68 ที่ไบเทคบางนา

จดคำถามที่คาใจ แล้วมาคุยแบบ 1:1 กับ "พี่ฟ้า" ตัวจริงได้ในวันเสาร์ที่งาน  Dek-D's Study Abroad Fair  นะคะ รอบนี้เราได้รับเกียรติจาก 24 รุ่นพี่เด็กนอกหลายทุน หลายประเทศ ได้แก่ ทุนรัฐบาลไทย ก.พ. และ ทุน UIS, CSC (จีน), GKS (เกาหลีใต้), ASEAN Scholarships (สิงคโปร์), TaiwanICDF (ไต้หวัน), MEXT (ญี่ปุ่น), DAAD (เยอรมนี), Franco-Thai (ฝรั่งเศส), Fulbright TGS (สหรัฐฯ), Chevening (สหราชอาณาจักร), Erasmus+ (ยุโรป), Swedish Institute (สวีเดน), Stipendium Hungaricum (ฮังการี), Australia Awards (ออสเตรเลีย), และทุนจากมหาวิทยาลัย/บริษัทเอกชน

1

Opening Statement
เส้นทางก่อนเป็นเด็กทุน

สวัสดีค่ะ “พี่ฟ้า–ฟ้าฤดี” นะคะ จบ ป.ตรี จากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมัยนั้นพี่ลงเรียนวิชาสาขากฎหมายระหว่างประเทศแล้วชอบค่ะ เพราะ ได้ศึกษากฎหมายผ่านประเด็นสถานการณ์โลกและเป็นการเรียนกฎหมายแนวประยุกต์ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย

สำหรับเหตุผลที่ตัดสินใจสมัครทุนรัฐบาลไทย UIS เพราะ ช่วง ป.ตรี ฟ้าเคยได้มีโอกาสเรียนรู้แนวทางการทำงานใน Law Firm จากการฝึกงานที่ Law Firm ในไทย และมีแผนอยากต่อโทอยู่แล้วด้วย บวกกับอยากรู้ว่าตัวเองจะเหมาะกับงานราชการมั้ย ซึ่งพอมาเจอทุนรัฐบาลไทย UIS ก็รู้สึกว่าตอบโจทย์เพราะให้โอกาสทั้งเรียนโทและจะได้ลองทำงานราชการจริงๆ 

พอเรียนจบแล้วก็เริ่มใช้ทุนทันที เริ่มเส้นทางงานราชการที่ “กรมการปกครอง” ทำงานอยู่ 2 ปี แล้วได้รับทุนระยะที่ 2 ไปเรียนต่อ ป.โท สาขากฎหมายระหว่างประเทศที่อเมริกาค่ะ

Photo by Juliana Uribbe on Unsplash
Photo by Juliana Uribbe on Unsplash

2

เปิดแฟ้มรีวิวสมัครทุนรัฐบาลไทย (UIS)
ทุนนี้ดียังไง? เหมาะกับใคร? คัดเลือกกี่ด่าน?

เล่าก่อนว่า ทุนรัฐบาลเพื่อดึงดูดผู้มีศักยภาพสูง (Undergraduate Intelligence Scholarship Program – UIS) เป็นหนึ่งในประเภทของทุนรัฐบาลไทยค่ะ นิสิต/นักศึกษาที่กำลังเรียน ป.ตรี ชั้นปีที่ 3 สามารถสมัครทุนนี้ได้ โดยจะแบ่งการให้ทุนออกเป็น 2 ระยะและมีข้อผูกพัน;

  • ระยะที่ 1 ทุนเรียน ป.ตรี ชั้นปีสุดท้าย (ไม่เกิน 1 ปี) ตามโครงสร้างหลักสูตร เราจะได้เซ็นสัญญาทุนระยะแรก แล้วมาบรรจุราชการหลังเรียนจบ ป.ตรี ที่หน่วยราชการที่สมัครไว้เป็นระยะเวลาสองเท่า (เรียน 1 ปี = ใช้ทุน 2 ปี) ก่อนตัดสินใจอีกครั้งว่าจะรับทุนต่อในระยะที่ 2 หรือไม่
  • ระยะที่ 2 ทุนเรียนต่อ ป.โท ในไทยหรือต่างประเทศ และกลับมาทำงานในหน่วยราชการเดิมที่สมัครไว้ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เท่าจากที่ไปเรียน

ผ่านการคัดเลือกกี่ด่านกว่าจะติดทุน UIS

รอบแรกคือการสอบข้อเขียน แนวข้อสอบสมัยนั้น จะคล้ายๆ สอบภาค ก. หรือแนว ONET แต่ยากกว่านิดหน่อยค่ะ มีวิชาด้านการคิดวิเคราะห์เป็นข้อสอบแบบตรรกศาสตร์ทางคณิตศาสตร์และทางภาษา)และวิชาภาษาอังกฤษ รอบนี้จะตัดผู้สมัครออกไปเยอะพอสมควร

รอบต่อมาคือการสัมภาษณ์ ถ้าเข้ารอบนี้ได้พี่ว่ามี % ได้ทุนสูงแล้วเราก็จะอุ่นใจขึ้นประมาณนึง

  • สัมภาษณ์เดี่ยว ปีที่ฟ้าสมัครเลือกได้ 2 หน่วยทุน ถ้าติดทั้งคู่จะต้องไปสัมภาษณ์ของทั้ง 2 หน่วย แต่ตอนนั้นพี่ติดของกรมการปกครอง เลยได้สัมภาษณ์เฉพาะที่นี่ค่ะ คำถามจะเข้มข้นกว่าตอนสอบข้อเขียน กรรมการประกอบไปด้วยคนจากหน่วยงานนั้นๆ หน่วยงาน ก.พ. เอง และมีคนที่ถามเป็นภาษาอังกฤษด้วย คำถามภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นเชิง Academic แต่เหมือนเน้นวัดว่าเราใช้ภาษาได้คล่องแค่ไหน
  • สัมภาษณ์กลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหัวข้อที่กำหนดร่วมกับผู้สมัครคนอื่นๆ  แนะนำให้ฟังคำถามดีๆ ตอบให้ตรงคำถาม หาจังหวะพูดเฉพาะเนื้อหาที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ที่สำคัญคือควรเปิดโอกาสให้คนอื่นพูดด้วย กรรมการจะดูเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่นและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเราค่ะ

ความท้าทายในการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ คือถ้าเป็นข้อสอบ IELTS และ TOEFL เราจะรู้โครงสร้างได้จากข้อสอบเก่า ทำให้การเตรียมตัวเรื่องภาษาอังกฤษสำหรับสอบ UIS ต่างกัน เพราะไม่มีแบบแผนชัดเจน เดายากมากว่าเจอคำถามอะไร แต่พี่คิดว่าถ้าเราผ่านข้อเขียนก่อนหน้านี้มา รอบนี้ก็เป็นเพียงการวัดทักษะการสื่อสารของเรา แนะนำให้ลองซ้อมพูดเยอะๆ โดยเฉพาะคนที่ยังไม่มั่นใจค่ะ

สรุปข้อมูลทุนรัฐบาลไทยฯ UIS

3

เรียนโท International Legal Studies ที่ Georgetown
หนักแค่ไหน? ภาษายากมั้ย? เรียนยังไงบ้าง?

หลักสูตร LLM (Master of Laws) ที่ Georgetown เป็นหลักสูตรแบบ 2 ปีที่เข้มข้นมากจริงๆ ทั้งกิจกรรมการสอนในห้องเรียน การบ้าน และการสอบ แต่จะรู้สึกว่าหนักแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเราให้น้ำหนักกับอะไร และจัดการเวลาได้ดีแค่ไหน ส่วนตัวตั้งเป้าไว้ว่าอยากได้ GPA 3.5+ และเก็บครบทั้งประสบการณ์การเรียน สังคม และฝึกงาน ซึ่งฟ้าชอบเรียนอยู่แล้วก็เลยรู้สึกสนุก อาจไม่ได้อ่านหนังสืออัดแน่นทุกวัน แต่ตั้งใจมีส่วนร่วมในคลาสเต็มที่ แล้วหาเวลาไปใช้ชีวิตนอกคลาสบ้าง

ในคลาสที่อเมริกา ส่วนใหญ่จะให้เราอ่านมาล่วงหน้าแล้วมาอภิปรายกันในห้องเรียน เช่น ของฟ้าคือได้โจทย์และข้อเท็จจริง แล้วมาวิเคราะห์โดยใช้กฎหมายของวิชาที่เลือกเรียน เข้าใจง่ายๆ คือ เค้าสอนให้เราเข้าใจและใช้กฎหมายเป็นมากกว่าการให้ท่องจำ ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษ ถ้าเป็นวิชาสายกฎหมายการค้า เช่น Business หรือ Arbitration จะไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่ เพราะคำศัพท์ส่วนใหญ่เป็น Business Terms ที่ใช้กันในระดับสากล แต่ถ้าใครไปลงวิชาสาย Public Law มีโอกาสจะเจอศัพท์เฉพาะทางเยอะ บางคำถึงแปลออกมาก็ยังต้องนั่งหาคำอธิบายอีกชั้นค่ะ

เคยไป Work & Travel มาก่อน 
เจอความยากและความท้าทายอีกรสชาติ

ก่อนจะติดทุนไปเรียน ป.โท ฟ้าเคยไปที่อเมริกามา 4 ครั้ง

  • ครั้งแรก Work&Travel ที่ Ocean City ในรัฐ Maryland ประมาณ 4 เดือน
  • ครั้งที่ 2 เคยเข้าร่วมการประชุมนานาชาติด้านสันติภาพที่ UN, New York ประมาณ 10 วัน
  • ครั้งที่ 3 เคยไปนำเสนอโครงการเพื่อสังคมในงานประชุมที่มหาวิทยาลัย UC Berkley, California ประมาณ 5 วัน
  • และอีกครั้ง คือ ไปทำงานเป็น lifeguard ที่ Disneyland รัฐฟลอริดา ประมาณ 4 เดือน (งานนี้กดดันสุดๆ เลยค่ะ เพราะ ทุกวินาทีในการทำงาน หมายถึง การดูแลชีวิตคนอื่นจริงๆ ทำให้ไม่ต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตมากนัก เมื่อตัดสินไปไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา)

นอกจากนี้ เหตุผลที่เลือกเรียนที่อเมริกา คือ ระบบการเรียนสายกฎหมายที่อเมริกาจะไม่บังคับว่าต้องทำวิทยานิพนธ์ แต่เน้นการแลกเปลี่ยนความเห็นกันในห้องและอาจจะมีเปเปอร์บ้าง ฟ้าอยากใช้โอกาสไปเรียนต่อได้เรียนรู้กฎหมายในรูปแบบการสอนลักษณะนี้มากกว่าไปเก็บตัวเขียนงาน รวมถึงเมื่อเรียนจบแล้ว ถ้าเราเก็บวิชาซึ่งเปิดให้เด็ก LLM สามารถลงเรียนได้และเป็นวิชาตามที่สภาทนายความของรัฐ New York กำหนดก็จะทำให้เราจบแล้วมีคุณสมบัติสามารถสมัครสอบตั๋วทนายที่ New York ได้ด้วย สำหรับใครที่มองหาโอกาสจะมาทำงานที่อเมริกาจริงจัง ก็เรียกว่าใกล้ฝันขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งค่ะ 

ส่วนในการเรียน ป.โท ก็จะต้องมีการพัฒนาตัวเองเพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวความรู้ในทางวิชาการให้ได้เต็มที่ เพราะ แนวทางการสอนที่นี่จะเน้นให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนแนวคิด และประสบการณ์ เพื่อสะท้อนมุมมองที่หลากหลาย เช่น การวิเคราะห์กรณีศึกษาที่ไม่มีโจทย์ที่มีคำตอบชัดเจนแต่เป็นแนวเปิดกว้าง คำถามแบบที่เน้นวิเคราะห์ ไม่ใช่อ่านแล้วจะตอบตรงๆ ได้เลย ต้องใช้กระบวนการคิดและเชื่อมโยงเยอะมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นภาษากฎหมาย ยิ่งต้องอ่านซ้ำหลายรอบกว่าจะเข้าใจ

ตัวอย่างวิชาเรียน

เทอมแรกได้เรียนวิชาพื้นฐานกฎหมายและภาษาอังกฤษสำหรับนักกฎหมายซึ่งวิชาบังคับเลย คื  Academic Legal English และ Discussion Skills for International Lawyers เพื่อให้คุ้นเคยกับศัพท์และรูปแบบภาษาในบริบทกฎหมายสากล

หนึ่งในวิชาที่ฟ้าแนะนำ คือ Advanced International Commercial Arbitration ค่ะ วิชานี้ทำให้เข้าใจกระบวนการ “อนุญาโตตุลาการ” อย่างเจาะลึก ซึ่งเป็นอีกวิธีในการแก้ไขข้อพิพาททางกฎหมายที่ไม่ต้องขึ้นศาล ความพิเศษของวิชานี้คือ สอนโดย Anne Marie Whitesell ซึ่งเป็นถึงหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านอนุญาโตตุลาการระดับโลกค่ะ

(คำว่าอนุญาโตตุลาการคืออะไร?) ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่าฟ้ากับกุ๊กไก่ทำธุรกิจด้วยกัน แล้วมีปัญหาเกิดขึ้น แทนที่จะฟ้องศาล เราทำข้อตกลงกันไว้ก่อนว่า “ถ้ามีอะไร เราจะไปให้อนุญาโตตัดสินนะ’” ซึ่งเราจะเลือกอนุญาโตที่ขึ้นบัญชีในประเทศนั้นๆ มาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย โดยทั้งสองฝ่ายต้องเห็นพ้องกันว่าใครเป็นกลางที่สุด และจะใช้กฎหมายของประเทศใดเป็นหลักในการพิจารณา 

อีกวิชาหนึ่งที่น่าสนใจ คือ International Business Transactions อาจารย์คือ Professor Don De Amicis ในคลาสนี้เราได้เรียนกับนักศึกษาหลักสูตร JD และมีนักศึกษา PhD มาแจมด้วยค่ะ วิชานี้ทำให้สามารถเข้าใจว่าในการดีลธุรกิจระหว่างประเทศในทุกด้าน มีข้อควรคำนึงทางกฎหมายอะไรบ้าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสาขาด้านอนุญาโตที่ฟ้าเลือกลงเป็นวิชาเอกด้วย เพราะส่วนใหญ่ในธุรกิจจะเลือกใช้อนุญาโตด้วยเหตุผลด้าน Confidentiality และสามารถควบคุมกระบวนการได้มากกว่าการขึ้นศาลทั่วไป

ส่วนวิชาที่หนึ่งในใจฟ้า คือ Cybersecurity Law ค่ะ เป็นวิชาสองหน่วยกิตที่คุ้มมากกก ผู้สอนคือ Allison Bender ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานให้ Amazon แล้วมหาวิทยาลัยเชิญมาเป็นอาจารย์พิเศษ (เด็กกฎหมายทุกหลักสูตรลงวิชานี้ได้หมด) ตอนเรียนอาจารย์จะให้อ่านเคสมาก่อนเพื่อมาจำลองบทบาทสมมติในห้องเรียน เช่น ถ้าเราคือเจ้าของบริษัทแล้วโดนแฮ็กข้อมูล เราจะมีแผนรับมือยังไงบ้าง บางคาบจำลองสถานการณ์ให้นักเรียนรับบทเป็นผู้เกี่ยวข้องแต่ละฝ่าย ทำให้เราเห็นภาพการประยุกต์ใช้กฎหมาย Cybersecurity ได้มากขึ้นค่ะ

ถ้าย้อนไปตอนฟ้าเรียนวิชานี้ คือปี 2020 เรื่อง Cybersecurity ยังถือเป็นเรื่องใหม่ ไม่ได้เป็น buzzword เท่าทุกวันนี้ และเพื่อนร่วมคลาส คือ คนทำงานสาย Tech ที่ความรู้แน่นและตื่นตัวกับการแลกเปลี่ยนในคลาสมากกก // ฟ้าเองไม่มีพื้นฐานเลย เน้นฟังและทำความเข้าใจที่เขาคุยกันให้มากที่สุด เพราะ การได้พาตัวเองไปอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยคนมีประสบการณ์ตรง ทำให้ได้อะไรเยอะมากจริงๆ ค่ะ

4

Beyond the Degree!
มากกว่าใบปริญญา คือประสบการณ์อีกล้านแปด

ตอนเรียนหลักสูตร LLM ที่ Washington D.C. รู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ได้เรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์หลากหลายมากๆ เลยค่ะ เพราะ ที่นี่เป็นเมืองหลวงของอเมริกา และศูนย์กลางของนโยบายระหว่างประเทศ

  • มหาวิทยาลัยสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายวงการมาให้ความรู้ได้บ่อยๆ มีครั้งนึงฟ้าเคยได้ฟังบรรยายสดของอดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ “Ruth Bader Ginsburg” ตั้งแต่ตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ด้วยค่ะ
  • ช่วงซัมเมอร์ระหว่างปี 1 กับปี 2 สามารถเลือกฝึกงานได้ตามความสนใจ ตอนแรกฟ้ายื่นที่ Law Firm เอกชนแห่งหนึ่ง เพราะอยากลองทำงานในระบบบริษัท พอได้รับการตอบรับ ทนายก็ให้โอกาสคุยกับลูกความ หยิบเคสมาดูเอง ฯลฯ เขาไว้วางใจให้ทำงานหลากหลายมากๆ รู้สึกชอบค่ะ แต่เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่คิดเลยว่าถ้าได้ทำงานต่อเรื่อยๆ ต้องเก่งขึ้นแน่ๆ (โดยเฉพาะถ้ามีทนายให้คำแนะนำด้วย 5555) 

    ต่อมาฟ้าได้รับ offer จากอีกที่ที่น่าสนใจมากคือ “สภาทนายความ” (D.C. Bar) จึงได้ฝึกงานอย่างเป็นทางการต่ออีกสามเดือน ที่นี่มีการจัดหลักสูตรฝึกงานจริงจัง กำหนด mentor ชัดเจนโดยจับคู่เรากับนิติกรหรือนักกฎหมายของสภา ลักษณะงานคือรับผิดชอบเคสที่เกี่ยวกับทนายที่ปฏิบัติหน้าที่ผิดระเบียบของสภาทนายความโดยจะมีการเขียนสรุปและดูการพิจารณาจริงๆ ด้วย นอกจากทำงานที่นี่ ฟ้าก็ยังทำงานให้กับ Solidarity Center โดยช่วยรีเสิชข้อกฎหมายในประเด็นตามที่ได้รับมอบหมาย

    ตลอดการเรียนที่ D.C. เป็นช่วงเวลาที่ได้ลองทำงานหลายรูปแบบ และเจอประสบการณ์ที่หลากหลาย แนะนำเลยว่าการได้ลองทำงานจริง คือสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจ แถมยังมีผลพลอยได้เป็นการสร้าง resume ของเราได้ ถ้าใครมาเรียนที่นี่ อยากให้ลองยื่นสมัครฝึกงานดู เพราะ ที่นี่มีหน่วยงานสำคัญตั้งอยู่หลายหน่วยงานค่ะ
  • พอเราเอาตัวเองมาอยู่ที่นี่ การจะไปดูงานที่ต่างๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ ฟ้าเคยเข้าไปศึกษาดูงานที่องค์กรใหญ่ๆ หลายแห่งใน D.C.อย่าง IMF, World Bank, ฟังการพิจารณาคดีที่ ศาลสูงสุด (Supreme Court) และยังได้เข้าร่วม Law Firm Visits ซึ่งเป็นสำนักงานกฎหมายใหญ่ๆ ในเมือง เพื่อเรียนรู้ว่าโลกการทำงานจริงๆ เขาทำงานกันยังไงบ้าง และยังได้สร้าง networkings ไปในตัวด้วย
     
  • มหาวิทยาลัยมีชมรมเยอะมาก ทั้งเกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม กฎหมายอาเซียน การลงทุน ฯลฯ (คนที่สนใจสามารถ join ได้อิสระตามความสนใจ) แต่ชมรมที่ฟ้าเข้าไปในฐานะทีมงานชมรมในตำแหน่ง LLM representative คือ Human Rights Action-Amnesty International  Club ซึ่งจะทำกิจกรรมหลากหลายโดยเชิญนักศึกษามาแชร์ความรู้และข้อมูลด้าน Human Rights และสร้างคอนเน็กชันกัน 

    นอกจากนี้ ก็ยังสมัครเป็น GULC Ambassador คือ ช่วยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับหลักสูตรกฎหมายของมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาใหม่ที่สนใจด้วยค่ะ
     
  • ได้รับคัดเลือกไปแลกเปลี่ยนที่ King’s College London (KCL) ประเทศอังกฤษ ในหลักสูตร Center for Transnational Legal Studies (CTLS) ระยะเวลาประมาณเทอมนึง ซึ่งเราเทียบโอนหน่วยกิตกลับมาที่ Georgetown ได้ จำได้ว่าตอนที่ไป ได้เจอเด็กแลกเปลี่ยนและเด็กจากหลักสูตร JD หลายประเทศ และได้เห็นบรรยากาศการเรียนกฎหมายที่อังกฤษก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และคุ้มค่าสุดๆเลยค่ะ
  • ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของ CTLS ช่วยรีเสิชเตรียมไปแข่งขันศาลจำลอง (VIS Moot Court) ซึ่งตอนแรกเตรียมการแข่งขันทุกอย่างไว้แล้ว เหลือแค่แข่งรอบสุดท้ายที่เวียนนา แล้วดันเจอช่วงโควิด-19 พอดีค่ะ ทำให้การเดินทางถูกยกเลิกแม้จะจองตั๋วไปหมดแล้วก็ตาม TT แต่ฟ้าคิดว่าอย่างน้อยก็ได้เรียนรู้กระบวนการในการจำลองกระบวนการด้านอนุญาโตตุลาการการค้าระหว่างประเทศอย่างจริงจัง เพราะต้องส่ง resume และสัมภาณ์ ก่อนจะได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนของหลักสูตร CTLS ค่ะ
     
  • เคยเข้าร่วมกิจกรรมโครงการอาสาไปให้คำปรึกษากฎหมายที่เมือง Detriot, รัฐ Michigan ซึ่งโครงการนี้เปิดรับนักศึกษาทุกหลักสูตรที่อยากนำความรู้กฎหมายไปแนะนำชาวบ้าน เช่น ตอนที่ฟ้าไปโครงการ ได้ไปช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมายในด้านที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่
  • ได้โอกาสทำงานเป็น Teaching Assistant (TA) จำนวน 3 วิชา  ในระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่โดยได้รับค่าตอบแทนด้วย เพราะ ที่อเมริกาจะไม่ได้มีการอนุญาตให้นักศึกษาที่มาศึกษาต่อทำงานที่ร้านอาหารแบบที่อังกฤษหรืออสเตรเลีย แต่สามารถขออนุญาตทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างประสบการณ์ในด้านวิชาการได้ โดยตำแหน่งนี้ฟ้าได้ลองทำทั้งในรูปแบบ in-person และสามารถทำออนไลน์ช่วงที่ฟ้าไปแลกเปลี่ยนได้ด้วย
     
  • Global Derivatives Law & Public Policy (Summer 2019)
     
  • Cryptocurrencies, Initial Coin Offerings Law Seminar and Complex Securities Investigations (Fall 2019)
     
  • Implementation of Financial Market Reform Legislation and Evolution of Financial Products Regulation (Spring 2020)
     
  • เข้าร่วมโครงการ Inspiring Tomorrow's Leaders (Itrek) คือ ได้รับคัดเลือกไปทริปศึกษาวัฒนธรรมที่ประเทศอิสราเอลผ่าน ซึ่งทำให้ฟ้าได้เข้าใจปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์มากขึ้นโดยมีโอกาสเข้าไปฟังบรรยายจากชาวปาเลสไตน์ในฝั่งที่เป็นที่อยู่ของชาวปาเลสไตน์ด้วย
เข้าสู่เว็บไซต์ Georgetown Law

5

เก็บตกชีวิตสนุกๆ ที่ Washington D.C.
นอกเหนือจากโหมดเรียนและทำกิจกรรม

  • โซนมหาลัย Georgetown Main Campus สวยอยู่นะ~ เป็นเมืองที่น่ารัก ระบบใต้ดินใน Washington D.C. ใช้ได้จริง เดินทางไป-กลับมหาวิทยาลัย หรือไปเที่ยวรอบนอกสะดวกมาก ถ้าออกไปนอกเมืองหน่อยแถวเวอร์จิเนีย จะมีทั้งภูเขาและห้างเยอะ  เหมาะกับวันพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ
  • หน้าหนาวที่ D.C. คือหนาวเลยยยย! ฟ้าเจอหิมะครั้งแรกก็ที่นี่ เข้าใจเลยว่าทำไมฤดูนี้คนอยากนอนทั้งวัน 5555
  • แนะนำให้ฝึกทำอาหารไว้ ช่วยประหยัดได้เยอะค่ะ
  • อเมริกามีทั้งโซนที่ปลอดภัยและไม่น่าไว้ใจ ไม่แนะนำให้เดินคนเดียวช่วงกลางคืนหรือให้เลี่ยงโซนที่ดูเป็นแหล่งมั่วสุมหรือเปลี่ยว และต้องรู้จักการสังเกตสิ่งรอบตัวและระวังตัวอยู่เสมอ
Photo by Ian Hutchinson on Unsplash
Photo by Ian Hutchinson on Unsplash

6

Still in session!
รีวิวเส้นทางสายราชการหลังเรียนจบ

ถ้าใครกำลังคิดจะรับทุนรัฐแล้วกลับมาทำงานในสายนี้ ฟ้าอยากแนะนำให้เลือกหน่วยงานที่ตัวเองสนใจจริงๆ ตั้งแต่แรก เพื่อไม่ให้เหนื่อยทั้งตอนเรียนและการทำงาน ความรู้ที่ได้จะตอบโจทย์ทั้งตัวเราและภาครัฐ พอจบออกมาทำงาน ก็จะไม่รู้สึกว่าแค่เรียนจบแล้วกลับมาใช้ทุนตามหน้าที่เฉยๆ 

เมื่อก่อนเคยคิดว่างานราชการจะมีความอนุรักษ์นิยมสูง แต่เอาเข้าจริงยุคสมัยเปลี่ยนแล้ว หลายหน่วยงานมีคนรุ่นใหม่ไฟแรงเยอะค่ะ ช่วงหลังจบที่ฟ้ามาทำงานกรมการปกครอง ก็ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่เก่งและน่ารัก แล้วเราเองได้โอกาสเรียนรู้เรื่องการบริหารบุคคลเยอะมากๆ ด้วย

หลังจบ ป.โท จากอเมริกาทำงานใช้ทุนช่วงนึง แล้วย้ายไปทำงานในส่วนงานที่ co กับภาคเอกชน ซึ่งทางส่วนงานนี้กำลังมองหาผู้หญิงที่มีความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย คล่องภาษาอังกฤษ และมีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง พี่ที่รู้จักเห็นว่าตรงกับเรา ก็ชวนไปร่วมทีมด้วยค่ะ

ฟ้ารู้สึกงานนี้ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก เป็นงานหลายบทบาท ตั้งแต่งานฟีลประมาณตำรวจสที่ได้สืบสวนลงพื้นที่จริงและทางออนไลน์ไปจนถึงกระบวนการจับกุมผู้ต้องหาและช่วยเหลือผู้เสียหายกรณีเป็นอาชญากรรมค้ามนุษย์หรือที่มีผู้เสียหาย ได้เป็นตัวแทนหน่วยงานเข้าร่วมงานประชุมเพื่อขอความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศ สามารถเสนอความคิดเห็นหรือแนวทางปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เรารับผิดชอบ โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย

รู้สึกชอบเพราะเป็นงานที่ได้ใช้ศักยภาพทุกอย่างที่เรามี กฎหมายเดียวกันแต่สามารถใช้ได้หลายแนวทาง ต้องอยู่ที่เราว่าจะบังคับกฎหมายใช้ยังไงให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่สุด และทำให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย บางครั้งถ้าใช้กฎหมายเคร่งไป ก็กลายเป็นโทษโดยไม่ตั้งใจ แต่ถ้าหย่อนไป ก็เปิดช่องให้บางคนใช้เป็นเครื่องมือหาประโยชน์ได้เหมือนกัน นอกจากนี้เรายังได้ทำงานกับคนรอบข้างที่มีความหลากหลาย ฝึกปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่ๆ และที่สำคัญคือฝึกจัดการอารมณ์และการแสดงออกของตัวเองได้อย่างมืออาชีพ เพราะการทำงานเป็นทีมย่อมมีความเห็นต่างเสมอค่ะ แต่ถ้าเปิดใจจะได้เรียนรู้จากแต่ละมุม

ปัจจุบันฟ้าอยู่ช่วงอบรม 6 เดือนเพื่อเตรียมไปเป็นผู้พิพากษา ระหว่างนี้จะเรียกว่าเป็น “ผู้ช่วยผู้พิพากษา” ค่ะ เหมือนได้กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง~ ในเดือนที่สองและเดือนที่หกถึงเดือนสุดท้ายของการอบรม จะได้ไปฝึกปฏิบัติงานที่ศาลจริง โดยอยู่ภายใต้การให้คำแนะนำของติวเตอร์

แล้วฟ้าก็ค้นพบว่าการเป็นผู้พิพากษา ไม่ใช่แค่รู้กฎหมาย แต่ต้องรู้รอบตัวเยอะมากๆ เพื่อฟังข้อเท็จจริงในคดีให้เข้าใจและหากมีอะไรผิดสังเกต เพื่อให้ศาลสามารถตัดสินคดีได้อย่างเป็นธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง

สมมติเจอคดีรับเหมาก่อสร้าง เราจะไม่ได้ดูเพียงเอกสารอย่างเดียว แต่ต้องรู้ด้วยว่ามาตรฐานวิชาชีพจริงๆ เขาทำกันยังไง เช่น วางเหล็กโครงสร้างแบบไหน สเปควัสดุโอเคมั้ย สายไฟต้องจัดวางอย่างไร ถ้าวางอิฐแล้วเทปูนทับเลยจะผิดหรือเปล่า หรือต้องเอาเหล็กมาวางเป็นโครงก่อน 

ถ้าเกิดเป็นคดีหุ้น ต้องเข้าใจภาพรวมธุรกิจ การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้น การจดทะเบียน กระบวนการทำธุรกรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือถ้าเจอคดีทางไซเบอร์ ก็ต้องทำอัปเดตกลวิธีของพวกแฮกเกอร์ว่าเจาะข้อมูลผ่านช่องโหว่อะไรได้บ้าง เป็นต้น

7

Objection (Noted):
คำถามสำคัญก่อนสมัครทุน UIS

1) ความต้องการของเรา

ฟ้าสมัครทุนนี้เพราะอยากค้นหาตัวเองว่าเหมาะกับงานราชการหรือเปล่า แต่ถ้าใครชัดเจนว่าอยากทำงานราชการอยู่แล้ว ทุน UIS ถือว่าตอบโจทย์ค่ะ แล้วหลังจากเข้ามาบรรจุแล้วก็มีโอกาสโอนย้ายหน่วยงานได้ หรือถ้าอยากกลับไปทำงานต่างจังหวัด ก็เลือกหน่วยที่มีสำนักงานกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ได้ด้วย

2) ความคุ้มค่าด้านเวลาและผลตอบแทน

เรื่องนี้ไม่มีสูตรสำเร็จเพราะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน แนะนำให้ลองชั่งน้ำหนักว่าทั้งเวลาและแรงที่เราทุ่มไปถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้กลับมาหรือไม่ (เช่น โอกาสในชีวิต การเติบโตในสายงาน หรือความมั่นคงในอาชีพและการเงินในระยะยาว) เพื่อนฟ้าบางคนก็เลือกจะสมัครทุนไปเรียนต่อจีนหรือฝรั่งเศส เพราะตั้งใจจะเก็บภาษาที่สามด้วย

 3) Well-being (ความเป็นอยู่ & สภาพแวดล้อมการทำงาน)

เรื่องวัฒนธรรมองค์กรสำคัญมากๆ ต่อให้เรามีแพสชันแค่ไหน ถ้าสภาพแวดล้อมไม่เอื้อ ก็บั่นทอนสุขภาพจิตและกำลังใจได้เหมือนกัน

แม้ในงานราชการ เราจะไม่ได้เป็นตัวเองแบบสุดโต่งเหมือนตอนอยู่กับเพื่อนวัยเดียวกันในสมัยเรียน แต่ฟ้ามองว่าเป็นโอกาสให้เราได้ฝึก soft skills สำคัญๆ อย่างการฟังให้มาก การคุยกับคนหลากหลาย การปรับตัว และการประนีประนอม อีกทั้งพอเราได้อยู่ในบริบทที่หลากหลายมากขึ้น เราจะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะจูนตัวเอง จนในที่สุดก็เหมือนมีอาวุธครบมือ พร้อมจะรับมือกับสถานการณ์ในหลายๆ บริบทที่ต้องเจอในอนาคต”

ไม่ว่าเราจะไปทำงานที่หน่วยงานไหน ฟ้าคิดเสมอว่าสิ่งที่เราทำได้ คือ การพัฒนาความรู้ความสามารถของตัวเองอยู่เสมอและต้องมีความจริงใจในการทำงาน ใส่เต็มที่กับงานที่ทำ ถ้าวันนึงมีคนเห็นศักยภาพในตัวเรา หรือเป็นจังหวะที่มีโอกาสใหม่ๆ เข้ามา ตัวเราที่เตรียมความพร้อมไว้เสมอก็จะสามารถคว้าโอกาสนั้นได้ทัน แนวคิดนี้เป็นสิ่งที่ฟ้ายึดถือมาตั้งแต่ตอนสมัครทุน UIS และตลอดช่วงเวลาที่ทำงานมาเลยค่ะ

. . . . . . . .

[ You are all Invited. ]
โอกาสปรึกษาฟรีกับ 24 รุ่นพี่ทุนดีกรีสุดปัง
พบกัน 4-5 ต.ค. 68 ที่ไบเทคบางนา

เคลียร์คิวให้พร้อม เพราะ Dek-D's Study Abroad Fair จะคัมแบ็กแบบเล่นใหญ่!  พาว่าที่เด็กนอกเริ่มก้าวแรกเตรียมพร้อมออกเดินทาง เพื่อพิชิตฝันเรียนต่อต่างประเทศให้เป็นจริง

  • 40+ บูทสถาบัน/เอเจนซี/มหาวิทยาลัย จาก 20+ ประเทศฮิตทั่วโลก
  • ปรึกษาฟรี 1:1 กับ 24 รุ่นพี่เด็กนอก หลายทุนหลายประเทศ
  • แจกฟรี! Planner & Timeline วางแผนเรียนต่อนอก 2026
  • IELTS Mock Test ฟรี  (Reading & Writing) โดย British Council IELTS
  • Alumni’s Talk #ทอล์กเด็กนอก แชร์ประสบการณ์เรียนต่อกว่า 20 หัวข้อ
  • โปรแกรมทดสอบความรู้ 10 ภาษา
  • จัดพร้อม Dek-D’s TCAS Fair งาน Open House เรียนต่อมหาวิทยาลัยในไทยที่ใหญ่ที่สุด มางานเดียวคุ้ม ได้เลือกทั้งไทยและต่างประเทศ
มาเถอะ อยากเจอ~ ดูรายละเอียดงานที่นี่
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น