เรียนบิวตี้ที่เกาหลีดีไหม? เปิดใจ ‘พี่โอโซน’ คนไทยหนึ่งเดียวในคณะ Global Medical Beauty ที่ Konyang — รู้ลึกจริงจัง ได้เสกงานแบบจึ้งๆ

สวัสดีค่าชาว Dek-D ใครอยากเรียนต่อสาย Beauty ในประเทศที่อุตสาหกรรมความงามโดดเด่นในระดับอินเตอร์ วันนี้เราจะพาไปเปิดรีวิวน่าสนใจจาก “พี่โอโซน–นนทกร  วานิชกมลนันทน์” เด็กทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ (GKS-U) ปี 2023) และเป็นนักศึกษาคณะ Global Medical Beauty ในรั้วมหาวิทยาลัยคอนยัง (Konyang University) อีกหนึ่งมหาลัยคุณภาพอัดแน่นตั้งแต่สถาบันภาษาไปจนถึงหลักสูตรปริญญาเลยค่ะ

และแม้จะเป็นคนไทยคนเดียวในหลักสูตรที่สอนเป็นเกาหลี 100% แต่พี่โอโซนก็มีโอกาสไป join ในงานของมหาลัยหลายครั้ง ไม่ว่าจะทำงานอาสา, ออกบูทกับคณะ, เดินทางไปแชร์เสน่ห์ของ K-Beauty ถึงต่างประเทศ ฯลฯ ทำให้เธอไม่เพียงเรียนแบบรู้ลึก แต่ยังมีโอกาสไปฝึกทั้งสกิลภาษาและความชำนาญแบบมืออาชีพควบคู่กันด้วย

ใครอยากรู้ว่าชีวิตเด็กทุน ป.ตรี สายบิวตี้ในเกาหลีจะเป็นยังไง? ตอบโจทย์เรามั้ย? มีแต่เรื่องสนุกหรือแฝงความยากแบบจุกๆ ให้ต้องเตรียมรับมือ? วันนี้เราจะมาปาดข้อมูลและแรงบันดาลใจแบบเน้นๆ ให้ทุกคนได้ลงลึกถึง texture การเรียนและการใช้ชีวิตกัน ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยค่าา

. . . . . .

แนะนำตัว

สวัสดีค่า “โอโซน” นะคะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 สาขา Global Medical Beauty ที่มหาวิทยาลัยคอนยัง (Konyang University) ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนหน้านี้โซนจบสายวิทย์-คณิตจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาค่ะ 

เท้าความก่อนว่าโซนเริ่มรู้จักประเทศเกาหลีเพราะชอบซีรีส์ค่ะ ส่วนเรื่องบิวตี้เริ่มสนใจช่วง ม.2 ม.3 หลังจากลองแต่งหน้าเองครั้งแรกในชีวิต แล้วมาจริงจังขึ้นตอน ม.ปลาย เพราะที่โรงเรียนมีกิจกรรมบ่อย เพื่อนๆ เลยชวนโซนมาช่วยแต่งหน้า จนหลังๆ รับงานเสริมเป็น Makeup Artist ด้วย

ทีนี้ก็เริ่มจากหาข้อมูลว่ามีที่ไหนในไทยเปิดสอนสาขาที่เกี่ยวกับความงามบ้าง พอดีกับที่ช่วงนั้นแบรนด์เครื่องสำอางกับสกินแคร์เกาหลีกำลังบูมมากในไทย เลยรู้สึกว่าถ้าจะไปสาขานี้ เกาหลีน่าจะตอบโจทย์ ระยะทางก็ไม่ไกลจากไทย และยังมีทุนรัฐบาลเกาหลีที่ให้แบบเต็มจำนวน ส่วนเรื่องพื้นภาษาเกาหลี โซนเคยลงวิชาเสรีภาษาเกาหลีแค่ตัวเดียวตอนเรียนเตรียมฯ รู้สึกเรียนพอไหวเพราะอาจารย์เริ่มปูพื้นฐานให้จากศูนย์เลยค่ะ

แล้วอาชีพในฝันกับความชอบประเทศเกาหลีก็มาบรรจบกัน!

จริงๆ มหาลัยในเกาหลีที่เปิดสอนด้านนี้ก็มีไม่มากเท่ากับสาขาอื่น และเงื่อนไขนึงของทุนรัฐบาลเกาหลีแบบ University Track คือเราต้องเลือกมหาลัยที่ไม่ได้อยู่ในกรุงโซล (Seoul) 

โซนดูไว้หลายที่ทั้ง ม.เชจู (Jeju) ที่อยู่ไกลเมืองพอสมควร, ม.คอนยัง (Konyang) และ ม.เซมยอง (Semyung) สุดท้ายรู้สึกหลักสูตรของ Konyang น่าสนุกดีค่ะ ได้เรียนทฤษฎีกับปฏิบัติแบบเข้มข้นทั้งคู่ ได้ลงมือทำจริงเยอะ ที่สำคัญคือเคยส่งอีเมลไปถามมหาลัย แล้วเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาแบบใส่ใจมาก เลยยิ่งประทับใจขึ้นไปอีกค่ะ~~

ตอนสมัครทุน โพรไฟล์โซนกลางๆ GPA ม.ปลาย ประมาณ 3.47, IELTS 6.5, TOPIK กึบ 1 (ระดับต้นสุด) และเคยได้เกียรติบัตรจากค่ายที่เกาหลีตอน ม.ต้น คะแนนภาษาไม่สูงเพราะก่อนหน้านั้นโซนโฟกัสการเรียนกับกิจกรรมที่โรงเรียนเป็นหลัก แต่พยายามตั้งใจเขียน SoP กับ Study Plan ให้ดีที่สุด แสดงให้กรรมการเห็นความตั้งใจว่าทำไมถึงอยากเข้าที่นี่ค่ะ

ดูข้อมูลทุน GKS ป.ตรี ไว้วางแผนกัน~

. . . . . .

ปรับภาษาก่อนหนึ่งปีที่ Konyang

สอบ TOPIK ได้กึบ 6 ตั้งแต่ยังไม่จบปี

โซนเป็นรุ่นแรกที่ GKS เปลี่ยนกฎให้เรียนสภาบันภาษาของมหาลัยที่เรียน ป.ตรี (จากเดิมคือต้องเรียนคนละเมือง แล้วต้องปรับตัวใหม่) โซนก็เลยได้มาเรียนที่สถาบันภาษาของ Konyang University 

เรื่องเดียวที่รู้สึกกดดันก็คือเด็กทุนรัฐบาลเกาหลี GKS ต้องสอบผ่าน TOPIK กึบ 3 ให้ได้ก่อนขึ้น ป.ตรี แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันจบปี โซนก็ขึ้นถึงกึบ 6 แล้ว เพราะที่นี่สอนดีมากๆ + มีหนังสือของตัวเองด้วย ตอนปรับภาษาจะมี วิชาไวยากรณ์, ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน (อย่างในคลาสพูดจะได้ลองพรีเซนต์ ทำสื่อภาษาเกาหลี ดีเบตหัวข้อสนุกๆ) และมีคลาสเตรียมสอบ TOPIK แยกออกมาอีก โซนรู้สึกว่าอาจารย์ที่นี่เชี่ยวชาญเรื่องการอัปคะแนนโทปิค สอนทริกว่าจะทำยังไงให้ได้คะแนนเยอะโดยไม่จำเป็นต้องใช้ศัพท์หรือไวยากรณ์ขั้นสูงก็ได้

ส่วนเพื่อนๆ ก็น่ารัก พวกเขามาจากหลายประเทศ เช่น พม่า อาเซอร์ไบจาน ปากีสถาน อุซเบกิสถาน ฯลฯ อาจารย์ก็ใจดี คอยให้กำลังใจตลอดแม้จะมีพูดผิดบ้าง เขามีถามนักเรียนด้วยนะคะว่าเราอยากเรียนอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษมั้ย โซนเคยบอกว่าอยากเรียนคำสแลงหรือศัพท์วัยรุ่นเกาหลีที่กำลังฮิตๆ อยู่ในเวลานั้น อาจารย์ก็จัดให้ตามคำขอเลย

จริงๆ แล้วรุ่นพี่ที่จบไปหลายคนก็ยังกลับมาเยี่ยมอาจารย์กันค่ะ ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเหมือนครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น ถ้าน้องๆ กำลังหาสถาบันเรียนภาษาเกาหลี โซนในฐานะศิษย์เก่าก็อยากแนะนำของ ม.คอนยัง อีกหนึ่งเสียงค่ะ

เว็บไซต์ศูนย์ภาษา ม.คอนยัง

สปอยล์เรื่องภาษาเกาหลีหลังขึ้นปี 1

เครียดเลย ㅠㅠ ข้อสอบโทปิคกับที่เจอจริงเป็นคนละเรื่อง เพราะ ป.ตรี จะมีคำศัพท์เฉพาะทางของสาขา (Technical Terms) และศัพท์ที่เด็กเกาหลีใช้คุยกันในชีวิตประจำวันอีก

แต่แล้วอะไรหลายๆ อย่างช่วยให้โซนค่อยๆ ปรับตัวได้ในที่สุด จากตอนแรกที่ไม่กล้าพูดเลย เพราะกลัวพูดผิดแล้วจะถูกมองแปลกๆ แต่พอลองพูดแล้วสังเกต react ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร แถมทั้งเพื่อนในคณะและทั้งรุ่นพี่ที่รู้จักตั้งแต่ตอนเรียนปรับภาษา ก็คอยช่วยเหลือและ cheer up ตลอดด้วย

อีกจุดเปลี่ยนคือพอเราพักหอกับรูมเมตที่มาพร้อมกันแต่สกิลพูดเขาไปไวกว่า เราก็สงสัยว่า “เอ๊ะ ทำไมนะ?” แล้วมารู้ว่าเขากล้าพูดโดยไม่กลัวผิดนั่นเองค่ะ จากนั้นก็เปลี่ยน mindset แล้วหาโอกาสพูดบ่อยขึ้น พยายามเข้าร่วมกิจกรรมในคณะ (ซึ่งช่วยได้เยอะจริงๆ) ในที่สุดภาษาเกาหลีของโซนก็เริ่มเข้าที่เมื่อไม่นานนี้เองค่า > <

ตัวแทนนักเรียนกล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดีแก่นักเรียนรุ่นพี่ที่จบการศึกษา
ตัวแทนนักเรียนกล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดีแก่นักเรียนรุ่นพี่ที่จบการศึกษา
ตัวแทนนักเรียนที่จบการศึกษากล่าวสุนทรพจน์
ตัวแทนนักเรียนที่จบการศึกษากล่าวสุนทรพจน์
ร่วมการแข่งขัน การพูดภาษาเกาหลีของมหาลัย
ร่วมการแข่งขัน การพูดภาษาเกาหลีของมหาลัย

. . . . . .

รีวิวหลักสูตร ป.ตรี ที่คอนยัง
คณะ Global Medical Beauty เรียนอะไรบ้าง?

สาขานี้ไม่ได้มีแค่เรื่องสนุก
ชีวะจุกๆ ศัพท์เฉพาะจัดเต็ม!

ตอนนี้โซนกำลังเรียนปี 2 เทอม 1 อยู่ที่ Konyang University สาขา Global Medical Beauty หลักสูตรนี้จะได้เรียนเรื่องบิวตี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งเส้นผม ผิวหน้า และเล็บ โดยเรียนทฤษฎีและปฏิบัติควบคู่กันค่ะ อธิบายหลักวิชาคร่าวๆ คือ

  • วิชาผิว จะเริ่มเนื้อหาชีวะจ๋าๆ ตั้งแต่กายวิภาคและโครงสร้างผิว กลไกการทำงาน ฯลฯ แล้วจึงต่อด้วยภาคปฏิบัติ เช่น เทคนิคการนวดหน้า คลีนผิว ใช้เครื่องมือสปาหน้า พอเรียนทฤษฎีทั้งหมดจบ ก็จะได้สลับกันสปาหน้ากับเพื่อน โซนก็ได้ได้นอนให้เพื่อนทำบ่อยๆค่ะ วิชานี้คาบปฏิบัติคือสบายมากกก 5555
  • วิชาผม เรียนตั้งแต่โครงสร้างของเส้นผม ปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวกับการย้อม ดัด และทรงต่างๆ ก่อนจะได้ลงมือทำจริง
  • วิชาแต่งหน้า (Makeup) ได้ฝึกแต่งหน้าตามคอนเซ็ปต์ต่างๆ
  • วิชาเล็บ มีทั้งทฤษฎีเรื่องโรคและความผิดปกติของเล็บ และตอนนี้ก็ได้เริ่มเรียนทำเล็บเจลแล้วค่ะ
  • วิชา Colorist (ทฤษฎีสี) เรียนเรื่องการจับคู่สี เทคนิคใช้สีในสายบิวตี้ และยังมีเรื่อง Personal Color ด้วย ข้อสอบนี่หินมาก เพราะเป็นอัตนัยหมด มีการทดสอบเก็บคะแนนระหว่างเรียน เช่น ให้สี Pantone มา แล้วต้องผสมสีให้ตรงเป๊ะ ใครมีเซ้นส์เรื่องสีก็จะได้เปรียบค่ะ
  • วิชา Public Health (สาธารณสุข) ที่รู้สึกยากมาก เรียนเรื่องโรคและคำศัพท์ทางการแพทย์เป็นภาษาเกาหลี ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงภาษาที่เรารู้จักเลย หาคำแปลไทยหรืออังกฤษก็ไม่ตรงซะทีเดียว แต่เราต้องเข้าใจเทียบเท่าคนเกาหลี ต้องอาศัยการเดาและทำความเข้าใจพอสมควรค่ะ

ที่น่าสนใจก็คือหลายวิชาจะสอบปลายภาคเป็นการปฏิบัติ ไม่ต้องอ่านหนังสือ แต่ฝึกกันมือหงิก!   การบ้านไม่เยอะมากเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่ปฏิบัติจบทำในคาบ แต่จะมีให้ทำ Portfolio รายสัปดาห์ เช่น เรียนทรงผมแบบไหน ต้องถ่ายรูป + เขียนบรรยายขั้นตอนไว้ด้วย 

(บางทีพอกลับไทย คุณแม่กับพี่สาวก็จะบอก “ไหนๆ เรียนมาแล้ว ตัดให้หน่อยสิ~” โซนก็เปิดพอร์ตที่เคยทำได้ดู แล้วลงมือเลยค่ะ 5555)

Cr. https://kbeauty.konyang.ac.kr
Cr. https://kbeauty.konyang.ac.kr
Cr. https://kbeauty.konyang.ac.kr
Cr. https://kbeauty.konyang.ac.kr
Cr. https://kbeauty.konyang.ac.kr
Cr. https://kbeauty.konyang.ac.kr
ดูวิชาเรียนที่นี่

ยากแต่ยังไหว เพื่อนความสนใจตรงกันก็ยิ่งสนุก

การเรียนที่นี่ เรื่องทฤษฎีจะมี based on ข้อมูลวิทยาศาสตร์ เฉพาะส่วนที่หลักสูตรคัดมาแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องรู้ ถ้าใครไม่เก่งวิทย์หรือไม่มีพื้นฐานเชิงลึกขนาดนั้นก็ไม่ต้องกังวล เรียนไหวแน่นอน ความยากคือการต้องเรียนเป็นภาษาเกาหลีมากกว่าค่ะ

โซนเองก็เป็นคนนึงที่ค่อนข้างถนัดภาษามากกว่า บางวิชาเลยแอบรู้สึกยากมากเหมือนกัน แต่ก็สู้ไหว~ จนตอนนี้ (ปี 2 เทอม 1) ก็ยังแฮปปี้กับทุกวิชาที่เรียน เพราะได้เรียนกับเพื่อนที่มีความสนใจเหมือนกัน อย่างในวิชาเมกอัป โซนได้สลับกันลองแต่งหน้าหลายลุคกับเพื่อนๆ ที่หลายคนก็เก่งมากเพราะเรียนสายบิวตี้มาโดยตรงค่ะ

และสิ่งที่โซนได้เรียนรู้นอกเหนือจากเนื้อหาในห้องเรียนคือวัฒนธรรมการทำงานของที่นี่ คนเกาหลีทำงานจริงจังและตรงต่อเวลามาก ไม่ว่าจะเป็นงานกลุ่มหรือกิจกรรมของคณะ เพื่อนๆ จะคุยงานกันเป็นระบบ ชัดเจน มีความรับผิดชอบสูง ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ฝึกความเป็นมืออาชีพตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัยเลย

โซนได้ลงนิตยสารแนะนำคณะของมหาลัยด้วยค่ะ
โซนได้ลงนิตยสารแนะนำคณะของมหาลัยด้วยค่ะ

อัปเดตชีวิตช่วงนี้ 
ตารางยังแน่นมาก  แต่ไม่ตึงแล้วค่า~

เทอมนี้โซนลงเรียน 21 หน่วยกิต (ประมาณ 7 วิชา) เยอะกว่าเทอมก่อนที่ลง 16 หน่วยกิตอีก แต่รู้สึกชิลขึ้นเยอะ กดดันน้อยลง เพราะเริ่มจับทางการเรียนและเข้าใจสไตล์ของอาจารย์มากขึ้น ภาษาก็เริ่มเข้าที่ ถึงตารางแน่น แต่ถ้าจัดการตัวเองดีๆ ก็ไม่เครียดค่ะ 

ที่คณะมีอาจารย์ประจำหลักๆ ประมาณ 4 คน โซนได้อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นสาย Makeup เพราะเลือกเรียนเอกนี้ แล้วอาจารย์คณะนี้ก็น่ารักมากกก เขาเข้าใจว่าเรายังติดเรื่องภาษาเกาหลีในบางจุด แล้วก็พยายามสื่อสารให้เข้าใจง่าย ไม่เคยทำให้รู้สึกด้อยกว่าเลย แถมยังชวนโซนไปทำกิจกรรมตลอด เคยได้โอกาสไปแต่งหน้าให้นักแสดงซีรีส์เกาหลีร่วมกับเพื่อนและรุ่นพี่ด้วย 

เดี๋ยวจะมาขยายเรื่องกิจกรรมต่อในพาร์ตต่อไปค่ะ~~

Note: 

  • เด็กที่จบ ม.ปลาย สายไหนก็สมัครทุนรัฐบาลเกาหลี GKS ได้นะคะ แค่ต้องเตรียมใจว่าการเรียนจะเข้มข้นกว่าที่คิด และต้องมีวินัยสูงมากๆ
  • เรื่องวิธีการทำงานไม่ fix บางคนสเกตช์ลงกระดาษ หรืออย่างโซนเองก็ใช้ iPad ทำงานผ่าน Procreate

. . . . . .

เปิด Palette สีสันชีวิตโทนอบอุ่น
เมื่อเริ่มเปิดโหมดเด็กกิจกรรม!

ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยค่ะว่าพอมาเรียนที่นี่ โซนกลายเป็นเด็กกิจกรรมเต็มตัว ทำมาหมดทั้งออกบูทคณะ นวดมือ ทำผม ทำเล็บให้ผู้สูงอายุ เพนต์หน้ากับเด็กๆ ล่าสุดก็เพิ่งได้บินไปมองโกเลียกับคณะเพื่อทำกิจกรรม K-Beauty ชวนเด็กๆ มาสก์หน้า แต่งหน้า ไปจนถึงทำผมสไตล์เกาหลี!

โซนเคยได้แต่งหน้าให้นักแสดงละครเวทีตั้งแต่ปี 1 เทอมสองด้วยค่ะ เป็นโอกาสแรกที่ทำให้ใจเต้นแรงมากกก ตอนนั้นอาจารย์เปิดให้เด็กในคณะ 3 คนไปฝึกงานจริงกับกองละครเวที แล้วถึงจะเป็นเด็กปี 1 แต่อาจารย์ก็ให้โอกาสเราเต็มที่เลย ㅠㅠ พอเป็นงานละครเวที ก็ต้องคำนึงถึงแสงเวทีและความชัดจากระยะไกล ทำให้ต้องแต่งหน้าให้เข้มแต่ยังสวย เพื่อให้ผู้ชมเห็นชัดจากบนเวทีด้วย ระหว่างทำก็ถามหัวหน้าทีมที่ดูแลภาพรวมนักแสดงว่า “โอเคไหมคะ ต้องแก้อะไรเพิ่มมั้ย?” พอเขาตอบว่า “ดีเลย ไม่ต้องแก้” โอ้โหหห ใจฟูสุดๆ ค่ะะะ

นอกจากนี้โซนยังอยู่ชมรมเมกอัป (เคยส่งผลงานประกวดและทำ Marketing คอลแลปกับแบรนด์ต่างๆ), เป็นสภานักศึกษาคณะ และทำงานเป็นสตาฟใน International Affairs Office ของมหาลัยด้วย ตอนแรกก็แอบกังวล โดยเฉพาะบทบาทสภาฯ เพราะกลัวจะทำได้ไม่ดี แต่พอลองแล้วก็ภูมิใจมากค่ะ ที่สำคัญคือการได้ออกไปคลุกคลีและใช้ภาษาในชีวิตจริงช่วยให้เกาหลีของโซนพัฒนาเร็วมาก ตอนนี้คุยเล่นทั่วไปได้สบายๆ แล้วค่ะ

และหลังจากนี้คือภาพประสบการณ์ที่เติมเต็มชีวิตนักศึกษาของโซนให้พิเศษขึ้นคูณสิบ!! มาดูกันว่าแต่ละกิจกรรมเป็นยังไงบ้าง?

 

แต่งหน้าให้นักแสดงละครเวทีที่ Sunshine Land 
(สถานที่ถ่ายทำซีรีส์เกาหลีชื่อดัง เช่น Mr.Sunshine , Pachinko, etc.)

ส่งผลงานประกวดแต่งหน้า (รางวัลเหรียญทองแดง)

ทำกิจกรรมอาสาที่สถานพักฟื้นผู้สูงอายุ

ทำแฟชั่นโชว์ Academic Event ของคณะ

ทำงานเป็นสภานักเรียนคณะ

ออกบูททำงานจิตอาสาของคณะ 

จัดบูทในงานกีฬาสีมหาลัย

ทำงานเป็นสตาฟใน International Affairs Office ของมหาลัย

เดินทางไปทำกิจกรรมที่ต่างประเทศ (มองโกเลีย)

. . . . . .

Secret Swatch
คำแนะนำจากทีมรับสมัครของคณะ

จากที่เล่าว่าโซนทำงานเป็นสตาฟใน International Affairs Office ของมหาลัย หลักๆ คือดูแลนักเรียนต่างชาติทั้งหมด ซึ่งรวมถึงนักเรียนศูนย์ภาษาและนักรียนทุนด้วย ปีนี้ถ้าใครสมัครทุน GKS เอกสารที่ส่งมาก็จะได้ผ่านตาโซนแน่นอนค่า ((((กระซิบบบบ อินไซต์สุดๆ เราอาจได้เจอกันตอนสัมภาษณ์ก็ได้นะคะ! อีเมลที่ส่งมาถามเรื่องทุน โซนกับทีมก็ช่วยกันตอบด้วยค่ะ))))

  • โซนไม่อยากให้มองข้ามการจัดเอกสารให้เป็นระเบียบ เพราะถ้าเอกสารวางหน้าสลับกัน ขาดตก หรือกระจัดกระจาย จะทำให้กระบวนการตรวจสอบยุ่งยากขึ้น แล้วยังสะท้อนถึงความตั้งใจของผู้สมัครได้เหมือนกันด้วย
  • อีกอย่างที่สำคัญคือเรื่องภาษา สาขานี้เรียนเป็นภาษาเกาหลี 100% ไม่มีเปิดสอนภาคอินเตอร์  กรณีไม่ใช่เด็กทุนก็สมัครโดยตรงกับมหาวิทยาลัยได้ แต่ต้องมีคะแนน TOPIK ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และใช้ภาษาเกาหลีในระดับสื่อสารได้ค่ะ ส่วนกรณีสมัครเข้ามาผ่านทุน อย่างน้อยควรสื่อสารภาษาอังกฤษหรือภาษาเกาหลีได้ อย่างใดอย่างหนึ่ง (วิธีสื่อสารก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กรรมการจับตามอง)
เว็บคณะ Global Medical Beauty

. . . . . .

ความฝันของเรา
คืออยากเป็นเจ้าของแบรนด์ที่รู้จริง

เท่าที่โซนเห็น รุ่นพี่ที่จบจากสาขานี้ไปมีเส้นทางที่หลากหลายมาก บางคนเปิดร้านทำผม คลินิกเสริมความงาม บางคนไปทำ marketing, PR ให้แบรนด์เครื่องสำอาง หรือสาย Product Development บางคนเป็น Makeup Artist ชื่อดังในเกาหลี หรือแม้แต่เลือกเรียนต่อเพื่อไปเป็นอาจารย์ก็มีเหมือนกัน

ส่วนความฝันของโซนคืออยากทำแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง เพราะถ้ามองจากมุมผู้บริโภค เราก็คงอยากได้แบรนด์ที่เชื่อถือได้ เจ้าของต้องมีความรู้จริง และให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นการได้มาเรียนเฉพาะทางด้านนี้ตั้งแต่ต้น มันคือการลงลึกอยู่ในวงการ รู้ทั้งทฤษฎี ปฏิบัติ เทรนด์ และอินไซต์แบบรอบด้าน ที่สำคัญคือคอนเน็กชันที่ได้ระหว่างเรียน สำคัญมากๆ ในอนาคต ต่อให้ตอนนี้ยังไม่ได้ใช้เลยทันที แต่โซนเชื่อว่า มันจะค่อยๆ กลายเป็นประโยชน์แน่นอน

. . . . . .

Inside the Real 
K-Beauty Industry

ความเข้าใจใหม่ในวงการบิวตี้เกาหลี

เพิ่งรู้ว่าสายอาชีพบิวตี้ที่เกาหลีจริงจังมากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ที่ไทยถ้าอยากเรียนทำผม ทำเล็บ เมกอัป ส่วนมากจะเป็นคอร์สเสริมที่ต้องไปเรียนนอกโรงเรียนเอา  แต่ที่นี่มีโรงเรียนสายอาชีพด้านความงามโดยเฉพาะตั้งแต่ระดับมัธยมปลาย แถมมีสถาบันติวเต็มไปหมด เพื่อนบางคนที่โซนเจอ มีใบรับรองครบทุกด้าน ทั้งทำผม ทำเล็บ เมกอัป ตั้งแต่ก่อนเข้ามหา’ลัยแล้ว เพราะเค้าเตรียมตัวกันแน่นตั้งแต่ ม.ปลาย การสอบ certificate ในสายบิวตี้ถือเป็นเรื่องปกติมาก ทุกคนติวหนักและฝึกกันเยอะไม่ต่างจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

แล้วพอเข้าเรียนในคณะ โซนก็ได้เรียนวิชา Beauty Trends ที่จะคอยอัปเดตเทรนด์ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และสิ่งที่คาดว่าอนาคตจะเป็น เช่น ช่วงก่อนคือเทรนด์ Personal Color กับ MBTI ส่วนตอนนี้ เริ่มเห็นหลายคนแต่งหน้าในโทน Mocha Mousse ที่เป็นสี Pantone ของปี แล้วก็จะมีคลาสที่ต่อยอดจากตรงนี้ เช่น การเลือกโทนสีในเมกอัป หรืองานออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับกระแสตลาด เป็นต้น

ในปีต่อๆ ไปก็จะได้เรียนหลากหลายขึ้น ไปจนถึงวิชาบรรจุภัณฑ์, Marketing, การสื่อสารทาง Medical Beauty, การดูแลหลังศัลยกรรม , การทำโพรเจ็กต์สร้างผลิตภัณฑ์ออกมาเลยก็มี เรียกได้ว่าจบ 4 ปีจะได้ความรู้จุกๆ ไปเลยค่ะ

เกาหลีคุมโทน แต่ของไทยคือสะใจอ่ะ!

ส่วนตัวโซนยังชอบเทรนด์บิวตี้ของไทยค่ะ 5555 เวลาอยากได้พาเลตต์ที่สีจัดจ้านแบบ colorful ต้องรอบินกลับมาซื้อที่ไทยแล้วขนกลับไป เพราะหาที่เกาหลีแทบไม่ได้ // สีที่ไทยสะใจกว่ามากกกก กล้าใช้ สีเริด โซนเลยรู้สึกว่าชั้นคือคนไทยแน่นอนนน~~

เท่าที่สังเกต เกาหลีเค้าจะแต่งหน้าในโทนเดียวกันค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะถ้าอยู่นอกโซล ทุกคนจะค่อนข้างแต่งหน้าแต่งตัวไปทางเดียวกัน แต่ในโซลเองเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น คนกล้าแต่งตัวหลากหลายขึ้น โซนเองก็สนุกกับการลองผสมสไตล์ที่เป็นตัวเองกับวัฒนธรรมของที่นี่ไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ

. . . . . .

รีวิวชีวิตในเมืองนนซาน (Nonsan, 논산)
เมืองเล็ก สงบ ที่ครบทุกอย่างที่จำเป็น

โซนชอบ "นนซาน" เพราะเป็นเมืองเล็ก เงียบสงบ ไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เหงาเกินไป ชีวิตประจำวันไม่รู้สึกขาดอะไรเพราะในตัวเมืองก็มีของจำเป็นครบ ทั้ง Olive Young, ซูเปอร์มาร์เก็ต, โรงหนัง ฯลฯ แต่ถ้าอยากเน้นชอปปิงก็อาจจะต้องนั่งรถไป “แดจอน” (Daejeon) ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มาก // ถ้าใครชอบความคึกคักแบบในโซล ที่นนซานอาจไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ค่ะ 

สุดท้ายแล้วถ้าใครกำลังจะมาเรียน แนะนำว่าอย่าคาดหวังอะไรไว้มากจนกดดันตัวเอง อย่างเช่น “มาถึงเกาหลีแล้วจะต้องมีเพื่อนเกาหลีเยอะๆ สนิทกันไวๆ” อะไรแบบนั้น เพราะเอาเข้าจริงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักเรียนต่างชาติ พออะไรไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ก็อาจทำให้รู้สึกเฟลหรือนอยด์ได้ง่ายๆ จนทำให้รู้สึกท้อกับการเรียนที่นี่ได้เหมือนกัน

สิ่งที่โซนอยากแนะนำคือให้เปิดใจไว้ก่อนดีกว่า มาค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เข้าใจวัฒนธรรมไปทีละสเต็ป แล้วเดี๋ยวทุกอย่างมันจะเข้าที่เอง

. . . . . .

ปิดท้ายด้วย Beauty Tips
ถึงน้องๆ ที่รักการดูแลตัวเอง

1. บิวตี้ไม่มีสูตรตายตัว – การรู้จักตัวเองสำคัญที่สุด

เดี๋ยวนี้น้องๆ มีความรู้เรื่องบิวตี้กันเยอะมากเลยค่ะ ทั้งสกินแคร์ เมกอัป หรือการดูแลตัวเองในภาพรวม ซึ่งเป็นเรื่องดีมากๆ แต่สิ่งที่โซนอยากย้ำคือ “การเลือกให้เหมาะกับตัวเอง” สำคัญที่สุด อย่างโซนเคยใช้สกินแคร์ตามคนอื่น แต่ผิวดันแย่กว่าเดิม ต่อมาถึงรู้ว่าแต่ละคนควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง คำนึงเสมอว่า “ผิวเรากับผิวเขาไม่เหมือนกัน” สิ่งที่คนอื่นใช้แล้วดี ไม่ได้แปลว่าเราจะใช้แล้วเวิร์กเหมือนกัน และใช้เยอะก็ไม่ได้แปลว่าดีกว่าเสมอไป

Tips: เคล็ดลับการสังเกตผิวตัวเอง ที่อาจารย์ในคณะแนะนำมา คือหลังล้างหน้า ลองปล่อยผิวเปล่าทิ้งไว้สัก 2 ชั่วโมงโดยไม่ทาอะไรเลย แล้วดูว่าหน้าตึงๆ ไหม มัน หรือแห้งมากน้อยแค่ไหน ก็จะทำให้พอรู้สภาพผิวเบื้องต้นและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้ตรงค่ะ

2. หัตถการ ตั้งคำถามก่อนทำ

ในเกาหลีคนทำหัตถการกันปกติมากเลยค่ะ แต่โซนอยู่ค่อนข้างไกลเมืองก็เลยไม่ได้ทำอะไรเยอะ ประสบการณ์อาจจะยังไม่มาก แต่ถ้าใครที่ไทยสนใจทำ โซนอยากให้ศึกษาให้ดีๆ ก่อน เพราะหัตถการหลายๆ อย่างมีความเสี่ยง ถามตัวเองให้ชัดว่า “จำเป็นมั้ย?” “เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน?” “ตอนนี้ถึงเวลาที่ควรทำแล้วหรือยัง?” เช่น Ulthera หรือกลุ่มหัตการยกกระชับ ถ้าน้องๆ ผิวยังไมได้มีปัญหา อาจยังไม่ต้องรีบทำตอนนี้ก็ได้ค่ะ

3. กันแดด & การล้างหน้าให้สะอาด

หลายคนอาจมองข้ามขั้นตอนพื้นฐานอย่างการล้างหน้าให้สะอาด และทาครีมกันแดด อาจารย์วิชาผิวจะย้ำตลอดค่ะว่าหลังจากเรียนทำสปาหน้าเสร็จ ต้องทาครีมกันแดดก่อนออกจากห้องเรียนทุกครั้ง 

4. มาสก์หน้าทุกวันได้ไหม?

 อันนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานผิวแต่ละคนด้วยค่ะ จริงๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าอยากจะมาสก์ทุกวัน แนะนำเป็นสูตรที่อ่อนโยนและใช้ได้ทุกวัน เช่น มาสก์ให้ความชุ่มชื้น / ไม่ควรใช้เป็นพวกมาสก์ผลัดเซลล์ผิวหรือวิตามินซีแรงๆ ทุกวัน เพราะอาจระคายเคืองผิวได้ค่ะ

ศึกษาข้อมูลคณะ Global Medical Beautyเว็บไซต์ศูนย์ภาษา ม.คอนยัง

ใครอ่านแล้วไฟติด อยากสอบถามพี่โอโซนเพิ่มเติม ติดต่อได้ทาง IG: oznenon  หรือ TikTok @oznenon  ได้เลยค่า

พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น