สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนค่า~ สำหรับใครที่อยากเก่งภาษาอังกฤษนั้น “การเรียนรู้คำศัพท์ (vocabulary)” ถือว่าเป็นอีกหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างถูกต้องและมั่นใจมากขึ้น เพราะคำศัพท์เป็น ‘หน่วยพื้นฐาน’ ที่ใช้ในการสื่อสารทุกทักษะ ไม่ว่าจะ ฟัง พูด อ่าน หรือเขียน ซึ่งถ้าเรามีคลังคำศัพท์ไม่แน่นพอ ก็อาจจะทำให้ทั้งเราและผู้รับสารเข้าใจกันยากมากขึ้น แต่ต้องบอกว่าสมัยนี้การเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นเข้าถึงง่ายมาก เพราะว่ามีทั้งสื่อและเทคโนโลยีให้เลือกตามใจชอบเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรียนผ่านยูทูบ คอร์สออนไลน์ เว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยี AI ที่ถูกพัฒนาในแพลตฟอร์มต่างๆ โดยเฉพาะกับแอปพลิเคชัน เพียงแค่โหลดติดเครื่องไว้ก็อัปสกิลได้ตามสะดวกกันได้เลย
วันนี้พี่ลูกหมูเลยมามัดรวม 6 แอปท่องศัพท์ยอดฮิตที่ลองใช้แล้วเวิร์กจริง มาป้ายยาให้น้องๆ ตามไปโหลดกัน ไม่ว่าจะเตรียมสอบ IELTS, TOEF, PTE, TOEIC, A-Level หรือการสอบวัดระดับอื่นๆ บอกเลยว่าดีย์มากกก จะมีแอปไหนบ้าง ไปดูกันเล้ยย~
1. Anki
เริ่มกันที่ ‘Anki’ หนึ่งในแอปสำหรับสายทบทวนคำศัพท์ที่ได้รับความนิยมมากๆ โดยเฉพาะในหมู่นักเรียน แพทย์ คนเรียนภาษา และคนที่เตรียมสอบข้อเขียนต่างๆ เพราะตัวแอปเค้าใช้หลักการที่เรียกว่า ‘Spaced Repetition’ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เป็นเทคนิคการจำที่ “ไม่ใช่ท่องซ้ำทุกวัน” แต่จะทบทวนคำเดิมในช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนที่เราจะลืม ซึ่งมันก็จะมีข้อดีหลายอย่างเลยค่ะ เช่น ช่วยในเรื่องของความจำระยะยาว โดยแต่ละการ์ดมีการจัดระดับความยาก เช่น คำไหนถ้าเราจำได้ง่าย การ์ดนั้นจะโผล่มาช้าลง ถ้าจำไม่ได้เลย มันจะกลับมาเร็วขึ้น ช่วยให้เราไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่รู้แล้วด้วยค่ะ
หรือถ้าใครกำลังเตรียมสอบ TOEFL, JLPT, MCAT หรือเรียนภาษาต่างๆ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ในแอปก็มีคนใช้ทั่วโลกทำ deck (ชุดการ์ดคำศัพท์) แชร์ไว้เต็มเลยค่ะ ซึ่งเราสามารถดาวน์โหลดแบบสำเร็จรูปได้เลย หรือถ้าใครอยากปรับแต่งเองและมีความรู้ด้านเทคนิคสามารถเขียนโค้ดเสริม ปรับแต่งการ์ด เราก็สามารถเพิ่มเสียง ภาพ หรือวิดีโอได้เช่นกัน // การใส่เสียงสำเนียงเจ้าของภาษาหรือภาพประกอบจะช่วยให้จำได้แม่นยำขึ้นด้วยนะ
สรุปไฮไลต์เด่นๆ
- ใช้ระบบ Spaced Repetition (ทบทวนแบบเว้นระยะ) ช่วยให้จำคำศัพท์ระยะยาว
- สร้างแฟลชการ์ดเองหรือดาวน์โหลด Deck (ชุดการ์ดคำศัพท์) ที่มีอยู่แล้ว เช่น TOEIC, IELTS, SAT, Academic Vocabulary
- เหมาะกับคนที่ชอบปรับแต่งเอง
- สามารถใช้งานได้ฟรีบน PC แต่ถ้าใช้งานบนมือถือหรือไอแพดจะต้องจ่ายประมาณ 999 บาท เป็นแบบจ่ายครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีพ (แนะนำให้เช็กราคากับทางแอปอีกทีนะคะ)
2. Quizlet
มาต่อกันที่ ‘Quizlet’ ก็เป็นอีกหนึ่งแอปคำศัพท์ที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในหมู่นักเรียนและครูทั้งระดับประถมถึงมหาวิทยาลัย เพราะใช้ง่าย มีลูกเล่นสนุก และเหมาะกับการเรียนหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการเรียนศัพท์หรือเนื้อหาแบบแฟลชการ์ด และที่สำคัญ user-friendly มากๆ หน้าตาแอปดูทันสมัย เหมาะกับคนที่ไม่อยากยุ่งกับการตั้งค่าเยอะๆ และก็มี Deck ให้เลือกมากมายจากผู้ใช้ทั่วโลกเช่นกัน เช่น TOEFL, IELTS, SAT, คำศัพท์ภาษาเกาหลี, ญี่ปุ่น ฯลฯ
แอปนี้จะมีโหมดฟังก์ชัน ดังนี้
- Flashcards ท่องจำเหมือนการ์ดทั่วไป
- Learn ระบบจะสุ่มคำถาม ทั้งพิมพ์ เลือกคำตอบ ฯลฯ
- Match game เล่นจับคู่คำกับความหมาย
- Test สร้างข้อสอบจำลองได้ ช่วยให้การเรียนหลากหลายและไม่น่าเบื่อ
สรุปไฮไลต์เด่นๆ
- มีแฟลชการ์ดให้เลือกใช้หรือสร้างเอง
- มีเกมและโหมดทดสอบหลายรูปแบบ เช่น เกมจับคู่, ทดสอบแบบเขียน, ฟังเสียง
- ใช้งานง่าย เหมาะกับทุกระดับ
- มีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน (ส่วนตัวรู้สึกว่าแบบฟรีก็เพียงพอต่อการท่องศัพท์แล้วค่า)
3. WordUp
ขอแอบกระซิบว่าพี่ลูกหมูชอบมากเป็นพิเศษและใช้มาหลายปีด้วย จนถึงขั้นยอมจ่ายเงินซื้อแบบ Lifetime เลยค่ะ5555 แอปที่ว่านี้ก็คือ ‘WordUp’ ซึ่งมีจุดเด่นเฉพาะตัวมาก เพราะเน้น ‘คุณภาพของคำศัพท์’ มากกว่า ‘จำนวน’ (ถ้าลองใช้จะรู้เลยค่ะว่า คำศัพท์คำนึง รายละเอียดจะเยอะมากเลย ทั้งความหมาย การออกเสียง การใช้คำนั้นในบริบทต่างๆ แถมมีตัวอย่างประโยคทั้งจากเนื้อเพลง ข่าว หนัง ซีรีส์ หรือคลิปวิดีโอไว้แบบจัดเต็ม เข้าใจกันแบบลึกซึ้งเลยทีเดียว และอีกความปังคือแอป WordUp จะช่วยให้เราเรียนเฉพาะคำที่มีประโยชน์กับเราจริงๆ โดยวิเคราะห์จากระดับภาษาและความถี่ในการใช้คำในชีวิตจริง พูดง่ายๆ ก็คือจัดอันดับคำศัพท์ตามระดับความรู้ของเราเลยค่ะ
นอกจากตัวแอปจะใช้งานง่ายแล้ว พี่ยังชอบตรงที่แอปนี้มีระบบวัดว่า เรารู้คำไหนแล้วบ้าง จะเน้นสอนเฉพาะคำที่เรายังไม่รู้ค่ะ และแอปนี้ไม่ใช่แค่ดูคำแปลเท่านั้น แต่เราจะได้ฝึกออกเสียง ฝึกฟังเจ้าของภาษา และทบทวนด้วย Spaced Repetition ช่วยให้จำได้ระยะยาว เรียกว่าครบสุดอะไรสุด ยกให้เป็นโนหนึ่งในใจที่ต้องเปิดเป็นประจำทุกวันเลยค่า // แต่ข้อจำกัดของแอปนี้คือ จะโฟกัสแค่คำศัพท์ภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ภาษาอื่นๆ จะยังไม่มีน้า
สรุปไฮไลต์เด่นๆ
- จัดอันดับคำที่พบบ่อยและแนะนำให้เรียนรู้ก่อน ตัวแอปจะบอกว่าคำศัพท์ไหนมีประโยชน์กับเราจากสถิติ
- แสดงตัวอย่างการใช้คำศัพท์ในบริบทจริง สอนคำศัพท์ที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน โดยอิงจากหนัง/ซีรีส์
- ใช้ AI วิเคราะห์ว่าคำไหนควรฝึกเพิ่มเติม
- สามารถใช้ได้ฟรี แต่ถ้าแบบเสียเงินจะเป็นการเข้าถึงเนื้อหาของคำศัพท์ได้มากขึ้น เช่น ตัวอย่างคลิปประกอบคำศัพท์มากขึ้น ฯลฯ
4. Memrise
หลายคนอาจเคยเห็น 'Memrise' ผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งก็อีกหนึ่งแอปที่น่าใช้สำหรับฝึกภาษาต่างประเทศ เพราะเน้นความสนุกและการจดจำแบบเป็นธรรมชาติ โดยจุดเด่นๆ ของแอปนี้คือการเรียนรู้ผ่านวิดีโอเจ้าของภาษา มีวิดีโอสั้นๆ ของเจ้าของภาษาพูดประโยคจริงในสถานการณ์ต่างๆ เช่น ในร้านกาแฟ รถไฟ ร้านอาหาร ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจสำเนียงต่างๆ และการใช้งานในสถานการณ์จริงได้ดีกว่าท่องจำอย่างเดียว คำศัพท์ที่ใช้ก็จะเป็นแนวๆ ที่เราใช้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น “Can I get a coffee?” หรือ “Where’s the bathroom?” เป็นต้น
ตัวแอปนี้ก็มีระบบทบทวนที่ช่วยให้จำแม่นยำ (คล้าย Anki เลย) ไม่ทำให้เรารู้สึกเครียด แต่กลับสนุก ไม่น่าเบื่อ มีเกมและแบบฝึกหัดแบบโต้ตอบ เช่น เลือกคำตอบ ฟังเสียงแล้วพิมพ์, จับคู่ ฯลฯ และแอปนี้ยังมีหลายภาษาให้เลือกเรียน เช่น อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, สเปน ฯลฯ แต่ข้อจำกัดคืออาจจะไม่มีเนื้อหาวิชาการอื่นๆ เช่น วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ (ต่างจาก Anki)
สรุปไฮไลต์เด่นๆ
- ใช้ AI และวิดีโอจากเจ้าของภาษา มีคำศัพท์พร้อมเสียงเจ้าของภาษา
- มีมากกว่า 34 ภาษาให้เลือกเรียน
- มีระบบ Spaced Repetition ช่วยให้จำได้ดีขึ้น
- สนุกและใช้งานง่าย
- เน้นบทสนทนาและศัพท์ที่ใช้จริง
- เหมาะกับคนที่เบื่อง่าย เพราะมีรูปแบบการเรียนสนุก
- ถ้าใช้ท่องศัพท์สามารถใช้ได้ฟรี ไม่จำเป็นต้องซื้อ Memrise Pro
5. Duolingo
แค่เห็นมาสคอตฮูกเขียวใครๆ ก็ต้องรู้จัก ซึ่งก็แอปชื่อดังอย่าง ‘Duolingo’ นั่นเอง ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้งานง่าย เนื้อหาสนุก และเหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนที่อยากเริ่มเรียนภาษาใหม่แบบไม่เครียด เรียนวันละนิดละหน่อยก็เก่งได้! ซึ่งใครอยากเน้นท่องศัพท์ก็ตอบโจทย์เลยค่ะ โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น หรือคนที่อยากจำคำศัพท์แบบเห็นบ่อยๆ ใช้ซ้ำๆ ผ่านสถานการณ์จำลองจริง โดยจะได้เรียนศัพท์ผ่านประโยค ไม่ใช่แค่คำเดี่ยว (คล้ายๆ กับ Memrise เลย) คือ ไม่ได้ให้จำแค่คำว่า “apple” แล้วจบ แต่จะใช้ในประโยค เช่น “I eat an apple.” หรือ “The apple is red.” ทำให้จำคำศัพท์พร้อมบริบทและการใช้งานจริงไปเลย นอกจากนี้ยังมีแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้จำแม่นขึ้น เช่น ฟังเสียงแล้วเลือกคำ เติมคำในช่องว่าง เรียงประโยค เรียนแบบ Daily Practice ซึ่งการที่เราเห็นคำศัพท์เดิมวันละนิดแบบสม่ำเสมอ ช่วยให้เกิดความเคยชิน จำศัพท์แบบไม่รู้ตัวนั่นเองค่า
ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการใช้แอปนี้ในการท่องศัพท์ คือ ใช้ฟีเจอร์ “Review Words” ใน Duolingo Plus (อาจจะต้องเสียเงิน) เพื่อดูคำที่เรายังไม่แม่น และฝึกพูดหรือออกเสียงคำศัพท์ที่เจอในแต่ละบท จะช่วยจำได้เร็วขึ้นนะคะ
สรุปไฮไลต์เด่นๆ
- หนึ่งในแอปเรียนภาษาที่โด่งดังที่สุดในโลก คนใช้แอปนี้ฝึกภาษากันเยอะมาก
- เหมาะกับการเรียนรู้แบบสนุกๆ ผ่านเกม
- มีบทเรียนสั้นๆ และแบบฝึกหัดทบทวน
- ใช้ AI ช่วยแนะนำคำศัพท์ที่เหมาะกับระดับของผู้ใช้
6. Learn English Vocabulary Daily
ปิดท้ายที่ ‘Learn English Vocabulary Daily’ เป็นแอปที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในหมู่ผู้เรียนที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านคำศัพท์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดเด่นของแอปนี้คือสามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ด้วย ะ เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสถานที่ และมีคำศัพท์ที่ครอบคลุมหลายหมวดหมู่ เช่น ธุรกิจ การท่องเที่ยว และชีวิตประจำวัน ช่วยให้เราสามารถเลือกเรียนรู้ตามความสนใจได้เลย
นอกจากนี้แอปนี้ก็มีกิจกรรมสนุกๆ และไม่น่าเบื่อด้วย แต่ข้อจำกัดคือ จะเน้นการเรียนรู้คำศัพท์เป็นหลัก หากต้องการฝึกทักษะอื่นๆ เช่น ไวยากรณ์ อาจต้องใช้แอปพลิเคชันอื่นร่วมด้วยนะคะ
สรุปไฮไลต์เด่นๆ
- ใช้งานฟรีและออฟไลน์
- มีคำศัพท์ที่ครอบคลุมหลายหมวดหมู่
- ออกแบบมาเพื่อให้การเรียนรู้คำศัพท์เป็นกิจกรรมที่สนุกและไม่น่าเบื่อ
เแต่ละแอปน่าสนใจทั้งนั้นเลยเนอะ ว่าแล้วก็แอบอิจฉาน้องๆ สมัยนี้เลย ถ้าเป็นสมัยพี่คงเป็นการจดจำคำศัพท์ผ่านกระดาษโน้ตสีๆ เขียนแปะไว้เต็มห้องเลยล่ะค่ะ5555 ใครชอบแอปไหนก็อย่าลืมโหลดเก็บไว้ และฝึกใช้จริงๆ ด้วยนะคะ เพราะนอกจากการจดจำเพื่อนำไปสอบแล้ว คำศัพท์คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจและใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองค่า~
..............
สำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัคร
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D"
ติดตามทุนต่อนอกง่ายๆ กับ Dek-D
- Website: www.dek-d.com/studyabroad
- X: @tornokandcourse
- IG: @tornokandcourse
- Facebook: Study Abroad เรียนต่อนอก by Dek-D
- Facebook: Study Guide ไปเรียนต่อนอกกันเถอะ
- TikTok: @tornokandcourse
0 ความคิดเห็น