รวม 5 ประเภทบทร้อยกรอง พร้อม 9 ข้อบังคับในการแต่ง!!!

รวม 5 ประเภทบทร้อยกรอง พร้อม 9 ข้อบังคับในการแต่ง!!!

เอิงเอิงเออฉะเอิงเอ้ย~~~ สวัสดีน้อง ๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่ะ ถ้าพูดถึงเรื่องกาพย์กลอนน้อง ๆ คงคุ้นเคยอย่างดีในคาบเรียนภาษาไทย แต่วันนี้พี่ได้รวบรวม 5 ประเภทบทร้อยกรองมาฝากน้อง ๆ รวมถึงลักษณะบังคับในการแต่งบทร้อยกรองแต่ละประเภท  เพื่อให้น้อง ๆ สามารถทบทวนในการอ่านสอบได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ

รวม 5 ประเภทบทร้อยกรอง พร้อม 9 ข้อบังคับในการแต่ง!!!
รวม 5 ประเภทบทร้อยกรอง พร้อม 9 ข้อบังคับในการแต่ง!!!

 

บทร้อยกรอง คืออะไร?

บทร้อยกรอง คือ บทประพันธ์ที่มีความไพเราะของเสียง และมีความคล้องจองของสระ ตัวสะกด มีการใช้ถ้อยคำที่สละสลวย โดยข้อบังคับในการแต่งบทร้อยกรองต้องแต่งตามระเบียบแบบแผนที่ถูกบัญญัติไว้ เช่น จำนวนคำ, สัมผัส, เสียงหนักเบา โดยลักษณะบังคับของการแต่งร้อยกรอง มีดังนี้

ลักษณะบังคับของการแต่งร้อยกรอง

1. คณะบทร้อยกรองแต่ละประเภทต้องมีการกำหนดจำนวนคำของวรรคหน้า วรรคหลัง
2. สัมผัส                                                              เป็นสิ่งที่ทำให้บทร้อยกรองคล้องจองกัน โดยแบ่งเป็น 4 สัมผัสดังนี้ สัมผัสพยัญชนะ สัมผัสสระ สัมผัสนอก และสัมผัสใน
3. คำครุ คำลหุ 

เป็นข้อบังคับในการแต่งฉันท์

  • คำครุ : ใช้ -ั แทน มีเสียงหนัก สระเสียงยาว สระเกิน มีตัวสะกด
  • คำลหุ : ใช้ -ุ แทน มีเสียงเบา สระเสียงสั้น ไม่มีตัวสะกด
4. คำเอก คำโท

เป็นข้อบังคับในการแต่งโคลง และร่าย

  • คำเอก : คำที่มีรูปวรรณยุกต์เอก และคำที่เป็นคำตายทั้งหมด
  • คำโท : คำที่มีรูปเป็นวรรณยุกต์โท
5. คำเป็น คำตายเป็นข้อบังคับในการแต่งโคลงและร่าย
6. เสียงวรรณยุกต์เสียงวรรณยุกต์เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยแบ่งเป็น เสียงสามัญ เอก โท ตรี และจัตวา
7. พยางค์การแต่งร้อยกรองจะนับพยางค์เป็นคำ
8. คำนำใช้สำหรับการขึ้นต้นร้อยกรองบางประเภท เช่น กลอนสักวา "สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน"
9. คำสร้อยคำที่ใช้ในการลงท้ายวรรค ท้ายบาท ท้ายบท เพื่อให้บทมีความไพเราะ เช่น เทอญ แฮ เป็นต้น
9  ลักษณะบังคับ การแต่งบทร้อยกรอง
9  ลักษณะบังคับ การแต่งบทร้อยกรอง

บทร้อยกรอง แบ่งออกเป็น 5 ประเภท 

ดังนี้ โคลง, ฉันท์, กาพย์, กลอน และร่าย

แผนผังบทร้อยกรอง
แผนผังบทร้อยกรอง

 

1. โคลง

โคลง แบ่งออกเป็น 4 ชนิดหลัก ประกอบด้วย โคลงสุภาพ โคลงกระทู้ โคลงดั้น และโคลงโบราณ โดยเรียบเรียงถ้อยคำโดยยึด คำเอก คำโท และสัมผัสเป็นสำคัญ 

โคลงสุภาพ : เน้นใช้คำสุภาพ ยกเว้นคำที่กำหนดไว้ว่าต้องมีเอกโท   โคลงสุภาพ แบ่งเป็น โคลงสองสุภาพ โคลงสามสุภาพ และโคลงสี่สุภาพ (โคลงพิธพรรณ และโคลงจัตวาทัณฑี มีลักษณะบังคับเหมือนโคลงสี่สุภาพ)

คำสุภาพ คือ คำที่ไม่มีรูปวรรณยุกต์เอก โท

ตัวอย่าง

เสด็จเสวยศวรรเยศอ้าง            ไอศูรย์ สรวงฤๅ

เย็นพระยศปูนเดือน                       เด่นฟ้า

เกษมสุขส่องสมบูรณ์                    บานทวีป

สว่างทุกข์ทุกธเรศหล้า               แหล่งล้วนสรรเสริญ ฯ (ลิลิตตะเลงพ่าย)

 

โคลงกระทู้ : เป็นโคลงสี่สุภาพ ที่มีคำวางไว้หน้าบาททั้งสี่

ตัวอย่าง

บวช กายบวชจิตให้                                         เป็นสงฆ์

เรียน หลักศาสน์ตรงตรง                         เลิศแท้

เขียน คิดลิขิตมง- คลคู่                               เรียนเอย

อ่าน แต่ธรรมะแก้                                             กิเลสกลุ้มราวี (โคลงสุภาพ)

 

โคลงดั้น : ลักษณะคล้ายโคลงสี่สุภาพ แต่วรรคสุดท้ายของบทมี 2 คำ โคลงดั้นแบ่งเป็น โคลงสองดั้น โคลงสามดั้น โคลงสี่ดั้นวิวิธมาลี โคลงสี่ดั้นบาทกุญชร โคลงสี่ดั้นตรีพิธพรรณ และโคลงสี่ดั้นจัตวาทัณฑี

ตัวอย่าง

โฉมเจ้าจะแหวกฟ้า                                         ฝากพรหม เมศฤๅ

เกรงจะชมฌานเมิล                                        แม่ไว้

จะฝากอิศรกรม                                                  ไกรลาส

ไฟราคร้อนหล้าไท้                                            ทั่วแหนง ฯ (โคลงดั้นนิราศตามเสด็จทัพลำน้ำน้อย)

 

โคลงโบราณ : คล้ายโคลงดั้นวิวิธมาลี แต่ไม่มีการบังคับเอกโท โคลงโบราณ แบ่งเป็น โคลงวิชชุมาลี โคลงมหาวิชชุมาลี โคลงจิตรลดา โครงมหาจิตรลดา โคลงสินธุมาลี โคลงมหาสินธุมาลี โคลงนันททายี และโคลงมหานันททายี

ข้อสังเกต : ถ้า “มีมหา” นำหน้าจะมีจำนวนคำเท่ากับโคลงสี่สุภาพ, ถ้า “ไม่มีมหา” นำหน้าจำนวนคำเท่ากับโคลงสี่ดั้น

ตัวอย่าง

จนใจแห่งพี่แล้ว                                          กัลยา ณีแม่

เปนแต่ทูตแถลงสาร                             เทพไท้

ทูตฤๅจะเจรจา                                              เกินสั่ง

จะพูดตามจิตได้                                            ถูกฤา (โคลงวิชชุมาลี)

 

2. ฉันท์

ฉันท์ เป็นคำประพันธ์ที่รับมาจากอินเดีย บังคับคำครุ ลหุ มีบังคับคณะ สัมผัส ฉันท์มีทั้งหมด 108 ฉันท์ แต่วันนี้พี่ได้สรุปฉันท์ที่น้อง ๆ มักจะคุ้นตาและเจอได้บ่อยมาให้น้อง ๆ ชาว Dek-D ทุกคน ได้แก่ ฉันท์ 8, 11, 12, 14, 19, 20, 21  ฉันท์ไทย ได้แก่ 1. เปษณนาทฉันท์ 2. สยามมณีฉันท์

ฉันท์8 : วิชชุมมาลาฉันท์ มาณวกฉันท์ จิตรปทาฉันท์

ตัวอย่าง

โฉมยงอย่าขัด                                      รีบรัดมาเถิด

ขืนขัดคงเกิด                                         ในทรวงเร่าร้อน

มาเร็วบัดนี้                                              รีบลีลาจร

มาเร็วบังอร                                           ฃ้าเรียกนางมา (มัทนะพาธา)

 

ฉันท์11 : อินทรวิเชียรฉันท์ อุเปนทรวิเชียรฉันท์ สาลินีฉันท์ อุปัฏฐิตาฉันท์

ตัวอย่าง

โดยเต็มกตัญญู                                  กตเวทิตาอัน

ใหญ่ยิ่งและยากครัน                     ขรการณ์จะทานทน (สามัคคีเภทคำฉันท์)

 

ฉันท์12 : ภุชงคประยาตฉันท์

ตัวอย่าง

พยัคฆ์ย่องผยองเผ่น                     ผะผาดโผนลำพองผาย

สกัดหน้าพระโฉมฉาย                   เฉลาขัติมัทรี

ทิพากรนะจรลับ                                  พระสูเมรุคีรี

นิศากรก็สางสี                                       สิผ่องแผ้วนภาพลาง (มหาชาติคำฉันท์)

 

ฉันท์14 : วสันตดิลกฉันท์ 

ตัวอย่าง

ยังมีบรมนฤปนารถ                     อิลราชสมัญขาน

ทรงพลหิรัฏฐะสุรฐาน              สุประเทศสถาพร (ศุภมัสดุ)

 

ฉันท์19 : สัททุลวิกกีฬิตฉันท์

ตัวอย่าง

              สรวมชีพข้าวรพุทธเจ้ากรประณม  

หัตถ์เหนือศิโรตดม               ถวาย

              ด้วยเบญจางคประดิษฐะจิตตพจิกาย  

ชีวิตนิวัทธ์หมาย                     พลี (นมการและรัฐสดุดี)

 

ฉันท์ 20 : อิทิสังฉันท์

ตัวอย่าง

อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี      

ประดุจมโนภิรมย์ระตี                      ณ แรกรัก

แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์      

แฉล้มเฉลาและโศภินัก                  ณ ฉันใด

หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย      

สว่าง ณ กลางกมลละไม              ก็ฉันนั้น (มัทนะพาธา)

 

ฉันท์21 : สัทธราฉันท์

ตัวอย่าง

หนึ่งโสดร่วมภักดิรำพึง                     พระสุขุมคุณะตรึง

ตราตระหนักถึง                                         มนัสทราบ (นมการและรัฐสดุดี)

 

3. กาพย์

กาพย์ เป็นการบรรยายเนื้อเรื่อง มีบังคับการแต่งคล้ายกับฉันท์ แต่ไม่บังคับครุลหุ ไม่เน้นเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค แต่เน้นเสียงคำที่เป็นสัมผัสใน และการขึ้นเสียงของคำในวรรค และท้ายวรรค โดยกาพย์ของไทยที่นิยมแต่ง มีดังนี้

กาพย์ยานี 11 : นิยมแต่งพรรณนาเช่นในบทชมนกชมไม้ พรรณนาอารมณ์โศกเศร้า

ตัวอย่าง

นาวาแน่นเปนขนัด                      ล้วนรูปสัตว์แสนยากร

เรือริ้วทิวธงสลอน                        สาครลั่นครั่นครื้นฟอง (พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) 

 

กาพย์ฉบัง 16 : พรรณนาให้รู้สึกถึงอารมณ์ ความสดชื่น ความพลิ้วไหวของธรรมชาติ

ตัวอย่าง

มะม่วงพวงพลองช้องนาง                      หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง

กินพลางเดินพลางหว่างเนิน (กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา)

 

กาพย์สุรางคนางค์ 28 : นิยมแต่งคู่กับฉันท์ เป็นการบรรยาย รวบรัดเนื้อเรื่องให้มีความรวดเร็ว

ตัวอย่าง

                                                                       เย็นฉ่ำน้ำฟ้า  

ชื่นชะผะกา                                          วายุพาขจร

สาระพันจันทน์อิน                      รื่นกลิ่นเกสร  

แตนต่อคล้อร่อน                          ว้าว่อนเวียนระวัน (กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา)

 

กาพย์ห่อโคลง : การแต่งกาพย์สลับกับโคลง โดยที่เนื้อความของทั้งกาพย์ และโคลงจะต้องสัมพันธ์กัน

ตัวอย่าง

เพริศเพราเหล่าฝ่ายห้าม                      รูปทรงงามตามเสด็จไป

ผมมวยรวยริมไร                                          ม่านปีกนกวกวงวังฯ

เพริศเพราเหล่านางห้าม                      งามนัก

รูปงามตามแลลักษณ์                              ลูบท้อง

ผมมวยรวยไรอรรค                                    ชาเยศ

ม่านปีนกปกป้อง                                            ห่อคลุ้มคลุมเดิรฯ (กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง)

 

กาพย์ขับไม้ : ลักษณะคล้ายกาพย์สุรางคนางค์ ใช้ขับในวงดนตรีขับไม้ และมักจะถูกใช้ในงานสมโภช

ตัวอย่าง

จักแสดงพระเดช   องค์ไทนฤเบศ   ปิ่นเกล้ากรุงศรี

ผ่านเทพอยุทธยา    เรืองพระเดชา   ท่ววท้องธรณี   อันตรายไพรี

บอาจราวี   ด้วยพระสมภาร (จินดามณี เล่ม ๑ ฉบับพระโหราธิบดี)

กาพย์ที่แต่งปนกับฉันท์ จะเรียกว่า สมุทรโฆษคำฉันท์ สามัคคีเภทคำฉันท์ เป็นต้น

4. กลอน

กลอน เป็นคำประพันธ์ที่น้อง ๆ จะเจอได้บ่อยที่สุด เนื่องจากกลอนเป็นที่นิยมแต่งกันอย่างมาก โดยมีลักษณะบังคับ 3 อย่าง คือ คณะ จำนวนคำ และสัมผัส กลอนเริ่มรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีกวีที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก และที่น้อง ๆ ทุกคนต้องคุ้นเคยอย่างแน่นอนคือ สุนทรภู่ กวีเอกมากผลงานการประพันธ์ที่มีชื่อเสียง และน้อง ๆ มักจะเคยผ่านหูผ่านตาตามหนังสือเรียน และยังเป็นผู้พัฒนาฉันทลักษณ์ของกลอนให้ถึงระดับสูง โดยลักษณะของกลอนแบ่งเป็นกลอนหลัก และกลอนประสม

กลอนหลัก (กลอนสุภาพ)

กลอนหลัก คือ กลอนที่จำนวนคำทั้งในวรรคหน้า และวรรคหลังเท่ากันทุกวรรค มีประเภทดังนี้ กลอนหก กลอนเจ็ด กลอนแปด และกลอนเก้า โดยมีลักษณะเหมือนกันแต่ต่างกันที่จำนวนคำ

ตัวอย่าง

วันจะจรจากน้องสิบสองค่ำ                        พอจวนย่ำรุ่งเร่งออกจากท่า

รำลึกถึงดวงจันทร์ครรไลลา                     พี่ตั้งตาแลแลตามแพราย

ที่ประเทศเขตเคยได้เห็นเจ้า                       ก็แลเปล่าเปลี่ยวไปน่าใจหาย

แสนสลดให้ระทดระทวยกาย                    ไม่เหือดหายห่วงหวงเป็นห่วงครัน ฯ (นิราศพระบาท)

 

กลอนประสม

กลอนประสม คือ กลอนที่นำกลอนหลักมาแต่งประสมกัน โดยหนึ่งวรรคสามารถมีคำได้ตั้งแต่ 6-9 คำ กลอนประสมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ กลอนเพลง กลอนขับร้อง และกลอนที่น้อง ๆ เห็นตามวรรณคดี ส่วนมากจะเป็นกลอนประสมนั่นเองค่ะ

กลอนเพลง

กลอนขับร้อง

กลอนเพลงยาว                                                                      เป็นกลอนที่เขียนแบบจดหมายรัก มักลงท้ายบทด้วยคำว่าเอยกลอนบทละคร                                                                                ใช้ในการขับร้อง และแสดงละครรำ มักขึ้นต้นด้วย บัดนั้น เมื่อนั้น มาจะกล่าวบทไป
กลอนนิราศเป็นกลอนที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระหว่างทางของผู้ประพันธ์ เช่น นิราศพระประธมกลอนเสภาคณะ สัมผัส เหมือนกลอนสุภาพ แต่เมื่อจะขึ้นต้นตอนใหม่ ในวรรคแรกมักใช้คำว่า ครานั้น ครั้น เป็นต้น
กลอนนิทานเน้นความบันเทิง เล่าเหตุการณ์ ตัวละคร คล้ายกลอนบทละครกลอนสักวาลักษณะเหมือนกลอนแปด แต่ขึ้นต้นด้วย “สักวา”
กลอนดอกสร้อยสัมผัสเหมือนกลอนสุภาพ แต่การขึ้นต้นต้องมี 4 คำ คำที่2 ต้องเป็นคำว่าเอย และคำที่3 ต้องเป็นคำเดียวกับคำแรก

ตัวอย่าง

ถึงย่านยาวดาวคนองคนึงนิ่ง                                         ยิ่งดึกยิ่งเสียใจใครจะเหมือน

พระพายพานส้านเสียวทรวงสเทือน                     จนเดือนเคลื่อนคล้อยดงลงไรไร

โอ้ดูเดือนเหมือนดวงสุดาแม่                                         กระต่ายแลเหมือนฉันคิดพิศมัย

เห็นแสงจันทร์อันกระจ่างค่อยส่างใจ                    เดือนครรไลลับตาแล้วอาวรณ์…ฯ (นิราศเมืองแกลง)

 

5. ร่าย

ร่าย เป็นการประพันธ์ที่ไม่กำหนดบทหรือบาท สามารถแต่งยาวเท่าไหร่ก็ได้ มีลักษณะการแต่งคล้ายโคลงสอง โคลงสาม และต้องเรียบเรียงคำให้คล้องจองกัน ร่ายแบ่งประเภทดังนี้ ร่ายสุภาพ ร่ายยาว ร่ายดั้น และร่ายโบราณ

*ข้อควรระวัง : การอ่านร่ายต้องสังเกตการแบ่งจังหวะ วรรคตอนให้ดี

ร่ายสุภาพ : มีความไพเราะ ใช้จำนวนคำในการแต่ง 5-7 คำ การประพันธ์มีความคล้ายกับร่ายดั้น แต่อาจปิดจบวรรคด้วยโคลงสองสุภาพ หรือคำสร้อย

ตัวอย่าง

เสร็จเสาวนีย์สั่งสนม เนืองบังคมคำราช พระบาททันนิทรา จวนเวลาล่วงสาง พื้นนภางค์เผือดดาว  แสงเงินขาวขอบฟ้า  แสงทองจ้าจับเมฆ รังสีเฉกฉายฉัน  ไก่แก้วขันเจื้อยแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสียงใส  จึ่งบรมไทธิราช  .......ฯลฯ.......  แสงวิเชียรช่อช่วง  ธำมรงค์ร่วงรุ้งพราย  รายนพรัตน์ชัชวาล  เครื่องอลงการโอ่อ่า  งามสง่าขัตติเยศ  พระแสดงเดชผังผาย  กุมแสงกรายกรนาด  ยุรยาตรอย่างไกรสร  จากศีขรคูหา  ลีลายังวังราช  ไหว้บัวบาทบิตุรงค์  ขอลาองค์ท่านไท้  ไปเผด็จดัสกรให้  เหือดเสี้ยนศึกสยาม  สิ้นนา ฯ (ลิลิตตะเลงพ่าย)

 

ร่ายยาว : เป็นการประพันธ์ที่ไม่จำกัดจำนวนคำ แต่ไม่ควรน้อยกว่า 5 คำในวรรคนั้น ๆ และการรับส่งสัมผัสจะอยู่ที่คำสุดท้ายของวรรคก่อนหน้า เน้นใช้ในการแต่งบทสวด บทเทศน์ บทกล่อมลูก เช่น เทศน์มหาชาติ เป็นต้น

ตัวอย่าง

“สมเด็จอรไทเธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง   พระพักตร์เธอฟูมฟองนองไปด้วยน้ำพระเนตรเธอโศกา  จึงตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่น  จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งไปเสียแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย  พระพายรําเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว  อกแม่นี้ให้อ่อนหิวสุดละห้อย  ทั้งดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลับไม้  สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้  ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ  ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย  ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง  แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุกราวป่า  สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล  สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสําเนียง  สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง  สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน  ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด  จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย  จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอ๋ย  หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่น เหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล...” (มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี)

 

ร่ายดั้น : การประพันธ์ร่ายดั้น ส่วนมากจะมี 5 ขึ้นไป ลักษณะการแต่งทั่วไปเหมือนร่ายสุภาพ แต่การปิดจบจะต้องจบลงด้วยบทที่ 3 และ 4 ของโคลงดั้นวิวิธมาลี

ตัวอย่าง

บรรดาทรัพย์ใด ๆ  ในส่วนข้างบิดา  หรือมาจากชนนี  ผู้อารีปกครอง  ทรัพย์ทั้งสองนี้ไว้  เพิ่มเติมให้เจริญ  เกินของเก่าขึ้นไป  ด้วยมีใจผูกพัน  ว่าสรรพ์ทรัพย์นี้ไซร้  จักได้แก่บุตรเรา  ผู้จักเนาสืบวงศ์  ให้ดำรงอยู่นาน อนึ่งมารดาบิดา ปรารถนาจักให้  บุตรได้รับความดี  ปรานีคอยแนะนำ  ลูกเอ๋ยทำอย่างนี้  จงหลีกลี้อย่างนั้น  สู้อดกลั้นทุกข์ยาก  ทนลำบากสั่งสอน  เมื่อตอนบุตรเติบใหญ่  ใฝ่จิตต์มัวเมาไป  ในภรรยาผู้อื่น  ดึกดื่นยังไม่กลับ  ซับทราบเรื่องเคืองขุ่น  ครุ่นจิตต์คิดอาดูร  ดาลเดือด  ด้วยห่วงฤเว้นข้อน  อกตน ฯ (ลิลิตดั้นมาตาปิตุคุณคาถา)

 

ร่ายโบราณ : นิยมส่งสัมผัสคำท้ายด้วยคำสามัญ ไม่ลงวรรณยุกต์ นิยมแต่ง 5 คำขึ้นไป โดยบทหนึ่งต้องมีมากกว่า 5 วรรค อาจจะเพิ่มคำสร้อยตอนท้ายหรือระหว่างวรรคได้

ตัวอย่าง

เจ้าเผือเหลือแผ่นดิน นะพี่ หลากระบิลในแหล่งหล้า นะพี่ บอกแล้วจะไว้หน้าแห่งใด นะพี่ ความอายใครช่วยได้ นะพี่ อายแก่คนไสร้ท่านหัว นะพี่ แหนงตัวตายดีกว่า นะพี่ สองพี่อย่าถามเผือ นะพี่ เจ็บเผื่อเหลือแห่งพร้อง โอเอ็นดูรักน้อง อย่าซ้ำจำตาย หนึ่งรา (ร่ายโบราณแบบมีคำสร้อยสลับวรรค)

 

5  ประเภทบทร้อยกรอง ออกสอบบ่อย!!!
5  ประเภทบทร้อยกรอง ออกสอบบ่อย!!!

ชวนดรุณชาวเด็กดีสอบพรีแอด                       ทั้งทีแกททีแพทให้เลือกสรร

A-Level รีบมาสอบโดยเร็วพลัน                    เปิดถึงวันที่สามสิบกันยายน

จินตภาพและรสวรรณคดีไทย พร้อมสูตรจำกลวิธีการสรรคำ 5 แบบภาพพจน์ 9 ชนิด ในวรรณคดีไทย

เป็นยังไงกันบ้างคะ? กับ 5 ประเภทบทร้อยกรองที่พี่ฮันนี่ได้นำมาฝากน้อง ๆ ทุกคน รวมถึงลักษณะบังคับที่ใช้ในการแต่งคำประพันธ์ บอกเลยว่าพี่ได้รวบตึง! ครบจบทุกคำประพันธ์ไว้ที่นี่ที่เดียวเพื่อน้อง ๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่ะ

 

ข้อมูลจากhttp://old-book.ru.ac.th/e-book/t/TH256/th256-3.pdfhttps://saranukromthai.or.th/smallchild/547http://old-book.ru.ac.th/e-book/t/TL216(49)/TL216(49)-1.pdfhttp://old-book.ru.ac.th/e-book/t/TL216(49)/TL216(49)-6.pdfhttps://doi.nrct.go.th/admin/doc/doc_561777.pdfhttps://www.tbw.ac.th/images/e_learnning/chatchada/data/m6/k9.pdfhttp://old-book.ru.ac.th/e-book/t/TL216(49)/TL216(49)-4.pdfhttp://old-book.ru.ac.th/e-book/t/TL216(49)/TL216(49)-5.pdfhttps://www.watmoli.com/poetry/201/https://anyflip.com/renwf/jdxf/basichttp://old-book.ru.ac.th/e-book/t/TL216(49)/TL216(49)-8.pdfhttps://www.orst.go.th/FILEROOM/CABROYINWEB/DRAWER004/GENERAL/DATA0004/00004229.FLP/html/419/
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Programmer Programmer เว็บไซต์ Dek-D.com

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น