สวัสดีค่ะน้องๆ DEK69 ใครที่ได้มาอ่านบทความนี้ แสดงว่าเริ่มเตรียมตัวเกี่ยวกับ TCAS69 กันแล้วใช่มั้ยคะ ใครที่ยังไม่รู้ว่า TCAS คืออะไร มีกี่รอบ พี่มิ้นท์แนะนำให้น้องอ่านบทความนี้ก่อน [เตรียมตัวให้เป๊ะ! พา DEK69 เช็กลิสต์สิ่งที่ต้องใช้ใน TCAS แต่ละรอบ] เพื่อทำความเข้าใจ TCAS แต่ละรอบว่าเป็นยังไง และต้องใช้คะแนนแบบไหนบ้าง
TCAS นั้นมี 4 รอบ แต่ละรอบก็เหมาะกับน้องๆ แต่ละกลุ่ม วันนี้พี่มิ้นท์จะพาน้องๆ มาเช็กสไตล์ของเราว่าเป็นคนกลุ่มไหน และเหมาะจะเข้า TCAS รอบไหน จะได้เตรียมตัวกันค่ะ ไปดูกันเลย!
DEK69 แบบเรา เหมาะกับ TCAS69 รอบไหนมากที่สุด?
ในส่วนนี้ให้น้องๆ ดูว่าตัวเองว่าข้อไหนใกล้เคียงกับเรามากที่สุด แต่หากมีมากกว่า 1 ประเภท น้องๆ ก็อาจจะเหมาะมากกว่า 1 รอบได้เช่นกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
คนที่เด่นด้านกีฬา มีผลงานในระดับโรงเรียนและนอกโรงเรียน
คนที่เก่งด่านกีฬา แนะนำรอบ 1 Portfolio และรอบ 2 Quota ที่แนะนำสองรอบ เพราะบางมหาวิทยาลัยเปิดเป็นรับพอร์ตฟอลิโอ บางมหาวิทยาลัยเปิดเป็นรอบโควตา บางมหาวิทยาลัยเปิดทั้งสองรอบก็มี
คนกลุ่มนี้จะต้องมีทักษะด้านกีฬา ที่ไม่ใช่แค่เล่นเป็น แต่ต้องมีผลงานเป็นนักกีฬาโรงเรียน ไปจนถึงนักกีฬาระดับชาติเลยค่ะ ใครคุณสมบัติตามนี้บอกเลยว่ารอบนี้ได้เปรียบ แถมคู่แข่งไม่สูงมากด้วยนะ มีให้เลือกหลายมหาวิทยาลัยเลย
คนที่มีผลงานเกี่ยวกับการประกวดต่างๆ
สายประกวดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันทั้งในนามตัวบุคคลและโรงเรียน หลังการประกวดก็มักจะได้เกียรติบัตรหรือใบรับรองว่าเราเข้าร่วมการประกวดจริง หรือได้รับรางวัล สามารถนำมาเป็นหลักฐานการสมัครได้เลย โดยเฉพาะรอบ Portfolio เหมาะที่สุด
คำแนะนำคือ อยากเข้าคณะไหน เลือกเกียรติบัตรจากงานหรือโครงการประกวดให้ตรงกับคณะนั้นมากที่สุดก็จะได้เปรียบไปเลยจ้า
คนที่เก่งด้านวิชาการ ประกวดด้านวิชาการ
คล้ายๆ กับข้อบน ใครที่เก่งด้านวิชาการ เป็นตัวแทนโครงการ สอวน. หรือได้เกรดเฉลี่ยสูง หรือเคยไปร่วมโครงการด้านวิชาการ เช่น ประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ ตอบคำถามทางวิชาการ ฯลฯ กลุ่มนี้ก็ไปรอบ Portfolio ได้เลย เพราะหลายมหาวิทยาลัยก็มีเปิดรอบ Portfolio โครงการ ความดีเด่นด้านวิชาการ, โครงการช้างเผือก เป็นต้น
คนที่ชอบอ่านหนังสือ ทำข้อสอบแม่น
ส่วนใครที่ชอบอ่านหนังสือมากๆ อ่านทวนหนักมาตั้งแต่ ม.4-5 แม่นเรื่องการทำข้อสอบ ขอแนะนำรอบ 3 Admission เลยค่ะ เพราะรอบนี้แข่งกันที่คะแนนสอบล้วนๆ ซึ่งคะแนนก็จะประกอบด้วย A-Level และ TGAT/TPAT นอกจากนี้หลายมหาวิทยาลัยยังใช้ GPAX ร่วมด้วย
ดังนั้นใครไม่ได้มีผลงาน Portfolio อย่างใครเขา เร่งอ่านหนังสือ เก็บข้อมูล ทำข้อสอบเก่าๆ เพื่อมาลุ้นกันในรอบ 3 ได้นะ รวมถึงน้องๆ ที่จะเข้าคณะ กสพท ด้วย ก็จะต้องมาแข่งคะแนนในรอบนี้เช่นกัน
คนที่ลงเรียนล่วงหน้าจากมหาวิทยาลัยต่างๆ
เป็นสิทธิพิเศษที่มหาวิทยาลัยจะมอบให้กับน้องๆ ที่ลงเรียนล่วงหน้า หรือ Pre-Degree กับมหาวิทยาลัย ซึ่งโครงการเรียนล่วงหน้านี้ จะเป็นการเรียนวิชาของมหาวิิทยาลัยล่วงหน้า เมื่อสอบติดก็จะไม่ต้องเรียนวิชานั้นๆ ซ้ำ ซึ่งในบางมหาวิทยาลัยมีการเปิดโควตานี้ในรอบ Portfolio ด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ 2 เด้งเลย คือ เอาผลการเรียนล่วงหน้าไปสมัครรอบ Portfolio และถ้าสอบติดก็เทียบโอนหน่วยกิตเป็นวิชาเรียนของปี 1 ได้เลย
คนที่อยากเรียนในจังหวัดตัวเอง หรือจังหวัดใกล้บ้าน
หากใครรู้สึกสบายใจที่อยู่ใกล้ครอบครัวหรือได้เรียนใกล้บ้าน แนะนำให้ดูที่รอบ Quota ได้เลย เพราะมหาวิทยาลัยต่างๆ จะมีโควตาภูมิภาค ซึ่งจะกำหนดว่านักเรียนจะต้องเรียนอยู่ในโรงเรียนที่อยู่ในภูมิภาคนั้นๆ ค่ะ มีทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และจำนวนรับของโควตานี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย แต่คู่แข่งน้อยกว่ารอบอื่นๆ ค่ะ^^
คนที่เกรดเฉลี่ยดี
คนที่เกรดดีบางคนอาจจะไม่ได้มีผลงานการแข่งขันด้านวิชาการเสมอไป แต่แน่นอนว่าใครเกรดดี ก็ได้เปรียบไปค่อนข้างเยอะแล้ว โดยเฉพาะในรอบ Portfolio มักจะมีโครงการเรียนดี ที่เน้นใช้ GPAX 4-5 เทอมในการคัดเลือกค่ะ หลายที่ก็ใช้ GPAX คัดเลือก 100% เลย ใครได้ 3.80 ขึ้นไป รับรองว่าโอกาสติดสูงมากๆ
แต่นอกจากรอบ Portfolio แล้ว คณะที่ใช้เกรดคัดเลือก 100% ก็สามารถเจอได้ทั้งรอบ Quota และ Admission นะคะ แต่อาจเจอได้เป็นบางคณะไม่ใช่โครงการใหญ่ค่ะ
คนที่เกรดเฉลี่ยไม่ดีเลย
ตรงกันข้ามแล้วถ้าเป็นคนที่เกรดเฉลี่ยไม่ดีเลยค่ะ ก็แนะนำว่าหลีกเลี่ยงรอบหรือโครงการที่ใช้เกรด 100% เพราะค่อนข้างเสียเปรียบ แนะนำเป็นโครงการที่ใช้คะแนนสอบ เช่น รอบ Admission หรือ Portfolio ยื่นแฟ้มสะสมผลงานไปเลย แต่ทั้งนี้ทั้งสองรอบที่แนะนำนี้ ก็อาจจะมีการกำหนด GPAX ขั้นต่ำ ดังนั้นต้องเช็กเรื่องนี้ก่อนสมัครด้วยนะคะ
คนที่ไม่ค่อยตามข่าวมาก
หากเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ตามข่าวเอง อาศัยแค่ฝ่ายแนะแนวประชาสัมพันธ์ให้ ก็ขอแนะนำโครงการครูแนะแนวเลยค่ะ โครงการนี้บางมหาวิทยาลัยอยู่ในรอบ Portfolio แต่บางมหาวิทยาลัยก็อยู่ในรอบ Quota เป็นโครงการที่ให้น้องๆ สมัครผ่านครูแนะแนวของโรงเรียน แต่บางมหาวิทยาลัยจะเป็นโครงการที่ฝ่ายแนะแนวคัดเลือกส่งให้มหาวิทยาลัย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของโครงการค่ะ ไว้ลองถามห้องแนะแนวที่โรงเรียนกันดูนะคะ :)
คนที่มีคณะที่ตั้งใจแน่วแน่แค่คณะเดียว
สำหรับน้องๆ ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจแน่วแน่แค่คณะเดียว ก็เป็นข้อดีมากๆ เลย เพราะจะได้เตรียมตัวสำหรับคณะนั้นโดยเฉพาะ ซึ่งใครที่อยู่กลุ่มนี้ สิ่งต่อไปคือ ต้องหาข้อมูลว่า คณะ/มหาวิทยาลัยนั้น เปิดรับรอบไหนบ้าง และลุยได้ทุกรอบเลยหากคุณสมบัติผ่าน
คนที่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรเลย
สำหรับกลุ่มสุดท้าย คือ คนที่ยังไม่รู้เลยว่าอยากเรียนอะไร กลุ่มนี้พี่มิ้นท์ก็ขอแนะนำให้เริ่มที่รอบ Portfolio เช่นกัน โดยพยายามสำรวจตัวเองว่ามีอะไรที่เราชอบเป็นพิเศษ จากนั้นเมื่อประกาศรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยออกมา ก็ให้ดูคณะที่เราสนใจและสมัครไป เพราะถ้าเราไม่รู้อะไรเลย การเริ่มต้นได้เร็ว ก็ช่วยให้มีเวลาค้นหาตัวเองและเปลี่ยนใจนั่นเองค่ะ
พี่มิ้นท์ย้ำเสมอว่า TCAS แต่ละรอบมีจุดเด่นของตัวเอง เหมาะกับคนแต่ละกลุ่ม คนที่เข้ารอบ 2 Quota หรือรอบ 3 Admission ไม่ได้หมายความว่าเก่งน้อยกว่าคนเข้ารอบ Portfolio ขอแค่น้องๆ รู้จุดแข็งของตัวเองและวางแผนให้ดี ก็มีที่เรียน ได้คณะถูกใจแน่นอนค่ะ
0 ความคิดเห็น