สวัสดีค่ะ เรื่องเกรดหรือ GPAX เป็นหัวข้อที่มีน้องๆ ถามกันมาตลอดทั้งปีว่า เกรดมีผลต่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใน TCAS มั้ย และถ้าเกรดต่ำกว่า 3.00 จะมีที่เรียนมั้ย
จริงๆ แล้วพวกพี่ย้ำเสมอว่าเกรดมีความสำคัญ แต่เกรดไม่ดีก็สามารถสอบติดได้เหมือนกัน ซึ่งต้องอาศัยความพยายามในส่วนอื่นๆ ด้วย ถ้าเกรดดี โอกาสต่างๆ ก็ลอยเข้ามาหามากขึ้นค่ะ บทความนี้จะพาน้องๆ ไปดูความจริงของ GPAX ในระบบ TCAS พร้อมเทคนิคการดึงเกรดขึ้นในปีสุดท้ายแบบทำได้จริง
เกรด "น้อยกว่า 3.00" VS "มากกว่า 3.00" มีผลมากมั้ยใน TCAS พร้อมเทคนิคดึงเกรดขึ้นปีสุดท้าย
ความสำคัญของ GPAX
อย่างแรกเลยคือสะท้อนว่าเรามีความรู้ทางวิชาการในระดับ ม.ปลาย แค่ไหน และรวมถึงความรับผิดชอบต่างๆ ด้วย เพราะคะแนน GPAX ไม่ได้มาจากการสอบอย่างเดียว
GPAX มีความสำคัญกับ TCAS อยู่ 2 เหตุผลใหญ่คือ
- เป็นองค์ประกอบในการคัดเลือก ส่วนนี้ใครได้เกรดเยอะจะยิ่งได้เปรียบ เพราะมีค่าน้ำหนักกำหนดชัดเจน เช่น บางมหาวิทยาลัยคัดเลือกด้วยเกรด 100% ใครได้ 4.00 ก็จะได้ 100 คะแนนเต็ม ซึ่งผ่านการคัดเลือกแน่นอนอยู่แล้ว
- เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำ ส่วนนี้ไม่ได้มีผลว่าใครจะสอบติด แต่จะมีตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครเลย ว่าคนนี้สมัคร "ได้หรือไม่ได้" เช่น กำหนด GPAX ขั้นต่ำ 3.00 หากได้ 2.96 แบบนี้ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ก็สมัครไม่ได้ค่ะ
GPAX < 3.00 VS GPAX >3.00 มีผลมากมั้ยใน TCAS
จากความสำคัญที่เขียนไปก่อนหน้านี้ ก็ต้องบอกว่า เกรดที่มากกว่า 3.00 ค่อนข้างได้เปรียบในหลายๆ คณะ พี่มิ้นท์จะขอยกตัวอย่างการรับสมัครในรอบต่างๆ แยกตามมหาวิทยาลัย ดังนี้
รอบ Portfolio จุฬา
- โครงการที่กำหนด GPAX>3.00 ขึ้นไป มีทั้งหมด 39 โครงการ
- โครงการที่กำหนด GPAX<3.00 มีทั้งหมด 13 โครงการ
รอบ Portfolio โครงการช้างเผือก ม.เกษตรศาสตร์
- โครงการที่กำหนด GPAX>3.00 ขึ้นไป มีทั้งหมด 58 สาขาวิชา
- โครงการที่กำหนด GPAX<3.00 มีทั้งหมด 7 สาขาวิชา
รอบ Portfolio โครงการรับตรง ม.ธรรมศาสตร์
- โครงการที่กำหนด GPAX>3.00 ขึ้นไป มีทั้งหมด 46 สาขาวิชา
- โครงการที่กำหนด GPAX<3.00 มีทั้งหมด 39 สาขาวิชา
รอบ Quota ม.มหิดล
- โครงการ/สาขาที่กำหนด GPAX>3.00 ขึ้นไป มีทั้งหมด 28 สาขา
- โครงการ/สาขาที่กำหนด GPAX<3.00 มีทั้งหมด มีทั้งหมด 37 สาขา/โครงการ
ตัวอย่างด้านบน น้องๆ จะเห็นว่ารอบ Portfolio และ Quota มหาวิทยาลัยดังๆ มักจะกำหนดเกรดไว้ค่อนข้างสูง จะเห็นได้ชัดเลยว่าบางที่มีจำนวนสาขาที่ต่างกันชัดเจน เช่น ถ้าได้เกรด 2.9 จะเข้าโครงการช้างเผือก ม.เกษตร ก็จะสมัครได้แค่ 7 สาขาวิชา ในขณะที่ได้ 3.00 ขึ้นไป สมัครมากกว่า แต่จะได้กี่โครงการก็ขึ้นอยู่กับเกรดของผู้สมัครด้วย (เพราะบางสาขาก็กำหนด 3.25 3.50 3.75 เป็นขั้นบันไดไปเรื่อยๆ)
ส่วนใครที่ได้เกรดน้อยกว่า 3.00 ก็ไม่ต้องกังวล เพราะก็ยังมีหลายโครงการมากๆ ที่รับเกรดช่วง 2.50-3.00 ค่ะ หรือบางคณะไม่กำหนดเกรดเลยก็มี แต่ต้องหาข้อมูลกันเยอะๆ
นอกจากเรื่องการกำหนด GPAX ขั้นต่ำแล้ว จะไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ การใช้ GPAX เป็นองค์ประกอบการคัดเลือกด้วย ซึ่งจะมีผลต่อคะแนนโดยตรง ยิ่งได้เกรดสูง ยิ่งได้คะแนนดี
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้ามหาวิทยาลัยใช้ GPAX มีค่าน้ำหนัก 20%
- คนที่ได้เกรด 3.50 จะได้ 17.5 คะแนน จากคะแนนเต็มของ GPAX 20 คะแนน
- คนที่ได้เกรด 3.00 จะได้ 15 คะแนน จากคะแนนเต็มของ GPAX 20 คะแนน
- คนที่ได้เกรด 2.80 จะได้ 14 คะแนน จากคะแนนเต็มของ GPAX 20 คะแนน
ถ้ามหาวิทยาลัยใช้ GPAX มีค่าน้ำหนัก 50%
- คนที่ได้เกรด 3.50 จะได้ 43.75 คะแนน จากคะแนนเต็มของ GPAX 50 คะแนน
- คนที่ได้เกรด 3.00 จะได้ 37.5 คะแนน จากคะแนนเต็มของ GPAX 50 คะแนน
- คนที่ได้เกรด 2.80 จะได้ 35 คะแนน จากคะแนนเต็มของ GPAX 50 คะแนน
จากตัวอย่างนี้ จะเห็นได้ว่า ถ้าใครเกรดมาก ก็จะได้เปรียบมากในมหาวิทยาลัยที่ใช้เกรดเป็นองค์ประกอบในการคัดเลือก แต่คะแนนของคนที่ได้เกรดมากกว่า 3.00 และน้อยกว่า 3.00 จะห่างกันมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับค่าน้ำหนักด้วยค่ะ ใครอยากรู้เรื่องนี้เพิ่มเติม อ่านเพิ่มเติมได้ที่เรื่อง รู้มั้ย? เกรดของเรา คิดเป็นคะแนน Admission ได้กี่คะแนน
เทคนิคดึงเกรดขึ้นในปีสุดท้าย (ม.6)
1. วิเคราะห์ย้อนหลัง: วิชาไหนถ่วง ต้องจัดการก่อน
ให้น้องๆ เช็กเกรดย้อนหลังแต่ละวิชา ดูว่าวิชาไหนที่เราทำได้ดี วิชาไหนที่เราอ่อน ให้เร่งอุดรอยรั่วของวิชานั้น และยิ่งถ้าวิชานั้นมีค่าหน่วยกิตสูง ยิ่งต้องรีบพัฒนาตัวเอง โดยอาจหาหนังสือสรุปสูตร สรุปใจความสำคัญ และฝึกทำโจทย์ให้มากๆ ค่ะ
2. ทำแผนรายวิชา: ตั้งเป้าเกรดในแต่ละวิชา
ลองปรับจากที่เรียนและสอบเฉยๆ มาลองชาเลนจ์ตัวเองสักหน่อย ด้วยการกำหนดเป้าหมายของวิชานั้นๆ ไว้เช่น วิชาที่เคยได้ 2.50 ขยับเป้าหมาย 3 ดู หรือวิชาที่เคยได้ 3 ขยับเป็น 3.5 ระวังวิชาที่มีหน่วยกิตสูง ยิ่งต้องรักษาเกรดเอาไว้ให้ดี เพราะมีผลต่อเกรดรวมมาก
3. เก็บคะแนนย่อยให้ครบ อย่าตกหล่น
ใน 100 คะแนนก่อนจะมาเป็นเกรด ไม่ได้มีแค่คะแนนสอบอย่างเดียว แต่มีคะแนนเก็บ ซึ่งเป็นคะแนนส่วนใหญ่ของทุกวิชา ทำงานส่ง ครบ ตรงเวลา เข้าร่วมกิจกรรมตามที่กำหนด ไม่ขาดเรียนเกินที่กำหนด เท่านี้ก็ช่วยรักษาคะแนนส่วนใหญ่เอาไว้ได้แล้วน้า
ใครอ่านจนถึงตอนนี้ ขอบอกว่าเป็นคนที่จริงจังเรื่องของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยพอสมควรเลยนะ เพราะ GPAX เป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม เพราะคิดว่าไม่สำคัญมาก ก็อย่างที่พี่มิ้นท์บอกไป เกรดไม่ดีก็สอบติดมหาวิทยาลัยดีๆ ได้โดยการเลือกรอบและโครงการรับสมัครที่เหมาะสมกับตัวเอง แต่ถ้าเราได้เกรดดี เกรดสูง โอกาสก็จะมีมากกว่านั่นเองค่ะ
อีกหนึ่งช่องทางตามข่าว TCAS อัปเดตข่าวไว เช็กได้ทุกวัน
พร้อมโปรแกรมตัวช่วย ม.ปลาย อีกเพียบ
โหลดเลย! App "เด็กดี TCAS" ทั้ง iOS และ Android
0 ความคิดเห็น