สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเรียนต่อต่างประเทศ นอกจากเรื่องคุณภาพการศึกษาที่เป็นปัจจัยหลักแล้ว ในเรื่องของคุณภาพชีวิตก็ถือว่าเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจของใครหลายคน เพราะยิ่งถ้าเมืองที่เราจะไปเรียนต่อนั้นมีสภาพแวดล้อมที่ดี มีเสถียรภาพและโครงสร้างที่มั่นคง ก็จะยิ่งช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างอุ่นใจ และปลอดภัยต่อสุขภาพจิตในระยะยาวอีกด้วย
และล่าสุดผลการสำรวจ The Global Liveability Index 2025 หรือรายงานดัชนีความน่าอยู่อาศัยทั่วโลก โดย Economist Intelligence Unit (EIU) ก็ได้ประกาศออกมาเรียบร้อย ซึ่งปีนี้อันดับ 1 ตกเป็นของ 'โคเปนเฮเกน' เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งได้คะแนนเต็มทั้งด้านความมั่นคง โครงสร้างพื้นฐาน และการศึกษา โดยล้มแชมป์เก่าอย่าง 'เวียนนา' เมืองหลวงของออสเตรีย หลังจากเคยยืนหนึ่งมา 3 ปีติดต่อกัน และครองอันดับที่ 2 ร่วมกับ 'ซูริก' เมืองใหญ่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในการสำรวจครั้งนี้มีทั้งหมด 173 เมืองประเทศที่ได้รับการการประเมิน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนแบ่งเป็น 5 หมวด ดังนี้
1. ความมั่นคง (Stability) 25%
2. การดูแลสุขภาพ (Healthcare) 20%
3. วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม (Culture & Environment) 25%
4. การศึกษา (Education) 10%
5. โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) 20%
สรุปภาพรวม
- โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองเดียวจากเอเชียที่ติด Top 10 โดยได้รับคะแนนเต็มในหมวดความมั่นคง การดูแลสุขภาพ และการศึกษา
- ทีมออสเตรเลีย มีทั้งหมด 3 เมืองที่ติด Top 10 ในปีนี้ ได้แก่ เมลเบิร์น (4), ซิดนีย์ (6) และ แอดิเลด (9) ซึ่งทุกเมืองได้คะแนนเต็มในหมวดการดูแลสุขภาพ และด้านการศึกษา
- ทีมสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากซูริกแล้ว ยังมีเจนีวา ที่ติดอันดับที่ 5 โดยได้คะแนนเต็มในด้านการศึกษา และการดูแลสุขภาพ
- แวนคูเวอร์ เป็นเมืองเดียวจากฝั่งอเมริกาเหนือ ที่ติด Top 10 โดยได้คะแนนเต็มในด้านการศึกษาเช่นกัน
- สำหรับประเทศไทยมี 2 เมืองที่อยู่ใน 173 เมืองใน Rankings ปีนี้ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (116) และ เชียงใหม่ (130) ซึ่งไต่อันดับดีขึ้นจากปีที่แล้ว
0 ความคิดเห็น