สวัสดีค่ะ ช่วงนี้มีโครงการเรียนล่วงหน้าให้เห็นจากหลายๆ มหาวิทยาลัย แม้เงื่อนไขรายละเอียดจะไม่เหมือนกัน 100% แต่คอนเซ็ปต์ใหญ่ๆ ก็ถือว่าใกล้เคียง มีจุดประสงค์เพื่อให้น้องๆ สามารถลงเรียนวิชาในมหาวิทยาลัยหรือวิชาที่มีประโยชน์ใช้ในคณะใดคณะหนึ่งได้ และมีผลดีต่อการสอบเข้าด้วย
แน่นอนว่าเป็นเทรนด์ขนาดนี้ ก็มักจะมีคำถามว่าแล้ว ม.6 แบบเราๆ จำเป็นต้องสมัครเรียนมั้ย? จำเป็นหรือเปล่า และมันต่างจากการสมัครสอบ TCAS ปกติยังไง มาติดตามกันเลย
สมัคร "เรียนล่วงหน้า" ต่างจากสมัครเข้ามหา'ลัยแบบอื่นยังไง จำเป็นต้องเรียนมั้ย
การสมัครเรียนล่วงหน้ายังไม่ถือว่าเป็นการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยใน TCAS เป็นเพียง "โครงการ" ของมหาวิทยาลัย ที่มีสิทธิประโยชน์เอื้อต่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ
โดยหลักๆ ประโยชน์ของ "โครงการเรียนล่วงหน้า" หรือ "Pre..." มีดังนี้
- ได้เรียนวิชาของมหาวิทยาลัยล่วงหน้า เพราะบางมหาวิทยาลัยนำวิชาพื้นฐานของปี 1 มาเปิดสอน เช่น กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งถือว่าให้น้องๆ ได้มีโอกาสทบทวนความรู้เก่าและเรียนรู้ลึกขึ้น เป็นการเตรียมตัวสำหรับการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ด้วย ซึ่งการเรียนก็จะเป็นการเรียนจริงจัง ใช้เวลาเรียนนับสิบชั่วโมง และมีการสอบด้วย
- บางมหาวิทยาลัยมีเกียรติบัตรให้ว่าผ่านการเข้าร่วมโครงการ จริงๆ แล้วก็สามารถใส่ Portofolio เป็นผลงานของเราได้ แต่จะมีประโยชน์มากถ้าอยากเข้ามหาวิทยาลัยนั้นๆ อยู่แล้ว เพราะจะมีโควตาสำหรับคนที่ผ่านการเรียนล่วงหน้าของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เช่น ม.เกษตรฯ มีโครงการเรียนล่วงหน้า ที่รับเฉพาะนักเรียนที่สอบผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดของการเรียนล่วงหน้าวิชาต่างๆ เป็นต้น
- การเรียนล่วงหน้าบางมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เรียนเฉยๆ แต่ต้องมีการสอบวัดผลด้วย ซึ่งผลการสอบนี่แหละ ที่จะใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น เมื่อสอบติดมหาวิทยาลัยนั้นๆ แล้ว สามารถโอนหน่วยกิตวิชานั้นเข้าระบบมหาวิทยาลัย ทำให้ไม่ต้องเรียนวิชานั้นๆ ซ้ำอีก ดังนั้น ปี 1 เราจะเรียนน้อยลง มีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น
- ได้ทดลองเรียนวิชามหาวิทยาลัยล่วงหน้า ก็ช่วยค้นหาตัวเองได้อีกทางหนึ่งว่า คณะนั้นเหมาะกับเราจริงหรือเปล่า บางคนเดินหน้าต่อ แต่บางคนก็ยอมแพ้เพราะวิชาที่เรียนไม่ใช่ตัวเองเลย ซึ่งเป็นข้อดีที่เราจะได้รู้ตัวเองเร็วขึ้น ดีกว่าเข้าไปเรียนจริงแล้วพบว่าไม่ใช่คณะที่เราอยากเรียน
สรุป เหมือนหรือต่างจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใน TCAS
สรุปอีกครั้ง TCAS เป็นระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ใครที่จะเรียนมหาวิทยาลัย (ที่เข้าร่วม TCAS) ก็จะต้องดำเนินการผ่านระบบนี้ ส่วนการเรียนล่วงหน้า ไม่ใช่ "การสอบเข้ามหาวิทยาลัย" แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการที่มหาวิทยาลัยสร้างขึ้น นอกจากจะเป็นประโยชน์ที่ให้นักเรียน ม.ปลาย ได้ทดลองเรียนวิชาเรียนของมหาวิทยาลัยแล้ว ก็ยังได้ประโยชน์ต่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เช่น ให้สิทธิพิเศษในการสมัครในรอบ Portfolio โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่น้องๆ ได้ลงเรียนล่วงหน้า
เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดรับสมัครรอบ Portfolio ใน TCAS น้องๆ ก็จะต้องไปสมัครอยู่ดีค่ะ เช่น เรียนล่วงหน้า เปิดให้เรียน ก.ค.-ต.ค. มหาวิทยาลัยเปิดรับรอบ Portfolio เดือน พ.ย. น้องๆ ก็จะต้องมาสมัครรอบพอร์ตในเดือนพฤศจิกายน ในโควตาที่เปิดรับค่ะ
ข้อดี คือ แม้โควตาที่รับเด็กเรียนล่วงหน้าจะไม่ได้มีจำนวนเยอะ แต่คู่แข่งก็น้อยค่ะ เพราะคัดจากคนที่ผ่านการเรียนล่วงหน้ามาไม่พอ ต้องได้ผลการเรียนตามที่กำหนดด้วย
อย่างไรก็ตามโครงการในรอบ Portfolio ไม่ได้มีแค่รับเด็กที่เรียนล่วงหน้า แต่ก็ยังมีโครงการอื่นๆ ให้เลือกสมัครอีกมากมาย เช่น โครงการเด็กดีมีที่เรียน โครงการผู้มีความสามารถด้านศิลปะ ด้านกีฬา ด้านวิชาการ ฯลฯ และยังมีรอบอื่นๆ เช่น Quota, Admission ซึ่งก็จะมีเกณฑ์คัดเลือกที่แตกต่างกันไป
สรุปแล้ว การเรียนล่วงหน้า "ไม่ได้จำเป็น" ว่าต้องเรียนทุกคน แต่ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์การเรียนวิชามหาวิทยาลัยล่วงหน้า อยากเข้ารอบ Portfolio (ในมหาวิทยาลัยที่มีเรียนล่วงหน้า) มีเวลาว่าง (เพราะมีการวัดผลจริงจัง) และไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย พี่มิ้นท์ก็แนะนำโครงการเรียนล่วงหน้าค่ะ เพราะเป็นช่องทางช่วยให้เราสอบติดมหาวิทยาลัยใน TCAS ได้เร็วขึ้นค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้น้องๆ เห็นภาพมากขึ้นว่า เอ๊ะโครงการเรียนล่วงหน้าคืออะไร ทำไมใครๆ ก็เรียนกัน แม้ว่าโครงการนี้จะมีข้อดีเยอะ แต่อย่าลืมว่าเข้าร่วมแล้วก็ต้องเต็มที่เหมือนกันนะ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นภาระ เพราะต้องเพิ่มการเรียนและสอบเข้ามาในตารางชีวิตค่ะ ใครตัดสินใจลงเรียนที่ไหนไว้แล้ว ก็สู้ๆ นะคะ
อีกหนึ่งช่องทางตามข่าว TCAS อัปเดตข่าวไว เช็กได้ทุกวัน
พร้อมโปรแกรมตัวช่วย ม.ปลาย อีกเพียบ
โหลดเลย! App "เด็กดี TCAS" ทั้ง iOS และ Android
0 ความคิดเห็น