‘พี่ซันนี่’ รีวิว 8 ข้อฉบับเด็กอักษรจุฬาฯ ข้ามสายสู่ IR ม.ท็อปของจีน (Tsinghua | 清华) เรียนการเมืองผ่านมุมมองผู้เล่นรายใหญ่ในเวทีโลก!

大家好! ชาว Dek-D คนไหนที่สนใจเรียนต่อสาย IR ในประเทศที่มีบทบาทสำคัญบนเวทีโลก วันนี้จะพาไปรู้จัก “พี่ซันนี่” รุ่นพี่อักษรจุฬาฯ ที่คว้าทุนรัฐบาลจีน (CSC) ไปเรียนต่อ ป.โท สาขา Chinese Politics, Foreign Policy, and International Relations (CPFP) ที่ Tsinghua University มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของจีนที่ขึ้นชื่อด้าน IR และการผลิตผู้นำด้านนโยบายระดับประเทศ

QS World University Rankings by Subject 2025: Politics
QS World University Rankings by Subject 2025: Politics
(อันดับเฉพาะมหาวิทยาลัยในประเทศจีน)

แม้แดนมังกรจะมีทุนให้ต่างชาติเข้ามาสัมผัสคุณภาพการศึกษาและวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ แต่การได้ที่นั่งในมหาวิทยาลัยหนึ่งในใต้หล้าก็ต้องวางกลยุทธ์อย่างดีเช่นกัน บทสัมภาษณ์นี้พี่ซันนี่จะมาเล่าตั้งแต่การเตรียมสมัครทุน บรรยากาศการเรียนในคลาส การแลกเปลี่ยนกับเพื่อนนานาชาติ ไปจนถึงสไตล์การสอนของอาจารย์หัวกะทิที่จบ PhD จากอเมริกา

จะน่าสนุกและเปิดโลกแค่ไหน เราไปเริ่มเรื่องกันเลยค่ะ!

Note: บทสัมภาษณ์นี้อ้างอิงจากประสบการณ์ปีที่พี่ซันนี่สมัครไปเรียนต่อ ดังนั้นข้อมูลทุนและหลักสูตรอาจมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้น้องๆ ศึกษาระเบียบการปีล่าสุดอย่างละเอียดนะคะ

โอกาสทอง! ปรึกษาฟรีกับ 24 รุ่นพี่ทุนดีกรีสุดปัง
พบกัน 4-5 ต.ค. 68 ที่ไบเทคบางนา

จดคำถามที่คาใจ แล้วมาคุยแบบ 1:1 กับ "พี่ซันนี่" ตัวจริงได้ในวันเสาร์ที่งาน Dek-D's Study Abroad Fair นะคะ บอกเลยว่ารอบนี้เราได้รับเกียรติจาก 24 รุ่นพี่เด็กนอกหลายทุน หลายประเทศ ได้แก่ ทุนรัฐบาลไทย ก.พ. และ ทุน UIS, CSC (จีน), GKS (เกาหลีใต้), ASEAN Scholarships (สิงคโปร์), TaiwanICDF (ไต้หวัน), MEXT (ญี่ปุ่น), DAAD (เยอรมนี), Franco-Thai (ฝรั่งเศส), Fulbright TGS (สหรัฐฯ), Chevening (สหราชอาณาจักร), Erasmus+ (ยุโรป), Swedish Institute (สวีเดน), Stipendium Hungaricum (ฮังการี), Australia Awards (ออสเตรเลีย), และทุนจากมหาวิทยาลัย/บริษัทเอกชน

. . . . . . . .

1
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับจีน
ค่อยๆ เติบโตจากที่บ้าน

ผมเกิดในครอบครัวคนจีนครับ ทั้งคุณพ่อและคุณปู่ชอบเปิดซีรีส์จีนดูตลอด จนรู้สึกว่าวัฒนธรรมจีนค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ตัวเราทุกวัน พอเรียน ป.ตรี คณะอักษรที่จุฬาฯ ผมลงเรียนวิชาโท (Minor) ภาษาจีนที่ได้เรียนเน้นการสื่อสารเป็นหลัก เคยมีโอกาสไปค่ายซัมเมอร์ที่คุนหมิง (昆明) กับทำกิจกรรมช่วงสั้นๆ ที่จีนด้วย

จริงๆ ตอนนั้นกระแสจีนในไทยยังไม่แรงเท่าปัจจุบันนะครับ แต่ผมได้สังเกตและเห็นพัฒนาการของเขามาตลอด รู้เลยว่าอีกหน่อยเศรษฐกิจของประเทศนี้มาแน่ พอมีทั้งความชอบส่วนตัวและทุนที่ให้เต็มจำนวน ก็เลยตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าจบตรีแล้วจะไปต่อโททันทีครับ

. . . . . . . .

2
ป.ตรี ไม่ได้เรียนรัฐศาสตร์
แต่เขียนเปเปอร์เพื่อสมัครเรียน IR โดยเฉพาะ

หลังจากหาข้อมูลเรื่องทุนและมหาลัยอยู่พักใหญ่ ผมก็สมัครทุนรัฐบาลจีน (CSC) ผ่าน University Track โดยตรง เลือกยื่นที่ ม.ชิงหัว (Tsinghua University) รอบ Early Bird ซึ่งเป็นรอบที่เปิดให้สมัครก่อนแต่มีสิทธิ์ได้ทุนครับ

ปัจจุบัน ม.ชิงหัว เป็นมหาวิทยาลัยท็อปของจีนในสาขา Politics (อ้างอิงจาก QS World University Rankings by Subject 2025: Politics) แล้วมีโปรแกรมที่ผมสนใจด้วย นั่นก็คือ Chinese Politics, Foreign Policy, and International Relations (CPFP) ครอบคลุมทั้งการเมือง นโยบายเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยจะมองผ่านเลนส์ของประเทศมหาอำนาจใหญ่อย่างจีน

กรณีสมัครทุนแบบ University Track คู่แข่งเราคือนักศึกษาต่างชาติจากทั่วโลก เท่าที่สังเกตทางรัฐบาลจีนจะเน้นให้เรียนสาขาที่เกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ​ เช่น การเมือง สังคม และเศรษฐกิจ ฯลฯ ส่วนโควตาทุนของแต่ละประเทศ จีนจะจัดสรรให้ตามความสัมพันธ์ในช่วงเวลานั้น 

ตอนนั้นผมยื่น GPA ป.ตรี ประมาณ 3.8x และคะแนน IELTS 7 มีเอกสารอื่นๆ เช่น SOP และ Research Paper เพื่อพิสูจน์ว่าเรามีวิธีคิดแบบนักวิชาการในระดับที่พร้อมเรียนต่อ ป.โท จริงๆ (ถ้าไม่ส่งเปเปอร์อาจไม่ได้รับพิจารณาทุน)

  • Research Paper คือส่วนที่ท้าทายสำหรับผม ก็เลยเริ่มศึกษาฟิลด์นี้เองตั้งแต่ปี 2 ปลายๆ ช่วงใช้เวลาช่วง ป.ตรี ปีสุดท้ายเขียนเปเปอร์ขึ้นมาเอง แล้วก็เล่าว่าถ้าเข้าไปเรียน เราจะทำรีเสิร์ชหัวข้ออะไร เช่น ถ้าสนใจความสัมพันธ์ไทย-จีน เราจะมองจากเลนส์ของทฤษฎีไหนครับ (เอาจริงเคยย้อนไปอ่านเปเปอร์เก่าตัวเองแล้วรู้สึกแปร่งๆ นะ แต่ก็น่าจะสะท้อนความสนใจผมได้แหละ)
  • ประสบการณ์ทำกิจกรรม พยายามให้เกี่ยวกับจีนจะดีมากๆ อย่างตอนปี 2 ผมเคยเป็นตัวแทนจุฬาฯ ไปร่วมโครงการสมาพันธ์มหา’ลัยอาเซียน-จีนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตอนนั้นจีนเป็นเจ้าภาพ มีนักศึกษาและตัวแทนจากหลายประเทศมาพบปะกันที่ เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน และทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนมุมมองกัน
เว็บไซต์หลักสูตร CPFP

. . . . . . . .

3
เป็นนักศึกษาคนไทยใน ม.ชิงหัว
ไม่เหงาอย่างที่คิด

ผมไปเรียนที่ Tsinghua University (清华大学) ช่วงปี 2016-2018 อย่างที่เล่าว่าช่วงนั้นกระแสเรียนจีนในไทยยังไม่บูม ผมก็จินตนาการว่าไปถึงแล้วจะอยู่เหงาๆ มั้ยนะ แต่พอไปถึงจริงพบว่า

  • ก่อนหน้านี้มีรุ่นพี่คนไทยปีละ 2-3 คน ซึ่งไทยเราก็มีวัฒนธรรมพี่น้องกันอยู่แล้ว สร้างกรุ๊ปคอยพูดคุยนัดตี้ ปรึกษาเรื่องการใช้ชีวิตได้ตลอด
  • ฝั่งเจ้าหน้าที่ทุนเองก็มีจัดกิจกรรมช่วงวันหยุดยาวให้ด้วย เราแค่จ่ายเงินนิดหน่อย ก็ได้ไปเที่ยว ทำกิจกรรม และได้รู้จักเพื่อนใหม่จากหลายประเทศ
  • ในหลักสูตรมหาลัยของ ม.ชิงหัว จะมี Focus Area ที่เน้นศึกษาประเทศกลุ่มต่างๆ เช่น อเมริกา ยุโรป อาเซียน ฯลฯ ซึ่งทำให้เราได้เจอเพื่อนคนจีนที่อยากรู้จักเพื่อให้เข้าใจประเทศเรามากขึ้น และยังมี Buddy Program ที่สุ่มจับคู่ให้ชาวจีนนักศึกษาจีนกับต่างชาติได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน กลายเป็นคอนเน็กชันอีกวงของเราครับ

ส่วนเรื่อง Culture Shock อาจจะผมชอบจีนอยู่แล้วเลยไม่รู้สึกอะไรที่ยากเกินรับมือ แต่ที่ท้าทายสุดคือการคุยกับเจ้าหน้าที่คนจีนครับ เวลาต้องติดต่องานเอกสารแล้วต้องผ่านตัวกลางอย่าง Office of International Student Affairs อาจมีกำแพงภาษาที่ทำให้คิดและเข้าใจไม่ตรงกัน เชื่อเลยว่าใครมาเรียนจีนต้องเจอเหมือนกันหมด คำแนะนำของผมคือให้เตรียมพื้นภาษาจีนไว้คุยกับเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้นเยอะ

Peking, Beijing, China
Peking, Beijing, China
Photo by Christian Lue on Unsplash

. . . . . . . .

4
คัดสรรอาจารย์ตัวท็อปของจีน
พ่วงด้วยดีกรี PhD จากอเมริกา

ข้อดีของการมาเรียนมหาวิทยาลัยท็อปๆ อย่าง ม.ชิงหัว คือเรื่องความรู้ความเชี่ยวชาญของผู้สอน ที่นี่ไม่ได้คัดเฉพาะอาจารย์ระดับแนวหน้าของจีนเท่านั้น แต่ยังมีเกณฑ์ว่าต้องจบ PhD จากอเมริกาด้วย เพราะในสายตาของจีน การเข้าใจประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก

อาจารย์หลายท่านไม่ได้แค่สอนหนังสืออย่างเดียว แต่ยังมีบทบาทในระดับประเทศ เช่น เป็นที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ให้รัฐบาลจีนในโครงการใหญ่ๆ อย่าง Belt and Road หรือทำงานอยู่ใน Think Tank ระดับชาติ บางท่านก็ถูกเชิญมาเป็นอาจารย์พิเศษเฉพาะบางหัวข้อ 

ระหว่างเรียนผมเลยมีโอกาสฟังบรรยายจากทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชน รวมถึงนักธุรกิจระดับโลกอย่าง Mark Zuckerberg (ปัจจุบันเป็น CEO และประธานบอร์ดบริหารของ Meta) ที่เจ๋งคือมหาวิทยาลัยยังมีจัด Public Session ที่เปิดให้คนจากนอกมหาลัยเข้าร่วมได้ ถ้ามีข้อสงสัยก็ยกมือถามเจ้าของทฤษฎีหรือนักคิดตัวจริงได้เลยครับ

Beijing, 北京市中国
Beijing, 北京市中国
Photo by TOMA IKUTA on Unsplash

. . . . . . . .

5
เรียน IR กับเพื่อนครึ่งโลก
สนุกกว่าอ่านทฤษฎีคนเดียวเยอะ

แน่นอนว่าการเรียนที่นี่ต่างจากระดับ ป.ตรี ที่เน้นการฟังเลกเชอร์แบบที่เราคุ้นเคยครับ ในคลาส ม.ชิงหัว จะเป็นสไตล์อเมริกันที่เน้น Discussion และ Debate ซึ่งเหมาะมากกับวิชาที่ต้องการความหลากหลายของมุมมอง ทุกคนต้องอ่านก่อนเข้าเรียน แล้วมาแลกเปลี่ยนกันว่าใครเห็นยังไง หักล้างกันตรงไหน และท้ายคลาสอาจารย์จะช่วยสรุปให้ว่าจีนมองเรื่องนั้นอย่างไร

เพื่อนร่วมคลาสก็มาจากหลายเชื้อชาติมาก ทั้งลาตินอเมริกา ตุรกี ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ฯลฯ รวมถึงเจ้าของภาษาจากฝั่งอเมริกา ถ้าเป็นเพื่อนฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) ก็จะดูเฮฮาหน่อย ส่วนอเมริกันจะดูจริงจัง เพราะหลายคนตั้งเป้าไปทำงานในภาครัฐของสหรัฐฯ แต่เรื่องความแตกต่างด้านเชื้อชาติหรือสำเนียงภาษาไม่ใช่อุปสรรคเลยครับ ทุกคนพยายามเข้าใจกันและแลกเปลี่ยนกันได้ดี

ช่วงแรกๆ ผมรู้สึกเกร็งอยู่เหมือนกันครับ เพราะกดดันตัวเอง กลัวตามไม่ทันและพูดได้ไม่คล่องเท่าเจ้าของภาษา เวลาจะพูดก็ต้องเตรียมเขียน bullet point ไว้ก่อนแล้วค่อยๆ อธิบายให้ตรงประเด็น ใช้เวลาทำการบ้านและอ่านหนังสือมากกว่าคนอื่นหน่อย แต่พอเข้าเทอมสองก็เริ่มเข้าใจระบบ คุ้นชิน และปล่อยวางมากขึ้น ความตื่นเต้นก็ลดลง เพราะต่อให้พูดผิดเพื่อนๆ ก็พยายามเข้าใจไปด้วยกัน ทำให้การเรียนในคลาสค่อยๆ สนุกขึ้นครับ

. . . . . . . .

6
เข้าใจโลกแบบจีน ผ่านประวัติศาสตร์ 
เศรษฐกิจ และทฤษฎีการเมือง

“จีนไม่ได้คิดแค่ว่าจะเอาตัวรอดในเกมใหญ่ แต่คิดการณ์ใหญ่ว่าจะแข่งกับเจ้าของกระดานยังไงให้ชนะ”

ถ้าเรียน IR ในประเทศเล็ก เราอาจจะชินกับการมองตัวเองเป็นผู้เล่นตัวเล็กที่ต้องอยู่รอดให้ได้ แต่พอมาเรียนกับหนึ่งในมหาอำนาจอย่างจีน มุมมองจะต่างออกไปทันที เพราะจีนไม่ได้มองตัวเองเป็นตัวหมากหรือพลทหาร แต่เขาต้องไปชนกับบิ๊กบอสอย่างอเมริกาที่เหมือนเป็นเจ้าของกระดาน ดังนั้นเป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่เอาตัวรอด แต่ต้องวิเคราะห์เกมให้ทะลุ แล้วคิดว่าจะวางกลยุทธ์ยังไงให้ชนะ ทั้งที่กติกาอาจไม่ได้เอื้อกับตัวเองมาตั้งแต่ต้น

หลักสูตรนี้ก็ออกแบบมาเพื่อให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ “ในมุมมองของจีน” จริงๆ ผ่านการเรียนประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และทฤษฎีการเมือง โดยเฉพาะในมุมที่ว่าถ้าจีนยึดหลักการทางทฤษฎีใด เขาจะใช้มันตีความหรือเคลื่อนไหวต่อสถานการณ์โลกอย่างไรบ้าง ซึ่งจะมีกรณีศึกษามาช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นด้วย

ช่วงเทอมแรกจะเน้นปูพื้นฐานด้าน Political Philosophy ทั้งฝั่งอเมริกัน ยุโรป และจีน โดยอาจารย์จะสรุปเนื้อหาให้แบบเน้นๆ ถ้าใครมีพื้นฐานมาก่อนก็ถือว่าได้ทวน ส่วนตัวผมว่าผ่านเทอมนั้นมาแล้วจะเริ่มเห็นเลยว่า IR จริงๆ ก็วนอยู่กับชุดทฤษฎีเหล่านี้แหละครับ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้เลนส์ไหนกับเคสไหนบ้าง ระหว่างเรียนก็จะเจอศัพท์ในแวดวงรัฐศาสตร์ เช่น Constructivism, Realism, Liberalism ฯลฯ

หรืออย่างอาจารย์อีกท่านที่สอนผม เขาเป็นคนสร้างแนวคิดขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า ‘Moral Realism’ ซึ่งผสมผสานระหว่าง Realism ของตะวันตก ที่มองว่า “ใครมีอำนาจมากกว่าก็ชนะ” กับแนวคิดของนักปราชญ์จีนอย่างขงจื้อ เล่าจื้อ ฯลฯ กลายเป็นมุมมองที่ว่า แม้คุณจะมีอำนาจ แต่ถ้าขาดคุณธรรม ก็ไม่สามารถเป็นผู้ชนะที่แท้จริงได้ การเรียนพวกนี้ทำให้เรารู้ว่า เคสเดียวกันมองได้หลายมุม สมมติเลนส์ A, B, C ไม่ตอบโจทย์ อาจต้องเปลี่ยนมาลองเลนส์ D ก็ได้

หนึ่งในวิชาที่ผมชอบมากคือ ‘China & Africa Relations’ ซึ่งชื่ออาจฟังดูเหมือนเน้นแค่แอฟริกา แต่จริงๆ เขาใช้ภูมิภาคนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของจีนต่อโลกทั้งใบ อาจารย์ที่สอนเป็นนักวิชาการเชิงปฏิบัติที่เคยทำงานจริงในหลายประเทศแอฟริกา ก่อนจะถูกเชิญมาสอนที่ชิงหัว เลยไม่ได้เล่าแค่สิ่งที่อยู่ในตำรา แต่ถ่ายทอดมุมที่เจอมาเอง ทำให้เข้าใจว่าเบื้องหลังท่าทีของจีนในแต่ละภูมิภาค

และถึงจะเป็นหลักสูตรอินเตอร์ แต่จะมีกำหนดให้เราเรียนวิชาแนวๆ Chinese Culture and Language ทุกเทอม เพื่อช่วยให้เข้าใจบริบททางวัฒนธรรมและภาษาจีนมากขึ้น แล้วนำมาประกอบการตีความการสื่อสารหรือแนวคิดที่อิงกับวัฒนธรรมเฉพาะของจีนครับ

清华大学 硕士论文答辩会 – การสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ป.โท ณ มหาวิทยาลัยชิงหัว
清华大学 硕士论文答辩会 – การสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ป.โท ณ มหาวิทยาลัยชิงหัว
Tsinghua University, Beijing, China
Tsinghua University, Beijing, China
Photo by Richard Liu on Unsplash

. . . . . . . .

7
เรียน IR ในจีน ทำงานกับจีน
เข้าใจจีนจากทั้งสองด้าน

หลังเรียนจบ เพื่อนหลายคนก็ไปต่อในสายวิชาการ บางคนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจีนหรือเกาหลีหรืออาเซียน บางคนไปเป็นอาจารย์สอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเข้ารับราชการในสหรัฐฯ ส่วนบางคนก็เลือกทำงานกับองค์กรอิสระ ทำแคมเปญเพื่อสังคมที่ตัวเองสนใจ

ส่วนผมเองตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานในบริษัทเทคโนโลยี อยู่กับวงการ Tech ของจีนมาตลอดเลยครับ ตอนอยู่ที่นั่นก็พยายามคุยกับเพื่อนคนจีนเยอะๆ ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นพื้นฐานสำคัญในตอนทำงาน เพราะหัวหน้าและคนในทีมใช้ภาษาจีนเป็นหลัก โชคดีที่เราสนใจจีนมาตั้งแต่แรก เลยปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้เร็ว

. . . . . . . .

8
นี่แหละ จีนในมุมที่ผมรัก

ผมชอบประเทศจีนเป็นทุนเดิมครับ ก็เลยมีโอกาสกลับไปจีนอีกหลายครั้งมาก แล้วเดี๋ยวนี้ยังมี Free Visa ที่ทำให้เข้าออกประเทศได้ง่ายขึ้นไปอีก

เมืองที่ประทับใจที่สุดคงหนีไม่พ้น “ปักกิ่ง” เพราะเป็นเมืองหลวงที่ผสมความเป็นตะวันตกกับตะวันออกได้ลงตัว มีความโมเดิร์นแต่ก็ยังรักษารากของวัฒนธรรมจีนไว้ได้ดี ย่านนึงที่ชอบมาคืกอ Nanluoguxiang (南锣鼓巷) ย่านชิคๆ ที่เต็มไปด้วยหูถงหรือบ้านจีนเตี้ยๆ ที่ไม่ได้ทุบทิ้ง แต่รีโนเวตให้ทันสมัย กลายเป็นแหล่งรวมคาเฟ่ ร้านอาหาร และ Night life อยู่ตามหอคอยหรือซอกมุมที่ดูภายนอกเหมือนจะธรรมดา แต่ถ้าไปลองสำรวจจะเจออะไรเซอร์ไพรซ์อีกเพียบครับ

อีกเมืองที่ผมชอบคือ “กวางโจว” เพราะเป็นบ้านของอาหารกวางตุ้งที่รสชาติเข้ากับลิ้นคนไทยมากๆ ราคาก็เป็นมิตร ถึงจะไม่มีแลนด์มาร์กใหญ่ๆ เหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่น แต่ย่านโบราณกับวิถีชีวิตคนท้องถิ่นนี่แหละที่มีเสน่ห์ แถมบรรยากาศบางมุมยังคล้ายตึกแถวในกรุงเทพฯ ด้วย ถ้าใครอยากพาพ่อแม่ไปเที่ยว แนะนำว่าเก็บไว้ในลิสต์ได้เลย

. . . . . . . .

[ You are all Invited. ]
โอกาสปรึกษาฟรีกับ 24 รุ่นพี่ทุนดีกรีสุดปัง
พบกัน 4-5 ต.ค. 68 ที่ไบเทคบางนา

เคลียร์คิวให้พร้อม เพราะ Dek-D's Study Abroad Fair จะคัมแบ็กแบบเล่นใหญ่!  พาว่าที่เด็กนอกเริ่มก้าวแรกเตรียมพร้อมออกเดินทาง เพื่อพิชิตฝันเรียนต่อต่างประเทศให้เป็นจริง

  • 40+ บูทสถาบัน/เอเจนซี/มหาวิทยาลัย จาก 20+ ประเทศฮิตทั่วโลก
  • ปรึกษาฟรี 1:1 กับ 24 รุ่นพี่เด็กนอกตัวจริง
  • แจกฟรี! Planner & Timeline วางแผนเรียนต่อนอก 2026
  • IELTS Mock Test ฟรี (Reading & Writing) โดย British Council IELTS
  • Alumni’s Talk #ทอล์กเด็กนอก แชร์ประสบการณ์เรียนต่อกว่า 20 หัวข้อ
  • โปรแกรมทดสอบความรู้ 10 ภาษา
  • จัดพร้อม Dek-D’s TCAS Fair งาน Open House เรียนต่อมหาวิทยาลัยในไทยที่ใหญ่ที่สุด มางานเดียวคุ้ม ได้เลือกทั้งไทยและต่างประเทศ
มาเถอะ อยากเจอ~ ดูรายละเอียดงานที่นี่
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น