เด็กโรงเรียนนานาชาติเรียนอะไรกัน ?


 

 

                            สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... สงกรานต์ปีนี้ เชื่อว่ามีหลายๆ คนที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน เพราะฉะนั้นก็มาเฝ้าเว็บและอ่านเรื่องราวดีๆ กับ พี่เป้ กันซะดีๆ ฮ่าๆๆ

                     หลังจากสัปดาห์ก่อน พี่เป้ พูดเรื่องหลักสูตร A-Level (ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกที่นี่) ซึ่งเป็นหลักสูตรการเรียนระดับม.ปลายของที่อังกฤษไปแล้ว แต่ยังมีอีกระบบซึ่งเป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนม.ปลายเหมือนกัน ซึ่งก็คือ หลักสูตร IB นั่นเอง จะเป็นอะไรยังไงนั้น ลองอ่านกันเลยค่ะ


 

{pic-desc}
 

                     หลักสูตร International Baccalaureate Diploma Programme (IB)  เริ่มต้นใช้ในปี 1968 ในเมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นหลักสูตรวุฒิบัตรมัธยมศึกษาตอนปลายระยะเวลา 2 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 16-19 ปี ปัจจุบันมีโรงเรียนทั่วโลก 2,600 แห่ง ใน 134 ประเทศที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ รวมถึงโรงเรียนนานาชาติในเมืองไทย อินเดีย และในประเทศอื่นๆ ก็นิยมใช้หลักสูตร IB นี้ด้วย (ยกเว้นที่อังกฤษจะนิยมหลักสูตร A-Level มากกว่า IB )
 

{pic-desc}

หลักสูตร IB แตกต่างจากหลักสูตร A-Level อย่างไร ??
 
                    ข้อแตกต่างที่เห็นได้ง่ายๆ คือ หากเรียนจบหลักสูตร IB นั้น สามารถสมัครมหาวิทยาลัยได้ทั่วโลก แต่ถ้าจบหลักสูตร A-Level จะใช้สมัครมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรได้เท่านั้น

 

IB เรียนอะไร ???

1. เนื้อหา 6 กลุ่มวิชา โดยนักเรียนต้องเลือกเรียนหนึ่งวิชาจากแต่ละกลุ่ม โดย 3 วิชาจะเป็นการเรียนระดับสูง และอีก 3 วิชาเป็นการเรียนระดับมาตรฐานทั่วไป
      
  -  Literature เรียนภาษาและวรรณคดีภาษาอังกฤษ
  - Second Language ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน อิตาเลียน
  - Individual and Societies ได้แก่ การจัดการและธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา ปรัชญา  สังคมและวัฒนธรรมมานุษยวิทยา ภูมิศาสตร์ 
  - Experimental Sciences ได้แก่ ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ การออกแบบเทคโนโลยี
  - Mathematics and computer science ได้แก่ วิธีการทางคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ระดับกลาง คณิตศาสตร์ระดับสูง
  - Arts ได้แก่ ภาพยนตร์ ดนตรี ละครเวที ทัศนศิลป์

            

2. การพัฒนาทักษะ 3 ส่วนหลัก ได้แก่

  - Extended Essay คือ การเขียนเรียงความยาว 4,000 คำในหัวข้อที่ตนสนใจ
  - Theory Knowledge (TOK) คือ ปรัชญาการเรียนรู้โดยเน้นที่การเปลี่ยนวิกฤตต่างๆ ให้เป็นการเรียนรู้ รวมถึงมองกฎระเบียบและความรู้ต่างๆ ในแนวทางวัฒนธรรมของตนเองและวัฒนธรรมของโลก
  - Crativity , Action , Service (CAS) คือ การเข้าร่วมกิจกรรมในกลุ่ม และกิจกรรมช่วยเหลือสังคม


 

 


                    หลังจากเรียนจบหลักสูตรแล้ว จะมีการประเมินว่านักเรียนเรียนผ่านหลักสูตร IB หรือไม่
โดยจากคะแนนเต็ม 45 คะแนน ต้องได้ 24 คะแนนขึ้นไป  โดย 45 คะแนนเต็มนี้มาจาก

- 6 กลุ่มวิชา จะมีคะแนนเต็มวิชาละ 7 คะแนน รวมเป็น 42 คะแนน
- คะแนนพิเศษจากการเขียนเรียงความ Extended Essay + TOK + กิจกรรม CAS รวมเป็น 3 คะแนน

                    โดยหากพิจารณาดีๆ จะเห็นว่าหลักสูตร IB เน้นที่การทำกิจกรรมด้วย ซึ่งแน่นอนว่าน้องๆ สามารถเก็บผลงานด้านกิจกรรมที่ทำลงในแฟ้มสะสมผลงานเพื่อสมัครเข้ามหาวิทยาลัยได้อีกด้วย ดังนั้นใครที่ไม่ได้อยากเรียนเก่งอย่างเดียว แต่อยากโดดเด่นทางด้านกิจกรรมด้วย ก็ขอแนะนำให้ลองเลือกเรียนหลักสูตร IB ดูนะคะ เพราะ พี่เป้ ก็เคยได้ยินว่า มีน้องบางคนที่เรียนหลักสูตร A-Level แต่เรียนไปเรียนมาแล้วพบว่าเหมือนได้แต่ความรู้ทางด้านการเรียนเท่านั้น หากไปสมัครเข้ามหาวิทยาลัยก็อาจจะแพ้คนอื่น เพราะคนเรียนเก่งคะแนนสูงๆ นั้นมีเยอะ จึงลาออกแล้วมาเริ่มต้นเรียนใหม่ด้วยหลักสูตร IB แทน เพราะอยากจะทำกิจกรรมเยอะๆ จะได้ดูโดดเด่นทั้งทั้งด้านการเรียนและกิจกรรม ซึ่งจะทำให้ได้เปรียบคนอื่นอย่างมากเลยทีเดียวล่ะ

                                           

 {pic-desc}

                      ตอนนี้ก็ได้ทำความรู้จักกับหลักสูตร A-Level และ IB ไปแล้วเรียบร้อย ว่าแต่ใครจะเลือกเรียนหลักสูตรไหนก็ขอให้พิจารณาดูให้ดีๆ ละกันนะคะ ^^ แต่ไม่ว่าจะเลือกเรียนหลักสูตรอะไร ถ้าตั้งใจเรียน รับรองว่าประสบความสำเร็จทุกรายค่ะ

 

                    


           SPECIAL THANKS : EF , N'Pueng         

                                                                      
 
 
Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
WAT 13 เม.ย. 53 13:19 น. 12
อย่าบ่นเลยว่าเรียนแล้วเหนื่อยอ่ะ

เหอๆๆ เดี๋ยวให้จบมาทำงานจริงๆ แล้วจะรู้ว่า...


เรียนน่ะ สบายสุด ๆ แล้วววว
0
กำลังโหลด
namu 13 เม.ย. 53 14:16 น. 14
ถ้าเรียนจบคะแนนดีๆ หลายๆที่สามารถเอาคะแนนไปละเว้นไม่ต้องเรียนบางวิชาของปีแรกในมหาลัยได้ด้วยอ่ะค่ะ
แต่เหนื่อยมากจริงๆ ต้องเรียนตลอดเลย หลายคนไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน โดดเรียนบางวิชาเพื่อจะทำงานของอีกวิชาให้เสร็จ
คือถ้าเรียน IB ก็ต้องเตรียมใจไว้เลยว่า ถ้าอยากนอนพอ แล้วก็ได้คะแนนดี ก็คงไม่มีเวลาให้ชีวิตสังคมเลย
แต่ก็นะเด็ก IB ส่วนใหญ่ชอบ procrastinate loll
แล้วก็ IB มีสองแบบนะคะ (ไม่รู้เหมือนกันว่า ทุกที่เหมือนกันรึเปล่า) คือแบบ certificate กับ diploma
ถ้าให้อธิบายคงอีกยาวววววว เอาเป็นว่า diploma เรียนหนักกว่าเยอะ
แล้วก็ certificate ไม่จำเป็นต้องเรียน TOK แล้วไม่ต้องเขียน extended essay
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ป.แป้ก Member 13 เม.ย. 53 16:31 น. 20

แป้กว่า IB เรียนหนักกว่า A-level มากอยู่เหมือนกัน
อินเตอร์ในไทยที่สอนหลักสูตร IB แบบโหดสุดก็ต้อง nist เลย - -"
ส่วนใหญ่จะคิดกันว่าระบบเมกันเรียนสบาย ชิลมาก ความจริงๆก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแฮะ
นานาชาติเมกันที่เรียนโหดก็มีเยอะ พวกนี้จะมีหลักสูตรที่เรียกว่า Ap ด้วย
Ap ก็ยากน้องๆ ib เลย ดีไม่ดีก็เท่าๆกัน



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 มกราคม 2554 / 20:38
0
กำลังโหลด

62 ความคิดเห็น

' ลาม่อนเนด. {___*} Member 13 เม.ย. 53 03:58 น. 1
สองจิตสองใจฮะ ไม่รู้จะกลับไปต่อไทยหรือที่เดิม แต่อยากเรียน A-level ออกไปทางรัฐศาสตร์สุดๆเลยอ่ะ
แต่กลัวสมองรับไม่ไหว :((
0
กำลังโหลด
ใต้ฟ้าข้าเดียวดาย Member 13 เม.ย. 53 06:20 น. 2
ถึง คห.๑ ทำให้เต็มที่อย่างที่ความสามารถจะไปถึงเถอะนะ

ไม่ต้องกลัวหรอก เรายังไม่เคยเห็นใครจบชีวิตเพราะเรียนหนังสือหนักเลย .. :)

เป็นกำลังใจให้น้า ^^
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
WAT 13 เม.ย. 53 13:19 น. 12
อย่าบ่นเลยว่าเรียนแล้วเหนื่อยอ่ะ

เหอๆๆ เดี๋ยวให้จบมาทำงานจริงๆ แล้วจะรู้ว่า...


เรียนน่ะ สบายสุด ๆ แล้วววว
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
namu 13 เม.ย. 53 14:16 น. 14
ถ้าเรียนจบคะแนนดีๆ หลายๆที่สามารถเอาคะแนนไปละเว้นไม่ต้องเรียนบางวิชาของปีแรกในมหาลัยได้ด้วยอ่ะค่ะ
แต่เหนื่อยมากจริงๆ ต้องเรียนตลอดเลย หลายคนไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน โดดเรียนบางวิชาเพื่อจะทำงานของอีกวิชาให้เสร็จ
คือถ้าเรียน IB ก็ต้องเตรียมใจไว้เลยว่า ถ้าอยากนอนพอ แล้วก็ได้คะแนนดี ก็คงไม่มีเวลาให้ชีวิตสังคมเลย
แต่ก็นะเด็ก IB ส่วนใหญ่ชอบ procrastinate loll
แล้วก็ IB มีสองแบบนะคะ (ไม่รู้เหมือนกันว่า ทุกที่เหมือนกันรึเปล่า) คือแบบ certificate กับ diploma
ถ้าให้อธิบายคงอีกยาวววววว เอาเป็นว่า diploma เรียนหนักกว่าเยอะ
แล้วก็ certificate ไม่จำเป็นต้องเรียน TOK แล้วไม่ต้องเขียน extended essay
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
*~>>Mi-SO!!~* Member 13 เม.ย. 53 15:47 น. 16
โรงเรียนเราเป็นหลักสูตรA-Levelอะ

เรายังเรียนไม่ถึงนะ

ตอนนี้ยังIGCSEอยู่

แต่เห็นรุ่นพี่เรียนแล้วแบบว่าT^T

โฮกกก~

หนักเหมือนกันนะ

ถึงจะมีชั่วโมงว่างแต่ก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมก่อนวิชา

นั่งทำงานอะไรงี้อะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
โลลิลาลา Member 13 เม.ย. 53 16:27 น. 19
อ้าว การเรียนคือเศษหนึ่งในสี่ ของชีวิต ฉะนั้นเราควรรีบักตวงความรู้ไว้ดีกว่้า เเต่เรียน เอ เลเวลก็ดีไปอีกเเบบตรงที่ สามารถเรียนในประเทศอังกฤษ เเถมจบงานยังสามารถหางานได้ชัวร์ด้วย เเต่ถ้าจบเเบบไอบี ก็สอบเข้ามหาลัยได้ทั่วโลก โอ้ววว เรียด้านไหนกันดีเนี่ย
0
กำลังโหลด
ป.แป้ก Member 13 เม.ย. 53 16:31 น. 20

แป้กว่า IB เรียนหนักกว่า A-level มากอยู่เหมือนกัน
อินเตอร์ในไทยที่สอนหลักสูตร IB แบบโหดสุดก็ต้อง nist เลย - -"
ส่วนใหญ่จะคิดกันว่าระบบเมกันเรียนสบาย ชิลมาก ความจริงๆก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแฮะ
นานาชาติเมกันที่เรียนโหดก็มีเยอะ พวกนี้จะมีหลักสูตรที่เรียกว่า Ap ด้วย
Ap ก็ยากน้องๆ ib เลย ดีไม่ดีก็เท่าๆกัน



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 มกราคม 2554 / 20:38
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด