สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคน เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ข่าวนึงเกี่ยวกับวงการการศึกษาไทยนั่นก็คือ "การเลื่อนสอบ GAT PAT" โดยเลื่อนไปไกลถึง มีนาคม ปี 57 โน้นเลยค่ะ ไปแทนการสอบ GAT PAT รอบ 2 นั่นเอง ส่วนรอบ 2 ก็เลื่อนไปอีกค่ะ เป็นเดือนเมษายน น้องหลายคนที่ได้ตามข่าวก็คงเครียดพอๆ กันใช่มั้ยล่ะคะ? ... ไหนจะต้องเรียน ไหนจะต้องสอบ แล้วการสอบ 2 รอบห่างกันแค่เดือนเดียว โอ๊ยยยย แทบกรี๊ดดดดดดด
แน่นอนว่าถ้าใครอยากเข้ามหาวิทยาลัยต้องสอบ GAT PAT แล้วการสอบ GAT PAT ก็ใช้ทั้งรอบรับตรงและรอบแอดมิชชั่นกลางด้วย ... ผู้ใหญ่มักมองว่าการที่น้องๆ ปวช. จะสอบเข้า มหาวิทยาลัย เป็นอะไรที่เกินตัว เพราะสายการเรียนของ ปวช. ควรเรียนต่อทางด้าน ปวส. เท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วมีทางเลือกมากมายเลยค่ะที่สามารถเรียนต่อเพื่อให้ได้วุฒิระดับปริญญาตรีมาได้ แต่หลายๆ คนก็ท้อซะก่อน เพราะเจอคำพูดสุดเจ็บที่ทะลวงหัวใจไปสู่ก้นบึ้งของความรู้สึกกันเลยทีเดียว คำพูดเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง ลองมาอ่านกันดูเลยค่ะ
>> เรียนแค่ ปวช. ไม่มีปัญญาสอบเข้า มหา'ลัย ได้หรอก
เป็นคำที่ได้ยินบ่อยๆ ไม่ว่าจะจากคนในบ้านหรือจากป้าข้างบ้านก็ตาม การสอบเข้ามหา'ลัยไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ ผู้ใหญ่จะมองว่าเรียน ปวช. จะเรียนเนื้อหาไม่แน่นเท่าสายสามัญ เลยไม่มีความรู้ที่จะสอบเข้ามหา'ลัย แต่ว่าการสอบเข้าทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันค่ะ อยู่ที่เรื่องของความขยันที่จะใฝ่หาความรู้ เพื่อนๆ บางคนที่เรียนสายศิลป์แล้วจะสอบเข้าคณะแพทยฯซึ่งเป็นเนื้อหาสายวิทย์ยังสามารถทำได้เลย เพียงแค่ต้องมีความพยายามสูงมากตามคณะที่เราอยากเข้า ถ้าได้ยินคำนี้มาว่า เรียนแค่ ปวช. ไม่มีปัญหาสอบเข้า มหาวิทยาลัย ได้หรอก อย่าไปเชื่อนะคะ
>> ฝันสูงอยากได้ใบปริญญา ความรู้มีแค่ห่างอึ่ง
คำนี้พูดเลยว่าได้ยินมากับหูเลยค่ะ พี่แป้งจบโรงเรียนสายสามัญแห่งหนึ่ง แต่ว่าในเครือโรงเรียนที่จบจะมีโรงเรียนของสายอาชีพที่รั้วติดกันด้วย แล้วได้ยินเสียงผู้ปกครองท่านหนึ่งกล่าวกับเพื่อนสายอาชีพคนนึง (ซึ่งคาดว่าจะเป็นลูกสาว) ว่า "ฝันสูงอยากได้ใบปริญญา ความรู้มีแค่ห่างอึ่ง" พี่แป้งก็อึ้งๆ เลย ณ ตอนนั้นคือจะร้องไห้แล้วอะ (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของเรา) ขอบอกตรงนี้เลยว่า ใครที่คิดแบบนี้หยุดเลยนะคะ ถ้าเราเอาคำพูดแบบนี้มาคิดนอกจากจะได้ยินคนอื่นดูถูกเราแล้ว เรายังดูถูกตัวเองอีกด้วย การเรียน ปวช. ไม่ใช่การเรียนแบบส่งๆ บอกเลยว่าเด็ก ปวช. เก่งไม่ต่างกับสายสามัญเลย แต่แค่คนละด้านเท่านั้นเอง ถ้าเกิดอ่านหนังสือทางด้านทฤษฎีเพิ่ม พี่แป้งว่าการสอบเข้าและเรียนให้จบจนคว้าใบปริญญามาได้ ไม่ใช่เรื่องยากแน่นอนค่ะ
>> อย่างเธอคงเป็นได้แค่ช่างทำงานในโรงงานไปวันๆ
ใครเคยได้ยินคำนี้แล้วเอาไปคิดมาก ขอบอกให้หยุดคิดเลยค่ะ หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!! ข้อได้เปรียบของ ปวช.-ปวส. คือการเรียนเพื่อเป็นงานฝีมือในตลาดงานค่ะ เป็นประเภทที่เรียนจบโดยที่มีฝีมือการทำงานอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเริ่มฝึกใหม่ในสถานที่ที่เราทำงานค่ะ น้องๆ ที่เรียนสายอาชีพจะได้เปรียบมากเลยค่ะ ถ้าเป็นช่างก็ไม่ใช่ช่างแบบคนงานก่อสร้างแน่นอนค่ะ จะเป็นช่างฝีมือ ช่างเชื่อม ทำโลหะพวกนี้มากกว่า
ส่วนถ้าเรียนสายพาณิชยกรรม เช่น บัญชี การตลาด ก็จบไปสามารถทำบัญชีได้เลย แบบนี้สบายทั้งเราทั้งนายจ้างค่ะ แล้วเมื่อเรามีทักษะฝีมือก็สามารถรับงานนอกได้ด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นเป็นช่างนี่ไม่ธรรมดานะคะ
>> ถ้าเก่งจริงก็ไปเรียน ม.4 สิ มาเรียน ปวช. ทำไม ไม่เจ๋งจริงนี่หว่า
ถ้าได้ยินแบบนี้มานี่มีเถียงกลับแน่ๆ เลย 555 บางคนรู้ตัวเร็วไปเรียน ปวช. ไม่เห็นแปลกเลยค่ะ อย่างเพื่อนพี่แป้งตอนจบ ม.3 ก็มุ่งมั่นมากที่จะเข้า ปวช.สายเตรียมวิศวฯ ให้ได้ ตอนนี้เรียนจบวิศวกรรมศาสตร์ สอบเป็นวิศวกรอนาคตดีไปเรียบร้อยละ การเรียนสายสามัญไม่ใช่ว่าจะเจ๋งนะคะ แต่คนเรามีทางเดินที่แตกต่างกัน อย่างเช่นว่า ใครที่อยากเป็นหมอ ทางเดียวที่จะไปได้คือต้องจบ ม.6 เท่านั้น ยังโชคดีที่ 2 ปีหลังให้สายศิลป์สอบได้ด้วย แต่ก่อนนี่เฉพาะสายวิทย์-คณิตอย่างเดียวค่ะ แต่สำหรับน้อง ๆ ปวช. ยังมีสายการเรียนหลายสายที่สามารถเข้ามหา'ลัยได้ เช่น จบ ปวช.บัญชี ก็สอบเข้าคณะบัญชี/บริหารฯ/การตลาดได้ จบ ปวช.เตรียมวิศวฯ ก็สอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้ เป็นต้น ทางใครก็ทางมันนะคะ
>> จะเข้ามหา'ลัยได้ต้องสอบ มีปัญญาพอจะสอบหรอ?
ไม่มีใครไม่มีปัญญาสอบหรอกค่ะ อยู่ที่ว่าจะหาช่องทางมากแค่ไหน และจะขยันพอหรือเปล่า ถูกอย่างที่ว่าการเข้ามหา'ลัยต้องสอบเข้า แต่ว่าไม่ได้ยากเกินความสามารถเลยค่ะ ในหนึ่งปีมีที่นั่งเหลือรอบแอดมิชชั่นเยอะมาก เรียนสายสามัญเก่งแค่ไหนถ้าเลือกไม่ถูกก็สอบไม่ติดค่ะ เพราะฉะนั้นพี่แป้งว่าทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน บางคนเรียน ปวช. ก็ขยันอ่านหนังสือตั้งแต่ปี 1 เพื่อเพิ่มความรู้ทางด้านทฤษฎีให้กว้างไกลเพื่อใช้สอบเข้า บางโครงการรับตรงก็รับ ปวช. รอบแอดมิชชั่นสายพาณิชยกรรมก็สอบเข้าได้เยอะมาก แค่ไม่ลืมสอบ จำช่องทางให้ได้ดี ๆ แค่นี้ก็ทำได้แล้วค่ะ
ใครที่เคยโดนคำพูดแบบนี้มาแล้วคงเจ็บไม่น้อยเลยใช่มั้ยละคะ? พี่แป้งว่าคำพูดของคนอื่นก็เป็นแค่คำพูด สิ่งที่เราจะสามารถสบประมาทคำพูดนั้นได้คือการทำให้ฝันเราเป็นจริงค่ะ ทำให้เห็นว่า "ฉันทำได้แล้วนะ" แต่กว่าจะไปถึงวันนั้นก็ต้องสู้กันหน่อยค่ะ แค่เราเปลี่ยนคำพูดเลวร้ายเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดัน แค่นี้เราก็จะมีแรงฮึดต่อได้แล้ว น้อง ๆ ปวช. คนไหนเคยโดนคำพูดแบบนี้บ้างคะ? มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังบ้างน้าาาาา >_< พี่เคยโดนว่า คนอื่นเค้าสอบติดกันจะทั้งประเทศล่ะ เมื่อไหร่จะสอบติด? นั่งร้องไห้เลย 5555
102 ความคิดเห็น
เรามองว่าเด็ก ปวช คือคนที่รู้ตัวเร็วนะเนี่ยว่าอยากเป็นอะไร เค้าแน่นในสายอาชีพมากกว่าเด็กสายสามัญซะอีกมั้ง แค่สายสามัญทางเลือกเรียนต่อมันเยอะกว่า(แน่นพื้นฐาน) เราไม่รู้จะเป็นอะไรเลยเรียนสายสามัญจนติดไฟฟ้านั่นแหละ พี่เรายังบอกเลยถ้ารู้ว่าจะเรียนวิศวะคงให้ลงปวชไปแล้ว (แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้นี่) ฮ้าาาาาาาาา
ไม่ว่าจะเรียนสายไหนน่ะ ถ้าไม่ขยันหรือไม่ตั้งใจก็เข้ามหาลัยไม่ได้หรอก เราเองก็เรียนสายอาชีพ ยังติดมหาลัยพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คนเลย ไม่ใช่ว่าจะมาดูถูกกันว่าเป็นเด็กปวช. แล้วจะสู้สายสามัญไม่ได้ แต่เรื่องความรู้ก็ต้องยกให้สายสามัญ แต่เรื่องความสามารถต้องเด็กปวช. แล้วบางสาขาในมหาลัยอาจจะเหมาะกับสายสามัญ แต่ก็มีหลายสาขาที่ต้องการปวช. อยู่เหมือนกัน
กล่าวโดยตามจริงแล้วสายสามัญไม่ได้วิเศษไปกว่าสายอาชีพ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับที่ตัวบุคคล.
เราจบ ปวช แต่ติด ม.คณะนานาชาติค่ะ
เด็กสายอาชีพหลายๆคนเก่งกว่าสายสามัญอีกค่ะ เราเรียนสายยสามัญมากำลังต่อตรีอยู่ แล้วเด็กข้างบ้านเราเป็นสายอาชีพเขามาจ้างเราพิมพ์งาน งานของเขายากพอๆกับระดับปริญญาตรีทีเดียวค่ะ แถมฝีมือดีด้วย ฟังน้องเขาบ่นอยู่เหมือนกันว่า ไปสมัครมหาวิทยาลัย อาจารย์พูดจาดูถูกสายอาชีพมาก ฟังแล้วหงุดหงิดแทนทีเดียว
คิดผิดซะแล้วที่ด่าเค้าแบบนั้น ดิฉันเป็นคนนึงที่จบสายสามัญแล้วสอบเข้าไปเรียนวิศวะ
เรียนกับพวกเด็กอาชีวะที่จบมาหลายคน เค้าไม่ได้หมูอย่างที่เราคิดนะ
อุปกรณ์ การลงแล็ป เค้าทำได้พริ้วมาก ผิดกับเราที่ต้องคอบนั่งถามเค้าว่า อันนี้อะไรอ่ะ?
มันมีดีกันคนละด้าน เก่งแต่วิชาการ ถ้าลงมือปฏิบัติไม่เป็น ก็จบเห่ได้นะจ้า