หนังสือหรือยาพิษ? แชร์เคล็ดลับเรียนรู้แบบ Brain-Based Learning เรียนดีขึ้นจริง 80%

                         สวัสดีค่ะน้อง ๆ ใครเคยมีความรู้สึกว่า “การเรียนมันช่างทรมาน” บ้างไหมคะ อ่านหนังสือแต่ละที ทำรายงานแต่ละครั้งเหมือนจมน้ำ อึดอัดอะไรซะขนาดนั้น เคยมีคนกล่าวว่า “ยาพิษ” ในการศึกษาเปรียบได้กับ “ปรอท” ไม่ได้ทำให้ตายทันที แต่ตายทีละน้อย ทั้งนี้ยาพิษที่กล่าวถึงมีไว้สำหรับการศึกษาที่ไม่ดีเท่านั้น 


 
                         วันนี้พี่เมก้าเลยขอพาไปรู้จักทฤษฎีการเรียนรู้ที่ดีแบบหนึ่ง ซึ่งผ่านการวิจัยมาแล้วว่าเป็นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ผลการเรียนดีขึ้น และผู้เรียนพึงพอใจสุด ๆ เผื่อจะนำมาปรับใช้กับการเรียนของตัวเองได้บ้าง

                         วิทยานิพนธ์เรื่อง “ผลของการเรียนผ่านห้องเรียนเสมือนจริงที่สร้างตามทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดย คุณตัสนีม กอแตง” ได้ชี้ให้เห็นความสำคัญของสมองกับการเรียนรู้ไว้ว่า การเรียนรู้ของมนุษย์เกิดขึ้นที่สมอง จึงควรเชื่อมโยงการเรียนรู้ของสมองกับการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้ชัดเจนมากขึ้น โดยทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจก็คือแนวคิดการส่งเสริมการเรียนรู้ที่ใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning หรือ BBL) 

BBL คืออะไร?
                         การเรียนรู้ที่ใช้สมองเป็นฐานเป็นทฤษฎีการเรียนรู้ที่เกิดจากการพัฒนาร่วมกัน 3 ด้านคือชีววิทยา ประสาทวิทยา และวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับปัญญา โดยศาสตร์นี้เป็นการพยายามศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการและการทำงานของสมอง เพื่อจะได้ทราบว่าสมองเรียนรู้อย่างไรและนำการทำงานของสมองมาปรับใช้กับการจัดการศึกษา 
                         ตัวอย่างเช่น สารเคมี Cortisol ที่หลั่งออกมาเวลาเครียดจะหยุดยั้งการทำงานของสารส่งสัญญาณทางประสาท (neurotransmitter) ในภาวะปกติ และจะมีการส่งสัญญาณลัดวงจรเกิดขึ้น (downshifting) เป็นอาการที่สมอง เมื่อมีสารเคมีนี้มากเกินไปหรือหลงเหลืออยู่มันจะกลายเป็นสารพิษทำลายสมองส่วนเก็บหน่วยความจำที่ทำให้จำอะไรได้นาน ๆ แปลว่าถ้าอยู่ในภาวะเครียดตลอดเวลา การทำงานของสมองก็จะค่อย ๆ ถูกทำลายลงนั่นเอง 
                         งานวิจัยใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับการทำงานของสมองและสารเคมีในสมอง มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาเรื่อย ๆ ว่า การทำงานของสมองจะตื่นตัวและมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น ถ้าผู้เรียนอยู่ในสภาวะมีความสุข ตรงข้ามกับผู้เรียนที่มีสภาวะเครียด เบื่อหน่าย ซึมเศร้า สมองจะถูกปิดกั้นการเรียนรู้โดยอัตโนมัติ ส่งผลต่อระบบความคิดความจำ 


 
ห้องเรียนเสมือนจริงกับ BBL 
                         ห้องเรียนเสมือนจริงคือการจัดสิ่งแวดล้อมทางการศึกษาให้เสมือนกับการเรียนในชั้นเรียน ผู้เรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนได้ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ (เหมาะกับช่วง COVID-19 ที่ต้องเรียนออนไลน์มาก) ห้องเรียนนี้ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ อยากเรียนที่ไหน เวลาใดก็ได้ตามความสะดวก แค่ขอให้มาเข้าร่วมเท่านั้นเอง   
                         งานวิจัยชิ้นนี้ก็ได้สร้างห้องเรียนเสมือนจริงขึ้นมา ออกแบบตามทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน ดังนี้ 

                         1. การผ่อนคลาย - ผู้วิจัยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายด้วยการเปิดวิดีโอเตรียมตัวก่อนเข้าเรียนเป็นเวลา 5 - 10 นาที เพราะบรรยากาศที่กดดันจะทำให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ลดลง อารมณ์ที่ดีจะทำให้สมองหลั่งสารเคมีความสุข เวลาเรียนจะจดจำได้นาน
                         2. การถ่ายโยงการเรียนรู้ - หลังเรียนจบให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันผ่านกระดานเสวนา โดยลองเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน ข้อนี้ทำให้ผู้เรียนจำได้และสนุกกับการเรียนรู้ เพราะสมองจะจดจำได้ดี เมื่อมีความจำแบบเชื่อมโยง 
                         3. การเรียนรู้ที่หลากหลาย - ผู้วิจัยนำเสนอเนื้อหาโดยวิธีการสอนที่หลากหลาย ผู้เรียนสามารถเลือกใช้สื่อใดก็ได้ตามความสนใจ เพราะสมองของแต่ละคนจะมีความเฉพาะของตน ถ้าผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่เหมาะสมก็จะกระตุ้นให้กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ได้  
                          4. การสะท้อนคิด - ชวนผู้เรียนมาทบทวนเนื้อหาที่ได้เรียน โดยตั้งประเด็นคำถามหรือทำแบบทดสอบต่าง ๆ เพื่อตรวจเช็กตัวเองว่าเรียนดีขึ้นหรือเปล่า 


 
เรียนดีขึ้นจริงกว่า 80%
                         ผลของการเรียนผ่านห้องเรียนเสมือนจริงตามหลักทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนดีขึ้นไม่ต่ำกว่า 80% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ทั้งความพึงพอใจของผู้เรียนก็อยู่ในระดับพึงพอใจมากด้วย เพราะผู้เรียนสามารถเรียนรู้และพัฒนาด้วยตัวเองได้อย่างอิสระจากสื่อการสอนหลากหลายที่สามารถเลือกได้ตามความสนใจและความถนัดของตัวเอง    

ออกแบบห้องเรียนเสมือนจริงของตัวเอง!
                         ห้องเรียนเสมือนจริงนี่เหมาะกับการเรียนออนไลน์ตอนนี้มากเลยนะคะ ถ้าลองนำมาปรับใช้ น้อง ๆ ก็สามารถสร้างห้องเรียนเสมือนจริงของตัวเองได้ตาม 4 Step ที่ผู้วิจัยได้ปูทางไว้ให้เราแล้ว 
                         Step 1: ก่อนเรียนน้อง ๆ อาจจะผ่อนคลายตัวเองก่อนด้วยการเลือกทำกิจกรรมที่ชอบ อาจจะดูคลิปสั้น ๆ ของศิลปินที่ชอบ ฟังเพลง อ่านการ์ตูน สัก 5 - 10 นาที (ระวัง! อย่าลั้นลาเพลินจนลืมเรียนล่ะ)
                         Step 2: หลังเรียนเสร็จลองนำความรู้ที่เรียนมาเชื่อมโยงกับสิ่งรอบ ๆ ตัวดู เช่น เทียบการบอกปริมาณฟิสิกส์กับสิ่งที่พบในชีวิตประจำวัน เทคนิคนี้หลายคนการันตีว่าใช้ได้จริง! และทำให้จำความรู้เรื่องนั้น ๆ ได้แม่นยำมาก! 
                         Step 3: สำหรับสื่อการเรียน ตอนนี้ก็มีคลิปวิดีโอการสอนออนไลน์ให้เรียนรู้เยอะมาก น้อง ๆ เลือกช่องทางที่ชอบ เลือกครูที่สอนแล้วเข้าใจได้ตามสไตล์เลย ช่วงนี้พี่เมก้าก็แอบเห็นกระทู้แชร์ช่องทางการเรียนวิชาต่าง ๆ ในบอร์ดเพียบเลย 
                         Step 4: สุดท้ายหลังเรียนจบก็อย่าลืมหาแบบฝึกหัดหรือข้อสอบเก่ามาทดสอบตัวเองด้วยนะคะ บางคนชอบความท้าทายก็สักวันละ 100 - 200 ข้อ แต่ถ้ากลัวกดดันตัวเองมากเกินไป วันละ 50 ข้อก็ยังดีค่ะ อย่าลืมจดบันทึกสถิติจะได้รู้ว่าตัวเองพัฒนาไปขนาดไหน 

                         อ่านจบแล้วพร้อมที่จะไปสร้างห้องเรียนเสมือนจริงของตัวเองแล้วหรือยัง ถ้าน้อง ๆ ใช้ได้ผล ก็อย่าลืมแวะมาบอกกล่าวพี่เมก้าบ้างนะคะ 

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://kb.psu.ac.th
https://so03.tci-thaijo.org
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด