จีนจัดกลุ่มเสพย์ติดเน็ตเป็นอาการป่วยทางจิต

     เคยรู้สึกรึเปล่าคะน้อง ๆ dek-d.com ว่าเดี๋ยวนี้ ชีวิตพวกเราในแต่ละวันผูกพันธ์กับอินเตอร์เน็ตมากน้อยแค่ไหน ... แน่นอนค่ะว่าเด็กยุคใหม่ ยังไงซะก็ต้องทำตัวเป็นมนุษย์ออนไลน์กันอยู่แล้วล่ะ ขึ้นอยู่กับว่ามากหรือน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

     น้อง ๆ ที่รู้จักแบ่งเวลาว่าเวลาไหนควรเล่นหรือไม่ควรเล่นอินเตอร์เน็ตก็คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่น้อง ๆ ที่มีชีวิตออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง แบบไม่หลับไม่นอนนี่สิคะอาการน่าเป็นห่วงสุด ๆ เพราะนั่น คืออาการเริ่มต้นของอาการ "ป่วยทางจิต" ค่ะ

     เมื่อเช้านี้พี่เหมี่ยวได้อ่านข่าวของสำนักข่าว เอเอฟพี เกี่ยวกับวิกฤตการกลุ่มเสพย์ติดเน็ต ว่าในปีหน้า(2552) ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในกระทรวงสาธารณาสุขจีนจะออกคู่มือใหม่ระบุอาการติดอินเตอร์เน็ต เป็นอาการทางจิตเช่นเดียวกันกับการติดแอลกอฮอล์และการติดเกม

     เนื่องจากมีตัวเลขของทางกรมสถิติจีน ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันจีนมีจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลกถึง 253 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีรายงานระบุว่า เมื่อเดือนสิงหาคมว่า ร้อยละ 10 ของผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตในจีนหรือประมาณ 4 ล้านคน มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ล้วนมีอาการติดเน็ต และส่วนมากพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ใช้เวลาขลุกอยู่กับเกมออนไลน์ที่ทำลายสุขภาพ

     และเมื่อเร็วๆนี้ อินเตอร์แอคทีฟ คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทวิจัยเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เน็ตในจีนเผยว่า หนุ่มสาวจีนร้อยละ 42 มีอาการติดเน็ต ขณะที่หนุ่มสาวของอเมริกามีเพียงร้อยละ 18

     อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้พยายามใช้มาตรการอย่างหลากหลายเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อาทิ จำกัดเวบไซต์การพนันออนไลน์ต่างๆ และจำกัดอายุของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต โดยในปี 2006 ที่ผ่านมารัฐบาลได้สั่งให้ผู้ผลิตเกมออนไลน์ทุกค่ายจะต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับกรอกข้อมูลส่วนตัวของผุ้เล่นด้วย เช่น ชื่อจริง และหมายเลขประจำตัวประชาชน

     ก่อนหน้านี้ในปีที่ผ่านมา ที่ปักกิ่งได้มีการเปิด "ศูนย์บำบัดผู้ติดอินเทอร์เน็ต" ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญญาติดอินเทอร์เน็ต ซึ่งนับเป็นสถานบำบัดแห่งแรกสำหรับผู้ติดอินเทอร์เน็ต ได้บำบัดผู้ป่วยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1,500 ราย อายุตั้งแต่ 14-36 ปี และประสบความสำเร็จในการรักษาถึง 70% ในจำนวนคนไข้ทั้งหมด มีนักเรียนมัธยมต้น 30% และมัธยมปลาย 50% ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย นอกจากวัยรุ่นจีนในประเทศที่มาใช้บริการเป็นส่วนใหญ่แล้ว คลินิกยังรับผู้ป่วยจีนจากแคนาดา มาเลเซีย สวีเดน รวมทั้งอเมริกาด้วย

     นี่ถือว่าเป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคม และถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวของพวกเรามาก น้อง ๆ ลองสังเกตพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตของตัวเองดูนะคะ ในแต่ละวันพี่เหมี่ยวว่าเราใช้เวลา 1 -2 ชั่วโมง ในการท่องโลกไซเบอร์ก็น่าจะพอแล้ว ส่วนเวลาว่างที่เหลือ ลองไปหาหนังสือดี ๆ อ่านซักเล่ม หรือชวนเพื่อน ๆ ไปออกกำลังกายกัน ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวของเราไม่น้อยเลยล่ะค่ะ

พี่เหมี่ยวขอขอบคุณ : ข้อมูลประกอบจากผู้จัดการออนไลน์ค่ะ