ท่องไปกับใจตน-เกาหลีไม่ได้มีแต่ "กิมจิ" กับ"นายเรน"

 

-->

"ผมเห็นคนหนุ่มสาวเป็นอาสาสมัครพาผู้พิการทางตามาฟังคอนเสิร์ตด้วย ทราบว่ายังมีอาสาสมัครพาผู้พิการไปชมพิพิธภัณฑ์ แล้ววันที่ผมไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลี ผมเห็นแม่บ้านใช้เวลาว่างยามสามีทำงาน ลูกๆไปเรียนหนังสือ แทนที่จะสุมหัวจั่วไพ่นกกระจอก ก็กลายเป็น "เทรนด์" ใหม่ของแม่บ้านคือ มุ่งหน้าหาความรู้ความเพลิดเพลินจากพิพิธภัณฑ์แทน"

 ถึงแม้จะบอกว่า เกาหลีไม่ได้มีแต่กิมจิ แต่การสัญจรสู่เกาหลีเมื่อกรกฎาคม ที่ผ่านมา ก็ทำให้ผมยอมรับโดยดุษณีว่า เกาหลีคือสุดยอดจอมยุทธ์แห่งกิมจิบนผืนพิภพนี้เพราะอาหารเกาหลีทุกมื้อไม่เพียงต้องมีกิมจิเป็นเครื่องเคียง แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีกิมจิได้มากมายขนาดนี้ คือไม่ได้มีแต่กิมจิผักกาดขาวกับพริกแดงที่คุ้นเคย แต่ยังมีกิมจิถั่วงอก กิมจิสาหร่าย กิมจิปลาหมึก ฯลฯ เป็นร้อยแบบ ซึ่งหากเข้าใจภูมิศาสตร์เกาหลีที่มีอากาศหนาวค่อนปีก็จะรู้ซึ้งว่ากิมจิคือสุดยอดภูมิปัญญาการถนอมรักษาอาหาร และยังทรงคุณค่าล้ำเลิศทางโภชนาการ ชาวเกาหลีจึงภูมิใจในความชาญฉลาดของบรรพชน ถึงขนาดมี พิพิธภัณฑ์กิมจิ ให้เรียนรู้เป็นเรื่องเป็นราวทีเดียว 

แล้วผมยังจั่วหัวอีกว่าเกาหลีไม่ได้มีแต่นายเรน ทว่าโรงแรมที่ผมพักอยู่ใกล้ห้าง ล็อตเต้ ที่มีนายเรนเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผมเลยเจอหน้านายเรนทุกเย็นและเช้าที่เข้า-ออกโรงแรมทำให้คนเชยๆ อย่างผมเพิ่งรู้ว่า พระเอกหน้านิ่งในหนัง ฟูลเฮ้าส์ ที่ผมกดรีโมทไปเจอแล้วติดใจดูโดยบังเอิญทางช่อง 7 สีเป็นคนเดียวกับนักร้องจอมฉีกเสื้อที่ชื่อ เรน ซึ่งไม่เพียงทำให้มีคนยอมจ่ายเงินเป็นแสนเพื่อได้นอนบนเตียงที่เรนเคยนอน แต่ยังทำให้นักท่องเที่ยวยอมนั่งเรือเป็นชั่วโมง แห่ไปดูห้องพักในรีสอร์ทที่เป็นฉากตอนนายเรนสวีทกับนางเอก ฟูลเฮ้าส์ 

ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า"ฮัลลิว" หรือกระแสความนิยมวัฒนธรรมเกาหลีจากหนังและละคร ซึ่งจุดประกายขึ้นโดย "แดจังกึม" จอมนางในวังหลวงผู้ยิ่งใหญ่ ประเด็นที่น่าสนใจคือ ความสำเร็จของการ "ส่งออก" วัฒนธรรมเกาหลี ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลเกาหลีรวมกระทรวงท่องเที่ยวกับกระทรวงวัฒนธรรมไว้ด้วยกัน "ฮัลลิว" จึงไม่เพียงทำเงินมหาศาล แต่ยังทำให้ชาวเกาหลีภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองด้วย 

สรุปแล้วเกาหลีไม่ได้มีแต่กิมจิและนายเรนแล้วเกาหลีมีอะไรอีก เรื่องแรกที่อยากเล่า คือไม่ว่ารถในเกาหลีจะติดหนึบแค่ไหน แต่ถนนสายสำคัญจะมีเลนพิเศษซ้ายสุด ว่างไว้สำหรับรถที่มีผู้โดยสารเกิน6 คนขึ้นไป เช่น รถเมล์ รถนักท่องเที่ยว รถฉุกเฉินที่มีผู้ป่วยหรือคนจะคลอด ผมได้เห็นความวิเศษของเลนนี้ ในวันที่กลับจากชานเมืองจะเข้ากรุงโซลแล้วรถติดหนึบ แต่รถทัวร์ที่ผมนั่งวิ่งฉลุยในเลนพิเศษ ซึ่งไม่ใช่แค่ 2-3 กิโลเมตรแต่ยาวเป็นสิบๆ กิโลเมตร ประหยัดเวลาได้เป็นชั่วโมง โดยไม่ต้องมีตำรวจจราจรคอยยืนซุ่มจับผู้ฝ่าฝืน เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดทุกหัวถนนพร้อมใบสั่งปรับ จะส่งถึงบ้านคุณภายในวันรุ่งขึ้นจากการทำผิดกฎจราจร

อีกอย่างหนึ่งคือคนขับรถในเกาหลีจะไม่บีบแตรพร่ำเพรื่อ และจะหยุดรถให้คนข้ามถนนอย่างเคร่งครัด แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องมีราวกันเสียทีเดียว เพราะเกาหลีก็มีคนใจร้อน มีขับรถปาดหน้ากันเหมือนที่ไหนๆ แต่ถึงแม้ทะเลาะกันรุนแรงเพียงใด ส่วนใหญ่จะไม่ชกต่อย อย่างมากก็แค่ผลักอกหรือเอาไหล่กระแทกกัน เพราะกฎหมายเกาหลีลงโทษรุนแรงสำหรับฝ่ายที่เริ่มชกก่อนจนคู่กรณีมีเลือดออก แม้ว่าคนที่เริ่มชกจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม เพราะเขาถือว่าการตัดสินถูกผิดเป็นหน้าที่ของศาล ผมว่ามาตรการนี้น่าสนใจมาก เพราะช่วยลดความรุนแรงถึงเลือดตกยางออกได้

เรื่องนี้โชเฟอร์รถทัวร์ของผมแสดงตัวอย่างให้เห็นจะจะด้วยการจอดรถลงไปผลักอกคนขับเบนซ์ที่ขับปาดหน้าตะแก แต่คุณพี่ลงไปดันๆ กันสัก 5 นาที พอมีตำรวจมาไกล่เกลี่ยก็เลิกรากัน เพราะถ้าถึงขั้นลงมือลงไม้ เรื่องจะยาวเป็นหนังชีวิตทีเดียวเชียว

ที่น่าประทับใจอีกเรื่องหนึ่ง คือวันที่ไปชมคอนเสิร์ตดนตรีพื้นบ้านเกาหลี ผมเห็นคนหนุ่มสาวเป็นอาสาสมัครพาผู้พิการทางตามาฟังคอนเสิร์ตด้วย ทราบว่ายังมีอาสาสมัครพาผู้พิการไปชมพิพิธภัณฑ์ แล้ววันที่ผมไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลี ผมเห็นแม่บ้านใช้เวลาว่างยามสามีทำงาน ลูกๆไปเรียนหนังสือ แทนที่จะสุมหัวจั่วไพ่นกกระจอก ก็กลายเป็น เทรนด์ ใหม่ของแม่บ้านคือ มุ่งหน้าหาความรู้ความเพลิดเพลินจากพิพิธภัณฑ์แทน

เกาหลีวันนี้ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพียงใดสัมผัสได้จาก ซัมซุง ฮุนได ฯลฯ อยู่แล้ว แต่กระนั้นเกาหลีก็ยังให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวเช่นในอดีต การโทรศัพท์คุยงานในวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นวันครอบครัว เป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง และการรวมชาติเกาหลีเหนือกับใต้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อญาติพี่น้องที่พลัดพรากกันเพราะสงครามในอดีตได้มาพบกัน จึงถือเป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของชาวเกาหลี

แต่กระนั้นคติความเชื่อเก่าๆ บางอย่างก็ยังดำรงอยู่อย่างเหนียวแน่นเช่นกัน โดยเฉพาะการยกผู้ชายเป็นใหญ่ ทำให้สังคมเกาหลียังยึดถือว่า หากมีการหย่าร้าง นั่นเป็นความผิดของผู้หญิงฝ่ายเดียวล้วนๆ เล่าขานกันว่า เมื่อไม่นานมานี้ สาวไฮโซเกาหลีที่ทั้งสวย รวยและการศึกษาสูงคนหนึ่ง แต่งงานแล้วพบความจริงภายหลังว่าสามีมีหนี้สินพะรุงพะรัง แม่ของสาวไฮโซไม่อยากให้ลูกสาวเสียหน้า ถึงขั้นลงทุนส่งลูกเขยไปเมืองนอก แล้วป่าวประกาศว่าลูกเขยไปมีหญิงอื่น จึงต้องหย่าร้าง แต่...จะมีผู้หญิงเกาหลีกี่คนทำเช่นนี้ได้

และอาจเป็นด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางสรีระของชาวเกาหลีไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานอย่างที่พวกตะวันตกชี้นำ กระแสที่มาแรงมากในวันนี้คือ การทำศัลยกรรมความงาม เริ่มจากดาราซึ่งว่ากันว่าร้อยทั้งร้อย สวยและหล่อเพราะมีดหมอ หลักๆ คือเหลากราม ทำตาสองชั้น ทำจมูกและหน้าอก แต่ที่น่าตกใจคือ มีสถิติว่า 90% ของผู้หญิงเกาหลีจะทำศัลยกรรมทันทีที่จบมหาวิทยาลัยนัยว่าเพื่องานและคนรัก ดังนั้น ใครไปแดนกิมจิวันนี้แล้วเห็นสาวเกาหลีสวย อย่าลืมกลับมาเปิดเพลง ดอกไม้พลาสติก ของพี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์ ฟังหลายๆ รอบหน่อยก็แล้วกันครับ

 

เรื่องและภาพ...ธีรภาพ  โลหิตกุล

 

พี่ผึ้ง : ขอขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก

 

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น