มุมมอง ความคิด และการเติบโตของ “เจเจ กฤษณภูมิ” กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!

SPOIL

  • พอเป็นคนดัง สิ่งที่เจเจบอกว่ายากที่สุดคือการไปกินหมูกระทะ
  • เห็นทำงานหนักขนาดนี้ แต่เรียนก็ไม่ทิ้ง ได้เกรด 3 อัพทุกเทอม
  • เจเจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเขียนเนื้อร้องและทำนองเพลง Empty King ของตัวเองด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน วงการบันเทิงได้ต้อนรับนักแสดงหน้าใหม่ที่ชื่อ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม  หรือเจเจ มาจนวันนี้ เจเจกลายเป็นพระเอกหนุ่มที่สาวๆ กรี๊ด เป็นนักร้องที่มีซิงเกิลเป็นของตัวเอง การเดินทาง และการเติบโตของเจเจไม่ง่ายเลย กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านอะไรบ้าง ไปทำความรู้จักตัวตนจริงๆ ผ่านชีวิตและผลงานของเจเจกันค่ะ

โลดแล่นในวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก

ผมเริ่มเข้าวงการมาตอนอายุประมาณ 16-17 ปี ผลงานแรก คือภาพยนตร์เกรียนฟิคชั่น หลังจากนั้นก็มีมาถ่าย Meet ที่ Dek-D ด้วย (ดู Meet เจเจ ตอนเป็นเด็กได้ที่นี่!) ตอนนั้นใส่ชุดนักเรียนมา จำได้ๆ เพดานสูงๆ แต่ไม่ใช่ออฟฟิศเหมือนทุกวันนี้ จากนั้นก็เล่นมาเยอะมาก ทั้งละคร ซีรีส์ ซิทคอม กว่าคนจะรู้จักจริงๆ ก็ตอนไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ พี่ที่เป็นแคสติ้งเค้าชวนมาแคส แต่ตอนนั้นคิวผมไม่ได้ เค้าก็คะยั้นคะยอให้มา สรุปก็คือเสร็จงานแล้วนั่งรถมาแคสตอนดึกๆ แล้วก็ได้ เหมือนเป็นโชคอะ

ความยากของการเป็นคนดังกับการกินหมูกระทะ

พอมีชื่อเสียงแล้วผมไปกินหมูกระทะไม่ค่อยได้ พอเราไปกิน แล้วมีคนรู้จักเรามาขอถ่ายรูป มีคนมองเยอะๆ ผมก็จะชอบประหม่า ก็เลยต้องอาศัยการไปกินกับพี่ๆ ผู้จัดการ พี่ๆ ที่นาดาว เค้าจะได้ช่วยดูให้ ถ้าไปกันเองแค่ไม่กี่คนจริงๆ ก็ไปได้แหละครับ แต่จะเอามือแกะกุ้งก็ อืม...จะดูดนิ้วก็แบบนะ

เลือกเรียนตรงสาย ช่วยได้มาก

ผมเรียนที่วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มศว ปี 4 เกรดเฉลี่ยผม 3 อัพทุกเทอมนะ เพราะมีเพื่อนช่วย ผมเรียนเอกการแสดง ก็จะเรียนเกี่ยวกับการกำกับ การแสดง เขียนบท ที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะคิดว่ามันใกล้ตัวเรามั้งครับ พอเราทำงานสายงานนี้ตั้งแต่เด็กคิดว่าเราคงไปกับทางนี้ได้ ซึ่งมันก็ช่วยจริงๆ มันทำให้เราเข้าใจระบบ วิธีการทำงาน และขั้นตอนมากขึ้น ตอนที่เราเรียน เราไปออกกอง ก็จะมีแต่เพื่อนๆ ใช่มั้ยครับ แต่พอทำงานปุ๊บ เวลาไปกองเราจะเจอผู้ใหญ่มากมายที่เราไม่รู้จัก การอยู่ให้เป็นสุภาพอ่อนน้อม ไปลามาไหว้ ก็ช่วยให้เราอยู่ในวงการได้นานขึ้น

เรียนไปทำงานไป ท้อแต่ต้องรับผิดชอบให้ได้

ตอนนี้ทั้งเรื่องเรียนเรื่องงาน มันท้อไปหมดเลยครับ คือเรื่องเรียน เราก็อยากให้จบพร้อมเพื่อน แต่บางทีมันจะมีงานที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มันก็จะไปกระทบต่อการเรียนบ้าง ช่วงที่จัดสรรไม่ค่อยได้ก็กลัวจะโดนดรอปมั้ย แต่งานนี้ก็ต้องรับ แล้วผมชอบกดดันกับตัวเอง เพราะอยากให้แต่ละงานมันออกมาดีที่สุด บางทีเราเครียดเกินไป แล้วผมเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องครอบครัวด้วย ก็มีนอยด์เองไม่รู้สาเหตุ ยังหาวิธีแก้ไม่ได้ สุดท้ายแล้วมันก็หายไปเอง

ผลงานที่สะท้อนตัวตนของเจเจ

ช่วงนี้มีเพลงที่เพิ่งปล่อย ชื่อ Empty King แล้วก็จะมีภาพยนตร์ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟคเข้าด้วย ถ้าถามว่าชอบอะไรมากกว่ากัน บอกไม่ได้เลย พอมันเป็นภาพยนตร์ เราได้เป็นคนอื่นเราก็ชอบ พอเป็นเพลงเราได้เป็นตัวเอง เราก็ชอบ เพราะเหมือนเราเพิ่งเริ่มต้นใหม่ เหมือนเป็นเด็กที่กำลังจะเข้าสู่ประถม แล้วพอสตาร์ทเพลงแรกเราได้เขียนเนื้อร้องทำนองร่วมกับพี่รัฐด้วย มันเลยมีความตื่นเต้น สนุก  ส่วนความยากของการร้องเพลงคือร้องให้เพราะ   ยากมาก   ก็จะอาศัยเรียนร้องเพลง ส่วนเรื่องแร็ปก็ใช้ฟังเอา

เมาท์เบื้องหลังหนังตุ๊ดซี่ส์

จริงๆ ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่ได้มาอยู่ในหนังแล้ว ด้วยความที่ตัวละครท็อปที่ผมเล่นมันมาสองซีซั่นแล้ว ช้ำแล้ว ผมไม่รู้ว่าเค้าจะเอาไป เล่าตรงไหนได้อีก สรุปก็ได้มาอยู่ แล้วก็เยอะอยู่นะ แก็บอกไม่ได้สักฉาก เพราะเป็นตัวที่มีผลกับเส้นเรื่องของกัส ส่วนเบื้องหลังกองสนุกมากครับ มันจะมีความวุ่นวาย ความตลกของแก๊งตุ๊ดที่มันทวีคูณขึ้นไปอีก มันเลยทำให้บรรยากาศในกอง ทุกคนเล่นกัน สนุกจนบางทีพี่เติ้ลก็ดุๆ  ตอนถ่ายผมเทคมากสุด 5 เทค ก็ไม่รู้ว่าเล่นดีหรือพี่เติ้ลให้ผ่านๆไปกันแน่

อนาคตของเจเจกับวงการบันเทิง

ไม่รู้เลยครับ จริงๆ ผมอยากกลับบ้านที่เชียงใหม่ คือเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าอยากกลับไปดูแลพ่อแม่ เพราะท่านก็แก่แล้ว น้องชายผมก็อยากทำงานในวงการบันเทิงด้วย สมมติถ้าน้องอยากมาจริงๆ ก็อาจจะสลับตัวกัน น้องมานี่ ผมไปนู่น แล้วก็อาจจะแบบ ใครมีงานใครวางก็สลับๆ กันไปมาดูพ่อแม่ ไม่ก็อาจจะขอให้พ่อแม่มาอยู่ที่นี่เราจะได้ดูแลอย่างเต็มที่ ไม่ก็อาจจะรีไทร์ไปเลย

ฝากถึงชาว Dek-D

อะไรที่ดีก็ดูเป็นแบบอย่างแล้วกัน อะไรที่ไม่ดีก็อย่าทำตามนะครับ แล้วก็แล้วเรามีไอดอลในการดำเนินชีวิตได้ แต่สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่เรา เลือกที่จะเป็น แล้วเราอยากจะเป็นอะไร เราไม่มีทางมีไอดอลได้ไปเสมอ เราต้องเป็นไอดอลให้ตัวเอง

แล้วก็ฝากผลงานครับ มี MV กับหนังสั้นที่ทำมาจากเพลงด้วยชื่อ BLUE : JAYLERR ที่ไปถ่ายทำที่นิวยอร์กด้วย สามารถกดเข้าไปดู ในลิงก์ได้ ในไบโออินสตาแกรมผมนะครับ IG : jaylerr แล้วก็ 5 ธันวาคมจะมีหนังตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค เข้าด้วย

YOU KNOW

  • ชื่อ jaylerr มาจากที่เจเจคิดชื่อไอจีไม่ออก เลยตั้งง่ายๆ แต่หลังจากนั้นมาทุกคนก็เรียกเจเลอร์ จนเจเจบอกว่า ใช้ชื่อนี้ก็ได้
  • นิยามความรักของเจเจ “รักคือส่วนหนึ่งของชีวิตครับ ทุกคนจะต้องมี”
  • อาชีพในฝันที่ตอนเด็กๆ คือ ผู้จัดการโรงแรม นักธุรกิจ เพราะเห็นจากคุณพ่อ
  • ไอดอลในการร้องเพลงของเจเจ คือ พี่เสก โลโซ บอดี้สแลม พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่
  • ในกองถ่ายตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะ เฟค เจเจประทับใจพี่ชมพู่ อารยา ที่สุด แต่ไม่กล้าคุยด้วยเพราะเขิน
  • เคล็ดลับการเรียนในแบบเจเจ คือฟังให้เข้าใจ อ่านให้เยอะๆ คอยจดคีย์เวิร์ดของอาจารย์ ที่เหลือคือให้เพื่อนช่วย

THANKS

Model : Kritsanapoom Pibulsonggram (JJ)
Interviewer : little-glass
Photographer : Boycanoneos
Video Editor : Boycanoneos
Graphic Designer : O_indy

พี่เจเจ Meet#638

พี่แก้ว
พี่แก้ว - Columnist คอลัมนิสต์ชีวิต 150 เซนฯ ถือคติอกหักเรื่องเล็ก แต่มีแฟนไม่ตรงสเป็กสิเรื่องใหญ่

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด