มาดูกัน! 10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนชาวต่างชาติ

        สวัสดีค่ะน้องๆชาว Dek-D.com เชื่อว่าน้องๆหลายๆคนคงจะมีเมืองหรือประเทศในฝัน ที่อยากจะไปเรียนต่อกันอยู่ใช่มั้ยคะ แต่เมืองที่น้องๆอยากจะไปเรียนต่อกันเนี่ย...มันเป็นเมืองที่ "เหมาะ" สำหรับให้นักศึกษาชาวต่างชาติอย่างเราๆไปเรียนต่อหรือเปล่า?! และเพราะสงสัยในเรื่องนี้ขึ้นมา วันนี้ พี่สตางค์ ก็เลยขอพักการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยต่างๆของโลกไว้ชั่วคราว และขอเอา "อันดับเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนชาวต่างชาติ" มาฝากน้องๆกันแทนค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าเมืองในฝันของเราจะติดอันดับมั้ยน้า...

QS Best Student Cities in the World 2012


        ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า อันดับที่นำมาฝากกันในวันนี้ เป็นการจัดอันดับอย่างมีคุณภาพ
โดย QS ที่จัดอันดับโดยวิธีการและฐานข้อมูลเดียวกันกับการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก (QS World University Rankings) โดยจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนนักศึกษา โดยจะวัดจากหลายๆปัจจัย เช่น คุณภาพของการศึกษา, สถาบันการศึกษา, จำนวนประชากร, คุณภาพการใช้ชีวิต, ค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพ, การจ้างงาน รวมไปถึงความหลากหลายของนักศึกษาชาวต่างชาติในเมืองนั้นๆด้วยค่ะ

Best Student Cities in the World

# 10  มอนทรีออล ประเทศแคนาดา
(Montreal, Canada)

สถาบันขึ้นชื่อ : Université de Montréal, Concordia University, McGill University

         มอนทรีออล นอกจากจะเมืองที่มีมีสถาบันอันดับต้นๆ อย่าง McGill University (อันดับ 17 ของโลก) แล้ว เมืองนี้ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย จุดเด่นของที่นี่นั้น คงจะเป็นเรื่องการเป็นเมืองที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ทั้งที่อยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แถมยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยการผสมผสานทางวัฒนธรรม เนื่องจากมีหลากหลายชนชาติจากทั่วโลกที่อพยพมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นั่นเองค่ะ
        ในเรื่องของคุณภาพชีวิต เมืองมอนทรีออลถือว่าเป็นเมืองที่ได้รับการประเมินด้วยคะแนนที่ค่อนข้างสูง มีสถาบันการศึกษาหลายแห่งที่มีชื่อเสียง และเต็มไปด้วยนักศึกษาชาวต่างชาติ ค่าเล่าเรียนของนักศึกษาก็ถือได้ว่าถูกมากๆเมื่อเทียบกับของทางฝั่งยุโรป ส่วนในเรื่องค่าครองชีพนั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆเช่น บอสตัน หรือ เบอร์ลิน

# 8 (1)  ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
(Dublin, Ireland)


สถาบันขึ้นชื่อ : Trinity College Dublin (TCD), University College Dublin (UCD), Dublin City university (DCU), Dublin Institute of Technology

        เมืองนี้เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการศึกษาในสถาบันที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับห้าดาว แต่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่รายล้อมไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ รวมถึงธรรมชาติและทิวทัศน์สีเขียวที่สวยงาม ทั้งยังมีประเพณีวัฒนธรรมแบบไอริชที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองค่ะ
        ดับลินมีสถาบันที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุด 2 สถาบัน คือ Trinity College Dublin และ University College Dublin (อันดับ 65 และ 134 ของโลกตามลำดับ) เมืองนี้เป็นเมืองที่มีนักศึกษาจำนวนมาก และมีอัตราส่วนของนักศึกษาชาวต่างชาติค่อนข้างสูง ในส่วนของคุณภาพชีวิตของที่ก็ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ดี จะมีข้อเสียอยู่ก็เพียงในเรื่องของค่าเล่าเรียนของนักศึกษาชาวต่างชาติที่สูงลิบลิ่ว ถึงประมาณ $26,000 ต่อปีเลยทีเดียวค่ะ

# 8 (2)  เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
(Berlin, Germany)


สถาบันขึ้นชื่อ : Freie Universität Berlin, Humboldt- Universitätzu Berlin, Technische Universität Berlin

        เบอร์ลินอ้างว่าเมืองตนเองเป็นเมืองที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยวัฒนธรรมที่เฟื่องฟูรุ่งเรือง อีกทั้งยังผันตัวเองให้เป็นศูนย์กลางในด้านการออกแบบ, ด้านแฟชั่น, ด้านดนตรี, และด้านศิลปะ ที่เรียกว่าสูสีคู่คี่มากับเมืองคู่แข่งอย่างนิวยอร์คและลอนดอนเลยทีเดียว แต่ข้อได้เปรียบของที่นี่ ก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายของนักเรียนที่ถูกกว่าเมืองคู่แข่งอื่นๆ ทั้งในเรื่องค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนเลยล่ะค่ะ
        และถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ศูนย์กลางทางการศึกษาเหมือนอย่างลอนดอน, ปารีส, หรือบอสตัน แต่เบอร์ลินก็เป็นเมืองที่มีสถาบันติดอันดับโลก และเริ่มจะได้รับความนิยมจากนักศึกษาชาวต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากคอร์สที่สอนเป็นภาษาอังกฤษมีมากขึ้น (โดยเฉพาะในระดับปริญญาโทขึ้นไป) และด้วยเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีในราคาที่ไม่แพงมากนี้เอง เบอร์ลินจึงเป็นเมืองที่นักศึกษาชาวต่างชาติให้ความสนใจมาศึกษาต่อเป็นจำนวนมากนั่นเองค่ะ

# 7  ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
(Zurich, Switzerland)


สถาบันขึ้นชื่อ : ETH Zurich (Swiss Federal Institute of Technology), University of Zurich

          เมืองซูริคเป็นเมืองที่มีชื่อในเรื่องของความมั่งคั่ง, ความมีระเบียบ, และอัตราภาษีที่ค่อนข้างต่ำ แม้ว่าที่กล่าวมานี้อาจทำให้เมืองนี้ฟังดูเหมาะสำหรับนักลงทุนมากกว่านักศึกษา แต่การมาเรียนต่อที่ซูริคก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติ ด้วยเพราะที่นี่มีมหาวิทยาลัยที่ได้รับจัดอันดับให้เป็นที่ 1 จากทั่วทั้งยุโรป และติดหนึ่งใน 20 อันดับของโลกอย่างสถาบัน ETH แถมที่นี่ยังมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามเลื่องชื่อ และเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกด้วย
         นอกจากนี้เมืองซูริค ยังเป็นเมืองที่ร่ำรวยทีสุดในยุโรป ซึ่งในข้อดีก็คือทำให้ที่นี่มีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและปลอดภัยมากๆ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ข้อเสียก็คือทำให้ค่าครองชีพของที่นี่นั้นสูงจนน้ำตาจะไหลเอาให้ได้กันเลยทีเดียว

# 6  ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
(Sydney, Australia)


สถาบันขึ้นชื่อ : The University of Sydney, The University of New South Wales (UNSW), Macquarie University, University ofTechnology Sydney (UTS), University of Western Sydney

         แม้ว่าเมืองเมลเบิร์นอาจจะได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของออสเตรเลีย แต่เมื่อพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจแล้ว เมืองซิดนีย์นี่ล่ะค่ะที่เป็นศูนย์กลางความเจริญ อีกทั้งซิดนีย์ยังมีภาพวิวของอ่าวซิดนีย์ที่สวยงาม, โอเปร่าเฮาส์ที่โด่งดัง, ชายหาดที่ขึ้นชื่อ, และมีภูมิอากาศที่แจ่มใส เมืองๆนี้จึงเป็นเมืองที่นักศึกษาต่างชาติหลายๆคนอยากที่จะมาเรียนต่อ
        และเช่นเดียวกันกับเมืองในออสเตรเลียอื่นๆ อย่างเมลเบิร์น บริสเบน และเพิร์ธ เมืองซิดนีย์ก็ได้รับการจัดให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีอัตราส่วนของนักศึกษาเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด และมีมหาวิทยาลัยที่ติดใน 100 อันดับของโลกอย่าง University of Sydney และ University of New South Wales อีกด้วย

# 5  เวียนนา ประเทศออสเตรีย
(Vienna, Austria)


สถาบันขึ้นชื่อ : Universität Wien, Technische Universität Wien

          เมืองเวียนนาอาจเป็นเมืองต้นๆที่ถูกนึกถึงเมื่อพูดถึงเรื่องเมืองในฝันของนักศึกษาต่างชาติ ด้วยเมืองนี้มักจะถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอยู่ในอันดับต้นๆของโลก และยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของยุโรป ที่เต็มไปด้วยความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดนตรีที่มีการแสดงผลงานชั้นครูอย่าง โมสาร์ต, บีโทเฟ่น และชูเบิร์ต หรือจะเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานศิลปะอันหลากหลาย
        นอกจากนี้ เมืองเวียนนายังเป็นเมืองในฝันของนักศึกษา ด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักเรียนที่นี่ ทั้งยังเป็นเมืองที่ได้คะแนนสูงในเรื่องของคุณภาพชีวิตของประชาชน แม้ที่นี่อาจไม่ได้มีสถาบันระดับโลกมากมาย แต่เวียนนาก็เป็นเมืองในอุดมคติสำหรับนักศึกษาที่ต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงได้สัมผัสวัฒนธรรมที่งดงามในราคาค่าใช้จ่ายที่ไม่ไกลเกินเอื้อม

# 4  เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
(Melbourne, Australia)


สถาบันขึ้นชื่อ : The University of Melbourne, Monash University, RMIT University, La Trobe University, Deakin University, Swinburne University of Technologyä

        อีกเมืองหนึ่งในประเทศออสเตรเลียที่ติดอันดับเมืองยอดเยี่ยมสำหรับนักศึกษา ด้วยเหตุผลที่หลากหลาย ทั้งการมีสถาบันการศึกษาระดับโลก, แนวโน้มการจ้างงานที่สูง, รวมไปถึงคุณภาพชีวิตที่ดี และสภาพอากาศที่เยี่ยมยอด จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เมืองเมลเบิร์นจะเป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษาต่างชาติติดอันดับ 4 ของโลก และอันดับ 1 ของประเทศออสเตรเลีย
        ในด้านคุณภาพชีวิตของที่นี่นั้น ได้รับการการันตีด้วยการติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดของโลกมา 3 ปีซ้อน และยังมีสถาบันการศึกษาระดับโลกอีกหลายแห่ง (มี 6 แห่งที่ติดใน 500 อันดับของโลก) อัตราส่วนของจำนวนนักศึกษาต่อประชากรของเมืองทั้งหมดก็เรียกว่าสูงมากๆ  เรียกว่าที่นี่เป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการศึกษาของนักศึกษาชาวต่างชาติเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ

# 3  บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
(Boston, United States)


สถาบันขึ้นชื่อ : Harvard University, Massachusetts Institute of Technology (MIT), Boston University, Tufts University, Brandeis University, Boston College, Northeastern University

          นอกจากเมืองนี้จะมีมหาวิทยาลัยชื่อระดับต้นๆของโลกอย่าง Harvard และ MIT แล้ว เมืองบอสตันยังเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์เมืองหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่ผสมผสานความเป็นเมืองกรุงเอาไว้กับศิลปะวัฒนธรรม และความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่เปิดโล่งสีเขียวที่สวยงาม
        และที่เมืองนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมือชื่อเสียงทั้งหลายที่ได้รับฉายาว่า "เอเธนส์แห่งอเมริกา" อีกทั้งยังมี Harvard และ MIT ที่ติดหนึ่งใน 3 ของอันดับมหาวิทยาลัยของโลก รวมถึง Boston University ที่ติดหนึ่งใน 100 อันดับของโลก ไม่เพียงเท่านั้น ในส่วนของความหลากหลายของนักศึกษาคุณภาพชีวิต และอัตราการจ้างงานของเมืองๆนี้ ยังถูกจัดให้อยู่ในระดับต้นๆอีกด้วย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และค่าเล่าเรียนที่สูงถึง 50,000 US$ ต่อปีค่ะ

# 2  ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
(London, United Kingdom)


สถาบันขึ้นชื่อ : Imperial College London, UCL (University College London), King's College London (KCL), London School of Economics and Political Science (LSE), Queen Mary,University of London (QMUL), Royal Holloway University of London, University of London, Brunel University, City University London

        ด้วยสถาบัน Imperial และ UCL ที่ถูกจัดให้อยู่ใน 10 อันดับมหาวิทยาลัยระดับท๊อปของโลก ตามมาด้วย LSE ที่ติด 5 อันดับต้นๆของโลกในด้านสังคมศาสตร์ น้อยเมืองนักในโลกที่จะเป็นคู่แข่งทางด้านการมีชื่อเสียงในเรื่องของสถาบันการศึกษา ทำให้ลอนดอนกลายเป็นเมืองแม่เหล็กดึงดูดนักศึกษาจากทั่วโลกมาได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
        อย่างไรก็ตาม ลอนดอนก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่จะแพงทะลุเพดาน แต่ด้วยความโดดเด่นทางคุณภาพของการศึกษา และโอกาสในทางสังคมรวมไปถึงอาชีพการงานที่จะได้รับ ทำให้การมาเรียนที่ลอนดอนถือว่าคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายจริงๆค่ะ

# 1   ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
(Paris, France)


สถาบันขึ้นชื่อ : ENS Paris, Ecole Polytechnique ParisTech, Université Pierre et Marie Curie (UPMC), Sciences Po Paris, Université Paris-Sorbonne (Paris4), Université Paris I Pantheon-Sorbonne, École des Ponts ParisTech, Université Paris Dauphine, Université Panthéon-Assas (Paris2), ESSEC Business School

        ปารีสอาจไม่ได้มีสถาบันติดอันดับต้นๆของโลกเหมือนอย่างลอนดอน แต่ที่นี่ก็มีสถาบันถึง 16 แห่งด้วยกัน ที่ติดอันดับใน QS World University Rankings ซึ่งมากที่สุดยิ่งกว่าเมืองไหนๆในโลก แล้วค่าเล่าเรียนก็ไม่แพงมากด้วย (เรียกว่าเป็นแค่เพียงเศษส่วนเดียวของในอังกฤษ ออสเตรเลีย หรือสหรัฐอเมริกาเลยล่ะค่ะ)
        นอกจากนี้เมืองนี้ยังตั้งอยู่ในใจกลางของยุโรป และได้รับคะแนนสูงในเรื่องการวัดคุณภาพชีวิตของประชากร จึงมักได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดอยู่ตลอด ทั้งยังเป็นเมืองที่สวยงามและเต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรม นี่ยังไม่รวมเรื่องความเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่น, ภาพยนตร์, และศิลปะ แถมนักเรียนที่จบที่นี่ยังมีโอกาสสร้างความก้าวหน้าทางอาชีพในประเทศทั่วทั้งยุโรปได้ แบบนี้ยกอันดับหนึ่งให้ไปเลยค่ะ!




        และนั่นก็คือ 10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษาต่างชาติค่ะ มีเมืองในฝันของใครติดกันบ้าง? หรือถ้าไม่ติดใน 10 อันดับล่ะก็ สามารถไปดู 50 อันดับเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ www.topuniversities.com/student-life/best-student-cities/2012/ แล้วอย่าลืมติดตามเรื่องน่ารู้ดีๆเกี่ยวกับการเรียนต่อนอกที่ www.dek-d.com/studyabroad นะคะ รับประกันว่าเรื่องดีๆที่เป็นประโยชน์รออยู่อีกเพียบ ^^




TWITTER@STANGDEKD

ภาพประกอบ topuniversities.com, cntraveller.com

พี่สตางค์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

10 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
เคียวกะซุยเกสึ Member 9 ก.ค. 55 10:50 น. 2
1.ซิคนีย์   ประเทศออสเตรเลีย  
2.ลอนดอน   ประเทศอังกฤษ 

3.บอสตัน   ประเทศสหรัฐอเมริกา  
4.ปารีส   ประเทศฝรั่งเศส
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด