เมื่อเด็กมัธยมไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวต่างชาติ ที่อเมริกา!

      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ เช่นเคย^^วันนี้มีประสบการณ์การไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระยะสั้นมาฝากค่ะ ไม่ใช่ระดับมหาวิทยาลัย แต่น้องเจ้าของเรื่องยังอยู่มัธยมอยู่เลย เอ๊ะ เป็นโครงการอะไรนะ ต้องลองอ่านดูเลยค่ะ

    
     
     สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Dek-D ผมขออนุญาตใช้นามปากกว่า นักเรียนต่างด้าวในดาวต่างแดน โรงเรียนสีชมพูฟ้าสาขาหนึ่ง เมื่อช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนโครงการหนึ่งซึ่งเป็นความร่วมมือกันของ สพฐ. และกระทรวงศึกษาที่รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช่แล้ว ผมไปวิสคอนซินมาเป็นเวลารวม 3 สัปดาห์ 

      โครงการที่ผมได้คือโครงการ Thailand-Wisconsin International Sunrise Program จัดโดยกลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สพฐ. นั่นเอง ซึ่งการที่จะได้เข้าร่วมโครงการนี้เนี่ย คือ สพฐ.ก็จะหาเด็กจากแต่ละโรงเรียนที่มีคุณสมบัติตามที่เค้ากำหนด ให้โรงเรียนส่งตัวแทนไปสอบโรงเรียนละ 2 คน ม.ต้น 1 คน ม.ปลาย 1 คน และผมก็บังเอิญเป็นคนที่ถูกเลือก


      การสอบรอบแรกจะเป็นสอบข้อเขียน คือเป็นข้อสอบปกติ ไม่ยาก ไม่ง่าย มีพวก Grammar Error พวก Reading อะไรเทือกนั้น เหมือนข้อสอบปกตินั่นแหละ ซึ่งพอผ่านรอบนี้แล้ว ก็จะเป็นสอบสัมภาษณ์ คือเค้าจะให้เข้าไปในห้องทีละคน คนสัมภาษณ์เป็นผู้ใหญ่ของโครงการ ก็จะถามเราไปเรื่อยๆ แต่อยากแนะนำว่า ไม่ต้องเตรียมอะไรไปมากหรอกครับ แค่เข้าไปตอบคำถามเค้า พูดเยอะๆ เป็นตัวของตัวเอง แค่นั้นแหละ ผมนี่รู้สึกตอนนั้นเป็นธรรมชาติมากๆ ชวนคุณๆ ท่านๆ คุย มั่นใจเข้าไว้ ถามอะไรก็ตอบ แล้วเนื่องจากจุดประสงค์ของโครงการคือให้ไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ก็เลยให้มีการแสดงวัฒนธรรมไทยว่าทำอะไรได้มั่ง ตอนนั้นผมทำอะไรไม่เป็นเลย รำก็ไม่เป็น อะไรก็ไม่ได้ ยังงงอยู่เลยว่าติดได้ยังไง แต่ผมว่าเค้าดูความมั่นใจ ดูทัศนคติของเรามากกว่า ดูว่าเราสามารถสื่อสารกับพวกเค้าได้ สามารถเอาชีวิตรอดได้ก็พอมั้ง

      เรื่องรำไม่เป็นนี่ไม่ต้องห่วงเลย เพราะหลังจากที่รู้ว่าได้ไปชัวร์ๆ แล้ว ก็จะมีค่ายปฐมนิเทศ 5 วัน 4 คืน ซึ่งค่ายนี้เรียกอีกอย่างนึงว่า ค่ายสอนรำ คือสัดส่วนค่ายทั้งหมด 3 วันเต็มๆ นี่รำหมดเลย คือรำทั้งวันทั้งคืนมากๆ ตื่นมากินข้าวเช้าเสร็จ ก็รำ รำเสร็จพัก พักแล้วกิน กินเสร็จมารำต่อ ใครที่รำไม่เป็นนี่ไม่ต้องกังวลเลยครับ ออกจากค่ายนี้ รำเป็นทุกคน


      โครงการนี้คร่าวๆ ก็เป็นโครงการ Government to Government จุดประสงค์หลักที่รัฐบาลให้ทุนพวกเราไปคือ ให้ไปเผยแพร่นำเสนอประเทศไทยสู่สายตาชาวต่างชาติ โดยมีนักเรียนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 34 คน ทั้งหมดผ่านเข้ามาด้วยการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ พอถึงเวลาจริงๆ แต่ละคนก็จะถูกแบ่งกลุ่มให้ไปตามเมืองต่างๆ ในรัฐ กลุ่มผมได้ไปเมือง Janesvillle เมืองขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กตอนกลางค่อนมาทางล่างของรัฐ

      สัมผัสแรกหลังจากที่บินมาถึง บอกเลยว่าอากาศที่นี่ไม่เหมือนที่คิดซักเท่าไร ตอนแรกคิดว่าลงจากเครื่องมาปุ๊ป จะได้เจอลมพัดเย็นๆ ตีเข้าหน้า แต่มันไม่ใช่เลย อากาศตอนนั้นคือแบบ ร้อนมาก อุณหภูมิประมาณ 23 องศา แต่แดดนี่แผดเผาผิวหนัง แสบทรวงทะลุทะลวงถึงผิวหนังชั้นในเลยทีเดียว แทบจะละลาย อากาศแบบนี้รวมกับการต้อนรับอันอบอุ่นของโฮสต์ มันก็ยิ่งทำให้ผมร้อนขึ้นไปอีก 

      เคยได้ยินหลายๆ คนบอกว่า ถ้าได้โฮสต์ดี ชีวิตตลอดการแลกเปลี่ยนจะดีไปเลย ยอมรับเลยว่าเค้าพูดจริง ผมได้โฮสต์ที่เป็นผู้ประสานงานประจำเมือง สงสัยในเมืองไม่มีใครอยากรับแล้ว เค้าจึงต้องจำใจรับผมไว้ โฮสต์คนนี้มีฐานะนิดหน่อย ที่ผมถูกใจมากๆ เลยคือ เวลาทำอาหารหรือซื้ออะไรมาให้กิน เค้าจะออกตัวก่อนเลยว่า "If you don't like it, throw it away." แหม่ เป็นการสอนให้กินทิ้งกินขว้างมากๆ


      มาถึงจุดที่หลายๆ คนอยากรู้ นั่นคือเรื่องของโรงเรียน โรงเรียนที่ผมได้ไปชื่อว่า Craig High School เป็นโรงเรียนขนาดกลางในเมือง ทางโรงเรียนเห็นว่าผมไปแค่ 3 สัปดาห์เลยจัดบัดดี้ให้ นั่นหมายความว่าบัดดี้ไปไหนผมก็ต้องไปด้วย เค้าเรียนไหน ก็ต้องไปเรียนด้วย และเหมือนเค้าจะทำแบบนั้นจริงๆ เพราะขนาดเค้าจะไปห้องน้ำยังพาผมไปด้วยเลย ผมก็เลยต้องเรียนตามที่เค้าเรียน จริงๆ มันมีวิชาให้เลือกเรียนได้เยอะมากเลยนะ แต่ไม่มีโอกาสได้เลือก บัดดี้ผมเรียน Spanish, Graphic Design, World History, Mathematics, Chemistry, PE, Aeroship Engineering ซึ่งวิชาที่แปลกคือวิชาสุดท้ายนี่่แหละ มันเป็นวิชาเกี่ยวกับการสร้างเครื่องบิน ผมไปนี่ตื่นตาตื่นใจมากๆ แบบว่าสอนตั้งแต่การออกแบบเครื่องบิน ยันสอนขับเครื่องบินแบบ Simulation เลย

      ตามวัตถุประสงค์ของการมาในครั้งนี้ คือการไปนำเสนอประเทศไทยตามโรงเรียนต่างๆ ในเมือง วันแรกที่โฮสต์เอาตารางมาให้ดู ผมนี่อึ้งเลยว่าเราต้องไปนำเสนอเยอะขนาดนั้นเลยหรอ แค่สัปดาห์แรกก็มีให้ไปทุกวันแล้ว ไม่ต้องพูดถึงสัปดาห์อื่นๆ เลย เข้าใจอารมณ์ดาราเลยว่ามันเป็นไง พวกเรานำเสนอประเทศไทยด้วยการโชว์รำไทย เปิดพรีเซนเทชั่น พูดคุย ถามตอบ โดยในส่วนของการรำไทยนั้น พวกเรามีโอกาสได้ซ้อมกันมาแล้วตั้งแต่ค่ายปฐมนิเทศที่ไทย ค่ายนั้นเป็นค่ายที่โหดมาก 5 วัน 4 คืน ซ้อมรำทั้งวันเกือบทั้งคืน เป็นอะไรที่ท้อมาก และสนุกมากเช่นกัน


      เด็กๆ ที่นี่ดูให้ความสนใจกับประเทศเรามากๆ ดูตื่นเต้นไปกับทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องภาษาไทย ทุกคนสนใจมากๆ ถึงขั้นหัดพูดภาษาไทยกันทั้งๆที่พูดไม่ได้เลย ช่วงถามตอบ พวกเราได้รับแต่คำถามสร้างสรรค์ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศคุณมีลูกอมมั้ย มีทีวีมั้ย รู้จักมายคราฟมั้ย อะไรงี้ คือดูอยากรู้อยากเห็นมากๆ ชอบๆ หลังการนำเสนอแต่ละครั้ง สิ่งที่พวกเราได้รับมาคือรอยยิ้มเด็กๆ เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ เด็กบางคนมาขอถ่ายรูป บางคนขอเฟส ติดต่อกัน บางคนถึงขั้นมาถ่ายรูปกับผมแล้วเอารูปไปตั้งภาพโปรไฟล์เลย ภูมิใจสุดๆ

      นอกจากชีวิตที่ต้องนำเสนอไปตามโรงเรียนต่างๆ เรื่อยๆ แล้ว ก็ยังได้ไปเที่ยวที่ไหนต่อที่ไหนเยอะแยะมากมายด้วยนะ สิ่งที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนระยะสั้นๆแบบนี้ หนึ่งเลยคือได้ประสบการณ์ ได้มุมมองใหม่ๆ กลับไปใช้ชีวิต ได้เห็นความแตกต่างของสังคมบ้านเรากับบ้านเค้า ได้อะไรเยอะแยะมากมายจริงๆ ใครที่มีโอกาสอย่าลังเล รีบคว้าโอกาสไว้ แล้วไปโดนด้วยตัวเองเลย ปีนี้ผมก็กำลังจะไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปยาว สามารถติดตามเรื่องราวต่างๆของผมได้ที่เพจ นักเรียนต่างด้าวในดาวต่างแดน www.facebook.com/AlienInForeign/

   

     เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก อ่านแล้วรู้สึกอยากไปบ้างเลย ชอบตอนที่ฝึกรำทุกวันนี่แหละ ฮ่าๆ ส่วนน้องๆ คนไหนมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันแบบนี้บ้าง ก็ส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เดี๋ยวนำมาลงให้แน่นอนจ้า
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

Errorist_ Member 8 พ.ค. 60 20:16 น. 1

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ทำให้เรามีกำลังใจที่จะอยากไปแลกเปลี่ยนค่ะ อยากทราบว่าแลกเปลี่ยนแบบนี้มีค่าใช้จ่ายมั้ยคะ และถ้ามี ค่าใช้จ่ายประมมาณเท่าไหร่คะ

2
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด