มาดู! 5 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในสหราชอาณาจักร

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ทุกคน เชื่อว่าสหราชอาณาจักรคงจะเป็นเป้าหมายของน้องๆ หลายคนที่อยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศใช่ไหมคะ ไม่นานมานี้ พี่กี้ อ่านเจอบทความการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2017 จากการจัดอันดับของ  Times Higher Education มาค่ะ วันนี้คัดเลือก 5 อันดับ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดเฉพาะในสหราชอาณาจักรมาฝากค่ะ


Photo credit : pixabay.com
 

1. University of Oxford (อันดับที่ 1 ของโลก)


    เริ่มกันที่อันดับแรกเลยค่ะ University of Oxford  หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดของโลก มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีวิทยาลัยในสังกัดมากถึง 44 แห่ง และแน่นอนค่ะว่าการสอบเข้าเรียนของที่นี่นั้นมีมาตรฐานและการแข่งขันสูงมาก อย่างเช่นในปี 2015 มีผู้สมัครเข้ามาถึง 18,000 คน แต่รับได้เพียง 3,200 ที่นั่ง และในระดับปริญญาโท มีผู้สมัครเข้ามา 24,000 คน แต่รับได้เพียง 5,200 ที่นั่งเท่านั้น ถือเป็นว่าอัตราการแข่งขันที่สูงมากจริงๆ ค่ะ 
 
    ที่นี่มีการเรียนรวมสองสาขาเอก คือนักศึกษาจะได้เรียนสองวิชาเอกรวมกัน ตัวอย่างเช่น คณะ Economic and Management ที่เรียนทั้งเศรษฐศาสตร์ และ การจัดการไปในหลักสูตรเดียวกัน ซึ่งหลักสูตรแบบนี้ในระดับปริญญาตรีนั้นเป็นเรื่องปกติของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรค่ะ และหลักสูตรที่เรียนร่วมกันระหว่างปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ เป็นหลักสูตรที่ได้รับนิยมเป็นอย่างมาก


 Photo credit : By Joseph Bush (Own work) [CC BY-SA 4.0 (http://creativecommons.org/licenses/by-sa/4.0)], via Wikimedia Commons
 
    ส่วนเรื่องของที่พักอาศัยนั้น นักศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโท มักจะพักที่หอพักของมหาวิทยาลัย หรือหอพักที่มหาวิทยาลัยเป็นผู้ดูแลค่ะ ส่วนกิจกรรมทางสังคมและกิจกรรมสันทนาการ อย่างเช่น การแข่งพายเรือ งานวัฒนธรรม และชมรมที่แชร์สิ่งที่มีความสนใจเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้สามารถพบได้ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเลยค่ะ
 
    ศิษย์เก่าของที่นี่มีทั้ง ผู้นำของโลกกว่า 30 คน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ 26 คน ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาต่างๆ 26 และนักกีฬาโอลิมปิกอีกกว่า 120 คน 




Photo credit : pixabay.com
 

    มาต่อกันที่อันดับที่ 2 เลยค่ะ University of Cambridge ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงเช่นเดียวกันกับ University of Oxford ตั้งอยู่ที่เมือง Cambridge ซึ่งเมืองนี้ใช้เวลาเดินทางมาจากลอนดอนเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น 

    มหาวิทยาลัยนี้มีนักศึกษามากกว่า 18,000 คน และบุคลากรกว่า 9,000 คน ที่นี่มีวิทยาลัยมากถึง 31 แห่งด้วยกัน มีสาขาวิชาให้เลือกเรียนมากกว่า 100 สาขา

    การเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยนี้มีการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะในระดับปริญญาตรี ซึ่งอัตราการรับนักศึกษานั้นจะรับเพียง 25% จากผู้สมัครทั้งหมด และในจำนวนผู้ที่โดนปฏิเสธกว่าครึ่งคือคนที่ได้เกรด A ในข้อสอบปลายภาคทุกวิชาด้วย

Photo credit : pixabay.com
 
   นักศึกษาในระดับปริญญาตรีนั้นจะได้เรียนทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ แบ่งชั้นเรียนเป็นห้องเล็กๆ ที่มีนักเรียนไม่กี่คน เพื่อให้ทุกคนใกล้ชิดกับผู้สอนมากที่สุด ส่วนภาระงานนั้นค่อนข้างหนักค่ะ แต่ว่าการเรียนในแต่ละเทอมค่อนข้างสั้นกว่าหลายๆ มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร ตรงนี้เลยเบาแรงนักศึกษาไปได้อีกนิดนึง

    Cambridge มีชื่อเสียงในด้านคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของอังกฤษหลายท่านก็จบการศึกษามาจากที่นี่  มหาวิทยาลัยนี้ได้ผลิตบุคลากรที่มีความสามารถมากมาย นักวิชาการจากที่นี่นั้นได้รับรางวัลโนเบลมากถึง 92 รางวัลด้วยกัน ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงของที่นี่ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นดารา นักการเมือง ราชนิกูล นักกีฬา รวมไปถึงบุคคลสำคัญทางวัฒนธรรมอีกหลายท่าน




Photo credit : By Omar Shahpo (Own work) [CC BY-SA 4.0 (http://creativecommons.org/licenses/by-sa/4.0)], via Wikimedia Commons
 

3. Imperial College London (อันดับที่ 8 ของโลก)


    Imperial College London เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ การแพทย์ และการบริหาร เป็นอันดับต้นๆ ของโลก มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1907 จากการรวมกันของ 3 มหาวิทยาลัยในลอนดอน ปัจจุบันมีนักศึกษามากถึง  14,700 คน และบุคลากรอีกกว่า  8,000 คน โดยที่มหาวิทยาลัยนี้เป็นสถานที่ที่รวบรวมนักศึกษาจากทั่วโลกถึง 125 สัญชาติ

    นอกจากการสร้างนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำและผู้ได้รับรางวัลโนเบลแล้ว ที่มหาวิทยาลัยนี้ก็ยังสร้างที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลและนักการเมืองอีกด้วย ศิษย์เก่าหลายท่านกลายเป็นผู้พัฒนานวัตกรรมให้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ  

    ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยนี้ก็มีหลายคนด้วยกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง, มาร์ค การ์โน หรือ ราชีพ คานธี 




Photo credit : Nikolai Karaneschev [CC BY 3.0 (http://creativecommons.org/licenses/by/3.0)], via Wikimedia Commons
 

4. University College London (อันดับที่ 15 ของโลก)


    University College London (UCL) เป็นมหาวิทยาลัยที่แรกในอังกฤษที่รับนักศึกษาโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติหรือศาสนา และยังเป็นที่แรกที่ให้ความสำคัญของผู้หญิงเท่าเทียมกันกับผู้ชาย โดยยึดมั่นตามปรัชญาคำสอนของ Jeremy Bentham ผู้เป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งมหาวิทยาลัย ว่า “ทุกคนควรมีเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน” 

    ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่ที่ได้รับความนิยมมาก แถมยังได้อันดับสูงๆ ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยเป็นประจำ และสามารถผลิตนักศึกษาให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพได้อย่างมากมาย นักศึกษาใน UCL กว่าครึ่งหนึ่งนั้นเป็นเด็กที่มาจากนอกสหราชอาณาจักร ส่วนมากจะเป็นคนเอเชียมากกว่ายุโรปเสียอีก

    สำหรับการสมัครเข้าของนักศึกษาปริญญาตรีนั้น ปกติแล้วมักจะต้องได้เกรด A แทบทุกวิชา และคณะที่มีอัตราการแข่งขันสูงที่สุดก็คือคณะปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจะรับนักศึกษาเพียงแค่ 30 คนเท่านั้น!

    วิทยาเขตหลักของ UCL ตั้งอยู่ที่ Bloomsbury ใจกลางลอนดอน ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงก็มีมากมายหลายท่านไม่ว่าจะเป็น มหาตะมะ คานธี, อเล็กซานเดอร์ แกรห์ม เบล ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์ รวมไปถึง คริส มาร์ติน แห่งวง Coldplay ที่เจอกับเพื่อนร่วมวงของเขาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย




Photo credit : By Diliff (Own work) [CC BY-SA 3.0 (http://creativecommons.org/licenses/by-sa/3.0) or GFDL (http://www.gnu.org/copyleft/fdl.html)], via Wikimedia Commons
 

5. London School of Economics and Political Science (อันดับที่ 25 ของโลก)


    ในบรรดามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรทั้งหมด  London School of Economics and Political Science (LSE) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีสัดส่วนนักศึกษาต่างชาติมากที่สุด โดยมีมากถึง 70% ของนักศึกษาทั้งหมด

    ในปี 2014 มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับใบสมัครจากผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีมากถึง 17,000 ฉบับ แต่รับได้เพียง 1,500 ที่นั่ง และเหมือนกันกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ คือที่นี่รับคนที่มีผลการเรียนอยู่ที่ A หรือดีกว่านั้น และในระดับปริญญาโทและเอกนั้นมีอัตราการรับเข้าศึกษาน้อยกว่า 7% ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมากๆ ถ้าเทียบกับปริมาณของคนที่ต้องการเข้าไปเรียนค่ะ

    มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา และการเมืองค่ะ กว่า 26% ของผู้ชนะรางวัลโนเบลในสาขาเศรษฐศาสตร์นั้น เป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ว่านักทฤษฎีด้านเศรษฐศาสตร์ของ LSE มีปัญหาพิพาทกับนักทฤษฎีด้านเศรษฐศาสตร์ของ Cambridge มาช้านาน โดยเฉพาะในเรื่องการหาทางแก้ไขปัญหาให้กับปัญหาทางเศรษฐกิจของสังคม

    ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีมากมายเลยค่ะ ทั้งผู้นำประเทศมากกว่า 32 คน ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล 14 คน รวมไปถึง Stelios Haji-Ioannou ผู้ก่อตั้งสายการบินโลว์คอสต์ชื่อดังของยุโรปอย่าง easyJet และ B.R. Ambedkar ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่างรัฐธรรมนูญของประเทศอินเดีย



    ไม่แปลกใจเลยนะคะว่าทำไมมหาวิทยาลัยเหล่านี้ถึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกได้ ทั้งการจัดระบบการเรียนการสอนที่ดี และหลักสูตรที่หลากหลายน่าสนใจ ถ้าหากน้องๆ คนไหนสนใจดูข้อมูลของแต่ละมหาวิทยาลัยเพิ่มเติมก็คลิกที่ชื่อมหาวิทยาลัยได้เลยค่ะ ส่วนน้องๆ คนไหนที่อยากทราบข้อมูลการจัดอันดับเพิ่มเติมจาก  Times Higher Education ก็คลิกเข้าไปดูในนี้ได้เลยนะคะ


ขอบคุณข้อมูล
https://www.timeshighereducation.com/student/best-universities/best-universities-uk

https://www.timeshighereducation.com/world-university-rankings/2017/world-ranking#!/page/0/length/25/sort_by/rank/sort_order/asc/cols/stats
พี่กี้

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด