สวัสดีค่ะชาว Dek-D เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์แอคเคานต์หนึ่งได้เล่าเรื่องของเพื่อนของตนที่ไปฝึกงานในญี่ปุ่น และเก็บประสบการณ์เที่ยวกลับมาลงมือรวมเป็นสมุดภาพสเก็ตช์แบบเก็บรายละเอียดยิบ ภาพสวย แถมบันทึกสตอรี่น่ารักๆ ไว้ด้วย งานดีจนตอนนี้ยอดรีเกิน 30,000 แล้วววว! (กระหน่ำจนคนทำสมุดและคนทวีตตั้งตัวไม่ทันเลยค่ะ 5555) ได้ยินแบบนี้เราก็ไม่รอช้า ขอไปนั่งพูดคุยกับสาวสถาปัตย์เจ้าของผลงาน ทั้งเรื่องการฝึก(ดู)งานสถาปัตย์ในโตเกียวและความสามารถด้านการวาดรูป พี่เชื่อว่าอ่านจบน้องๆ ต้องรู้สึกอยากแพ็กกระเป๋าไปเที่ยวสไตล์นี้บ้างแน่นอน
เด็กสถาปัตย์ฯ ที่อยากเปิดโลกและหาเรื่องเที่ยว
“สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘เชล’ รชยา วัฒนศิริชัยกุล อายุ 24 ปี จบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชลทำงานเป็นสถาปนิกในบริษัทแห่งหนึ่งมาปีครึ่งแล้ว แต่ตอนนู้นที่ฝึกงานที่ญี่ปุ่นคือตอนปี 4 ขึ้นปี 5 ระยะเวลา 6 สัปดาห์ (+เที่ยวเพิ่ม 3 สัปดาห์) มันจะตรงกับช่วง มิ.ย. - ส.ค. หน่อยๆ ค่ะ กลับมาเปิดเทอมพอดี"
"เชลฝึกงานที่ออฟฟิศออกแบบสถาปัตยกรรมแห่งหนึ่งแถวรปปงงิในโตเกียวค่ะ เราเลือกไปญี่ปุ่นเพราะที่นั่นมีงานสถาปัตยกรรมดีๆ และน่าสนใจเยอะมากกก ออฟฟิศที่เป็นงานสายนี้ก็เยอะ (หาที่เที่ยวด้วย 5555) ส่วนเหตุผลที่เลือกทำบริษัทนี้ เพราะชอบดีไซน์และแนวคิดการออกแบบของเจ้าของ ตอนนั้นเริ่มจากขอเอกสารคณะ อ่านวิธีสมัครทางเว็บ แล้วส่งอีเมลไปพร้อมเอกสาร เขาก็บอกเงื่อนไขมาว่าไม่มีที่พักให้ และเด็กฝึกงานจะไม่ได้ค่าตอบแทนด้วยค่ะ"
“หน้าที่หลักๆ ของเราคือตัดโมเดลประกอบการพรีเซนต์ขายงาน ซึ่งออฟฟิศนี้จะเป็นสายไอเดียอยู่แล้ว เลยเน้นประกวดเยอะ สิ่งที่สังเกตได้คือเขาใส่ใจเรื่องการตัดโมเดลมากก สมมติเขาจะออกแบบตึกเล็กๆ เขาก็จะตัดโมเดลออกมาขนาดเกือบเท่าของจริง เอาดีเทลให้ละเอียดสุดเท่าที่จะทำได้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ในขณะที่ออฟฟิศอื่นอาจใช้แค่โปรแกรม 3D เท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราอยากเล่าให้ฟังไม่ใช่การฝึกงานในออฟฟิศสถาปัตย์ แต่เป็นการดูงานสถาปัตย์แบบจัดเต็ม ซึ่งผลจากการเที่ยวและค้นคว้าข้อมูลขนาดหนักก็กลายมาสมุดภาพในตอนต้นบทความนั่นเองค่ะ
“ในเล่มเชลแทบไม่ได้พูดถึงการฝึกงานในออฟฟิศเลย แต่จะเน้นพูดถึงการฝึกงานที่หมายถึง ‘ฝึกดูงานสถาปัตยกรรมเอง ใช้เวลาไปเที่ยวเยอะๆ’ เชลรู้สึกว่างานสถาปัตย์ฯ มันต้องไปสัมผัส ทำความเข้าใจด้วยตัวเอง เราอาจเคยเลกเชอร์หรืออ่านในเน็ต แต่นึกภาพไม่ออก เราเลยลองไปดูว่าถ้าเจอสถานที่จริงว่าสเปซมันดีจริงๆ มั้ย หรือคนเข้ามาใช้งานจริงยังไงบ้าง”
เราเลือกจะใส่ข้อมูลอะไรลงในเล่มบ้าง? “เชลจะบรรยายที่ตั้งและจุดเด่นของสถานที่หรืออาคารประมาณนึง เขียนแบบแปลนทางสถาปัตยกรรม แล้วบอกว่าเขาใช้หลักการอะไรออกแบบ สถาปนิกมีไอเดียอะไร เราเขียนไว้เหมือนเลกเชอร์เลย ถ้าคนที่เรียนทางนี้จะอ่านแล้วเข้าใจ แต่ถ้าคนทั่วไปอ่านจะเห็นความน่าสนใจของสถานที่นั้นๆ และอาจช่วยให้เที่ยวสนุกขึ้นค่ะ”
เลือกที่เที่ยวและเวลาให้ตรงตามงานเทศกาล
“เชลประทับใจหน้าร้อนที่โตเกียวนะ ปกติเราไม่เคยไปช่วงนี้เลย พอมาถึงเลยรู้ว่าทั้งบรรยากาศดีและเทศกาลเยอะ โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน 7 งานเทศกาลหน้าร้อนจะบูมมากกก มีงานดอกไม้ไฟเยอะๆ แล้วเราจะเลือกไปเที่ยวที่ต่างๆ ในวันที่เขามีอีเวนต์ ทำให้รู้สึกเป็นวันพิเศษตลอด มันถือเป็นการเปิดโลกการเที่ยวเทศกาลเลยนะ หลังจากนั้นเลยติดนิสัยเปิดเว็บเช็กก่อนว่าที่ไหนมีเทศกาลอะไรบ้าง สนุกมากๆ 5555”
จากนั้นเธอยกตัวอย่างการเที่ยวเทศกาลที่น่าสนใจให้ฟังว่า “มีวันนึงเราไปงานเทศกาล Chichibu Kanase Matsuri ในวัดที่เมืองชิชิบุ จังหวัดไซตามะ (ห่างจากโตเกียว 2 ชม.) เพื่อดูพิธีเตรียมแห่เกี้ยวค่ะ พอเริ่มมืดผู้คนออกมาเต็มศาลเจ้า ถนนเส้นหลักก็มีขายพวกพวกทาโกะยากิ ยากิโซบะ ฯลฯ เด็กๆ แต่งยูกาตะกัน แล้วเขาก็เริ่มแห่เกี้ยวแบบครึกครื้นมากๆ เราอยู่รอดูดอกไม้ไฟตอน 3 ทุ่มด้วยนะ พอมาที่นี่ก็ทำให้อยากเที่ยววันเทศกาลตามเมืองอื่นๆ อีกค่ะ”
“หรืออย่างวัดยาสุคุนิ จัดเทศกาลมิตามะ เทศกาลประจำฤดูร้อนของวัด เขาจะจัดโคม (Obon) สีเหลืองประมาณ 30,000 โคมเรียงตาม 2 ข้างทางจนถึงตัววัด มีพิธีแห่เกี้ยว มีคนออกมาเต้นแบบโบราณๆ ทุกคนเข้าไปเต้นด้วยกัน แล้วก็มีคุณป้ามาชวนเต้นสอนเต้นด้วย”
“ยกตัวอย่างอีกที่นึง เราได้ไปคือพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเอโดะ (Edo-Tokyo Open Air architecture Museum) เหมือนเมืองจำลองที่รวมสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เอาไว้ ทั้งอาคารสมัยเมจิหลายรูปแบบ ตั้งแต่บ้านชาวนา ขุนนาง ร้านค้า โรงอาบน้ำ ฯลฯ ซึ่งมันเคยมีจริงแต่สูญหายจากสงครามและภัยพิบัติ พอมานี่เราก็จะเห็นว่าคนสมัยก่อนใช้ชีวิตกันยังไง เมืองข้างในน่ารักมากๆ เหมือนหลุดเข้าไปในหนัง Studio Ghibi ตอนนั้นเราเข้าไปคุยกับสตาฟคุณลุง แล้วเขาพับ Origami ให้ ถึงเราจะพูดไม่รู้เรื่อง เขาก็สนุกกับการเล่าประวัติให้เราฟัง บรรยากาศดีแบบประทับใจมากกก มีขายพวกขนม ลูกอมเก่าๆ ด้วย”
“เราตั้งใจไปเก็บประสบการณ์เหมือนออก field trip ดูงานดีๆ ดังๆ ให้คุ้มดีกว่านั่งในออฟฟิศอย่างเดียวหรือไปเที่ยวแต่ห้าง ค่าใช้จ่ายก็สูงแหละ แต่เราประหยัดค่าใช้จ่ายบางอย่างได้ ทำกับข้าวกินเอง มีค่าเดินทางไปทำงานบ้าง ค่ากินอยู่ก็ต้องมีแพงอยู่แล้ว ไปเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับ เชลว่าคุ้มมากๆ และอีกทริคที่เชลค้นพบคือให้ไปเดินตามหาโบรชัวร์แถวสถานีรถไฟ เราจะเห็นแต่ละสายที่เขาอยากโปรโมตค่ะ เช่น ถ้าวิ่งสายนี้ไปจนสุดทาง มันจะถูกมาก แล้วบอกด้วยว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง มีแพ็กเกจเขียนไว้ด้วย”
(ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างนะคะ เพราะในเล่มที่เธอทำขึ้นมีข้อมูลทั้งรูปภาพและข้อมูลรวมๆ แล้วเกือบ 50 แห่ง แต่ละแห่งล้วนแต่มีเรื่องราวน่าสนใจที่เธอสัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง หยิบมาถ่ายทอดตรงถึงผู้อ่านเลยค่ะ)
ทั้งหมดที่ทำคือการรวมตัวตนและความชอบไว้ในเล่มเดียว
อยากรู้ว่าตอนไปเที่ยวเราหาที่นั่งวาดแบบนั้นเลยรึเปล่า อารมณ์ศิลปินติสต์ๆ? “ถ้าวาด On location ก็ยากนะ 5555 คือมันก็วาดได้แหละแต่เราเลือกไปเที่ยวก่อนดีกว่า ถ่ายรูปเก็บไว้แล้วกลับมาวาด บันทึกเหมือนเป็นไดอารี่ เพราะเราก็เขียนไดอารี่อยู่แล้ว หน้านึงสถานที่นึงใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง นานตรงเขียนบรรยายมากกว่า เพราะเราเขียนให้คนอื่นอ่านด้วย ต้องเช็กข้อมูลให้ชัวร์และเขียนให้คนอ่านรู้เรื่อง พอเราเปิดกลับมาก็จำได้ว่าเราคิดยังไง เล่มนี้เชลเขียนปีที่แล้วนะ”
“เชลอยากทำเล่มนี้มานานแล้ว อยากรวมเล่มเอาสิ่งที่ชอบมากๆ มารวมกัน ทั้งการวาด การเขียน การเที่ยว สถาปัตย์ พยายามนึกถึงหลายๆ ด้าน เอาตัวเองเป็นหลักซะเยอะเลย ถ้าคนที่เรียนสถาปัตย์แล้วชอบ เขาก็จะดูแบบที่เราสเก็ตช์ก็น่าจะเข้าใจตามไปกับเรา แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเรียน เขาก็จะเห็นความน่าสนใจของสถานที่นั้นๆ แล้วอาจทำให้เที่ยวสนุกขึ้น”
เมื่อการรู้จัก "สถาปัตยกรรม"
ค่อยๆ เปลี่ยนการคิด การมองสิ่งต่างๆ และการวาดรูป
“เราชอบวาดรูปตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ เราวาดการ์ตูนไปเรื่อยๆ อะไรที่ซับซ้อนก็ไม่ได้ฝึกวาด แต่พอตอน ม.5 มีเพื่อนชวนไปติวเข้าคณะสถาปัตย์ฯ จุดนั้นทำให้เรากล้าฝึกวาดสิ่งต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเมือง อาคาร บ้านเรือน แล้วก็อินมากกกก ตั้งแต่นั้นมางานวาดของเราเลยมีองค์ประกอบอะไรแบบนี้เยอะขึ้น เริ่มสนใจการออกแบบจริงๆ ไม่ใช่แค่การวาดมัน"
"แต่ขอบอกก่อนว่าการเรียนคณะนี้ไม่ใช่การเข้าไปวาดรูปอย่างที่บางคนเข้าใจนะ ในคณะนี้เราจะได้เรียนออกแบบ เรียนการคิด ไปจนถึงการก่อสร้างให้เป็นอาคารหรือสิ่งแวดล้อมที่จะสร้างสเปซให้ใช้งานได้ ช่วงแรกๆ เราปรับตัวจนแทบไม่ได้วาดรูปเลย แต่ส่วนตัวยิ่งเรียนก็ยิ่งชอบวิชาชีพนี้นะ จนตอนจบก็ยังทำงานตรงสายเลย 5555 ส่วนงานวาดก็ให้ความสำคัญพอกัน แต่ทำเป็นงานเสริมและงานอดิเรกแทน ซึ่งตอนนี้เราพอใจกับมัน เรามองว่าการวาดและงานสถาปัตย์ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่มันส่งเสริมกันและกัน การเรียนในคณะทำให้เราได้วิธีคิดและการมองโลกใหม่ และเมื่อเห็นอะไรมากขึ้น งานเขียนของเราก็มีความคิดมากขึ้น ในทางกลับกัน การวาดก็เป็นวิธีสื่อสารที่ดีมากๆ กับการออกแบบ มันทำให้เราสื่อความคิดจากตรงนี้ได้ อย่างที่ออกมาเป็นเล่มนี้ก็ส่วนนึง"
แล้วปกติเรามีหารายได้จากการวาดรูปรึเปล่า? “เราแค่วาดลงเพจบ้างเป็นงานอดิเรก ไม่เคยหวังกำไรเป็นกอบเป็นกำ พอเริ่มลงมือทำขั้นตอนรูปเล่มงานนี้ก็รู้สึกมันยากกว่าที่คิดมากๆ เลย ต้องตัดสินใจเรื่องการลงทุนด้วย พอเดือนที่แล้วเราเริ่มถีบตัวเองนิดนึง พยายามแอคทีฟกับเพจ เพราะมาคิดว่านี่เราจะทำของขายแล้วนะ ลุยยยย เอาไงก็เอา 55555”
"เล่านิดนึงว่า Dek-D นี่วันวานของน้องเลยนะ 55555 เชลเคยเข้าไปอ่าน How to ของ Hawthorne.X ซึ่งทุกวันนี้พี่เขาก็เทพขึ้นไปอีกกกก (เพจ Enfer De Hell)"
อยากให้คนอื่นสนุกกับการดูงานสถาปัตย์เหมือนกับเรา
“สมุดเล่มนี้คือบันทึกการเดินทางฝึกงานของเราเอง ในเล่มจะบอกว่าเราไปดูอะไรมาบ้าง ประทับใจอะไร เป็นเหมือนรีวิว อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบมาก แต่เราไปพยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุด ไปฝึกงานแบบเรียนรู้เอง อยากให้เป็นการแชร์ให้คนอื่นสนุกกับการดูงานสถาปัตยกรรมและการเที่ยวในฤดูร้อนของเรา”
สำหรับสมุดภาพสเก็ตช์ที่น่าอ่านและลงดีเทลละเอียดแบบนี้ เธอเปิดพรีออเดอร์รอบใหม่แล้วค่ะ!! (วี้ดดดดด) ถ้าใครสนใจอย่าลืมปักหมุดที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Sherrae และอินสตาแกรม @shr.sherrae เพื่อติดตามผลงานและดูรายละเอียดการสั่งซื้อ รวมถึงติตดามผลงานที่อาจจะออกใหม่เรื่อยๆ หลังจากนี้ด้วย แอบรีวิวให้โดยสมัครใจว่าพี่กรี๊ดตอนเห็นเล่มจริงแล้วค่ะ ความสวยและความคุ้มมาเต็ม คุณภาพเกินราคามากบอกเลยยย >___<
2 ความคิดเห็น
เยี่ยมมากครับ
ขอบคุณ