Spoil
- "โอ๊ย เรื่องแค่นี้เอง" เวลามีปัญหาแล้วเจอคนพูดแบบนี้เข้าไป ไม่รู้สึกแย่ได้ไงล่ะ...
- เวลาต้องการความช่วยเหลือที่สุด แต่ติดต่อไม่ได้ มันก็เฟลนิดๆ นะ
- ติดมือถือ ไม่สนใจคนรอบข้าง ก็ทำให้รู้สึกแย่ได้นะ
______________
น้องๆ เคยได้ยินคำนี้มั้ยคะ “Toxic behavior” หรือที่แปลเป็นไทยแบบยาวๆ ว่า “พฤติกรรมที่สร้างความรู้สึกแย่ให้คนอื่น” (ใครแปลได้สั้นกว่านี้...บอกพี่กวางที 555) เรื่องแบบนี้ ส่วนใหญ่เราจะรู้สึกก็ต่อเมื่อคนอื่นทำกับเราใช่ไหมล่ะ แต่ไม่ค่อยรู้ตัวเองหรอกว่า เราเคยทำพฤติกรรม Toxic กับคนอื่นบ้างหรือไม่ ทั้งที่ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว คนทุกคนต่างเคยสร้างความรู้สึกแย่ให้คนอื่นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกแย่แบบเล็กๆ น้อยๆ เช่นเวลาเถียงกับเพื่อน แต่สุดท้ายก็หายกัน ไม่มีใครติดใจอะไรต่อ แต่ก็มีบางครั้ง ที่เราเผลอ “ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่อย่างรุนแรง” ชนิดที่ทำร้ายความรู้สึกจนสร้างบาดแผลในใจเขา (บางครั้งคนโดนจำไปจนตายเลยก็มี) แบบนี้แหละค่ะ ที่เรียกว่า Toxic behavior ซึ่งบางทีเราก็ไม่รู้ตัวเอง
ภาพจาก pixabay.com
อย่างที่บอกไปว่าพฤติกรรม Toxic นั้นเป็นอะไรที่หลายๆ คนทำโดยไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็ทำร้ายความรู้สึกคนรอบข้างไปมากมายแล้ว พี่กวางจึงมีข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ว่าพฤติกรรม Toxic ที่คนเราส่วนใหญ่เผลอทำโดยไม่รู้ตัว มีอะไรบ้าง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ถูกรวบรวมจากคนไข้ในการบำบัดของ Seth J. Gillihan นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียค่ะ
มองปัญหาคนอื่นเป็นเรื่องเล็ก
เคยมั้ยคะ ที่เวลาเห็นเพื่อนมีปัญหา แล้วเผลอพูดคำว่า “โอ๊ย แค่นี้เอง” “เราเจอมายิ่งกว่านี้อีก” หรือแม้กระทั่งการปลอบใจด้วยคำพูดง่ายๆ ว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” สิ่งเหล่านี้นี่แหละ คือสิ่งที่สร้างบาดแผลให้คนฟังมานักต่อนัก เพราะมันฟังดูคล้ายๆ เรากำลังดูถูกปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่เหลือเกิน (ทั้งที่จริงๆ เราอาจไม่ได้เจตนาแบบนั้น)
ทางที่ดี แทนที่จะใช้คำพูดเหล่านั้น ลองปล่อยให้เพื่อนได้ระบายออกมา และลองทำความเข้าใจความรู้สึกในมุมของเพื่อนดู อย่าลืมว่าในช่วงเวลาย่ำแย่ ใครๆ ก็ต้องการความรักและความเห็นใจแทบทั้งนั้น เราจึงควรมอบสิ่งเหล่านั้นให้เพื่อนก่อน แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกของเพื่อนเริ่มดีขึ้นเมื่อไหร่ เราค่อยสั่งสอน และแสดงความคิดเห็นในมุมอื่นๆ ได้ ก็ยังไม่สายไปค่ะ
ทางที่ดี แทนที่จะใช้คำพูดเหล่านั้น ลองปล่อยให้เพื่อนได้ระบายออกมา และลองทำความเข้าใจความรู้สึกในมุมของเพื่อนดู อย่าลืมว่าในช่วงเวลาย่ำแย่ ใครๆ ก็ต้องการความรักและความเห็นใจแทบทั้งนั้น เราจึงควรมอบสิ่งเหล่านั้นให้เพื่อนก่อน แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกของเพื่อนเริ่มดีขึ้นเมื่อไหร่ เราค่อยสั่งสอน และแสดงความคิดเห็นในมุมอื่นๆ ได้ ก็ยังไม่สายไปค่ะ
ภาพจาก pixabay.com
ขี้บ่น
ปกติเราจะพบเรื่องแบบนี้ได้มากในผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ผู้ปกครอง แต่เชื่อเถอะว่าวัยรุ่นหลายๆ คนก็ขี้บ่นไม่แพ้แม่เลยนะ แถมยังชอบหาเรื่องจับผิดนู่นนี้ และจู้จี้กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ (เช่น การแต่งตัวของคนอื่น หรือเรื่องส่วนตัวต่างๆ) ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าตัวเองมีเจตนาดีที่บ่น จึงไม่รู้ตัวเลยว่า การบ่นมากๆ เข้า คนที่ต้องฟังนานๆ ก็รู้สึกแย่เหมือนกัน
วิธีแก้ก็คือ ก่อนจะบ่น หรือจะเสนอแนะอะไรให้คนอื่นทุกครั้ง ลองคิดทบทวนก่อนว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง แทนที่จะบ่นหรือติเตียนสิ่งต่างๆ ไปเรื่อย ลองใช้วิธีจับเข่าคุยแทนดีกว่าไหม และเลือกเฉพาะเรื่องที่จำเป็นและไม่ก้าวก่ายคนอื่นเกินไปเท่านั้นค่ะ
วิธีแก้ก็คือ ก่อนจะบ่น หรือจะเสนอแนะอะไรให้คนอื่นทุกครั้ง ลองคิดทบทวนก่อนว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง แทนที่จะบ่นหรือติเตียนสิ่งต่างๆ ไปเรื่อย ลองใช้วิธีจับเข่าคุยแทนดีกว่าไหม และเลือกเฉพาะเรื่องที่จำเป็นและไม่ก้าวก่ายคนอื่นเกินไปเท่านั้นค่ะ
ดื้อเงียบ / ตลกกลบเกลื่อน
หลายๆ คนเวลาหงุดหงิด หรือไม่พอใจอะไร จะเลี่ยงการปะทะด้วยวิธีแสดงพฤติกรรมกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจยังคุกรุ่นอยู่ สิ่งนี้เรียกว่า “passive-aggressive” ่ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น การล้อเลียนคนอื่นแต่ทำเป็นตลกขบขันเพื่อให้คนถูกล้อเลียนไม่กล้าโกรธ หรือเวลาที่หงุดหงิดเมื่อโดนวานให้ทำอะไร แต่แทนที่จะปฏิเสธ กลับใช้วิธีการทำช้าๆ หรือทำแล้วทิ้งงานเป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้ก็ถือว่าเป็น Toxic behavior เช่นกันนะ เพราะเป็นพฤติกรรมแย่แบบซ่อนเร้น ทำให้ปรับความเข้าใจกันได้ยาก และก็ใช้ชีวิตร่วมด้วยยากเช่นกัน
ดังนั้นแทนที่จะใช้วิธีดื้อเงียบ หรือกลบเกลื่อนไปเรื่อย เราควรซื่อตรงกับความคิดของตนเอง ถ้าไม่ชอบหรือไม่อยากทำอะไร ในระดับที่ต้องการแสดงออก แทนที่จะแสดงออกแบบอ้อมๆ ลองทำใจกล้าๆ แล้วหาวิธีบอกอย่างตรงไปตรงมาดูดีกว่าค่ะ
ดังนั้นแทนที่จะใช้วิธีดื้อเงียบ หรือกลบเกลื่อนไปเรื่อย เราควรซื่อตรงกับความคิดของตนเอง ถ้าไม่ชอบหรือไม่อยากทำอะไร ในระดับที่ต้องการแสดงออก แทนที่จะแสดงออกแบบอ้อมๆ ลองทำใจกล้าๆ แล้วหาวิธีบอกอย่างตรงไปตรงมาดูดีกว่าค่ะ
ภาพจาก pixabay.com
เว้นระยะห่างจากคนรัก
สำหรับคนที่ไม่สนิทกัน การเว้นระยะห่างไว้บ้างถือเป็นเรื่องปกติ แต่บางคนสนิทจนเป็นคนรักกันแล้ว ก็ยังเว้นระยะห่าง ไม่ยอมปล่อยใจให้สนิทกันมากเกินไปอยู่ดี ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเก็บความรู้สึก ชวนทะเลาะ พูดจาขำๆ เชื่อไม่ได้ตลอดเวลา ในบางรายถึงขั้นทำเป็นไม่มีเวลาให้ ปฏิเสธการพบเจอบ่อยๆ เลยก็มี แน่นอนว่าพฤติกรรมแบบนี้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหินห่าง และสับสนในความสัมพันธ์ได้ค่ะ
การทำแบบนี้ เราอาจถือว่าเป็นการเซฟตัวเอง แต่จริงๆ แล้วนั้นถือว่าเป็นพฤติกรรม Toxic สำหรับฝ่ายตรงข้าม อาจลองปรับพฤติกรรมในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือหากยังรู้สึกว่าทำไม่ได้จริงๆ แนะนำให้ปรึกษานักจิตวิทยาได้เลยค่ะ
การทำแบบนี้ เราอาจถือว่าเป็นการเซฟตัวเอง แต่จริงๆ แล้วนั้นถือว่าเป็นพฤติกรรม Toxic สำหรับฝ่ายตรงข้าม อาจลองปรับพฤติกรรมในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือหากยังรู้สึกว่าทำไม่ได้จริงๆ แนะนำให้ปรึกษานักจิตวิทยาได้เลยค่ะ
หายตัวในเวลาที่เพื่อนต้องการความช่วยเหลือ
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่การที่เราหายตัวไปในช่วงเวลาที่เพื่อนสนิทต้องการความช่วยเหลือที่สุด ถือเป็นพฤติกรรมที่สร้างแผลใจได้มากมายเลยค่ะ ที่หนักคือบางคนอยู่ด้วยในช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายกลับหายไปยาวๆ ปล่อยให้เพื่อนเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางปัญหาที่ต้องเผชิญ
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะคะ และจริงๆ แล้วเราก็อาจไม่ได้ตั้งใจ แต่ขอให้จำไว้เลยว่าถ้ามีครั้งต่อไป กรุณาอยู่ข้างๆ เพื่อนเถอะค่ะ แม้เราจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ หรือไม่รู้จะปลอบใจเพื่อนยังไง แต่แค่เราอยู่ข้างๆ ไม่หายไปไหน แค่นี้เพื่อนก็อุ่นใจแล้วจริงๆ นะ
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะคะ และจริงๆ แล้วเราก็อาจไม่ได้ตั้งใจ แต่ขอให้จำไว้เลยว่าถ้ามีครั้งต่อไป กรุณาอยู่ข้างๆ เพื่อนเถอะค่ะ แม้เราจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ หรือไม่รู้จะปลอบใจเพื่อนยังไง แต่แค่เราอยู่ข้างๆ ไม่หายไปไหน แค่นี้เพื่อนก็อุ่นใจแล้วจริงๆ นะ
ภาพจาก pixabay.com
เก็บปัญหาไว้กับตัวเอง
หลายครั้งที่เรามีปัญหาใหญ่ๆ เช่นปัญหาการเงิน ปัญหาครอบครัว หรือปัญหาการเรียน เราก็อยากจะเก็บไว้กับตัวเองเงียบๆ ไม่บอกใครใช่ไหมคะ? หลายคนก็คิดว่าที่ปิดบังไว้เพราะไม่อยากให้เพื่อนกังวลไปด้วย หรือแค่คิดว่า ถ้าแก้ปัญหาได้เมื่อไหร่ค่อยบอก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เพื่อนแท้จะยินดีร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราในทุกปัญหาค่ะ และการปิดบังกันอาจทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก หรือไม่ได้รับการไว้วางใจได้ ถือเป็นหนึ่งใน Toxic behavior เลยทีเดียว
ทางที่ดี ถ้าเรามีเพื่อนที่ไว้ใจได้ทั้งที อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียวเลยค่ะ ลองแชร์กับเพื่อน เล่าให้เพื่อนฟังบ้าง แรกๆ มันอาจจะยาก แต่ทำแล้วจะพบว่าเรารู้สึกโล่งขึ้นเยอะ แถมยังอาจะได้รับการช่วยเหลือ หรือคำแนะนำดีๆ ที่เราคาดไม่ถึงมาก่อนอีกด้วย
ทางที่ดี ถ้าเรามีเพื่อนที่ไว้ใจได้ทั้งที อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียวเลยค่ะ ลองแชร์กับเพื่อน เล่าให้เพื่อนฟังบ้าง แรกๆ มันอาจจะยาก แต่ทำแล้วจะพบว่าเรารู้สึกโล่งขึ้นเยอะ แถมยังอาจะได้รับการช่วยเหลือ หรือคำแนะนำดีๆ ที่เราคาดไม่ถึงมาก่อนอีกด้วย
ละเลย / ไม่สนใจ
พฤติกรรมนี้ เป็นพฤติกรรมที่หลายๆ คนทำให้คนรอบข้างรู้สึกแย่โดยไม่รู้ตัวค่ะ เพราะมันไม่ใช่การชวนทะเลาะ หรือมีปัญหาเบาะแว้งอะไรกันทั้งสิ้น แต่เป็นการหมกมุ่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป จนละเลยไม่สนใจเพื่อนตรงหน้า ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับคนที่ ติดมือถือมากๆ ประมาณว่านั่งคุยๆ อยู่ พอแจ้งเตือนมือถือเด้งปุ๊บ ก็ละความสนใจจากบทสนทนาไปเลย
ดังนั้นอย่าปล่อยให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้มาทำให้เพื่อนของเรารู้สึกไม่ดีเลยนะคะ ลองจัดสรรเวลาสักนิด เจอหน้ากันก็วางมือถือทิ้งเอาไว้ ไม่ต้องสนใจตลอดเวลา (เชื่อเถอะว่าถ้ามีธุระด่วนมากๆ เขาก็จะโทรมาเอง) เวลานัดเพื่อนกินข้าวด้วยกัน ก็สนใจคุยกับคนตรงหน้า ให้เขารู้สึกว่าสำหรับเรา เขาสำคัญมากๆ เลยนะ
ดังนั้นอย่าปล่อยให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้มาทำให้เพื่อนของเรารู้สึกไม่ดีเลยนะคะ ลองจัดสรรเวลาสักนิด เจอหน้ากันก็วางมือถือทิ้งเอาไว้ ไม่ต้องสนใจตลอดเวลา (เชื่อเถอะว่าถ้ามีธุระด่วนมากๆ เขาก็จะโทรมาเอง) เวลานัดเพื่อนกินข้าวด้วยกัน ก็สนใจคุยกับคนตรงหน้า ให้เขารู้สึกว่าสำหรับเรา เขาสำคัญมากๆ เลยนะ
ภาพจาก pixabay.com
ครบแล้วค่ะ 7 พฤติกรรม Toxic ที่เราอาจเผลอทำโดยไม่รู้ตัว ใครเคยทำข้อไหนบ้างก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ทุกคนต้องเคยเผลอเรอกันทั้งนั้น อยู่ที่พอรู้ตัวแล้วเราจะแก้ไขมันรึเปล่า เอาเป็นว่าถ้าอยากเป็นที่รักของเพื่อนๆ เป็น safe zone ของคนรอบข้าง ลองปรับตัวทีละนิด อะไรที่ทำแล้วเพื่อนจะรู้สึกแย่หรือไม่สบายใจ ก็ลองเลี่ยงๆ ดู แล้วจะรู้เลยว่า คุ้มค่ากับการได้เห็นรอยยิ้มของคนรอบตัวเราแน่ๆ ค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D ล่ะ อยากแก้นิสัยไหนของตัวเองบ้าง มาแชร์และเล่าประสบการณ์ไว้ในคอมเมนต์ได้เลยนะคะ
ที่มา
https://blogs.webmd.com/
https://blogs.webmd.com/
5 ความคิดเห็น
ไม่ปฏิเสธงาน แต่รับงานมาแล้วทำช้าๆนี่เราเป็นนะคะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะปฏิเสธไปแล้วโดนครูบอกว่าหาคนอื่นทำแทนไม่ได้
เลยทำช้าๆ ให้ครูหงุดหงิดเราแทนค่ะ
ก็ครูทำเราหงุดหงิดก่อนนี่? บอกไปแล้วว่าไม่ทำ ไม่ทำ ยังไงจะให้งานมาอีก
แล้วถามว่าที่ทำนี่ได้เงินหรือคะแนนอะไรไหม ...แน่นอนว่าไม่
ให้ทำฟรีก็ไม่ควรมาคาดหวังคุณภาพอะไรมากนักนะคะ
แค่นี้ก็รบกวนกันมากเกินไปแล้ว มีงานอื่น(ที่ได้คะแนน)ต้องทำเหมือนกัน!