สิ่งหนึ่งที่นักเขียนนิยายแนวแฟนตาซีมักเข้าใจกันก็คือ แฟนตาซีเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการ ไม่จำเป็นต้องอิงกับความเป็นจริง แต่มีหลายครั้งที่เขียนไปได้หลายตอน ก็มีคนวิจารณ์เข้ามาว่า มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย ก็งงเลยสิ นี่มันนิยายแฟนตาซีนะ จะเอาอะไรกับมันนักหนา ก่อนอื่นพี่แบงค์อยากจะให้น้องทำความเข้าใจก่อนว่า ความเป็นจริง กับ ความสมเหตุสมผล มันคนละเรื่องกันครับ ความเป็นจริง คือสิ่งที่เราเห็นกันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น มนุษย์อาศัยอยู่บนโลก รถเมล์วิ่งอยู่บนท้องถนน ช้างชูงวงร้องแปร๋นๆ ฯลฯ จินตนาการ คือสิ่งที่อยู่เหนือความเป็นจริง เราต่อยอดจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เช่น มนุษย์ตั้งถิ่นฐานอยู่บนดาวอังคาร รถเมล์บินได้ ช้างเต้นMa Boy ฯลฯ ความสมเหตุสมผล คือตัวบ่งบอกว่าที่มาที่ไปของสิ่งนั้นมันเป็นอย่างไร เช่น ทำไมมนุษย์ถึงต้องไปดาวอังคาร โลกไม่น่าอยู่หรือไง รถเมล์บินได้เพราะอะไร สร้างมาเพื่ออะไร ช้างทำไมถึงเต้นเพลงเกาหลีได้ ไปกินอ้อยป่าไหนหรือใครสอนถึงเต้นได้ เป็นต้น ย้อนกลับมาถึงคำถามเมื่อกี้ พี่แบงค์ได้คำตอบที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นจริงในนิยายแฟนตาซีจากคุณ Zese เจ้าของผลงานนิยายเรื่อง หอสมุดลูเพียส เธอบอกว่า สิ่งที่จะทำให้นิยายแฟนตาซีมีความเหมือนจริงที่สุด นั่นคือ ทำให้มันมีกฏ แล้วทำให้คนเชื่อกฎของเรา "แฟนตาซี เหนือจริงได้แต่ต้องไม่เพ้อเจ้อ ถ้ามันมีกฏแต่ทำให้คนเชื่อกฏของเราไม่ได้ ความเหนือจริงมันก็จะกลายเป็นความเพ้อเจ้อ" Zese กล่าว "กฏคือสิ่งที่ทำให้โลกของเรามีรูปมีร่าง ไม่กระจัดกระจาย ถ้าคิดอะไรขึ้นมาสักกอย่าง ให้ถามตัวเองต่อไปว่า มีทำไม มีเพื่ออะไร มีแล้วสำคัญยังไง ไม่มีแล้วเกิดอะไรขึ้น คำถามพวกนี้จะมาจากคนที่เขาไม่เชื่อ ดังนั้นก่อนที่เราจะเอาโลกของเราไปเสนอเขา เราเองก็ต้องตอบคำถามมันให้ได้ครบก่อนเหมือนกัน แล้วเมื่อไรที่ไม่มีคำถามพวกนี้แล้ว เขาก็จะเชื่อกฏของเรา" |
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
ถ้ามีความสมเหตุสมผล ต่อให้เป็นเรื่องโกหก ก็เป็นความจริงได้ ^^
จิตนาการไม่มีขอบเขต
จิตนาการไม่มีขอบเขต
กำลังโหลด
แฟนตาซีกับเพ้อเจ้อมักจะห่างกันเพียงหน้ากระดาษคั่น เพราะถ้าเขียนไม่ดีแฟนตาซีก็จะกลายเป็นเพ้อเจ้อไร้แก่นสารไปในที่สุด
กำลังโหลด
จินตนาการไม่ต้องสมเหตุสมผลในโลกจริง แต่ต้องสมเหตุสมผลในโลกของจินตนาการ
ดังนั้นถ้าเป็นโลกในนิยายมันก็ต้องสมเหตุสมผลในโลกของนิยายเอง โดยไม่ต้องเกี่ยวกับโลกจริง
หากไม่ยอมให้เกิดความสมเหตุสมผลขึ้นเลย มันจะกลายเป็นว่ามีจุดบอดในนิยายขึ้น
อันจะทำให้คนอ่านมองได้ว่า คนเขียนไม่มีความสามารถ วางพล็อตไม่แน่นได้นั่นเอง
และจินตนาการแม้จะไร้ขอบเขต แต่ในจินตนาการนั้นก็ต้องมีกฎของมันด้วยเช่นกัน
ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแค่ความเพ้อเจ้อ ที่ไม่มีวันเอามาใช้ได้ ไม่ว่าจะโลกจริงหรือแค่นิยาย
ทั้งนี้เมื่อจินตนาการแล้ว จะจินตนาการความสมเหตุสมผลเพิ่มก็ไม่น่าจะยากสักเท่าไหร่
คนที่ได้แต่จินตนาการ แต่ไม่อาจจะสร้างความสมเหตุสมผลได้ ก็แค่คนไม่มีฝีมือ
คนเก่งจริง จินตนาการไกลแค่ไหน ก็ต้องมีความสมเหตุสมผลไปรองรับได้เท่านั้น
คนที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมี ก็แค่ข้ออ้างของคนที่ไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ก็แค่นั้น
ดังนั้นถ้าเป็นโลกในนิยายมันก็ต้องสมเหตุสมผลในโลกของนิยายเอง โดยไม่ต้องเกี่ยวกับโลกจริง
หากไม่ยอมให้เกิดความสมเหตุสมผลขึ้นเลย มันจะกลายเป็นว่ามีจุดบอดในนิยายขึ้น
อันจะทำให้คนอ่านมองได้ว่า คนเขียนไม่มีความสามารถ วางพล็อตไม่แน่นได้นั่นเอง
และจินตนาการแม้จะไร้ขอบเขต แต่ในจินตนาการนั้นก็ต้องมีกฎของมันด้วยเช่นกัน
ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแค่ความเพ้อเจ้อ ที่ไม่มีวันเอามาใช้ได้ ไม่ว่าจะโลกจริงหรือแค่นิยาย
ทั้งนี้เมื่อจินตนาการแล้ว จะจินตนาการความสมเหตุสมผลเพิ่มก็ไม่น่าจะยากสักเท่าไหร่
คนที่ได้แต่จินตนาการ แต่ไม่อาจจะสร้างความสมเหตุสมผลได้ ก็แค่คนไม่มีฝีมือ
คนเก่งจริง จินตนาการไกลแค่ไหน ก็ต้องมีความสมเหตุสมผลไปรองรับได้เท่านั้น
คนที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมี ก็แค่ข้ออ้างของคนที่ไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ก็แค่นั้น
กำลังโหลด
จินตนาการในนิยายแฟนตาซีต้องประกอบไปด้วยของสองอย่าง
1.ความสมเหตุสมผลและความเป็นจริง
2.ความไร้เหตุไร้ผลและความเป็นเท็จ
และซึ่งหนึ่งที่อยากบอกก็คือ...จินตนาการไร้ขอบเขต ไม่ว่ามันจะงี่เง่าหรือไร้สาระแค่ไหน แต่ไม่ใช่ข้ออ้างในการจะดูถูกความคิดของใครค่ะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 เมษายน 2555 / 09:17
1.ความสมเหตุสมผลและความเป็นจริง
2.ความไร้เหตุไร้ผลและความเป็นเท็จ
และซึ่งหนึ่งที่อยากบอกก็คือ...จินตนาการไร้ขอบเขต ไม่ว่ามันจะงี่เง่าหรือไร้สาระแค่ไหน แต่ไม่ใช่ข้ออ้างในการจะดูถูกความคิดของใครค่ะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 เมษายน 2555 / 09:17
กำลังโหลด
@ความคิดเห็นที่ 1 Angel Evil
"จินตการไร้ขอบเขต"
จริงๆคะ !
"จินตการไร้ขอบเขต"
จริงๆคะ !
กำลังโหลด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
51 ความคิดเห็น
นิยายแฟนตาซีคือการที่ใช้จินตนาการเขียน ไม่จำเป็นต้องสมเหตุสมผลไปซะทุกเรื่อง เพราะคำว่าแฟนตาซีคือ จินตนาการไร้ขอบเขต
ดังนั้นถ้าเป็นโลกในนิยายมันก็ต้องสมเหตุสมผลในโลกของนิยายเอง โดยไม่ต้องเกี่ยวกับโลกจริง
หากไม่ยอมให้เกิดความสมเหตุสมผลขึ้นเลย มันจะกลายเป็นว่ามีจุดบอดในนิยายขึ้น
อันจะทำให้คนอ่านมองได้ว่า คนเขียนไม่มีความสามารถ วางพล็อตไม่แน่นได้นั่นเอง
และจินตนาการแม้จะไร้ขอบเขต แต่ในจินตนาการนั้นก็ต้องมีกฎของมันด้วยเช่นกัน
ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแค่ความเพ้อเจ้อ ที่ไม่มีวันเอามาใช้ได้ ไม่ว่าจะโลกจริงหรือแค่นิยาย
ทั้งนี้เมื่อจินตนาการแล้ว จะจินตนาการความสมเหตุสมผลเพิ่มก็ไม่น่าจะยากสักเท่าไหร่
คนที่ได้แต่จินตนาการ แต่ไม่อาจจะสร้างความสมเหตุสมผลได้ ก็แค่คนไม่มีฝีมือ
คนเก่งจริง จินตนาการไกลแค่ไหน ก็ต้องมีความสมเหตุสมผลไปรองรับได้เท่านั้น
คนที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมี ก็แค่ข้ออ้างของคนที่ไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ก็แค่นั้น
กำลังจะแต่งนิยายแฟนตาซีพอดีเลย
ขอบคุณมากเลยนะคะ :')
1.ความสมเหตุสมผลและความเป็นจริง
2.ความไร้เหตุไร้ผลและความเป็นเท็จ
และซึ่งหนึ่งที่อยากบอกก็คือ...จินตนาการไร้ขอบเขต ไม่ว่ามันจะงี่เง่าหรือไร้สาระแค่ไหน แต่ไม่ใช่ข้ออ้างในการจะดูถูกความคิดของใครค่ะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 เมษายน 2555 / 09:17
จิตนาการไม่มีขอบเขต
สรรพสิ่งย่อมเป็นไปตามประสงค์ของบร๊ะเจ้า(?) << ตรงนี้แอบเงิบ
"จินตการไร้ขอบเขต"
จริงๆคะ !
เห็นด้วยครับ
นิยายทุกเรื่อง เป็นจินตนาการของผู้แต่ง หากมีความสมเหตุสมผลจะทำให้คนอ่านเข้าใจในโลกของผู้เขียนได้ดี เช่น แฮรี่ฯ เซวีน่า เป็นต้น
นิยายแฟนตาซี นั้น เป็นเหมือนเรื่องเหนือกฏแห่งความเป็นจริงเจ้าค่ะ เกิดจากจินตนาการของผู้คิด และความสร้างสรร ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวความเป็นจริง
...จุดที่ทำให้อัจฉริยะแตกต่างจากคนบ้า
...จุดที่ทำให้ทำได้จริงและทำไม่ได้จริง
มันอยู่ที่การทำให้สมเหตุสมผลหรือไม่นั่นแหละ
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ของไอสไตน์จะไม่มีวันที่ใครเชื่อถือได้เลย
หากจินตนาการของเขาไม่สมเหตุสมผล จนไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเชื่อถือได้
ถึงดูไร้เหตุผล แต่มันก็มีเหตุผล
ถึงไม่สมจริง มันก็ยังสมจริง
ถึงเป็นจินตนาการ แต่มันก็สามารถเป็นจริง
เรื่องพวกนี้มันซับซ้อนจนเกินไป จนแยกไม่ออกแล้วหรือกะไร
ว่าท่านคอลัมนิสต์ต้องการจะสื่อสารเช่นใดให้รับรู้ ?
หรือว่าแท้จริงนั้นรู้ แต่แค่เพียงขี้เกียจจะคิดหรือทำตาม ?
ท่านคิดผิดแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้น มันต้องเป็นอย่างนี้ต่างหาก
1. ความเป็นจริงของโลกใบนี้
2. จากข้อ 1. จินตนาการไม่จำเป็นต้องอ้างอิงจากข้อบน โดยจะอิงหรือไม่ก็ได้
2.1 (หรือข้อ 1 ของท่าน) จินตนาการที่เกิดจริงในข้อ 1. (ความเป็นจริงของโลก)
2.2 (หรือข้อ 2 ของท่าน) จินตนาการที่ไม่เกิดจริงในข้อ 1. (ความเป็นจริงของโลก)
3. จากข้อ 2. จำเป็นต้องมีความสมเหตุสมผลเกิดขึ้นในข้อก่อนหน้า
ดังนั้นสเต็ปการคิดคือ 1 > 2.1&2.2 > 3
ไม่ใช่แค่ 1 > 2.1&2.2 แบบที่ท่านหรือใครหลายคนคิด
และสิ่งที่คอลัมนิสต์ต้องการสื่อ คือข้อ 3 ว่าให้มีมันด้วยอยู่เสมอ
แต่หลายคนดันไม่เข้าใจ คิดว่าคอลัมนิสต์รวมถึงเรา ห้ามไม่ให้มีข้อ 2.2 ซะอย่างนั้น
มีแค่ 1 > 2.1&2.2 ก็แค่เรื่องเพ้อเจ้อจริง ๆ นั่นแหละ ยังถึงขั้นจินตนาการไม่ได้หรอก
เพราะคนอ่านไม่เชื่อสิ่งในจินตนาการที่คิดขึ้นมานั่นเอง
ดังนั้นจึงต้องมีที่มาและความสมเหตุสมผลประกอบอยู่เสมอ
จินตนาการที่ไม่มีใครเชื่อ ก็คือความเพ้อเจ้อ ไม่เห็นท่านคอลัมนิสต์จะใช้คำผิดตรงไหน
แต่ดูท่าเรื่องนี้จะยากเกินกว่าความเข้าใจของใครหลายคนซะแล้วแหะ
จินตนาการไร้ขอบเขต แต่ไม่ไร้เหตุผลครับ
หากบางคนยังเข้าใจว่า จินตนาการไร้ขอบเขต คือคิดอะไรก็ได้ ใส่ลงไป โดยไม่ต้องคำนึงถึงความสมเหตุสมผลนั้น ผมคิดว่าท่าน ยังไม่เข้าใจคำว่าจินตนาการอย่างถ่องแท้ครับ
นึกถึงเรื่องที่หลายคนยกคำว่า "ประชาธิปไตย" มาอ้างกันเลยแหะ
"ประชาธิปไตยคือสิทธิที่ฉันจะทำอะไรก็ได้..."
เพียงแค่นี้ โดยไม่ยอมพูดต่อว่า "...โดยสิทธินั้นจะไม่ต้องละเมิดสิทธิของผู้อื่น"
มันก็ได้ความหมายที่ผิดเพี้ยนกลับมาสิ
แบบนี้จะด่าพ่อล่อแม่ใครก็ทำได้หมด ทั้งที่จริงประชาธิปไตยทำเช่นนั้นไม่ได้
แต่คนปกติที่มีมารยาท เขาไม่เที่ยวเอามาพิมพ์ตอบใครทำนองนี้ เพราะมันไม่มีความจำเป็น ไม่ได้ไปประชุมวิชาการ และคนอื่นๆ เขาก็ไม่ได้ต้องการอวดความรู้กันตลอดเวลาด้วย
นึกแล้วก็สงสัย...ทำไมเว็บเด็กดีไม่แต่งตั้งซ่อนนามเป็นคอลัมนิสต์กิตติมศักดิ์ซะเลย ในเมื่อฉลาดซะขนาดนี้
หรือเอาเข้าจริง ก็แค่ฉลาดและเก่งแต่ในเว็บอย่างเด็กดี ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ยังมีความคิดอ่านของตัวเองไม่มาก ไม่ค่อยคิดเชิงวิพากษ์ จึงคล้อยตามได้ง่าย
ดูท่าเว็บเด็กดีจะเลี้ยงซ่อนนามไว้เพื่อให้เป็นตัวสร้างดราม่าเรียกคนเข้ามาประณามเป็นระยะๆ กระมัง!
ปล. รู้ว่ามันนอกเรื่อง แต่การแถไปพูดเรื่องการตลาดของเบียร์ช้างเมื่อพูดถึงนิยายในเน็ตที่หายไป มันก็ครือๆ กันละว้า~
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2461755&pno=2
แต่จินตนาการ อยู่ที่เราจะสร้างอะไรจากสิ่งที่มี
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 เมษายน 2555 / 18:41