Look Who Is Back
กลับมาแล้วครับ
ผู้เขียน : Timer Vermes
|
สำนักพิมพ์ : Legend Books
|
พิมพ์ครั้งที่ : 1
|
หมวดหนังสือ : วรรณกรรมเสียดสี
|
ราคา : 330 บาท
|
ISBN : 978-616-9205-20-3
|
ปก : อาร์ตการ์ด มีปีกปก
|
จำนวนหน้า : 400 หน้า
|
นวนิยายสัญชาติเยอรมันที่ตีพิมพ์ในปี 2012
ทำสถิติขายดียอดถล่มทลายทั้ง Hard Copy, E-Book, Audio Book
ในเยอรมันรวมกันกว่า 1.9 ล้านเล่ม ขายลิขสิทธิ์ไปแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก
และเตรียมสร้างเป็นภาพยนตร์
ทำสถิติขายดียอดถล่มทลายทั้ง Hard Copy, E-Book, Audio Book
ในเยอรมันรวมกันกว่า 1.9 ล้านเล่ม ขายลิขสิทธิ์ไปแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก
และเตรียมสร้างเป็นภาพยนตร์
ค.ศ. 2011 อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ตื่นฟื้นขึ้นในพื้นที่รกร้างกลางกรุงเบอร์ลิน เขาพบว่าเยอรมนีสุขสงบ ปราศจากสงคราม ไม่มีพรรคนาซี ไม่มีเกอเบิลส์ นายพลคู่ใจ บัดนี้อาณาจักรไรช์ของเขาอยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิงอังเกลา แมร์เคิล
เวลาผ่านไป 66 ปีโดยที่ใครๆ เชื่อว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ความยิ่งใหญ่ตลอดกาลที่เคยครองในอดีตไม่มีเหลือ ฮิตเลอร์ต้องปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ที่เขาเองไม่เคยคิดฝัน
แต่ท่านฟือเรอร์ไม่ใช่ตัวตลกไร้สาระ เขาจึงเรียนรู้การใช้อาวุธของคนรุ่นหลาน ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์ มือถือ สื่อโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการบัญชาการกองกำลัง 'อู-ตู๊บ' อันเกรียงไกรแห่งโลกไซเบอร์
ด้วย 'พรหม' ที่เคย 'ลิขิต' ชีวิตนายสิบโทคนเดียวกันนี้เมื่อปี 1924 ให้เป็นผู้กู้ชาติเยอรมนี บัดนี้เขา "กลับมา" อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยอาวุธและวิธีการที่คนรุ่นใหม่นั่นแหละใช้
เหน็บแนม? ถากถาง? เรื่องชวนหัวทางการเมือง? โลกใหม่ที่ท่านผู้นำตื่นขึ้นมาพบมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ต้องวิจารณ์กันอย่างตรงไปตรงมา แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือวาทะอันคมกริบเชือดเฉือนของท่านฟือเรอร์เอง
ทดลองอ่านได้ที่นี่คลิก
อันที่จริง พี่น้องไม่ได้สันทัดประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรมเยอรมันสักเท่าไร ตอนมัธยมพี่ชอบอ่านสารคดีหรือนิยายที่เกี่ยวกับนาซีมากๆ แต่ก็รู้เท่ากับที่คนทั่วไปรู้ว่าช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ฮิตเลอร์ซึ่งเป็นผู้นำเยอรมนีในขณะนั้น ออกคำสั่งให้กำจัดชาวยิว โดยเรียกว่า โฮโลคอสต์ นี่คือเท่าที่พี่รู้
ดังนั้น พี่ก็เลยอาจจะไม่อินเท่ากับคนที่เรียนภาษาเยอรมัน เรียนประวัติศาสตร์เยอรมัน หรือเรียนวัฒนธรรมเยอรมันมาก่อน แต่ก็พบว่างานเขียนชิ้นนี้เรียกความสนใจได้ดีทีเดียว
"ถ้าฮิตเลอร์ฟื้นกลับมาอีกครั้งในยุคนี้ เขาจะรู้สึกยังไงกับเยอรมนีปัจจุบัน"
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวเสียดสี นั่นคือไม่ได้เครียด ไม่ได้ดราม่า แต่เอาประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมมาพูดให้ดูตลก โดยตัวละครที่ไม่ตลกเลยสักนิด ในฐานะคนนอกเราจะรู้สึกว่าฮิตเลอร์ไม่ใช่คนที่น่ากลัวหรือน่าเกรงขามเท่ากับคนเยอรมันเอง เพราะสื่อในเยอรมันสร้างภาพฮิตเลอร์ไว้อีกแบบ ในขณะที่สื่อภายนอกพยายามทำให้ฮิตเลอร์เป็นตัวตลกมากกว่า
เท่าที่พี่อ่าน ยังไม่รู้สึกว่าคนเขียนนำเสนอฮิตเลอร์ในมุมใหม่เท่าไร ฮิตเลอร์ก็ยังเป็นคนเดิมที่เราเห็นในคลิป "ซับนรก" เวอร์ชั่นต่างๆ ที่ทำมาจากหนังเรื่อง ปิดตำนานวีรบุรุษล้างโลก คือมุ่งมั่น โผงผาง ชาตินิยมสุดๆ ไม่แน่ใจว่านักประวัติศาสตร์ทุกคนสรุปมาแบบนี้แล้ว หรือไม่มีใครเคยรู้จักอีกด้านของผู้นำคนนี้กันแน่
ถ้าอ่านเผินๆ มันก็ดูตลกดี เวลาที่ฮิตเลอร์พยายามทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่างโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือหรือ อินเทอร์เน็ต เวลาที่เขาแสดงความเห็นต่อการ "เดินก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือ" ของวัยรุ่นปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นตลกร้าย เพราะตัวละครอื่นๆ ในเรื่องมองว่า ฮิตเลอร์คือตัวตลก สิ่งที่เขาพูดคือมุข แต่มันเป็นมุขที่ตอกย้ำความจริงว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่สุขสบาย มีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมาย แต่กลับไม่มี 'พลัง' หรือ 'อุดมการณ์' ในการใช้ชีวิตอย่างที่คนสมัยก่อนมีกัน
สำหรับพี่น้องรู้สึกว่ามีหลายส่วนที่ยังไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้มีพื้นความรู้เกี่ยวกับเยอรมันทั้งอดีตและปัจจุบันเลย บวกกับลักษณะการใช้ภาษาของเรื่องนี้ ที่เล่าในมุมมองของฮิตเลอร์ เกือบ 80% เป็นความคิดของฮิตเลอร์หมด ซึ่งบรรยายยืดยาว ส่วนขยายเยอะมากเกินไปจนเราจับประเด็นไม่ถูก และเชิงอรรถในเรื่องนี้ก็ยาวมาก (ช่วงต้นๆ จะมีค่อนข้างเยอะ) แม้จะช่วยทำให้เราเข้าใจว่านี่คืออะไร นั่นคือใคร แต่กว่าจะอ่านเชิงอรรถจบแล้วกลับไปอ่านเนื้อหาเดิมก็ลืมไปแล้วว่ากำลังอ่านอะไรอยู่
ใครที่สนใจประวัติศาสตร์เยอรมัน วัฒนธรรมเยอรมัน หรือฮิตเลอร์ แนะนำเล่มนี้เลยค่ะ
ดังนั้น พี่ก็เลยอาจจะไม่อินเท่ากับคนที่เรียนภาษาเยอรมัน เรียนประวัติศาสตร์เยอรมัน หรือเรียนวัฒนธรรมเยอรมันมาก่อน แต่ก็พบว่างานเขียนชิ้นนี้เรียกความสนใจได้ดีทีเดียว
"ถ้าฮิตเลอร์ฟื้นกลับมาอีกครั้งในยุคนี้ เขาจะรู้สึกยังไงกับเยอรมนีปัจจุบัน"
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวเสียดสี นั่นคือไม่ได้เครียด ไม่ได้ดราม่า แต่เอาประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมมาพูดให้ดูตลก โดยตัวละครที่ไม่ตลกเลยสักนิด ในฐานะคนนอกเราจะรู้สึกว่าฮิตเลอร์ไม่ใช่คนที่น่ากลัวหรือน่าเกรงขามเท่ากับคนเยอรมันเอง เพราะสื่อในเยอรมันสร้างภาพฮิตเลอร์ไว้อีกแบบ ในขณะที่สื่อภายนอกพยายามทำให้ฮิตเลอร์เป็นตัวตลกมากกว่า
เท่าที่พี่อ่าน ยังไม่รู้สึกว่าคนเขียนนำเสนอฮิตเลอร์ในมุมใหม่เท่าไร ฮิตเลอร์ก็ยังเป็นคนเดิมที่เราเห็นในคลิป "ซับนรก" เวอร์ชั่นต่างๆ ที่ทำมาจากหนังเรื่อง ปิดตำนานวีรบุรุษล้างโลก คือมุ่งมั่น โผงผาง ชาตินิยมสุดๆ ไม่แน่ใจว่านักประวัติศาสตร์ทุกคนสรุปมาแบบนี้แล้ว หรือไม่มีใครเคยรู้จักอีกด้านของผู้นำคนนี้กันแน่
ถ้าอ่านเผินๆ มันก็ดูตลกดี เวลาที่ฮิตเลอร์พยายามทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่างโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือหรือ อินเทอร์เน็ต เวลาที่เขาแสดงความเห็นต่อการ "เดินก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือ" ของวัยรุ่นปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นตลกร้าย เพราะตัวละครอื่นๆ ในเรื่องมองว่า ฮิตเลอร์คือตัวตลก สิ่งที่เขาพูดคือมุข แต่มันเป็นมุขที่ตอกย้ำความจริงว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่สุขสบาย มีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมาย แต่กลับไม่มี 'พลัง' หรือ 'อุดมการณ์' ในการใช้ชีวิตอย่างที่คนสมัยก่อนมีกัน
สำหรับพี่น้องรู้สึกว่ามีหลายส่วนที่ยังไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้มีพื้นความรู้เกี่ยวกับเยอรมันทั้งอดีตและปัจจุบันเลย บวกกับลักษณะการใช้ภาษาของเรื่องนี้ ที่เล่าในมุมมองของฮิตเลอร์ เกือบ 80% เป็นความคิดของฮิตเลอร์หมด ซึ่งบรรยายยืดยาว ส่วนขยายเยอะมากเกินไปจนเราจับประเด็นไม่ถูก และเชิงอรรถในเรื่องนี้ก็ยาวมาก (ช่วงต้นๆ จะมีค่อนข้างเยอะ) แม้จะช่วยทำให้เราเข้าใจว่านี่คืออะไร นั่นคือใคร แต่กว่าจะอ่านเชิงอรรถจบแล้วกลับไปอ่านเนื้อหาเดิมก็ลืมไปแล้วว่ากำลังอ่านอะไรอยู่
ใครที่สนใจประวัติศาสตร์เยอรมัน วัฒนธรรมเยอรมัน หรือฮิตเลอร์ แนะนำเล่มนี้เลยค่ะ
4 ความคิดเห็น
ว้าว มีบทวิจารณ์ด้วย ดีจัง
ตอนแรกกำลังจะกดปิดละ เรื่องเกี่ยวกับฮิตเลอร์นี่ไม่ใช่แนวที่อยากอ่านเลย
แต่พอลองอ่านบทวิจารณ์แล้ว รู้สึกน่าสนดีเหมือนกันแฮะ
ขอบคุณสำหรับบทวิจารณ์นะคร้าบ
น่าอ่านมากค่ะ ถ้าไปร้านหนังสือต้องไปสอยมาอ่านบ้างแล้ว
น่าอ่านมาก อยากรู้เหือนกันว่าท่านนายพลจะเอายังไงต่อ
ปกเรียบหรูดีด้วย พลาดไม่ได้
น่าอ่านมากค่ะ อร๊ายย ลองอ่านตัวอย่างดูแล้วคุณตาฮิตจังน่ารักมากๆ เลยล่ะค่ะ ต้องไปหามาอ่านแล้วล่ะค่ะ!