การเขียนนิยายมันมีจุดเริ่มต้นหลายแบบ บางคนเขียนจากเหตุการณ์ในชีวิตจริง บางคนได้ไอเดียจากนิยายที่อ่านมาอีกที และบางคนก็เริ่มเขียนจากตัวละคร 1 ตัว
จะสร้างนิยายสักเรื่องโดยมีตัวละครเป็นจุดเริ่มต้น มีเทคนิคง่ายมาก พี่น้องเขียนมาให้เป็นสมการง่ายๆ แบบนี้เลยค่ะ
จะสร้างนิยายสักเรื่องโดยมีตัวละครเป็นจุดเริ่มต้น มีเทคนิคง่ายมาก พี่น้องเขียนมาให้เป็นสมการง่ายๆ แบบนี้เลยค่ะ
เดี๋ยวเรามาลองถอดสมการนี้ดู
1. ตัวละคร
ปัจจัยสำคัญในการเขียนนิยายก็คือเราต้องมีตัวละครก่อน จะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของก็ยังได้ และตัวละครนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา เพราะถ้าธรรมดา เราก็ไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องนั้นๆ จริงไหม
เมื่อมีตัวละครแล้ว ขั้นตอนต่อมาเราก็ต้องสร้าง "แบรนด์" ให้ตัวละคร แบรนด์ที่ว่านี้ก็คือตราประทับให้คนอ่านรู้ว่าตัวละครตัวนี้ "ต่างจาก" ตัวละครอื่นๆ (ไม่งั้นคงไม่ได้มาเป็นตัวเอก) ต่างยังไงบ้าง
เมื่อมีตัวละครแล้ว ขั้นตอนต่อมาเราก็ต้องสร้าง "แบรนด์" ให้ตัวละคร แบรนด์ที่ว่านี้ก็คือตราประทับให้คนอ่านรู้ว่าตัวละครตัวนี้ "ต่างจาก" ตัวละครอื่นๆ (ไม่งั้นคงไม่ได้มาเป็นตัวเอก) ต่างยังไงบ้าง
- มีนิสัยที่ดีหรือไม่ดีแบบสุดโต่ง: ขี้โกหก, ซุ่มซ่าม, ใจดี, ซื่อตรง, ปากร้าย
- มีลักษณะภายนอกที่แปลกไปจากคนอื่น: หน้าตาดีเหลือเกิน, อ้วนมาก, มีตาสามตา, ผิวเป็นโลหะ
- มีความสามารถที่พิสดารเหนือมนุษย์: อ่านใจคนได้, บินได้, ย้อนเวลาได้, โง่สุดๆ
- มีความชอบ หรือความกลัวแบบสุดโต่ง: เกลียดคนโกหกที่สุด, ชอบของที่มีขนนุ่มนิ่มมากๆ, กลัวผู้ชาย
เมื่อเลือกคุณสมบัติมาสักหนึ่งข้อแล้ว หลังจากนั้นก็มานั่งคิด "ข้อเสีย" ให้คุณสมบัตินั้นค่ะ เช่น ตัวเอกอ่านใจคนได้ แต่ก็ดันมีนิสัยปากไว รู้อะไรแล้วพูดไปหมด ความสามารถนี้ของตัวเอกเลยกลายเป็นข้อเสียไป
2. เป้าหมาย
เมื่อได้ตัวเอกที่มีนิสัยหรือคุณสมบัติแปลกๆ แล้ว ได้ "ข้อเสีย" ของคุณสมบัตินั้นแล้ว ทีนี้เราก็มาสร้างเป้าหมายให้กับตัวเอกกันค่ะ เนื่องจากตัวเอกมีคุณสมบัติที่เป็น "ข้อเสีย" เป้าหมายของเขาคือต้องเอาข้อเสียนั้นออกไป หรือเปลี่ยนข้อเสียให้กลายเป็นข้อดีให้ได้ เช่น
- ชัคเกลียดผัก แต่ผู้หญิงที่เขาชอบดันเป็นแม่ค้าขายผักเสียนี่ เป้าหมายของชัคคือต้องเอาชนะความเกลียดของตัวเองเพื่อให้สมหวังในความรัก
- นิทราเป็นเด็กสาวหน้าตาดีเหลือเกิน แต่ผู้ชายที่เธอชอบกลับเป็นหนุ่มเนิร์ดที่ประกาศชัดเจนว่าไม่ชอบผู้หญิงสวยอย่างเธอ เป้าหมายของเธอคือต้องเอาชนะใจหนุ่มเนิร์ดให้ได้ อาจจะด้วยการทำตัวเองให้ "ขี้เหร่"
- คำพูดของโต้งศักดิ์สิทธิ์มาก บอกอะไรเป็นตามนั้นหมด แต่ถ้าเขาพลั้งปากแช่งใครก็ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ ได้เหมือนกัน เป้าหมายของโต้งคือต้องทำให้ความสามารถนี้หายไป หรือหาทางแก้เคล็ดให้ได้
เชื่อไหมคะว่า ณ ตอนนี้เราได้ตอนต้นกับตอนจบของนิยายแล้ว ตอนต้นก็คือเราต้องแนะนำตัวเอกว่าเขามีคุณสมบัติที่เป็นผลเสียต่อตัวเองยังไง และตอนจบนั้นคือคนอ่านจะได้รู้ว่าคุณสมบัติจะเปลี่ยนจากร้ายเป็นดี หรือหายไปตลอดกาลหรือไม่
แต่เรายังขาดส่วนสำคัญที่ทำให้วัตถุดิบของเรากลายเป็นเรื่องราวค่ะ
แต่เรายังขาดส่วนสำคัญที่ทำให้วัตถุดิบของเรากลายเป็นเรื่องราวค่ะ
3. เหตุการณ์
เรามีตัวละครที่เป็นตัวเปิดเรื่อง เรามีเป้าหมายที่เป็นตัวปิดเรื่อง แต่เรายังขาดเส้นที่จะเชื่อมระหว่างตอนต้นและตอนจบ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นระหว่างทางนั่นเอง
เหตุการณ์ระหว่างทางนี้ ทุกเหตุการณ์ต้องมีเป้าหมาย ต้องมีผลกระทบต่อตัวละคร อาจจะ "ผลัก" ให้ตัวละครเข้าหาเป้าหมายของตัวเอง หรือ "ดึง" ให้ตัวละครออกห่างจากเป้าหมายก็ได้
เราจะสร้างเหตุการณ์เป็นไทม์ไลน์แบบนี้ค่ะ
เหตุการณ์ระหว่างทางนี้ ทุกเหตุการณ์ต้องมีเป้าหมาย ต้องมีผลกระทบต่อตัวละคร อาจจะ "ผลัก" ให้ตัวละครเข้าหาเป้าหมายของตัวเอง หรือ "ดึง" ให้ตัวละครออกห่างจากเป้าหมายก็ได้
เราจะสร้างเหตุการณ์เป็นไทม์ไลน์แบบนี้ค่ะ
ที่ยกตัวอย่างไปเป็นพล็อตนิยายรักแบบง่ายๆ พอจะเอาไปเขียนเป็นเรื่องสั้นได้ ข้อความในส่วนสีชมพูคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อความในส่วนสีฟ้าคือ "ความเปลี่ยนแปลง" ที่เกิดขึ้น จากตอนแรกที่ตัวเอกมีคุณสมบัติซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความรัก เมื่อเรื่องดำเนินไป อุปสรรคนั้นก็ค่อยๆ หมดความหมายลง จนนางเอกรู้ว่าหน้าตาไม่ใช่ปัญหา แต่นิสัยต่างหากที่จะเอาชนะใจชายคนนี้ได้
สังเกตไหมว่าเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นในเรื่องจะยังไม่ดึงตัวละครเข้าไปหาเป้าหมาย แต่เป็นแค่เหตุการณ์เกริ่นให้ผู้อ่านรู้ว่าจากนี้ไปตลอดทั้งเรื่องตัวเอกจะเจออุปสรรคที่ทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายอีกมาก และอุปสรรคอีกมากมายนั้นจะค่อยๆ ดึงตัวเอกไปจนกระทั่งถึงไคลแมกซ์หรือเหตุการณ์สุดท้าย ที่ตัวเอกจะบรรลุเป้าหมายเสียที
เหตุการณ์ยิ่งมาก เรื่องก็ยิ่งยาว เหมาะสำหรับใช้แต่งนิยายยาวๆ และมีข้อดีคือตัวละครจะเข้าใกล้เป้าหมายแบบค่อยเป็นค่อยไป ถ้าเหตุการณ์มีน้อย ก็เหมาะสำหรับแต่งเรื่องสั้นที่จำกัดจำนวนหน้า ข้อเสียคือเราอาจมีเวลาไม่มากในการดึงตัวละครเข้าหาเป้าหมาย เผลอๆ อาจมีเนื้อที่พอสำหรับเหตุการณ์เดียว แล้วตัวละครต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย
เป็นยังไงคะ สมการนี้ เรียกว่าเป็นสมการง่ายๆ สำหรับฝึกเขียนเพื่อพัฒนาฝีมือ ความซับซ้อนของพล็อตขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราแทรกเข้าไปในเรื่อง ลองเอาไปใช้กับนิยายของตัวเองดูนะ
43 ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ แต่อยากถามว่าแล้วถ้าตัวละครนั้นไม่ได้จุดประสงค์ที่จะเปลี่ยนไป แต่มีจุดประสงค์ในการที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อเปลี่ยนสิ่งนั้น เราจะมีวิธีการเขียนที่เหมือนหรือต่างจากสมการนี้ดีคะ
ขอบคุณมากค่ะ ได้อะไรเพิ่มเติมเยอะเเยะเลย
ขอบคุณครับ
ขอบคุรที่เเนะนำค่ะ อาาาาา~ รู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันที ฮ่าๆ
สุดยอด จะลองเอาไปปรับใช้และพัฒนาตนเองค่ะ
ขอบคุณค่ะ
~~ขอบคุณนะคะ
นิยายที่แต่งอยู่ก็ใช้วิธีขยายพล็อตจากตัวเอกเหมือนกัน ><
แต่ตอนนี้พล็อตมันขยายไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดเลย แง้
ขอบคุณค่ะ ดีมากเลย จะนำไปปรับใช้นะคะ ^^
ขอบคุณมากๆค่ะเรื่องที่แล้วเขียนไปแบบงงเลยต้องโละใหม่หมด พอได้คำแนะนำแบบนี้ดีใจมากๆค่ะ เรื่องต่อไปจะได้แต่งแบบไม่งงอีก จะนำไปปรับใช้กับนิยายนะคะ คือที่จริงถ้าไม่เจอบทความนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะขึ้นพล๊อตยังไงนะเนี่ย555 จะพยายามนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ มีประโยชน์มากจริงๆ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
กำลังอยากลองเริ่มเขียนนิยายแต่ไม่รู้ว่าจะต่อเรื่องยังไง
พอมาเจอกระทู้นี้ช่วยได้มากๆเลยค่ะ
เรื่องนี้เป็นประโยชน์มากเลยค่ะสำหรับคนที่อยากแต่งนิยาย
มันใช่เลย กำลังแต่งนิยาย ก็เถียงกับตัวเอง ขอบคุณมากๆค่ะะะ><.>
สุดยอดเลยค่าาา จะเอาไปปรับเเละลองแต่งดูนะคะ
บันทึกปักหมุด+แชร์ แล้วเก็บกระทุ้นี้เขาคลังความรู้ทันที
ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำค่ะ
มันมีประโยชน์มากๆเลยค่ะจะเอาไปใช้ ไปลองทําดูค่ะ
มีเป็นหลักสมการเลย ไรท์เตอร์ทุกคนสู้ๆ
ขอบคุณกระทู็นี้สำหรับคำเเนะนำดีๆ เกี่ยวกับการเเต่งนิยายน่ะค่ะ แล้วจะนำไปใช้ค่ะ
ขอบคุนสำหรับคำแนะนำดีๆนะคะอ่านแล้วมีประโยชน์มากแล้วจะนำไปใช้นะคะ