5 เบื้องหลังโหดของนิทานยอดฮิตที่คุณอาจไม่เคยรู้!!


 

5 เบื้องหลังโหดของนิทานยอดฮิตที่คุณอาจไม่เคยรู้

 

สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ เชื่อว่าตอนน้องยังเป็นเด็ก คุณพ่อคุณแม่เคยเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนกันใช่มั้ยคะ? นิทานแต่ละเรื่องล้วนให้ข้อคิดสะกิดใจ แล้วแถมยังจบแบบแฮปปี้มีความสุขดีให้เรานอนหลับฝันดีกันด้วย แต่รู้อะไรไหมว่านิทานที่พวกเราอ่านๆ กันเนี่ย แท้จริงมันถูกดัดแปลงให้ดูสวยหรูต่างหากล่ะ งั้นมาดูเวอร์ชั่นแท้จริงกันเถอะ

นิทานกริมม์ได้ถูกตีพิมพ์ออกมาครั้งแรกเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงที่เยอรมันอยู่ในยุคการปฏิวัติวงการวรรณกรรมครั้งใหญ่ เลยทำให้มีการหยิบงานเขียนในอดีตขึ้นมากล่าวถึงอีกครั้ง ทำไมล่ะ? ก็เพราะว่านิทานเหล่านี้ถูกดัดแปลงเรื่องจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแถมยังถูกตัดเนื้อหาที่มีใจความไม่เหมาะสมออกไปอีกต่างหาก จนกลายเป็นนิทานที่ได้รับการตีพิมพ์ออกมาอย่างที่เรารู้จักจนถึงทุกวันนี้

ขอเตือนไว้ก่อนนะคะว่ามีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนอยู่บ้าง เพราะงั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะน้องๆ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มต้นกันที่เรื่องแรกแบบสบายๆ สมองกันดีกว่าค่ะ
 

เจ้าหญิงกับเมล็ดถั่ว (The Princess and the Pea)



นิทานเรื่องเจ้าหญิงกับเมล็ดถั่ว
 http://childhoodreading.com 

 

หลายคนอาจไม่คุ้นหูนิทานเรื่องนี้กันสักเท่าไร แต่ถ้าพูดชื่อคนเขียนก็คงต้องร้องอ๋อออกมาแน่นอนค่ะ เพราะเป็นคนเดียวกับที่แต่งเรื่องนางเงือกน้อยที่หลงรักเจ้าชายนั่นเองค่ะ และคนนั้นก็คือ... ฮันส์ คริสเตียน แอนดิสันค่ะ
 

เรื่องราวอันสวยหรู

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชายที่ตั้งใจจะแต่งงานกับเจ้าหญิงที่แท้จริงเท่านั้น แต่ตามหาเท่าไรก็ไม่เจอเลย หรือถ้าเจอก็มักจะเป็นเจ้าหญิงที่มีข้อบกพร่องทั้งสิ้น จนกระทั่งวันหนึ่งก็ปรากฏหญิงสาวหน้าปราสาทท่ามกลางคืนที่เกิดฝนฟ้าคะนองรุนแรง เธอบอกว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่หลงทางและต้องการจะค้างที่นี่สักคืน

พระราชินีผู้เป็นแม่ของเจ้าชายจึงต้องการทดสอบว่านี่เป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงหรือไม่ โดยวิธีการทดสอบก็ไม่มีอะไรมากเลย แค่รื้อที่นอนที่จะให้เจ้าหญิงพักแล้วนำเมล็ดถั่วขนาดจิ๋วไว้บนพื้นเตียง ก่อนจะนำฟูกวางซ้อนกันถึง 20 ชั้น และผ้านวมขนนกอีก 20 ผืน หากเจ้าหญิงรู้ว่ามีเมล็ดถั่วซ่อนอยู่จะถือว่าเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริง

เช้าวันต่อมาสาวใช้ก็ถามเจ้าหญิงว่าหลับสบายไหม เธอก็ตอบว่า “ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนเลย ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในเตียงทำให้หลังฉันช้ำไปหมด” เท่านั้นแหละทุกคนก็รู้เลยว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริง แล้วจากนั้นเจ้าชายก็แต่งงานกับเจ้าหญิงค่ะ
 

สิ่งที่ซ่อนอยู่ในต้นฉบับของฮันส์

ที่จริงแล้วมันเป็นนิทานที่สั้นมากๆ เลยนะคะ เราก็เลยไม่รู้ว่านักเขียนต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่ นอกจากที่ว่าเจ้าหญิงที่แท้จริงจะเป็นผู้ที่บอบบางและละเอียดอ่อนสุดๆ จนทำให้แผ่นหลังฟกช้ำเนื่องจากเมล็ดถั่วที่ว่านั่นเองค่ะ สำหรับนิทานเรื่องนี้ ได้มีการเปรียบเปรยว่าเจ้าชายนั้นต้องมีรสนิยมที่ซาดิสม์แน่ๆ เพราะถ้าไม่ซาดิสม์ก็คงไม่เลือกเจ้าหญิงที่บอบบางขนาดนี้ค่ะ ก็เข้าใจคิดดีนะคะ 
 

เจ้าชายกบ (The Frog Prince)

เรื่องราวอันสวยหรู

นิทานกริมม์ที่ถูกนำมารีเมคต่อเนื่อง อย่างที่เรารู้กันดีว่าตอนจบของนิทานเรื่องนี้คือการที่กบกลายเป็นเจ้าชายรูปงาม ทั้งหมดเกิดจากการที่เจ้าหญิงจุมพิตกบนั่นเองค่ะ แต่รู้อะไรไหมว่าแท้จริงแล้วเจ้าหญิงไม่ได้จุมพิตกบหรอก แต่ทำอย่างอื่นต่างหาก!!
 

เรื่องราวที่แท้จริงในต้นฉบับของพี่น้องตระกูลกริมม์

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเจ้าหญิงแสนสวยที่ออกเดินเล่นในสวนแล้วทำลูกบอลทองกลิ้งตกไปในสระ เธอเสียดายลูกบอลมากเลยคิดว่าจะทำอย่างไรดี ทันใดนั้นก็มีกบตัวหนึ่งที่กระโดดขึ้นมาจากน้ำและบอกว่า “ถ้าหม่อมฉันรับอาสาเอาลูกบอลทองขึ้นมาให้ เจ้าหญิงจะต้องรับหม่อมฉันไว้เป็นเพื่อนสนิท ให้นั่งคู่โต๊ะเสวย และนอนเคียงกับเจ้าหญิงได้ไหม” ด้วยความที่เธออยากได้ลูกบอลทองคืนก็เลยตอบตกลงแบบไม่คิด

หลังจากนั้นกบก็นำลูกบอลคืนให้เจ้าหล่อน พอตกเย็นเจ้ากบก็มาทวงคำสัญญาที่โต๊ะเสวยที่เจ้าหญิงนั่งอยู่ร่วมกับพระราชาและพระราชินี และเธอก็จำต้องทำตามคำสั่งของกบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการให้กบกินอาหารจานเดียวกับเธอ หรือให้กบนอนบนเตียงร่วมกับเธอ ด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์เจ้าหญิงก็ไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอปล่อยโฮออกมาดังๆ

ในตอนที่เธอโกรธจัดมากๆ ก็เลยหวี่ยงกบไปมุมห้องอย่างแรง! ทันใดนั้นกบน่าเกลียดก็กลายร่างเป็นเจ้าชายรูปงาม เจ้าหญิงตกหลุมรักทันที เขาบอกว่าตัวเขาถูกแม่มดสาปให้กลายเป็นกบ หลังจากนั้นทั้งสองก็แต่งงานกัน

อันนี้ไม่ค่อยโหดเท่าไรนะคะ แต่พี่น้ำผึ้งมองว่ามันเป็นการแสดงออกถึงความก้าวร้าวของเจ้าหญิงที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และยังป่าเถื่อนฆ่าสัตว์อีกด้วยนะคะ
 

เด็กหญิงผมทองกับหมีสามตัว (Goldilocks and the Three Bears)


 
 หมีสามตัวกำลังมุงดูเด็กหญิงผมทอง
เครดิตภาพ questgarden.com 

เรื่องราวอันสวยหรู

นิทานยอดฮิตที่เชื่อว่าน้องๆ คงต้องได้ข้อคิดหลังอ่านเลยว่าไม่ควรเข้าบ้านผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาต คือเรื่องราวมันเป็นอย่างนี้... หลังจากที่หมีสามตัวซึ่งเป็นพ่อ แม่ ลูกกลับมาบ้านแล้ว ก็พบกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นเช่น ชามข้าวต้มถูกกิน เก้าอี้ขาหัก และเมื่อเดินไปถึงห้องนอนก็ยิ่งตกใจเพราะเตียงมีรอยยับแสดงให้เห็นว่ามีคนแอบนอนอยู่ ลูกหมีเดินไปที่เตียงของตนแล้วพูดออกมาว่า “ดูสิ มีใครแอบมานอนบนเตียงหนูก็ไม่รู้” เลยทำให้สาวน้อยผมทองที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมา ครั้นพอเห็นหมีสามตัวอยู่ใกล้เตียงก็ตกใจมาก รีบกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งหนีออกไปจากบ้านหมีทั้งสามทันที นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ไม่กล้าเดินไปในเขตบ้านของหมีสามตัวอีกเลย
 

เรื่องราวที่แท้จริงในต้นฉบับของพี่น้องตระกูลกริมม์

จริงๆ แล้วหมีสามตัวไม่ได้ใจดีอย่างในนิทานที่เรารู้หรอกนะ เพราะว่าเมื่อหมีพบสาวน้อยผมทองบนเตียงก็ฉีกทึ้งร่างของเธอจนเละและแยกเป็นชิ้นส่วน เท่านั้นยังมาพอยังกินเธอเป็นอาหารเย็นอีกด้วยนะ น่ากลัวจริงๆ เลยค่ะ หรือว่านี่คือบทลงโทษที่แท้จริงของคนไม่มีมารยาท
 

ฮันเซลและเกรเทล (Hansel and Gretel)



สองพี่น้องฮันเซล เกรเทล
เครดิตภาพ : questgarden.com 

เรื่องราวอันสวยหรู

ฮันเซลและเกรเทลเป็นลูกของช่างตัดไม้ผู้ยากจน ภรรยาของช่างตัดไม้ (เป็นแม่เลี้ยง) เสนอว่าควรเอาเด็กๆ ไปปล่อยทิ้งในป่า โชคดีมากที่พวกเขาแอบได้ยินจึงเก็บก้อนกรวดเอาไว้ พอถึงวันที่พ่อพาพวกเขาปล่อยทิ้งไว้ในป่า ทั้งฮันเซลและเกรเทลก็โปรยก้อนกรวดตามทางจึงทำให้กลับบ้านได้

ต่อมาพ่อของพวกเขาก็นำสองพี่น้องไปปล่อยทิ้งไว้ในป่าอีกครั้ง และในครั้งที่สามแม่เลี้ยงขังเด็กไว้ในห้องแล้วทิ้งขนมปังไว้เท่านั้น คราวนี้ทั้งสองโรงขนมปังไว้ตามทางเพื่อเป็นสัญลักษณ์แต่ถูกนกกินหมด มันทำให้พวกเขาหาทางออกไม่ได้เลยหลงไปในป่า จนกระทั่งพวกเขาก็เดินลึกเข้าไปแล้วเจอกับบ้านขนมปังขิงที่มีบานหน้าต่างซึ่งทำมาจากน้ำตาล เด็กๆ ที่กำลังหิวและเหนื่อยเริ่มกินบ้านหลังนั้น

ในที่สุดหญิงชราซึ่งเป็นแม่มดชั่วร้ายได้โผล่หน้าออกมาและหลอกล่อให้พวกเขาเข้าไปเพื่อนำไปทำเป็นอาหาร เช้าวันรุ่งขึ้นแม่มดก็ขังฮันเซลไว้ในกรงเหล็กและให้อาหารสม่ำเสมอเพื่อให้เขาอ้วนขึ้น แต่โชคดีที่เขาเห็นกระดูในกรงจึงไม่ยอมกินอะไรและทำให้ตัวผอมแห้ง ส่วนเกรเทลก็กลายเป็นทาสรับใช้ ในที่สุดแม่มดก็เริ่มใจร้อนทนไม่ไหวจึงตัดสินใจจะกินฮันเซลในส่วนของไขมันและขาแทน

ขณะที่แม่มดหิวมากก็เลยคิดว่าจะกินเกรเทลด้วย เธอจึงสั่งให้เกรเทลเปิดเตาอบและนำฟืนมาเพิ่ม โชคดีที่เกรเทลฉลาดจึงออกอุบายว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่มดสั่ง แม่มดจึงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง จังหวะนั้นเองเกรเทลก็เลยผลักแม่มดเข้าไปในเตาอบแทน หล่อนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจนเธอตาย

หลังจากนั้นเกรเทลก็ช่วยฮันเซลออกจากกรง ทั้งคู่พบกับสมบัติมหาศาลก่อนจะนั่งหงส์ข้ามห้วงน้ำมาถึงบ้าน เมื่อไปถึงก็พบว่าแม่เลี้ยงของพวกเขาตายแล้ว ส่วนพ่อของพวกเขาก็ได้ใช้เวลาทุกวันไปกับการจมอยู่ในความเศร้าที่เด็กๆ จากไป ดังนั้นพ่อจึงดีใจมากที่เจอลูกอีกครั้ง รวมทั้งสมบัติที่ขโมยมาจากบ้านแม่มดนั้นก็ทำให้พวกเขาร่ำรวยค่ะ
 

เรื่องราวที่แท้จริงในต้นฉบับของพี่น้องตระกูลกริมม์

ในเวอร์ชั่นฝรั่งเศสนั้นกล่าวไว้ว่า เด็กทั้งสองได้จับแม่มดเชือดคอหอยอย่างรุนแรงในขณะที่เธอเผลอ ก่อนจะหลบหนีไป

แต่อันที่จริงก็มีเรื่องเล่ากันว่า แท้จริงแล้วเป็นคดีสมัยยุโรปที่ว่าในตอนนั้นมีสูตรทำขนมปังที่ขึ้นชื่อว่าลึกลับมาก และเจ้าของสูตรจะไม่ยอมเปิดเผยให้แก่คนนอกรับรู้ ดังนั้นถ้าอยากรู้สูตรขนมปังก็เลยต้องส่งเด็กเข้าไปล้วงข้อมูล ซึ่งเจ้าของสูตรเหล่านั้นส่วนมากแล้วมักจะเป็นหญิงแก่ใจดี และเมื่อเด็กทั้งสองถูกจับได้ หญิงแก่ก็ไม่ได้ฆ่าแถมยังรับเลี้ยงเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ดี ได้มีคนในหมู่บ้านเข้าไปช่วยเหลือและฆ่าหญิงแก่ แล้วหมกศพด้วยการเผา พวกเขาจึงสร้างนิทานเรื่องนี้เพื่อกลบเกลื่อนอาชญากรรมที่เกิดขึ้น
 

รัมเปลสติลล์สกิน (Rumpelstiltskin)



รัมเปลสติลล์สกินกับหญิงสาวผู้น่าสงสาร
เครดิตภาพ : 
etsy.com 

นิทานเรื่องนี้บางคนอาจไม่คุ้นหูเท่าไร แต่ถ้าใครได้ดูซีรีส์ชื่อดังจากเกาะอังกฤษอย่างเรื่อง Once Upon a Time เนี่ยก็คงต้องร้องอ๋อออกมาแน่ๆ เลย เพราะว่าเป็นถึงตัวละครหลักที่มีเบื้องหลังกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่องค่ะ
 

เรื่องราวอันสวยหรู

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกสาวเจ้าของโรงสีที่สามารถทำให้ฟางกลายเป็นทองได้ พอดีกับที่ข่าวเข้าหูพระราชาโลภมากเข้าเลยจับเธอมาขังไว้ที่หอคอย เท่านั้นยังไม่พอ ยังบอกให้เธอปั่นทองให้ได้จำนวนมากด้วย ซึ่งหญิงสาวทำไม่ได้เลยกลุ้มใจ ทันใดนั้นเองคนแคระก็ปรากฏ เขาเสนอจะช่วยให้เธอสมปรารถนา (ปั่นทองให้สำเร็จ) แต่ต้องยกบุตรคนแรกที่เธอคลอดให้เขา

หลังจากนั้นเธอก็ทำสำเร็จและได้แต่งงานกับพระราชาโลภมาก จนกระทั่งเธอคลอดบุตรคนแรก คนแคระก็เลยมารับเด็กตามตกลง ทว่าหญิงสาวกลับไม่ทำตามสัญญา คนแคระก็เลยเพิ่มข้อแลกเปลี่ยนให้ว่าถ้าทายชื่อเขาถูกภายใน 3 วันจะไม่นำลูกไป เธอเดาชื่อคนแคระไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง 2 วันผ่านไปก็ไม่ถูกสักที โชคดีของเธอที่มีคนไปได้ยินคนแคระร้องเพลงที่บอกชื่อของตนเองว่า “รัมเปลสติลล์สกิน” คนนั้นก็เลยนำไปบอกหญิงสาว และสุดท้ายคนแคระก็ไม่ได้เด็กไป 
 

เรื่องราวที่แท้จริงในต้นฉบับของพี่น้องตระกูลกริมม์

แท้จริงแล้วเวอร์ชั่นเดิมนั้น หญิงสาวไม่สามารถหาชื่อที่แท้จริงของคนแคระได้ เธอก็เลยเอาลูกคนอื่นมามอบให้แทน พอคนแคระจับได้ก็เลยวิ่งไปจับลูกคนแรกของหญิงสาวรวมทั้งตัวเธอเอง และกระทืบจนขาคนแคระจมดิน แล้วแถมยังกระชากขาและแขนของลูกและเธอจนฉีกขาด เหล่าทหารองค์รักษ์จึงรีบมาเอาตัวคนแคระออกไป ทว่ากลับไม่ทันเพราะเด็กสาวและลูกของเธอนั้นตายแล้ว แหม... กว่าทหารจะมาช่วยนี่เล่นเอาซะตายเลยนะคะ น่าเศร้าจริงๆ T^T
 

จบไปแล้วนะคะสำหรับนิทานก่อนนอนของพวกเรา เป็นยังไงบ้างคะเวอร์ชั่นแท้จริง อึ้งกันล่ะสิ! และครั้งหน้าน้องๆ จะตกตะลึงมากกว่านี้ เพราะเราจะมาอ่านเบื้องหลังของเทพนิยายฝันหวานที่ดิสนีย์สร้างขึ้นกันดีกว่าค่ะ เรียกได้ว่าถ้าเผลออ่านไปอาจจะนอนไม่หลับเลยก็ได้ ยังไงก็อย่าลืมติดตามอ่านกันน้า :D
 


พี่น้ำผึ้ง :)

 
ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Tatakai Kiyoshi Member 9 มี.ค. 59 18:47 น. 1

นิทานกริมส์ขึ้นชื่อเรื่องความโหดอยู่แล้ว แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สันจะแต่งเรื่องเเบบนี้...

ตกใจตกใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

10 ความคิดเห็น

Tatakai Kiyoshi Member 9 มี.ค. 59 18:47 น. 1

นิทานกริมส์ขึ้นชื่อเรื่องความโหดอยู่แล้ว แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สันจะแต่งเรื่องเเบบนี้...

ตกใจตกใจ

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Z555 Member 11 มี.ค. 59 09:37 น. 4

นิทานกริมม์เป็นอะไรที่โหดอยู่แล้ว ชอบมากๆ โดยเฉพาะฉันเซลกับเกรเทลเพราะเราชอบเด็ก(...) แต่พึ่งจะรู้เบื้องหลังว่าเป็นนิทานที่แต่งไว้กลบเกลื่อนอาชญากรรม... OMG!! หวาา

0
กำลังโหลด
Panidaporn Tadpai Member 11 มี.ค. 59 10:08 น. 5

แต่ละเรื่อง สุดจะของนิทานเลย ตอนเด็กก็เพ้อมโน นิทานเรื่องนี้ดูน่ารักจัง พอโตมาแล้วรู้เบื้องหลังนี่...ชัดเลย โหดสลัดรัสเซียนี่เอง อ๊าก

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ขวัญฝน Member 20 เม.ย. 59 19:57 น. 10

ตรงเจ้าหญิงกับเมล็ดถั่วน่ะ คิดมาเสมอว่าพี่แกต้องการสื่ออะไร ถ้าผู้หญิงอ่อนแอขนาดนั้นในความเป็นจริงจะช่วยอะไรสามีได้เนี่ย!

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด