10 สถานที่จริงสุดอัศจรรย์ สวยเหมือนหลุดออกมาจากนิยาย!


10 สถานที่จริงที่สวยสุดๆ
เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย 


สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ เชื่อว่าทุกคนในที่นี่ก็คงชอบสถานที่ที่สวยๆ งามๆ แล้วก็มหัศจรรย์ใช่มั้ยคะ ถ้าน้องๆ ตอบว่าใช่ แปลว่าน้องๆ ต้องห้ามพลาดเรื่องราวที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากเลยน้า ^^ โดยเฉพาะบรรดาสาวกนิยายแฟนตาซียิ่งห้ามพลาด ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะสถานที่เหล่านี้เนี่ยมันน่าทึ่งจนน้องๆ ต้องอยากให้อยู่ในนิยายของเราแน่ๆ เผื่อใครอ่านบทความพี่จบแล้วจะได้ได้ไอเดียไปสร้างฉากในนิยายค่ะ ว่าแล้วก็มาดูเลย
 


 

1 Zhangye Danxia Landform 
ภูเขาสีรุ้ง ประเทศจีน


ทิวทัศน์มหัศจรรย์ราวกับผ่าน Photoshop อย่างที่น้องๆ เห็นอยู่นี้เป็นของจริงนะคะ เทือกเขาแห่งนี้อยู่ในเมืองจางเย่ (Zhangye) มณฑลกันซู่ (Gansu) ประเทศจีน มีชื่อว่า “เขาสายรุ้งตันเซี๋ย” (Danxia Landfrom) แนวเขาที่มีลวดลายหลากหลายสีสันนี้เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อ 24 ล้านปีก่อน หรือยุคครีเทเชียสนั่นเองค่ะ เจ้าสิ่งมหัศจรรย์นี้ถูกลมและฝนกัดเซาะตามแนวเขานานนับพันๆ ปีจนกลายเป็นภูมิประเทศกว้างใหญ่ไพศาลและมีสีสันอย่างที่เห็นทุกวันนี้
 


 


 


 

น้องๆ รู้ไหมคะว่านอกจากนี้แล้ว เจ้าเขาสายรุ้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เมื่อปี 2010 ด้วยค่ะ และปัจจุบันนี้ก็ได้กลายเป็นอุทยานธรณีวิทยาแห่งชาติแล้วด้วย ทำให้การเดินทางไปชื่นชมความสวยงามของเขาสายรุ้งนั้นง่ายขึ้นค่ะ ว่ากันว่าทิวทัศน์ช่วงพระอาทิตย์ตกดินของที่นี่สวยงามที่สุดค่ะ โดยเฉพาะวันก่อนหน้าฝนตกหนึ่งวันจะยิ่งสวยมากเป็นพิเศษค่ะ

 



 

2 Batu Caves 
วัดถ้ำภูเขา ประเทศมาเลเซีย


ถ้าพูดถึงวัดถ้ำที่ตั้งอยู่กลางป่าลึกคงต้องนึกถึงนิยายแนวแฟนตาซีผจญภัย ทางเข้าถ้ำที่สูงตระหง่านถูกปกคลุมด้วยหญ้ารกๆ จนสูงเกือบปิดมิดปากถ้ำ รอคอยเหล่าผู้กล้าที่จะบุกเข้าไปตามหาสมบัติด้านในที่ไม่รู้ว่าหากเข้าไปแล้ว ตัวเองจะมีโอกาสรอดกลับมาสู่โลกภายนอกหรือเปล่า
 


 

เกริ่นมาซะน่าหวาดเสียวเลย แต่แหม ที่ๆ พี่จะพาไปเป็นแห่งที่สองก็ไม่ได้น่ากลัวซะขนาดนั้นนะคะ ไม่ได้มีปีศาจร้ายคอยคร่าชีวิตเหล่าผู้กล้าค่ะ แต่มีบางสิ่งที่เป็นความเชื่อทางศาสนาฮินดูนั่นเอง

หากน้องๆ ไปเยือนกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงแห่งประเทศมาเลเซียแล้วไม่ได้ไปเหยียบ ถ้ำบาตู อันเป็นสัญลักษณ์ของรัฐสลังงอร์แล้วนั้น ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าน้องมาถึง KL แล้วค่ะ 
 


 

ถ้ำหินปูนแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามถ้ำหลักซึ่งใช้เป็นวัดและศาลฮินดู ไฮไลท์ของที่นี่คือรูปปั้นเทพ พระขันธกุมาร’ ของศาสนาฮินดูที่สูงถึง 42.7 เมตร เรียกว่าใหญ่โตเลยจริงๆ ค่ะ และทางด้านหลังของรูปปั้นก็มีบันไดทางขึ้นถ้ำอีก 272 ขั้น หากน้องๆ ขึ้นไป นอกจากจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองได้ชัดเจน ยังได้ชมรูปปั้นและภาพวาดของเทพเจ้าในศาสนาฮินดูด้วยแหละค่ะ


 



 

3 Waitomo Glowworm Caves
ถ้ำหนอนเรืองแสง ประเทศนิวซีแลนด์


ลองจินตนาการดูว่าถ้าหากน้องๆ ได้ล่องเรือไปกับคนที่น้องรักผ่านอุโมงค์มืด แต่รอบๆ โอบล้อมด้วยแสงสีฟ้าระยิบระยับและหินย้อยอันสวยงามคงจะดูโรแมนติกไม่น้อยนะคะ เหมือนในนิยายหลายๆ เรื่องเลย ถ้าน้องๆ ฝันถึงเรื่องราวเหล่านั้น พี่น้ำผึ้งขอแนะนำให้น้องๆ เดินทางไปเยือนนิวซีแลนด์เลย
 


 

ถ้ำหนอนเรืองแสงนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นถ้ำเรืองแสงที่สวยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ มันมีอยู่จริงบนเกาะเหนือ ทางตอนใต้ของเมืองไวกาโต ประเทศนิวซีแลนด์ค่ะ ถ้ำสุดวิเศษนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดยชาวอังกฤษและชาวมารีในปี 1887 ปัจจุบันมีผู้คนหลั่งไหลมาเยือนมากถึงปีละ 4 แสนคนเลยทีเดียว
 


 

ภายในถ้ำมีจะมี ถ้ำย่อยด้วยกันคือ Ruakuri Cave, Aranui Cave และ Gardner’s Gut Cave มีทั้งหินงอก หินย้อยและหนอนเรืองแสงมากกว่าล้านตัว สร้างความสวยงามราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวยามราตรี
 


 


 


 

แล้วอะไรคือหนอนเรืองแสงล่ะ? เจ้าหนอนเรืองแสงนั้นมันคือแมลงตัวจิ๋วที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Arachnocampa luminosa มีลักษณะคล้ายยุง โดยไอ้เจ้าแมลงชนิดนี้เนี่ยจะเรืองแสงตลอดช่วงชีวิตของมัน คือตั้งแต่ตัวอ่อน ดักแด้ ไปจนถึงตัวเต็มวัยเลยค่ะ

 สำหรับการเข้าชมหนอนเรืองแสงภายในถ้ำแห่งนี้ จะมีเป็นรอบทุกๆ ครึ่งชั่วโมงค่ะ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 -17.00 น. โดยนักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมความมหัศจรรย์ของมันประมาณ 45 นาทีนะคะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าสุดๆ เลยค่ะ


 



 

4 Baobab Avenue
ถนนเบาบับ ประเทศมาดากัสการ์


ถ้าพูดถึงต้นไม้รูปร่างประหลาดๆ คงหนีไม่พ้นต้นไม้ที่มีแหล่งกำเนิดบนเกาะมาดากัสการ์แน่นอน หลายคนอาจคุ้นเคยรูปร่างของต้นไม้นี้จากในภาพยนตร์เรื่อง The Lion King ที่สการ์ใช้เป็นบ้าน หรือจากในหนังสือเรื่องเจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) ที่กล่าวถึงต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ใหญ่เกินกว่าจะอยู่บนดาวดวงน้อยของเจ้าชายน้อยได้ และต้นไม้ที่พี่กำลังพูดถึงอยู่นี้คือ “ต้นเบาบับ” นั่นเองค่ะ โดยบนเกาะมาดากัสการ์นี่นะคะ ถึงขั้นมีถนนต้นเบาบับเลยทีเดียว
 


 

ต้นไม้นี้มหัศจรรย์มากๆ เลยนะคะ เพราะมันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในพื้นที่แห้งแล้ง เพราะมีแหล่งเก็บน้ำอยู่ที่บริเวณกลางลำต้นขนาดใหญ่ เวลาที่มันผลัดใบจนหมดเหลือแต่กิ่งก้านจะเหมือนกับรากไม้ชี้ขึ้นฟ้า บางครั้งก็เรียก ต้นไม้กลับหัว
 


 

ความมหัศจรรย์ของต้นเบาบับยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะมันยังเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลกถึง 6,000 ปี เลยทำให้มันมีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก และติดอันดับต้นๆ ของต้นไม้ที่มีลำต้นอ้วนที่สุดในโลกด้วยค่ะ


 



 

5 The Dark Hedges
อุโมงค์ต้นบีช ประเทศไอร์แลนด์


ดูเหมือนว่าต้นไม้สองแถวนี้ยืนตรงซะนานคงเบื่อ ก็เลยโน้มตัวมาหากันซะเลย จนเกิดเป็นอุโมงค์สวยๆ ที่ราวกับว่าได้เข้ามาอยู่ในเทพนิยาย ทั้งหมดคือต้นบีชที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ทอดแนวยาวไปตามถนนเบอเกจห์ ในเมืองอาร์มอย ประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งไอ้เจ้าต้นบีชเหล่านี้เนี่ยถูกปลูกขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่สิบแปดแล้ว โดยครอบครัวสจ๊วตผู้เป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้น มีจุดประสงค์ก็เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่คนที่จะเดินทางไปยังบ้านของพวกเขานั่นเองค่ะ
 


 


 

หลายคนอาจจะแอบคุ้นๆ ถนนสายนี้ ด้วยความที่ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนที่สวยอันดับต้นๆ ในโลก มันก็เลยได้กลายมาเป็นฉากในซีรีส์ยอดฮิตอย่าง Game of Thrones ค่ะ

 


 

6 Kawachi Fuji Garden 
สวนสวรรค์ดอกวิสทีเรีย ประเทศญี่ปุ่น


ถ้าน้องๆ คนไหนที่กำลังเขียนนิยายแล้วหาสถานที่บอกรักระหว่างพระ-นางไม่ได้แล้วล่ะก็ พี่น้ำผึ้งขอแนะนำ อุโมงค์ดอกวิสทีเรีย’ ให้น้องๆ ไปใช้เป็นโลเคชั่นเลยค่ะ ทุกช่วงปลายเดือนเมษายน-กลางเดือนพฤษภาคมในเมืองคิตะคิวชู จะเป็นช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่งมากที่สุด ถ้าดูจากรูปแล้วล่ะก็... สวยงามมากๆ เลยนะคะ
 


 


 

การที่เจ้าดอกวิสทีเรียที่ทิ้งกิ่งก้านพร้อมดอกของมันไล่เฉดสีตั้งแต่ ม่วงเข้ม ม่วงอ่อน ขาวและชมพู ปกคลุมทางเดินเป็นอุโมงค์นั้นทำให้เรารู้สึกราวกับตกอยุ่ในเทพนิยายฟรุ้งฟริ้งเลยที่เดียว เรียกได้ว่าสวยงามอลังการเลยแหละค่ะ
 


 

ส่วนเรื่องค่าเข้าชมก็แตกต่างกันตามช่วงที่ไปค่ะ ราคาจะอยู่ประมาณ 500-1,000 เยน โดยไอ้เจ้าสถานที่นี้เนี่ยเปิดปีละ ครั้งดังนี้ค่ะ

  • ฤดูชมดอกวิสทีเรีย (กลางเดือนเมษายน ถึงกลางเดือนพฤษภาคม) 9.00 -18.00 น.
  • ฤดูชมใบไม้เปลี่ยนสี (กลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม) 9.00-18.00 น.


     


 

7 Sea of Stars
ทะเลดวงดาว เกาะวูดูห์ หมู่เกาะมัลดีฟท์


ครั้งก่อนก็ได้รู้จักถ้ำหนอนเรืองแสงไปแล้ว ครั้งนี้ก็มารู้จักกับทะเลสุดพิเศษที่เหมือนกับในภาพยนตร์เรื่อง Pirates of the Caribbean กันเถอะค่ะ โดยไอ้เจ้าความมหัศจรรย์แห่งท้องทะเลยามค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยแสงระยิบสีน้ำเงินตามแนวชายหาดบนเกาะวูดูห์ค่ะ
 


 

ถ้าแสงของถ้ำหนอนเรืองแสงเกิดจากแมลงแล้วนั้น แสงแห่งทะเลดวงดาวก็คงเกิดเพราะแพลงก์ตอนพืชหรือ Bioluminescent Dinoflagellates กว่า 720,000 เซลล์นั่นเองค่ะ
 


 

เจ้าพวกนี้เนี่ยมีกระบวนการทำงานที่แปลกประหลาดมากเลยนะคะ เพราะมันสะสมพลังงานจากแสงอาทิตย์เอาไว้ในตอนกลางวัน และปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมาในตอนกลางคืน ดังนั้นเมื่อมีการสั่นสะเทือนของน้ำจึงทำให้เกิดแสงสีฟ้าเขียวสวยงามอย่างที่เห็นนั่นเองค่ะ นับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้โลกเราเลยนะคะ


 



 

8 Zhangjiajie National Forest Park
จางเจียเจี้ย ประเทศจีน
 


หากน้องๆ ยังจำโลเคชั่นต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นฉากใหญ่ในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องกังฟูแพนด้า ฐานทัพแพนโดร่าในภาพยนตร์อวตาร หรือแม้กระทั่งเขต Thousand Needles ในเกม World of Warcraft ก็จะพบว่ามันเหมือนกับที่อุทยานจางจางเจี้ยเหลือเกิน 

อุทยานจางเจียเจี้ยเป็นหนึ่งในมรดกโลกธรรมชาติที่มีเนื้อที่กว่า 369 ตารางกิโลเมตร เราสามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าสู่ยอดเขาสูงที่สุดอย่าง “เขาสิงโตเหลือง” ระหว่างการนั่งกระเช้าจะได้เห็นแท่งหินสูงมากมายและวิวทิวทัศน์
 


 


 

นอกจากนี้นะคะเราต้องใช้ลิฟต์แก้วไป่หลงที่สูงประมาณ 326 เมตรขึ้นไปยังจุดชมวิว “สวนนายพลเฮ่อหลง” ค่ะ โอ้โห เรียกได้ว่าสูงจริงๆ เลยนะคะ วิวข้างบนต้องสวยมากแน่นอน

ยังค่ะ ยังไม่หมด เพราะความพีคมันอยู่ตรงที่ว่าภายในอุทยานยังมีสะพานเทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว ที่เชื่อมระหว่างเขาสองลูกด้วยพื้นสะพานที่เป็นแก้วค่ะ! เรียกได้ว่างานนี้เดินไปเสียวไส้ไปแน่นอน!! 





 

9 Neeschwanstein Castle
ปราสาทนอยชวานสไตน์ ประเทศเยอรมนี
 


ถ้าพูดถึงต้นแบบของปราสาทในเทพนิยายของดิสนีย์แล้วนั้น คงหนีไม่พ้นปราสาทหินหงส์ใหม่แห่งนี้แน่นอน (อย่าเพิ่งตกใจนะคะว่าทำไมพี่น้ำผึ้งจึงตั้งชื่อใหม่ให้ เดี๋ยวจะมาอธิบายทีหลังน้า) ด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์และทะเลสาบด้านล่างจึงทำให้ปราสาทนี้มีความมหัศจรรย์ค่ะ


 

ด้วยความที่พี่ศึกษาภาษาเยอรมันเป็นทุนเลยทำให้ตั้งชื่อใหม่ขึ้นมา เหตุที่พี่เรียกว่าปราสาทหินหงส์ใหม่เพราะคำว่า Neuschwanstein เนี่ยมันเกิดจากคำ คำรวมกันดังนี้ค่ะ Neu = New = ใหม่, Schwan = Swan = หงส์ และ Stein = Stone = หิน ดังนั้นเมื่อรวมกันจึงกลายเป็น New Swan Stone Castle นั่นเอง แฮะๆ แต่น้องๆ อย่าเที่ยวไปอ่านว่า นอยชไวน์สไตน์ (Neuschweinstein) เชียวนะคะ ไม่อย่างนั้นจาก “หงส์” จะกลายเป็น “หมู” เลยล่ะ T__T เพราะ Schwein (n.) แปลว่า หมู นะคะ
 


 

เอาล่ะ ออกนอกทะเลไปซะไกลเลย รีบกลับมาดีกว่า น้องๆ รู้ไหมคะว่าปราสาทที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งแค้วนบาราเวียในปี 1886 ผู้ที่ออกแบบปราสาทแห่งนี้ไม่ใช่สถาปนิกที่ไหน แต่เป็นคนออกแบบฉากละครนั่นเอง! มิน่าล่ะ นอยชวานสไตน์ถึงได้เหมือนปราสาทในเทพนิยายซะเหลือเกิน
 


 

น่าเสียดายนะคะที่ปราสาทนอยชวานสไตน์สร้างเสร็จไปแค่ ใน ของแผนที่วางไว้ค่ะ นั่นก็เพราะพระเจ้าลุดวิกที่ สิ้นพระชนม์ไปก่อน เชื้อสายของพระองค์ก็เลยเปิดให้ประชาชนได้เข้าไปชื่นชมภายในได้บางส่วน ด้วยการเก็บค่าเข้าชมเพื่อเป็นค่าทะนุบำรุงและซ่อมแซมปราสาทค่ะ หากน้องๆ จะไปเยือนปราสาทนอยชวานสไตน์ พี่น้ำผึ้งแนะนำให้ไปช่วงฤดูใบไม้ผลิค่ะ เพราะมันจะสวยมากๆ เลย ^^





 

10 Cueva de los Cristales
ถ้ำคริสตัลยักษ์ ประเทศแม็กซิโก


ถ้าน้องๆ กำลังมองหาข้อมูลเพื่อไปเขียนนิยายแนวไซไฟ-แฟนตาซีแล้วล่ะก็ น้องๆ อาจจะต้องการถ้ำนี้ให้เป็นหนึ่งในสถานที่ในนิยายเราก็ได้นะคะ เพราะมันคือ ใน ถ้ำที่สวยที่สุดในโลก 

เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่ผลึกแร่ธรรมชาติเหล่านี้อยู่ในถ้ำใต้ดินที่ลึกถึง 300 เมตร มันประกอบไปด้วยยิปซัมโปร่งใส และความพีคอยู่ตรงที่ว่าไม่มีใครสามารถทนอยู่ในนี้ได้นานเกินหนึ่งชั่วโมงค่ะทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าผลึกแร่นี้เกิดจากของไหลที่มาจากกระเปาะหินหนืดแมกมาที่อยู่ข้างใต้นั่นเองค่ะ
 


 

ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยคนงานเหมืองแร่เมื่อปี พ.ศ. 2543  ผลึกแร่มีความยาวถึง 12 เมตรและหนักมากกว่า 55 ตัน ด้วยอุณหภูมิที่สูงถึง 50 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสูงสุด 100เลยทำให้คนไม่สามารถอยู่ในถ้ำเกินกว่า 15 นาทีค่ะ ไม่งั้นอาจจะม่องเท่งเลยก็ได้นะคะ แต่เอ... พี่น้ำผึ้งก็แอบคิดนะว่าบางทีเจ้าถ้ำแห่งนี้อาจจะเป็นบ้านของซุปเปอร์แมนก็ได้นะ!
 

เอาล่ะค่ะ ก็จบไปแล้วนะคะสำหรับสถานที่สุดแฟนตาซีที่พี่นำมาฝากน้องๆ หวังว่าชาวเด็กดีคงจะได้ไอเดียเด็ดๆ ไปเขียนนิยายไม่มากก็น้อยเนอะ หากหยิบยกสถานที่เหล่าไหนไปเป็นโลเคชั่นก็อย่าลืมมาบอกเล่าให้พี่ฟังด้วยน้า

สำหรับพี่น้ำผึ้งแล้วล่ะก็ พี่ชอบไอเดียที่จางจางเจี้ยมากๆ เลยค่ะกับไอ้เจ้าสะพานแก้ว อยากจะเขียนนิยายให้พระเอกนางเอกไปเดินกุ๊กกิ๊กบนนั้น เรียกได้ว่ามันอาจจะเป็นวิธีทดสอบความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เลยก็ได้นะคะ อารมณ์แบบนางเอกเดินไม่ไหวแล้ว น่ากลัวเกินไป ทีนี้ล่ะ... พระเอกเราก็ต้องอุ้มข้ามไปให้ได้ โอ้โห โรแมนติกสุดๆ ไปเลย แล้วของน้องๆ ล่ะคะเป็นยังไง? อย่าลืมมาเล่าให้พี่ฟังน้า สำหรับครั้งหน้าจะเป็นอะไรนั้น รอติดตามค่ะ ^^


 
พี่น้ำผึ้ง :)

 
Deep Sound แสดงความรู้สึก


 

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

9 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
immienmk27 Member 25 พ.ย. 59 02:57 น. 5

บ้านของสการ์ หรือราฟิกิ(ลิง) คะ

สงสัยสงสัยสงสัยสงสัย

// ได้ข่าวว่าสัตว์ที่อาศัยบนต้นไม้ในเรื่องเดอะไลออนคิงมีเพียงเจ้าราฟิกิเท่านั้น ส่วนพวกทีโมนกับพุมบ้าก็นอนตรงโคนต้นไม้เท่านั้น

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kanpitcha123456 Member 23 มี.ค. 60 12:56 น. 9

ชอบมากเลยค่าาา ยิ่งทะเลดวงดาวกับถํ้าหนอนเรืองแสงนะ อือหือ อย่างกะเดินอยู่บนทางช้างเผือกแน่ะ 555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด