5 นิยายอินโดน่าอ่านหนักมาก ส่งตรงจากประเทศเพื่อนบ้าน!

5 นิยายอินโด ส่งตรงจากประเทศเพื่อนบ้าน!


สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ มาพบกับพี่น้ำผึ้งอีกแล้วนะคะ คิดถึงน้องๆ จังเลย เดือนที่แล้วพี่แนะนำหนังสือน่าอ่านจากประเทศเยอรมนีไปในบทความ 5 หนังสือน่าอ่านจากดินแดนแห่งเบียร์ไหนใครไปหามาอ่านแล้วบ้าง โอ้โห เต็มเลย และในวันนี้พี่ก็มาพร้อมกับหนังสือน่าอ่านจากประเทศในอาเซียนค่ะ
 

เนื่องจากพี่เพิ่งกลับจากการไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ประเทศอินโดนีเซียตามทุนที่มหาวิทยาลัยมอบให้ ซึ่งพี่ก็ยังคงรู้สึกประทับใจในวัฒนธรรม ภาษา ผู้คน และบ้านเมืองของเขาค่ะ และเพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้สึกนั้นให้กับน้องๆ ชาวเด็กดี วันนี้พี่ก็เลยนำหนังสือ 5 เรื่องน่าอ่านจากประเทศอินโดนีเซียมาฝาก เผื่อน้องๆ จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมเพื่อนบ้านอาเซียนจากวรรณกรรมต่างๆ เหล่านี้ค่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย ^^

 

รวมเรื่องสั้นของมอคตาร์ ลูบิส



 

Kuli Kontrak เขียนโดย Mochtar Lubis
ชื่อภาษาไทย รวมเรื่องสั้นของมอคตาร์ ลูบิส
สำนักพิมพ์ โครงการแปลวรรณกรรมเพื่อนบ้าน มูลนิธิเสถียรโกเศศ นาคะประทีป
 

เรื่องย่อ

มอคตาร์ ลูบิส เป็นนักเขียนที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ ทางด้านหนังสือพิมพ์และวรรณกรรมในปี พ.ศ. 2509 เจ้าของผลงานการประพันธ์หลายเล่มเช่น Jalan Tak Ada Ujing (ถนนที่ไร้จุดหมาย), Tak Ada Esok (ไม่มีวันพรุ่งนี้), Senja Di Jarkarta (จาการ์ตายามสนธยา-แปลเป็นภาษาไทยแล้ว เมื่อปี 2514) ซึ่งรวมเรื่องสั้นของมอคตาร์ ลูบิส นั้นรวบรวมเรื่องสั้นจำนวน 16 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับการเมือง, ชีวิตในอินโด, ศาสนาอิสลาม, เสียดสีสังคม และความรัก
 



หนังสือเวอร์ชั่นภาษาไทยค่ะ
 

ทำไมถึงควรอ่าน?

นักเขียนอาวุโสชาวอินโดนีเซียคนนี้เป็นทั้งนักหนังสือพิมพ์และนักเขียน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในกลุ่มประเทศอาเซียน เขาเคยเป็นผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์อินโดนีเซีย รายา ในปี พ.ศ. 2494 ก่อนจะถูกประธานาธิบดีซูการ์โนจับคุมขังนานถึง 9 ปี

โดยงานเขียนของมอคตาร์จะเป็นแนวสะท้อนสังคมในอินโดนีเซีย เน้นถึงเชิงการเมืองเป็นหลักค่ะ ขึ้นชื่อว่าได้รับรางวัลแมกไซไซแล้วนั้น พี่น้ำผึ้งว่าน้องๆ ควรหามาอ่านเลยนะคะ แล้วน้องๆ จะเข้าใจวัฒนธรรมเพื่อนบ้านมากขึ้น

 

เสือ




 
Harimau! Harimau! เขียนโดย Mochtar Lubis

ชื่อภาษาไทย เสือ
 

เรื่องย่อ

ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินทางเข้าไปหาไม้ในป่าลึกด้วยกัน 7 คน หลังจากที่ฟันฝ่าอุปสรรคในป่าแล้วนั้น ระหว่างกลับหมู่บ้านก็เจอกับเสือร้านที่คร่าชีวิตคณะเดินทางไปทีละคน พวกเขาต้องหาวิธีที่จะเอาชนะ “เสือร้าย” ให้ได้
 



หนังสือเรื่องเสือ ฉบับภาษาไทย

ทำไมถึงควรอ่าน?

คำว่า “ฮารีเมา” เป็นภาษาอินโดนีเซีย หมายถึง “เสือ” นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมเรื่องนี้ถึงมีเสือมาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากน้องๆ ได้มีโอกาสอ่านนิยายเรื่องนี้แล้วนั้น น้องๆ จะพบว่า เสือ ในที่นี้อาจไม่ได้หมายถึงเสือที่เป็นสัตว์ แต่เสืออาจเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่มีอันตรายและมีความน่ากลัวที่ผู้เขียนได้สร้างขึ้นในเรื่อง ซึ่งในที่นี้พี่ว่าหมายถึง... คนค่ะ

เหตุที่พี่พูดอย่างนี้นั่นก็เพราะตัวละครในเรื่องทุกตัวล้วนแล้วแต่ซ่อนปูมหลังและการกระทำอันเน่าเฟะของตนเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ เปิดเผยออกมาเพราะความหวาดกลัว

ในเรื่องนี้ผู้อ่านได้แฝงคำถามไว้ให้เราถามตัวเองไว้ว่า เสือร้ายจริงๆ แล้วคือเสื่อในป่า หรือเสือที่เป็นสัญชาตญาณในใจของคนกันแน่?
 

และสำหรับนวนิยาย 3 เรื่องสุดท้ายของวันนี้ที่พี่จะแนะนำนั้นเป็นเซ็ตเดียวกันค่ะ เรียกว่าชุดจตุรภาคเกาะบูรู พี่ก็เลยขออนุญาตจับมันมามัดรวมกันแล้วแนะนำซะเลย :D
 

แผ่นดินของชีวิต



 
Bumi Manusia เขียนโดย โดย Pramoedya Ananta Toer
ชื่อภาษาอังกฤษ This Earth of Mankind
ชื่อภาษาไทย แผ่นดินของชีวิต 
สำนักพิมพ์คบไฟ
 

เรื่องย่อ

นวนิยายเล่มแรกจากผลงานเขียนในคุกที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ หนึ่งในนิยายจตุรภาคชุด Tetralogi Buru เรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ของเด็กหนุ่มนามว่ามิงเกในยุคที่อินโดนีเซียถูกล่าอาณานิคม ในเล่มนี้จะเน้นเกี่ยวกับความรัก การกดขี่ การตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง และการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชนจากลัทธิล่าอาณานิคมสมัยใหม่

 

รอยย่างก้าว




 
Jejak langkah เขียนโดย โดย Pramoedya Ananta Toer
ชื่อภาษาอังกฤษ Footsteps
ชื่อภาษาไทย รอยย่างก้าว 
สำนักพิมพ์คบไฟ
 

เรื่องย่อ

ภาคต่อของแผ่นดินของชีวิต คราวนี้มิงเกเติบโตขึ้น ภรรยาของเขาตกเป็นเหยื่อความไร้มนุษยธรรมของระบบอาณานิคม คราวนี้มิงเกจึงต้องการเปลี่ยนแปลงโลก ไม่ใช่เพื่อตัวเขา... แต่เพื่อคนทุกชนชาติบนหมู่เกาะอินดีส

 

ผู้สืบทอด





 
Anak semua bangsa เขียนโดย โดย Pramoedya Ananta Toer
ชื่อภาษาอังกฤษ Child of All Nations
ชื่อภาษาไทย ผู้สืบทอด
สำนักพิมพ์คบไฟ
 

เรื่องย่อ

นิยายเล่มที่สามอันเป็นภาคต่อของแผ่นดินของชีวิตและรอยย่างก้าว มิงเกดิ้นรนที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในยุคล่าอาณานิคม คราวนี้เขาถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจและเกิดเรื่องราวแย่ๆ ขึ้นกับคนที่เขารัก

 



โฉมหน้าหนังสือชุดจตุรภาคเกาะบูรู ฉบับภาษาอังกฤษ
 

ทำไมถึงควรอ่านนวนิยายชุดนี้?

จริงๆ แล้วนิยายจตุรภาคเกาะบูรู (Tetralogi Buru) นี้ประกอบด้วยสี่เล่มด้วยกัน แต่มีแปลเป็นภาษาไทยเพียงแค่ 3 เล่มเท่านั้น โดยเล่มที่สี่มีชื่อว่า Rumah Kaca ผลงานชุดนี้เป็นของปรามูเดีย อนันตา ตูร์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยสอนประวัติศาสตร์และวรรณคดีอินโดนีเซีย ก่อนที่เขาจะถูกกุมขังเพราะเข้าร่วมขบวนการต่อต้านการเมืองในปี พ.ศ. 2490-2492 และที่นั่นเองเขาได้เริ่มเขียนนวนิยายชุดนี้

บิดาของเขาเป็นนักชาตินิยม ขณะที่มารดาเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี หลังจากปรามูเดียถูกจับกุมขังยาวนานถึง 4 ปี รัฐบาลดัชท์ก็ปล่อยตัวออกมา แต่เขาก็ถูกจับอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 เนื่องจากปรามูเดียเป็นนักหนังสือพิมพ์และเขียนข่าวเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และในปี พ.ศ. 2522 ก็ได้รับการปล่อยตัวแต่ถูกกักบริเวณไว้ ทำให้ไม่สามารถออกนอกประเทศได้ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 เขาก็ได้รับอิสระ ก่อนจะไปเปิดตัวหนังสือชุดจตุรภาคนี้ที่สหรัฐอเมริกา




ปรามูเดียตอนยังหนุ่ม

(ขอบคุณรูปภาพจาก : http://heracliteanfire.net/)
 

ที่เกริ่นมาซะยืดยาวเพราะพี่คิดว่าปรามูเดียเป็นนักเขียนที่มีชีวประวัติน่าสนใจมากๆ เลยนะคะ แล้วเขาก็ได้ถ่ายทอดชีวิตของเขาผ่านมุมมองของมิงเก ตัวเอกของเรื่องผู้สืบเชื้อสายพระวงศ์และได้เข้ารับการศึกษาเเบบชาวยุโรป อย่างที่รู้กันดีว่าอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีหลากหลายเชื้อชาติและชนชั้น แล้วพ่อหนุ่มมิงเกคนนี้เนี่ยก็พยายามรวบรวมคนหลายเชื้อชาติเข้ามาร่วมแรงร่วมใจกัน ทั้งหมดก็เพื่ออิสระภาพทางความคิดและการแสดงออกที่ทุกคนควรมี หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คงเหมือนกับต้องการประชาธิปไตยนี่แหละค่ะ

ในปีพ.ศ. 2523 หลังจากที่ปรามูเดียได้รับการปล่อยตัวแล้วนั้น นิยายเรื่องนี้ก็ได้ตีพิมพ์จริงๆ จังๆ และขายดิบขายดีมากจนกระทั่งถูกทางการสั่งห้าม โยโซฟ อีชัก ผู้จัดพิมพ์ถูกขังคุก ส่วนแมกซ์ เลน นักการทูตชาวออสเตรเลีย ผู้แปลนวนิยายเซ็ตจตุรภาคเกาะบูรูเป็นภาษาอังกฤษก็ถูกประกาศให้เป็นบุคคลต้องห้าม ถึงแม้แบ็คกราวน์ของเรื่องจะเล่าถึงสมัยก่อนการประกาศเป็นเอกราชของอินโดนีเซีย แต่ก็ยังสร้างความไม่พอใจให้รัฐบาลอยู่ดี เพราะนิยายเรื่องนี้วิพากษ์วิจารณ์ระบบการปกครองที่กดขี่ของลัทธิอาณานิคมค่ะ




มิงเกในอุดมคติของนักเขียนค่ะ
(ขอบคุณรูปภาพจาก : http://heracliteanfire.net/)
 

ทีเด็ดของนวนิยายชุดจตุรภาคเกาะบูรูยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะมันยังถูกแปลมากกว่า 20 ภาษาทั่วโลก! ความลับของหนังสือชุดนี้คือการรวบรวมประวัติศาสตร์ขึ้นมาแล้วถ่ายทอดสู่สายตาประชาชนในรูปแบบของนวนิยาย เขารวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติในฟิลิปปินส์ การต่อสู้ของชาวอาเจะห์และบาหลี รวมถึงการก่อตั้งหนังสือพิมพ์ของชาวพื้นเมืองเป็นต้น




ปรามูเดียในปัจจุบันค่ะ
(ขอบคุณรูปภาพจาก : http://heracliteanfire.net/)
 

ในนิยายชุดนี้ไม่ได้วิจารณ์แค่ลัทธิอาณานิคมเท่านั้น แต่ยังวิจารณ์ถึงลัทธิทุนนิยมที่กำลังเกิดขึ้น การกีดกันชนกลุ่มน้อย และการยกย่องผู้หญิงในฐานะนักสู้ หากน้องๆ ศึกษาประวัติศาสตร์อินโดให้ดีจะพบว่าชาวชวานั้นมีอิทธิพลทางการเมืองมากกว่าชนชั้นชาติต่างๆ ในอินโดนีเซีย ชวามีการแบ่งชั้นวรรณะ ปรามูเดียจึงเรียกร้องให้อินโดนีเซียจัดตั้งรัฐบาลที่ประกอบด้วยประชาชนทุกชนชั้น ทุกเกาะและทุกเชื้อชาติ ไม่ใช่ให้ชาวชวามีอิทธิพลมากขนาดนี้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ปรามูเดียเขียนนิยายเป็นภาษามลายู

เมื่ออ่านในหนังสือจะพบว่า มิงเก ตัวเอกของเรื่องมีความคิดที่ต้องการให้ประเทศหมู่เกาะนี้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นี่เลยทำให้ปรามูเดียได้รับรางวัลแมกไซไซในปี ค.ศ.1995 และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลอยู่หลายครั้งเลยค่ะ นับว่าน่าสนใจมากๆ เลยนะคะน้องๆ ^^
 



หนังสือชุดจตุรภาคเกาะบูรู เวอร์ชั่นภาษาไทย

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับวรรณกรรมที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละเรื่องนั้นแฝงไปด้วยแง่คิดและปรัชญาทั้งนั้นเลยนะคะ โดยเฉพาะตัวนักเขียนที่นับว่ายิ่งใหญ่เหลือเกิน ดูเหมือนว่าแต่ละท่านจะเป็นนักสู้เพื่อเสรีภาพนะคะ :D พี่เชื่อว่าถ้าได้อ่านแล้วจะต้องได้ข้อคิดกลับไปแน่นอนเลยค่ะ ใครอ่านเรื่องไหนแล้วเป็นยังไงบ้างก็อย่าลืมมาเล่าให้ฟังนะคะ ส่วนใครยังไม่อ่าน พี่ก็อยากให้น้องๆ ไปอ่านกันเยอะๆ เนอะ นับว่าเป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศในอาเซียนอย่างหนึ่งด้วย 

อันที่จริงพี่ว่าวรรณกรรมอินโดยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เลยนะคะ โดยเฉพาะวรรณกรรมยุคใหม่ที่พี่ไม่ได้กล่าวถึงในวันนี้ แต่ไว้คราวหลังถ้ามีโอกาสจะนำมาฝากน้องๆ นะคะ :)

ก่อนจากกันพี่ก็ขอทิ้งด้วยประโยคคมๆ จากมิงเกที่กล่าวไว้ใน รอยย่างก้าวสักนิด “ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีคุณค่าในอารยธรรมมนุษย์ ไม่เพียงแต่มีต้นกำเนิดมาจากความฝัน แต่ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝัน จากจินตนาการ ... คุณคิดว่ารถยนต์กับหัวรถจักรสร้างขึ้นมาได้ด้วยการยอมรับสิ่งต่างๆ อย่างที่เป็นอยู่หรือ? เปล่าเลย มันเกิดมาจากความฝันและจินตนาการเช่นกัน”


พี่น้ำผึ้ง :)

 

 
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น