รู้หรือไม่ การอ่านหนังสือและเล่นวิดีโอเกมทำให้เราเป็นคนดีขึ้น


รู้หรือไม่ การอ่านหนังสือ
และเล่นวิดีโอเกมทำให้เราเป็นคนดีขึ้น!



สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ มาพบกับพี่น้ำผึ้งอีกแล้วนะคะ น้องๆ เชื่อไหมคะว่าการอ่านนิยายและเล่นเกมช่วยให้เรากลายเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น เชื่อว่าบางคนอาจเห็นด้วย บางคนอาจไม่เห็นด้วย แต่พี่น้ำผึ้งขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยค่ะว่าจริง! เพราะนี่ถึงขั้นทำวิจัยกันเลยทีเดียวนะคะ
 

เมื่อเร็วๆ นี้พี่ได้มีโอกาสอ่านงานวิจัย “Fiction: Simulation of Social Worldsที่ตีพิมพ์ลงบนวารสารวิชาการ Trend in Cognitive Science และพี่คิดว่ามันน่าสนใจมากๆ เลยนะคะ ก็เลยนำมาบอกเล่าให้กับน้องๆ ชาวเด็กดีฟังกัน ถ้าอย่างนั้นอย่าเสียเวลากันเลยดีกว่าเนอะ เลื่อนลงมาอ่านเลยกันดีกว่า

ในงานวิจัยได้บอกว่า เนื้อเรื่องในเกมและนิยายนั้นช่วยให้เรากลายเป็นคนฉลาดและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะสมองของเราได้รับการพัฒนาอันเนื่องจากการฝึกคิด ฝึกอนุมาน ฝึกเดาสถาการณ์ตามตัวเรื่องในเกมที่เล่นหรือนิยายเล่มนั้นๆ ที่อ่าน อีกทั้งตัวละครที่มีปูมหลังซับซ้อนเองก็ช่วยให้เราลดอคติต่อผู้อื่นได้เช่นกัน ยิ่งถ้าหากคนไหนเป็นนักอ่านที่อินกับนิยายมากๆ ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นพวกเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากกว่าคนอื่นอีกนะคะ

แต่ช้าก่อน ใครว่าข้อดีพบแค่ในนิยายอย่างเดียว ไม่จริงสักหน่อย! เพราะข้อดีเหล่านี้ยังพบในวิดีโอเกมอีกด้วย!! หลายคนเริ่มส่งเสียงค้านในใจ “เฮ้ย จะเป็นไปได้ไง” แต่มันเป็นไปแล้วค่ะ เพราะความจริงแล้ววิดีโอเกมไม่ได้แตกต่างจากนิยายมากเท่าไร เนื่องจากมีเนื้อเรื่องที่เป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกันค่ะ

กระนั้นแล้วก็ยังมีเสียงค้านมาว่า “แต่บางเกมมันก็ไม่มีเนื้อเรื่องนะ!” ซึ่งมันก็จริงค่ะ นักวิจัยก็เลยบอกว่า “เกมพวกนั้นอ่ะ มันไม่ใช่เกมที่ดีหรอกนะรู้ไหม เพราะถ้าดีจริงมันต้องมีเนื้อเรื่องให้คนเล่นฝึกเดาสถานการณ์สิ อาทิเช่นเกม Star Wars: Battlefront หรือ Left 4 Dead ก็ไม่มีเนื้อเรื่อง ตัวละครก็ไม่พัฒนา ผลก็เลยทำให้คนเล่นไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากเล่นเพื่อความบันเทิง”
 


เกม Star Wars: Battlefront
(ขอบคุณรูปภาพจาก : starwars.ea.com)

 

“ในทางกลับกัน เกมบางประเภทอย่างเช่น Final Fantasy, Gone Home, หรือ The Last of Us นั้นกลับมีสตอรี่ที่เป็นเรื่องเป็นราวและทำให้ผู้เล่นนั้นอินเสมือนกับอ่านนิยาย โดยเกมที่ว่านั้นมักจะทำให้เราเล่นไปตื่นเต้นไป หรือเวลาตัวละครตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เราก็พาลเครียดไปกับตัวละครนั้นด้วย”
 


เกม Final Fantasy VIII
(finalfantasy.wikia.com)

 

ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนเราอ่านนิยายเลยนะคะว่าไหม ที่สำคัญบางเกมนั้นถ้านำมาเขียนเป็นหนังสือพี่ว่ามีโอกาสปังมากๆ เลยค่ะ อย่างพี่เคยเล่นเกม Final Fantasy VIII ก็รู้สึกว่ามันควรนำมาสร้างเป็นนิยาย เพราะไม่เพียงแต่คู่พระ-นางที่ทำให้เราฟินจิ้นจิกหมอน แต่ตัวเนื้อเรื่องของเกมยังสอดแทรกข้อคิดให้เราด้วยค่ะ

ในส่วนของตอนท้ายงานวิจัยยังได้บอกอีกว่า “สังคมของเรานั้นมีความซับซ้อน แม้ว่ามนุษย์เราจะเก่งในเรื่องการเข้าใจผู้อื่น แต่ก็ใช่ว่าจะเก่งเสมอไป ซึ่งนิยายและเกมนั้นช่วยให้เราพัฒนา”
 


เกม Gone Home
(onlysp.com)
 

และด้วยความที่มันเป็นเรื่องราวนี่แหละเลยทำให้เราตกหลุมรักการอ่านหนังสือ ซึ่งเรื่องราวในทุกๆ บท ทุกๆ ตอน การตัดสินใจของตัวละครและบทสรุปของเรื่องนั้นทำให้เราได้เรียนรู้ เปรียบเหมือนกับบทเรียนชีวิตบทหนึ่งนั่นแหละค่ะ เมื่อเราฝึกอนุมานและวิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในนิยายและเกมก็จะช่วยให้สมองของเราพัฒนาแลชาญฉลาดมากขึ้น รวมทั้งยังทำให้เรารู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอีกด้วย ดังนั้นอย่าเพิ่งตัดสินพวกที่ชอบเล่นวิดีโอเกมเลยนะคะ เห็นไหมว่าเกมกับนิยายก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก เพราะเกมก็มีเนื้อเรื่องที่เป็นเรื่องเป็นราวไม่ต่างจากหนังสือไงล่ะ 

พี่น้ำผึ้ง :)


ขอบคุณ
http://www.cell.com/trends/cognitive-sciences/fulltext/S1364-6613(16)30070-5
 
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

มั ง ก ร ข า ว Member 3 ต.ค. 59 16:56 น. 2

ทั้งนี้ขึ้นกับว่าอ่านหนังสือและเล่นเกมอะไร หากเสพสื่อที่มีเนื้อหาเชิงลบแล้วไม่รู้จักแยกแยะ ก็ย่อมทำให้คนเราเลวลงได้เหมือนกันค่ะ

เห็นมาเยอะกับคนที่ชอบยกยอตัวเอกเลวๆ ในเกม/นิยาย แล้วคิดว่ามันเจ๋งมาก สะใจดี หรือไม่ก็เด็กอายุห้าขวบดูละครรุนแรงเรท 18 ทั้งๆ ที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ พ่อแม่ปล่อยเลยตามเลย ยิ่งเด็กก็ยิ่งซึมซับอะไรเข้าไปง่าย พ่อแม่ควรจะดูแลลูกอย่างใกล้ชิด คอยดูว่าเขาเสพสื่ออะไร โตมาจะได้แยกแยะเป็นว่าอะไรควรทำตาม อะไรควรหลีกเลี่ยง อะไรไม่ควรเอาอย่าง

ถ้าอายุถึงเกณฑ์แล้ว แน่นอนว่าหลังจากนั้นเราย่อมมีสิทธิ์ที่จะเสพสื่ออะไรก็ได้ แค่ต้องหัดแยกแยะสักนิด แล้วปัญหาเรื่องการถูกตัดสินจากสังคมก็จะค่อยๆ ลดไปเอง ไม่งั้นก็คงจะมีคดีเลียนแบบ GTA ตามมาไม่จบสักที

0
กำลังโหลด

7 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
มั ง ก ร ข า ว Member 3 ต.ค. 59 16:56 น. 2

ทั้งนี้ขึ้นกับว่าอ่านหนังสือและเล่นเกมอะไร หากเสพสื่อที่มีเนื้อหาเชิงลบแล้วไม่รู้จักแยกแยะ ก็ย่อมทำให้คนเราเลวลงได้เหมือนกันค่ะ

เห็นมาเยอะกับคนที่ชอบยกยอตัวเอกเลวๆ ในเกม/นิยาย แล้วคิดว่ามันเจ๋งมาก สะใจดี หรือไม่ก็เด็กอายุห้าขวบดูละครรุนแรงเรท 18 ทั้งๆ ที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ พ่อแม่ปล่อยเลยตามเลย ยิ่งเด็กก็ยิ่งซึมซับอะไรเข้าไปง่าย พ่อแม่ควรจะดูแลลูกอย่างใกล้ชิด คอยดูว่าเขาเสพสื่ออะไร โตมาจะได้แยกแยะเป็นว่าอะไรควรทำตาม อะไรควรหลีกเลี่ยง อะไรไม่ควรเอาอย่าง

ถ้าอายุถึงเกณฑ์แล้ว แน่นอนว่าหลังจากนั้นเราย่อมมีสิทธิ์ที่จะเสพสื่ออะไรก็ได้ แค่ต้องหัดแยกแยะสักนิด แล้วปัญหาเรื่องการถูกตัดสินจากสังคมก็จะค่อยๆ ลดไปเอง ไม่งั้นก็คงจะมีคดีเลียนแบบ GTA ตามมาไม่จบสักที

0
กำลังโหลด
Natacia Member 3 ต.ค. 59 20:39 น. 3

ก็พอจะเข้าใจอยู่นะ ที่บอกว่าตัวละครที่มีปูมหลังซับซ้อนจะช่วยทำให้เราเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ลดอคติ เพราะตัวละครนั้นอาจมีปัญหาอยู่ภายในครอบครัว ซึ่งถ้าเป็นชีวิตจริงล่ะก็นะ มันก็คล้ายๆ กับนิยายนั่นแหละ ถ้าลองสังเกตเพื่อนหรือคนรอบข้างดีๆ ก็จะรู้ได้เลย

แต่เรื่องเกม... เอ่อ อันนี้คงต้องให้ตัวเองปรับทัศนคติกับเกมก่อน เพราะแต่ละคนมีมุมมองไม่เหมือนกันนี่เนอะ

เขิลจุง

ส่วนความคิดเห็นของคุณมังกรขาว ถ้ารู้จักเลือกอ่านเลือกเล่นเกมหรือนิยายปัญหาอย่างว่าก็ไม่เกิดขึ้นหรอกค่ะ แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับความดูแลของผู้ปกครองและครอบครัวด้วย และขอให้เข้าใจอย่าง การที่คนบางกลุ่มชอบยกยอตัวเอกเลวๆ นั่นเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวนะคะ สมัยนี้คนโหดซาดิสม์มีเยอะ ก็แน่นอนว่ารสนิยมการชอบก็ต้องต่างไปด้วย นิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกนะคะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ฆนทำ Member 7 ต.ค. 59 15:22 น. 5

พี่ครับ ตัวเกมของ Left 4 Dead มีเนื้อเรื่องน่ะครับ ถึงแม้ตัวละครจะไม่พัฒนา แต่มันมีเนื้อเรื่องต่อกันเป็น chapter ที่เล่นครับ ไม่ได้แย่งว่าพี่ผิดแต่ผมว่าบอกเฉย 

แต่ Undertale เนื้อเรื่องดีมากครับ เยี่ยมเยี่ยม 

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด