รู้หรือไม่ ยิ่งอ่านมากเท่าไร
ชีวิตยิ่งเปลี่ยนไปมากเท่านั้น!
สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ พบกับพี่น้ำผึ้งอีกแล้วนะคะ เชื่อว่าน้องๆ หลายคนในที่นี้ก็คงต้องเป็นนักอ่านกันเนอะ เพราะไม่งั้นคงไม่มาสิงอยู่ในหมวดไรเตอร์ใช่มั้ยล่ะ? พี่น้ำผึ้งเองก็เป็นนักอ่านเหมือนกันนะ ชอบอ่านหนังสือมากๆ เลยไม่ว่าจะเป็นนิยาย การ์ตูน หนังสือฮาวทูเพื่อพัฒนาตัวเอง หรือแม้กระทั้งหนังสือเรียน แล้ววันนี้พี่ก็อยากจะมาชวนน้องๆ มาเป็นหนอนหนังสือเหมือนกับพี่ ด้วยการนำ 8 ข้อดีๆ ที่เกิดจากการอ่านมาฝากน้องๆ ค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย :D
(ขอบคุณรูปภาพจาก : www.tumblr.com)
ถ้าวันไหนที่น้องรู้สึกแย่ รู้สึกเหนื่อย หรือรู้สึกเบื่อ อยากจะลาออกจากความเป็นตัวเองมากๆ แต่ก็ทำไม่ได้ พี่มีวิธีหนึ่งที่จะช่วยชุบชีวิตใหม่ให้น้องได้ค่ะ วิธีนั้นไม่ใช่การดื่มน้ำอมฤทธิ์นะ แต่เป็นการ “อ่านหนังสือ” เชื่อเถอะค่ะว่าในยามที่เรามีเรื่องทุกข์ใจ หนังสือสามารถช่วยชโลมจิตใจน้องได้ เพราะการอ่านหนังสือก็เหมือนกับการที่เราหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง และทำให้เราลืมเรื่องต่างๆ ได้ แม้จะชั่วคราวก็ตามเถอะ
ยังโสดกันใช่มั้ย? รู้สึกเหงาบ้างหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็... อย่าเศร้าใจไปเลยนะคะน้องๆ เพราะเรามีตัวช่วยที่จะทำให้น้องๆ หายเหงา นั่นก็คือ "การอ่านหนังสือ" นั่นเอง! เชื่อสิว่าการอ่านหนังสือไม่ได้แค่ช่วยให้เราคลายเหงาได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เราได้เพื่อนรู้ใจเพิ่มขึ้นตั้งหนึ่งคน เอ๊ะ... หรืออาจจะเพิ่มขึ้นหลายคนก็ได้นะ ขึ้นอยู่กับว่าน้องมีหนังสือเล่มโปรดมากขนาดไหน หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ถ้าอย่างนั้นพี่น้ำผึ้งขอแอบถามน้องๆ กลับว่า ตอนอ่านหนังสือรู้สึกยังไงบ้างคะ? รู้สึกฟิน มีความสุข สนุกสนานเหมือนได้เพื่อนเพิ่มกันใช่มั้ยล่ะ? เผลอๆ หนังสืออาจจะรู้ใจเรามากกว่าแฟนอีกก็ได้นะ แถมยังไม่ทำให้เรารำคาญอีกด้วย XD
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่บอกไว้ว่า การกระตุ้นทางจิตใจ (Mental Stimulation) คือวิธีที่สามารถช่วยลดโอกาสการเป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) และโรคสมองเสื่อม (Dementia) ได้ เพราะว่ามันจะช่วยให้สมองของเราทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นการส่งเสริมการเจริญเติบโตของการเชื่อมโยงของใยประสาท (Neural Connection) อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสูญเสียพลังงานของสมองด้วยนะคะ
แล้ววิธีกระตุ้นจิตใจทำยังไงล่ะ? แน่นอนว่าสมองก็เหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายนั่นแหละค่ะ ที่ต้องการทั้งความแข็งแรงและสุขภาพที่ดี ดังนั้นการใช้บ่อยๆ ย่อมเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากการเล่นเกมไขว้ปริศนาหรือเกมต่างๆ เช่นซูโดกุ, หมากล้อม หรือหมากรุกจะช่วยพัฒนาสมองของเราได้แล้ว การอ่านหนังสือก็ช่วยได้เหมือนกันนะ เพราะทุกครั้งที่เราอ่าน เราก็ใช้สมองเพื่อจินตนาการตามค่ะ นับว่าเป็นวิธีที่ดีมากๆ เลยนะคะน้องๆ
น้องๆ เชื่อไหมคะว่ายิ่งเราอ่านหนังสือมากเท่าไร เราก็จะยิ่งค้นพบว่าแท้จริงแล้วความรู้ที่เรามีเทียบเท่ากับเศษฝุ่นที่ลอยอยู่ในอวกาศ (เปรียบเทียบได้น่าเศร้ามาก ToT) และเพื่อเติมเต็มความรู้ในพื้นที่สมองให้มากขึ้น การอ่านเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ เลยค่ะ อ่านไปให้หมดเลยค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหนังสือที่มีสาระ เพราะหนังสือนิยายหรือหนังสือการ์ตูนก็แฝงไปด้วยข้อคิดและสาระได้ รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอน
(ขอบคุณรูปภาพจาก : thegentlemansjournal.com)
คลังศัพท์เพียบ
เชื่อว่ามีนัก (อยาก) เขียนอย่างเราๆ ไม่น้อยเลยนะคะที่ประสบปัญหากับงานเขียน โดยเฉพาะเรื่องคำศัพท์และสำนวน บ้างก็เลือกใช้ศัพท์ไม่ถูก บ้างก็เลือกใช้ศัพท์ซ้ำๆ บ้างก็ไม่รู้จักการเปรียบเทียบ ถ้าหากน้องๆ เป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหาเหล่านี้แล้วล่ะก็ พี่น้ำผึ้งขอแนะนำทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้ทุกคนผ่านจุดนี้ไปได้ด้วยดีค่ะ ซึ่งวิธีนั้นก็คือ... “อ่านหนังสือ” นั่นเอง!
เพราะยิ่งเราอ่านมากเท่าไร ก็เท่ากับว่าในหัวของเราได้สะสมคำศัพท์และสำนวนภาษาต่างๆ ไว้มากมาย เช่น คำว่าดวงตา เราก็อาจจะได้เพิ่มว่า นัยน์ตาสดใส, ดวงตาคู่โต, ดวงตาเรียวเล็กหรี่ลง เป็นต้น ทีนี้เวลาเราเขียนนิยายก็ทำให้เราเขียนได้โดนง่าย ลื่นไหลปรื๊ดๆ ไม่ติดขัดเลย เห็นไหมว่าเป็นนักเขียนก็ต้องเป็นนักอ่านด้วยนะ :D
กระตุ้นความจำ
เวลาน้องๆ อ่านหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือนวนิยายต่างๆ เราก็ต้องจดจำสถานที่ คาแรกเตอร์ตัวละคร รูปร่างลักษณะของตัวละคร แบ็คกราวด์ของพวกเขา หรือแม้แต่ความแตกต่างของแต่ละตัวละคร รวมทั้งที่ขาดไม่ได้เลยคือพล็อตหลัก พล็อตย่อย ปมที่นักเขียนวางไว้ โอ้โห มากมายเลยใช่มั้ยล่ะคะ ฟังดูแล้วคิดว่าไม่น่าจะจำได้ใช่มั้ยล่ะ? แต่ใครจะไปรู้ว่าสมองของเราสามารถจำได้นะเออ ดังนั้นยิ่งอ่านมาก ก็ยิ่งช่วยกระตุ้นความจำในสมองเรามากขึ้นค่ะ! ^o^
ฝึกสกิลการคิดวิเคราะห์
เคยอ่านนิยายลึกลับหรือแนวสืบสวนสอบสวนกันบ้างไหมคะน้องๆ? ฮันแน่ เชื่อว่าเคยต้องเคยอ่านกันมาบ้างแหละน่า นิยายสืบสวนเล่มโปรดที่พี่ชอบมากๆ เลยก็คือ “เชอร์ล็อค โฮล์มส์” ค่ะ เวลาอ่านแล้วพยายามไขคดีร่วมกับเชอร์ล็อค โฮล์มส์ด้วยนี่มันเป็นความรู้สึกที่ปวดหัวสุดยอด แต่ก็สนุกมากๆ เลยค่ะ แล้วน้องๆ ล่ะคะ เคยไขปริศนาไปพร้อมๆ กับตัวละครในนิยายกันบ้างมั้ยเอ่ย?
เอาล่ะ ถ้าน้องๆ เคย ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะว่าน้องกำลังฝึกทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical and Analytical Thinking) อยู่ค่ะ ซึ่งทักษะนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตน้องมากๆ เลยนะคะ เพราะถ้าเรามีการคิดวิเคราะห์ที่ดี ก็จะนำไปสู่การปฏิบัติที่ดีได้ และเราก็สามารถฝึกทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ได้ด้วยการอ่านนิยายค่ะ นอกจากนี้ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองพูดคุยดิสคัสกับคนที่อ่านหนังสือเรื่องเดียวกับเราเพื่อร่วมกันวิเคราะห์เนื้อเรื่องและตัวละครค่ะ เชื่อเถอะว่าลับสมองแน่นอน แล้วทักษะการคิดวิเคราะห์ของเราก็จะพุ่งปรี๊ดเลย
มีสมาธิมากขึ้น
ทุกครั้งที่เราอ่านหนังสือ เราก็จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เรากำลังอ่านอย่างมีสมาธิใช่มั้ยล่ะคะ? นั่นแหละค่ะคือสิ่งที่ดีมากๆ เพราะยิ่งเรามีสมาธิมากเท่าใด การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ก็จะดีมากขึ้นเท่านั้น เคยมีงานวิจัยบอกไว้ว่าจริงๆ แล้วเราควรอ่านหนังสือก่อนเรียนหรือทำงานสักวันละ 15-20 นาทีค่ะ เพราะว่ามันจะช่วยให้เรามีสมาธิอยู่กับงานที่เราทำต่อไปได้ทั้งวันเลยล่ะ ซึ่งวิธีนี้พี่ก็ลองมาแล้วนะคะ พบว่ามันได้ผลมากๆ เลยค่ะ พี่ชอบอ่านหนังสือสวดมนต์ก่อนสอบตลอดเลย เวลาทำข้อสอบจะได้มีสติ ฮ่าๆ
จบไปแล้วนะคะกับเรื่องที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากน้องๆ ในวันนี้ เห็นไหมล่ะคะว่าการอ่านหนังสือเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆ เลยนะคะ พี่น้ำผึ้งเชื่อเสมอเลยนะว่าเราจะเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ได้ เราต้องเริ่มจากการอ่านหนังสือเยอะๆ อ่านให้มาก อ่านเข้าไป อ่านให้ตายไปข้างนึงเลย เพราะยิ่งอ่าน เราก็ยิ่งรู้ แถมยังได้ซึมซับและเก็บสะสมคำศัพท์ด้วยแหละค่ะ พี่ก็เลยมาชวนน้องๆ อ่านหนังสือกันเยอะๆ ไง
วันนี้พี่อ่านหนังสือแล้วหนึ่งเล่ม แล้วน้องๆ ล่ะคะ อ่านหนังสือกันบ้างหรือยังเอ่ย? ถ้าอ่านแล้ว อ่านเรื่องไหนบ้าง อย่าลืมมาเล่าให้พี่ฟังนะคะ ส่วนใครที่ยังไม่อ่าน อย่าลืมหยิบหนังสือมาอ่านด้วยนะ รับรองว่าเราจะต้องได้ประโยชน์จากการอ่านมากแน่ๆ เลยค่ะ ^o^
4 ความคิดเห็น
ว้าว!? จริงเหรอเนี่ย พ่อหนูกระตุ้นให้หนูอ่านพวกหนังสือเรียน เพราะมันมีประโยรช์มากกว่านี้คนอย่างหนูไม่อ่าน หนูอ่านพวกนิยายมากกว่า เพราะมันสนุกดี แต่พ่อก็สนับสนุนให้หนูอ่านน่ะ ^^;;; แต่แม่หนูนี่สิ ไม่ชอบให้หนูซื้อพวกหนังสือที่มันไร้สาระ แถมยังชอบด่าว่า "หนังสือมันจะรกบ้านอยู่แล้วเนี่ยจะซื้ออีกเหรอ" แต่ทุกครั้งแม่ก็ ใจอ่อนทุกทีนั้นแหละ
เราอ่านนิยายเยอะนะคะ จำได้ทุกเรื่อง แต่ทำไมพอจะเอาไปใช้ตอนจะสอบ ความทรงจำในหัวมันว่างเปล่า สกิลที่อัพมาไม่รู้หายไปไหนหมดเลยล่ะค่ะ555 #ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่ T^T
ได้ผลแค่เฉพาะนิยายจริงๆค่ะ ฮาๆ
เรื่องเรียนก็สรุปตามความเข้าใจของตัวเองค่ะ มันจะเข้าใจง่ายกว่าการจดจำแค่ในหนังสือเรียน
เกี่ยวกันไหมเนี่ย
หนูเป็นพวกที่จำได้แบบสังเขป บางทีจำได้หมดเลย อ่านหนังสือนี่สนุกมากเลยค่ะ