ชลันตี : การเขียนนิยายแนวที่ตัวเองไม่ชอบ ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายตัวเอง


การเขียนนิยายแนวที่ตัวเองไม่ชอบ
ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายตัวเอง


ชลันตี


你好! ชาวเด็กดีไรท์เตอร์ทุกคน แหมม เห็นพี่หญิงทักทายทุกคนด้วยภาษาจีนก็ไม่ใช่อะไร ก็นักเขียนที่พี่หญิงจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันในวันนี้ เจ้าตัวเขาเพิ่งออกงานเขียนเล่มล่าสุดเป็นนิยายแนวจีนโบราณที่มีกลิ่นอายดราม่าขั้นสุด พี่หญิงเลยอยากพากันเข้าบรรยากาศด้วยภาษาจีนกันแบบเบาๆ (เอิ่ม..มันใช่เรอะ!) ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้ดราม่าจัดเต็มกันจริงๆ พี่หญิงบอกเลยว่าหยิบมาอ่านที่ไรเป็นต้องน้ำตาไหลพรากทุกที หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาแทบไม่ทัน (มันอัดอั้นสะเทื่อนใจขั้นสุด ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ๆ T-T) เอาเป็นว่าเราอย่ารอช้ากันดีกว่า ไปรู้จักกับนักเขียนนักปากกา ชลันตี เจ้าของผลงาน "บุปผาซ่อนพิษ"  กันเลยยยย






สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยช่วยทักทาย แนะนำตัว กับชาวเด็กดีของเรากันหน่อย

ชลันตี : สวัสดีค่ะ ชลันตีค่ะ อายุ 27 ปี ทำงานด้าน Human Trafficking และด้านวิจัยเกี่ยวกับมนุษยวิทยา ใช้เวลาว่างช่วงที่ไม่ได้ทำงานหรือช่วงที่ขี้เกียจทำงานหลักในการแต่งนิยายค่ะ (จริงๆไม่ควรเลียนแบบแต่ถ้าไม่เดือดร้อนงานหลักก็ไม่ว่ากัน) เริ่มแต่งลงเว็บมาได้ 1 ปีแล้วค่ะ



นามปากกา “ชลันตี” ไม่ทราบว่ามีที่มาอย่างไร มีความหมายอะไรเป็นพิเศษสำหรับนักเขียนหรือเปล่าเอ่ย...

ชลันตี : ชลันตีคือชื่อจริงค่ะ ที่ใช้ชื่อนี้เป็นนามปากกาเพราะว่านิยายที่แต่งส่วนใหญ่ จะมีฉากของสถานที่ที่เคยไปจริง หรือบางเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องราวจริงในชีวิตตัวเองหรือคนรู้จักผสมลงไป เหมือนสมุดบันทึกความทรงจำของงานที่ทำ เส้นทางที่เคยไปเยือน ความทรงจำทั้งดีร้าย มันก็คล้ายกับไดอารี่ที่เขียนออกมาในแบบนิยายที่มีความทรงจำมากมายของเราเอามาถักทอขึ้นเป็นเรื่องราวสมมุต เลยตัดสินใจใช้ชื่อตัวเองเป็นนามปากกาผู้บันทึกความทรงจำทั้งหลายเหล่านี้ค่ะ



พูดถึงผลงานก่อนหน้านี้ ทราบว่านอกจากนิยายแนวจีนๆ แล้ว ยังเขียนนิยายรักโรแมนติกด้วย ช่วยแนะนำผลงานและพูดถึงความแตกต่างของนิยายสองแนวนี้หน่อย ว่ายากง่ายแตกต่างกันอย่างไร

ชลันตี : ใช่ค่ะ ความต่างอย่างแรกคือสำนวน แนวจีนจะยากกว่าตรงที่ต้องคุมสำนวนให้ไม่ทันสมัยพยายามไม่ให้พลาดหลุด กับข้อมูลที่บางครั้งมันไม่มีเป็นไทยหรืออังกฤษ มีแต่ภาษาจีน ก็ต้องรบกวนหลายคนช่วยโดยเฉพาะคนที่ทำงานด้วยรวมถึงอาจารย์ แต่ข้อดีคือเราสร้างโลกขึ้นมาได้อิสระเต็มที่ จะใส่แฟนตาซีแค่ไหนก็ได้ขอแค่ให้พล็อตมันเป็นไปทางเดียวกันก็พอ ส่วนความยากของรักโรแมนติก ยากตรงที่พล็อตส่วนใหญ่มันจะซ้ำๆแนวเดียวกัน เราก็ต้องหาดีเทลอะไรก็ได้มาดึงให้เรื่องมันต่างออกไป ให้มันมีรายละเอียดที่โดดขึ้น เรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้และคิดว่าเขาน่าจะสนใจ



ผลงานล่าสุด “บุปผาซ่อนพิษ” เล่าที่มาที่ไปกันหน่อย เห็นว่าเปิดเรื่องมาก็มีกลิ่นอายดราม่าโผล่ออกมาเลยทันที ไม่ทราบว่า เรื่องนี้จะดราม่าเข้มข้นกันจริงหรือเปล่า เห็นหลายคนเตรียมผ้าซับน้ำตากันตั้งแต่ต้นเรื่องเลย

ชลันตี : เรื่องบุปผาซ่อนพิษคือเรื่องขององค์หญิงซ่าหยาแห่งทิเบต ที่ต้องเดินทางมาเป็นสตรีบรรณาการในแคว้นเหลียนในฐานะพระสนม จากผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบใสซื่อบริสุทธ์ โดนเล่นงานจนเกือบแทบเอาชีวิตไม่รอดและเสียคนที่รักไป การสูญเสียทำให้ค่อยๆพัฒนาตัวเองเพื่อแก้แค้นและเพื่อเป็นผู้รอดชีวิต แต่ในความโหดร้ายมากพิษภัย โชคชะตาก็ได้นำพาให้เจอกับใครคนหนึ่งที่เป็นรักแรกแต่ก็เป็นรักที่เจ็บปวดเพราะเป็นรักต้องห้าม
 

เรื่องนี้ดราม่าหนักมาก เพราะเป็นเรื่องของวังหลังที่ตั้งใจแต่งให้เป็นวังหลังจริงๆ ฮ่องเต้ก็เป็นฮ่องเต้ที่มีหน้าที่ฮ่องเต้จริงๆ ในความรู้สึกของตัวเองรู้สึกว่าทุกตัวละครน่าสงสารแม้แต่นางร้าย ตอนแต่งช่วงที่นางร้ายตายคือสงสารจนคิดไปถึงว่าผู้หญิงแบบนางซึ่งมีจริงในอดีตในวังหลัง หวังว่าเขาคงไปเกิดใหม่แล้วได้สมหวังในรักในชาติต่อไป





พล็อตเรื่องนี้ ท่านได้แต่ใดมา ใช้เวลาวางพล็อตนานไหมคะ

ชลันตี : เกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจตั้งแต่เด็กๆที่เคยไปเยือนกู้กงค่ะ ยิ่งพอได้เรียนได้มีโอกาสไปทำงานที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ด้านนี้ ก็ยิ่งมีความอยากเขียนอยากเล่าเรื่องราวในวังหลังที่บางเรื่องเป็นสิ่งที่หลายคนไม่ทราบ  ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นได้ทำงานที่จีนที่ข้องเกี่ยวกับด้านนี้พอดี ถึงจะไม่ได้เกี่ยวโดยตรงแต่ก็ได้ไปคลุกคลี เลยได้ข้อมูลจนมากพอจะเขียนได้ ก็คิดพล็อตขึ้นมาโดยอาศัยความรู้สึกที่ว่า วังหลังเหมือนนรกของสตรี คือสถานที่ผู้หญิงทำสงครามโดยบางครั้งใช้อาวุธเพียงคำพูดหรือรอยยิ้ม โดยเพิ่มความท้าทายเข้าไปคือใช้ตัวดำเนินเรื่องเป็นหญิงสาวที่หน้าตาธรรมดาไม่ได้สวมล่มเมือง และไม่ได้เกิดมาเพื่อการอยู่ในวังหลัง แต่ต้องมาตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าบุปผาซ่อนพิษทั้งหลาย ตกอยู่ในสงครามวังหลัง เพราะความไร้เดียงสาทำให้เกือบตายและเกิดเหตุสูญเสีย เมื่อผิดพลาดก็ได้เรียนรู้มาพัฒนาตัวเองกลายเป็นบุปผาซ่อนพิษอีกดอก เพื่อเป็นผู้รอดชีวิตโดยมีเป้าหมายคือการแก้แค้นและไม่ถูกฆ่าตาย ใช้เวลาวางพล็อตกับทำทรีตเม้นท์ประมาณ 4 วันค่ะ แต่ใช้เวลาหาข้อมูลเขียนจริงๆจังๆประมาณ 3 เดือน



พูดถึงตัวละครในเรื่อง มีตัวละครไหนที่ประทับใจ หรือ เขียนยากเป็นพิเศษไหม

ชลันตี : องค์หญิงซ่าหยาเขียนยากสุดค่ะ ที่ยากที่สุดคือเป้าหมายเรื่องนี้ต้องการแต่งให้นางเอกไม่แมรี่ซู และมีการพัฒนาการให้เหมือนการพัฒนาของมนุษย์จริงๆ ตัวละครนี้ถ้าเทียบตอนที่นางเข้าวังก็เหมือนเด็กที่เริ่มหัดเดิน กว่าจะพยายามลุกกว่าจะโหนตัวยืน กว่าจะตั้งไข่ กว่าจะเดินได้ด้วยตัวเอง ต่อให้เดินคล่องวิ่งคล่องบางครั้งไม่ระวังหรือโดนใครขัดขาก็ล้มลงได้ ก็เหมือนชีวิตคนทั่วไปที่ไม่มีทางจะรู้ในทุกสิ่งและไม่มีใครฉลาดมาแต่กำเนิดเพราะเราคือมนุษย์  ถึงจะขัดใจว่าเห้ยเมื่อไหร่จะฉลาด แต่พอมานั่งย้อนดูชีวิตคนจริงๆ  ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามเสต็ปของมันต่อไป แต่ตัวละครที่ชอบที่สุดคือนางร้าย(ขอไม่บอกว่าคือใคร) เพราะเป็นตัวละครที่ Keep look ไม่หลุดความเป็นนางแม้กระทั่งตอนตาย เป็นคาแรกเตอร์ที่รู้สึกว่าวังหลังเรื่องหน้า นางเอกของฉันจะเป็นแบบนี้เลย



เขียนนิยายมาแล้วก็หลายเรื่อง ช่วยเล่าประสบการณ์พีคๆ หรือเหตุการณ์ที่ประทับใจในการเขียนนิยายให้ฟังกันหน่อย

ชลันตี : ความประทับใจที่พีคที่สุด คงเป็นมีนักอ่านอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเขาตามงานเราตั้งแต่เรื่องแรกยังไม่ตีพิมพ์ เขามักจะแวะมาคอมเม้นท์บ่อยๆจนเราจำได้ พอวันหนึ่งที่หนังสือตีพิมพ์เขาก็อุดหนุน มันพีคตรงที่พอมีเรื่องที่สองซึ่งเป็นแบบทำมือ เขาโอนเงินมาจองหนังสือแต่โอนมาสองพันบาทพร้อมบอกว่าจ่ายเผื่อหนังสือเรื่องต่อไปฝากเอาไว้เพราะกลัวเวลาจะซื้อเงินเอาไปใช้หมดจนไม่มีเงินมาซื้อนิยายที่เราแต่ง พอเห็นที่เขาพิมพ์มาก็อึ้งและตกใจมาก บอกไปว่าพี่เดี๋ยวหนูโอนคืนดีกว่า เพราะบางทีพี่อาจไม่ชอบเรื่องต่อไป เรื่องต่อไปอาจไม่ใช่แนว แต่เขาตอบกลับมาว่าไม่หรอกไว้ใจนักเขียน วินาทีนั้นคือเหมือนถูกแจ๊คพ็อต มันเป็นอะไรที่ซาบซึ้งใจมากและมีค่ามากสำหรับนักอยากเขียนตัวเล็กๆคนหนึ่ง ยังมีนักอ่านส่งของมาให้ที่บ้าน บางคนถักผ้าพันคอมาให้  หรือมีครั้งหนึ่งที่ไปธุระที่ภูเก็ต มีพี่คนหนึ่งเขาอยู่จังหวัดข้างๆก็มาหาเพื่อเอาของมาให้เอาหนังสือมาให้เซ็น ทุกอย่างคือสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้รับซาบซึ้งใจมากๆ



“ตัน” เป็นอุปสรรคใหญ่มากสำหรับนักเขียนหลายๆ คน มีเคล็ดลับไหมคะ เวลาที่เขียนไม่ออกทำอย่างไร

ชลันตี : ปกติไม่ค่อยมีปัญหาตันค่ะ เพราะวางทรีตเม้นท์ละเอียดมาก กลัวออกทะเลแล้วกู่ไม่กลับ ทรีตเม้นท์จะแยกเป็นฉากๆเป็นเหตุการณ์เรียงกันมาว่าจะมีอะไรบ้าง เรียงว่าเริ่มต้นเปิดเรื่องฤดูกาลอะไร ผ่านไปกี่ฉากเข้าสู่ฤดูกาลอะไร ในฉากจะมีอะไร งานอะไรเทศกาลอะไรที่บ่งบอกให้รู้ว่าเวลามันเปลี่ยน จะมีคำพูดอะไรบ้างที่นางเอกจะต้องพูดแบบนี้อย่างนี้ พอมันมีแพทเทริน์ที่เกือบจะสำเร็จรูปรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนั้น จะทำให้เวลาแต่งจริงเรื่องมันจะโยงฉากกันเป็นทอดๆไปเอง แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีปัญหาเวลาแต่ง ปัญหาที่มีจะเป็นอารมณ์ไม่อยากเขียน เบื่อ เอียน ก็จะแก้ปัญหาโดยการปล่อยไปเลยไม่เขียน แล้วหันไปทำงานหรือถ้าว่างจริงๆก็นั่งมองกำแพง มองความว่างเปล่า บางทีก็คุยกับต้นไม้สายลมท้องฟ้า เพ้อเจ้อไปคนเดียวจนพอใจจนสมองว่างค่อยกลับมาเขียน



ได้ข่าวว่า นอกจากจะเป็นนักเขียนที่ตีพิมพ์กับทางสำนักพิมพ์แล้ว ยังตีพิมพ์หนังสือทำมืออีกด้วย ช่วยเล่าหน่อยได้ไหมคะ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เริ่มต้นทำมือได้ยังไง แล้วได้ตีพิมพ์กันทางสำนักพิมพ์ได้อย่างไร ระหว่างทำมือเองกับตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ มีความยากง่าย มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันเยอะไหมคะ

ชลันตี : มีหนังสือที่ออกกับสำนักพิมม์ 3 เรื่องและทำมือเอง 2 เรื่องค่ะ ข้อแตกต่างที่ชัดเจนเลยระหว่างสองแบบนี้คือสำนวนและภาษาที่ใช้ งานส่งสำนักพิมพ์จะเป็นแนวสำนวนภาษาเขียน เป็นทางการยกเว้นเรื่องหนึ่งที่เป็นแนววัยรุ่นอันนั้นจะปนภาษาวัยรุ่น ส่วนงานทำมือจะเป็นสำนวนวัยรุ่นภาษาไม่เป็นทางการ สบายๆ ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่าสำนวนแบบนี้มันไม่ผ่านสำนักพิมพ์แน่ๆแต่คนดันชอบเยอะ ประกอบกับตอนนั้นมีเวลาว่างมากพอก็เลยทำมือเองสนองความต้องการคนรออ่านที่อยากสะสมเล่ม ส่วนการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์เริ่มจากตอนนั้นธัญวลัยมองหาต้นฉบับพอดี ก็มีติดต่อว่าจะตีพิมพ์แต่ครั้งแรกยังแต่งไม่จบเลยไม่ทันงานหนังสือช่วงมีนา แต่พอแต่งจบก็ส่งต้นฉบับให้ทางนั้นก็ได้ตีพิมพ์ พอมีชิ้นแรกมันก็เหมือนกับหลายคนที่ชิ้นต่อมาก็จะตามมาเรื่อยๆ อยากพัฒนาฝีมือก็มีการเปลี่ยนแนวมาเป็นจีนโบราณที่ค่อนข้างชอบอยู่แล้ว จนได้ไปออกกับสถาพรค่ะ ก็ได้พี่ๆบ.ก.ที่นั้นให้โอกาสมาเรื่อยทั้ง 2 เรื่อง

ความยากของการทำมือคือเราต้องทำทุกอย่างเอง ต้องหาคนวาดปกต้องติดต่อคนพิสูจน์อักษรจัดหน้า ติดต่อโรงพิมพ์ รับออเดอร์จองต้องเช็คยอดเงินต้องตรวจเล่ม เกณฑ์ญาติพี่น้องมาช่วยแพ็คหนังสือช่วยขนไปส่งไปรษณีย์ ตามของให้ลูกค้าและจัดการปัญหาหนังสือหน้าสลับหรืออื่นๆ ค่อนข้างเหนื่อยมากและมีเรื่องจุกจิกมีปัญหาเยอะแยะ แต่พอผ่านไปได้มันก็คือประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง อีกข้อเสียหนึ่งคือเราพิมพ์น้อยหนังสือราคาแพง แต่ก็ดีใจที่ตรงที่ทุกคนน่ารักมากเข้าใจในจุดนี้ ข้อดีคือต้นฉบับตามใจฉันใส่ได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่างานจะผ่านไหม ส่วนข้อดีการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ คือแค่ส่งต้นฉบับ ถ้าผ่านพิจารณาทุกอย่างทางสำนักพิมพ์จัดการให้ ไปดูงานอีกทีตอนตรวจที่บ.ก.แก้มาให้ หลังจากนั้นก็รอดีใจเห็นหนังสือเป็นเล่ม ความยากคือต้นฉบับที่ส่งไปเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่างานเราจะผ่านไหม เพราะคำว่าดีของเรากับดีของทางบ.ก. ต่างกัน มันคือสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ได้เลย ทำได้อย่างเดียวคือทำให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่สุด



สำหรับกระแสนิยายที่มีการเป็นเปลี่ยนตลอดเวลาแล้ว คิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้นักอ่านติดตามผลงานของเราต่อไปกันคะ ถึงแม้ว่านิยายของเราจะไม่ใช่แนวที่อยู่ในกระแสก็ตาม

ชลันตี : จริงๆเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจกระแสค่ะ แต่งนิยายตามความอยากแต่งและความถนัดของตัวเองเป็นหลัก  นอกจากความชอบก็จะเป็นชีวิตเราในตอนนั้นอยู่ที่ไหน อย่างตอนทำงานที่จีนก็จะมีความอินในจีนจนอยากแต่งเรื่องจีนบวกกับชอบเรื่องแนวจีนเลยแต่งแนวจีน ส่วนตัวคิดว่าถ้าแนวที่อยู่ในกระแสแต่เราแต่งไม่ได้มันไม่ใช่มันไม่ชอบ แต่งไปก็เหมือนกับเราทำร้ายตัวเองและนักอ่าน  สำหรับทำยังไงให้นักอ่านติดตามเราทั้งที่เราไม่ได้แต่งนิยายในกระแส ก็ถ้าเราจะอินดี้ขนาดนี้งั้นให้เขาตามนามปากกาเราตัวเราแทนละกันค่ะ รักษาสัมพันธ์กับแฟนคลับเอาไว้เยอะๆ คุยกันบ้างไม่ใช่ไปคุยกับเขาแค่ตอนจะขายของ มีเล่นเกมส์สร้างสีสัน เขาถามอะไรนอกเรื่องนิยายก็ถ้าตอบได้ก็ตอบ ทำตัวให้เหมือนเพื่อนกันไม่ใช่แม่ค้าลูกค้า มันคือสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้ลำบากอะไรเลย เพราะมีไม่น้อยนักอ่านที่เขาตามนักเขียนเพราะเขาชอบนักเขียน นักอ่านบางคนซื้อหนังสือทันทีขอแค่ให้เป็นนามปากกาที่ชอบ การรักษาคนที่รักเราไว้ถึงแม้คนกลุ่มนี้จะไม่เยอะหรือมีแค่คนเดียว คือสิ่งสำคัญมากกว่าการเกาะกระแสนิยาย เพราะไม่ว่าเราจะแต่งแนวไหนคนกลุ่มที่รักเราเพราะเราคือเราเขาก็จะตามเราไปทุกแนวทุกกระแสอยู่ดี



ฝากถึงแฟนคลับที่คอยติดตามและ (น่าจะ) รอคอยผลงานของเราหน่อย

ชลันตี : ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามมาตั้งแต่แรกๆจนถึงวันนี้ หลายคนก็ยังตามกันอยู่อย่างเหนียวแน่น ซาบซึ้งใจมากจริงๆกับมิตรภาพที่ได้รับ จะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น  ถ้าใครมีคำแนะนำอะไรก็บอกกันมาได้ไม่ต้องเกรงใจ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ



ถ้าอยากจะติดตามผลงานของชลันตี มีช่องทางการติดตามข่าวสารที่ไหนได้บ้าง

ชลันตี : เข้ามาติดตามพูดคุยได้ที่ เพจ ชลันตี ค่ะ ยินดีต้อนรับทุกๆคน



มาถึงคำถามสุดท้ายกันแล้วววว วันนี้สนุกกันมากๆ เลย ก่อนจากกันไป มาบอกลาแฟนๆ หน่อย

ชลันตี : ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะที่ติดตามช่วยสนับสนุนนักอยากเขียนคนนี้ ให้ความฝันในวัยเยาว์ที่เคยอยากมีนิยายตีพิมพ์เป็นของตัวเองได้กลายเป็นจริง ทุกคนเหมือนของขวัญจากพระเจ้าที่มีค่ามากๆ อย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับในไมตรีที่มากมายของทุกคน  ก่อนจากกันไปขอฝากผลงานด้วยนะคะ ผลงานรักโรแมนติกตอนนี้กำลังอัพเรื่อง ผู้หญิงขายไข่ค่ะ เป็นเรื่องของ Egg Donor กับสูติแพทย์ที่ซื้อไข่ของเธอพร้อมกับเป้าหมายจะเปลี่ยนสาวขายไข่ให้กลายเป็นภรรยาจริงๆ เรื่องนี้จะเดินเรื่องใน NYC ส่วนแนวจีนโบราณจะเป็นเรื่อง ธารดอกท้อ เป็นเรื่องของธิดาสวรรค์เผ่าเหอเจ๋อที่ได้รับราชโองการให้เลือกผู้ชายหนึ่งในสามคนมาเป็นสามี แต่เรื่องราวไม่ได้จบแค่การแต่งงาน ยังโยงไปถึงเรื่องการชิงบัลลังก์ที่นางต้องเข้าไปข้องเกี่ยว และยังมีปริศนาดอกท้อและบุรุษผมเงินในภาพฝันตั้งแต่ยังเยาว์วัย ฝากทั้งสองเรื่องไว้ด้วยค่ะ




ชลันตีเจ้าของผลงานบุปผาซ่อนพิษ



เป็นไงกันบ้างคะ กับบทสัมภาษณ์นักเขียนสุดฮอตในวันนี้ พี่หญิงต้องขอขอบคุณชลันตีมากๆ เลยที่เสียสละเวลามาพูดคุยแชร์เทคนิค ประสบการณ์ดีดีกับเราในวันนี้ พี่หญิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทสัมภาษณ์ในวันนี้จะเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่อยากเป็นนักเขียนหลายๆ คน มีความมั่นใจในแนวทางของตัวเองมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแนวตลาด แค่เรามีความสุขในสิ่งที่เขียน พัฒนาฝีมือของเราให้ดียิ่งขึ้นไป สักวันพี่หญิงเชื่อว่าทุกคนจะต้องไปถึงฝันได้แน่นอน...
 

สุกท้ายในวันนี้พี่หญิงขอลาทุกคนไปก่อน ส่วนอาทิตย์หน้าเราจะได้พบกับนักเขียนมากฝีมือคนไหนอย่าลืมมาติดตามกันเยอะๆ นะคะ สวัสดีค่ะ^^





พี่หญิง^^

พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น