"คนมีฝันกับคนลงมือทำตามความฝันแตกต่างกัน"
มีใครเคยถามตัวเองไหมว่า
โตขึ้นอยากจะเป็นอะไร บอกเลยว่าตอนเด็กพี่อรอยากเป็นสิบแปดล้านอย่าง แต่มาจริงจังที่สุดก็ตอนเลือกคณะเรียน จำได้ว่า
อาจารย์คุมสอบสัมภาษณ์ถามว่า ทำไมถึงมาสมัครเรียนคณะนี้ สาขานี้ คำตอบที่ออกไปพร้อมกับตาสระอิคือ "อ๋อ...อยากเป็นนักเขียนค่ะ" ผ่านวันนั้นมานาน...จนนิ้วมือที่มีไม่พอนับแล้ว แต่ทุกๆ วันก็ยังขอบคุณการตัดสินใจเลือกเรียนในวันนั้นจนได้ทำอาชีพขีดๆ เขียนๆ และคอลัมน์พบปะพูดคุยสัปดาห์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขที่พี่อรอยากเอามาร่วมแบ่งปัน เพราะได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักเขียนแฟนตาซีแถวหน้าของเมืองไทย อย่าง "พี่กัล" หรือที่นักอ่านหลายคนคุ้นชินในชื่อนามปากกา "กัลฐิดา" อีกครั้ง การมาให้สัมภาษณ์รอบนี้นอกจากจะเป็นการอัพเดทผลงานและโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ของเธอแล้ว ยังมีมุมมองแง่คิดที่พี่อรว่าน้องๆ ที่มีฝันอยากจะเป็นนักนักเขียนควรต้องรู้ ส่วนเธอจะมาแบ่งปันเรื่องราวอะไรในมุมมองที่น่าสนใจแค่ไหนตามมาดูกันค่ะ
สวัสดีค่ะพี่กัลรู้สึกเหมือนไม่ได้พูดคุยกันนานเลยทักทายน้องๆ ชาวเด็กดีและอัพเดทผลงานกันสักหน่อยค่าคิดถึงมากมาย
กัลฐิดา: สวัสดีค่า
พี่กัล "กัลฐิดา" นะคะ ตอนนี้ก็มีผลงานนิยายรักเรื่อง
Until You ค่ะ แล้วก็กำลังโพสต์แฟนตาซี โพรเจกค์พิเศษที่ทำร่วมกับสำนักพิมพ์สถาพรบุคส์ เรื่อง
Glodano’s Tale เป็นภาคพิเศษของเซวีน่า ซึ่งเป็นเรื่องราวก่อนที่จะมีโลกเซวีน่าอย่างที่ทุกคนเห็นค่ะ
Glodano's Tale เวอร์ชั่นนิยาย
ตื่นเต้นมากตอนที่เห็นสำนักพิมพ์ปล่อยทีเซอร์ Glodano’s Tale คำเชิญจากผืนป่า ออกมา พี่กัลช่วยเล่าให้ฟังสักนิดค่ะว่าเป็นไงมาไงถึงได้สร้างตอนพิเศษนี้ขึ้น
กัลฐิดา: คือความจริงเป็นโพรเจกค์ที่ทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบเซวีน่า 10 ปี เกิดมาพร้อมๆ กับลินคอร์นเลยค่ะ แต่ด้วยกระบวนการที่มีรายละเอียดเลยทำให้ต้องใช้เวลาในการทำนาน
Baria’s Mission เองก็เป็นหนึ่งในผลพวงจากเรื่องนี้เหมือนกัน ซึ่งความพิเศษของ
Glodano’s Tale ก็คือ มันเป็นการนำเสนอโลกเซวีน่าในยุคก่อนเกิดโลกเซวีน่า และเป็นการนำเสนอแบบเวอร์ชั่น Comic ค่ะ
Glodano's Tale เวอร์ชั่น Comic
ถ้าเป็นนักอ่านใหม่ๆ ที่ไม่เคยอ่านเรื่อง เซวีน่า มหานครแห่งมนตรา มาก่อน จะสามารถอ่าน Glodano’s Tale คำเชิญจากผืนป่า ได้ไหม แล้วตอนพิเศษนี้มีความพิเศษอะไรที่คิดว่านักอ่านไม่ควรพลาดบ้าง
กัลฐิดา: แน่นอนค่ะ อ่านได้ เพราะเป็นเนื้อหาก่อนที่จะมีเซวีน่า แต่ถ้าใครที่อ่านมาทุกภาคแล้ว เรื่องนี้ก็ยิ่งห้ามพลาดเพราะมันจะทำให้เข้าใจว่าทำไมโลกเซวีน่าถึงได้เกิดขึ้น และเกิดขึ้นด้วยกระบวนการแบบไหน
นอกจากแนวแฟนตาซี ตอนนี้ก็มีนิยายรักหวานแหวว อย่าง Until You จนกระทั่ง...คุณด้วย ช่วยเล่าให้ฟังสักหน่อยทำไมถึงคิดจะเขียนนิยายรักเรื่องนี้ขึ้นคะ
กัลฐิดา: Until You เป็นนิยายที่เริ่มจากความคิดถึงมหาวิทยาลัยของพี่ก่อน ประกอบกับที่ผ่านมาพี่โดนน้องๆ ถามเยอะมาว่า ทำอย่างไรถึงจะเป็นหมอฟัน ต้องมีคุณสมบัติอะไรถึงจะเรียนได้ เรียนแล้วเป็นอย่างไร คำถามพวกนั้นบวกกับความคิดถึงเลยทำให้พี่ร่างพล็อตแล้วเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้น เป็นการเขียนนิยายที่อินมากๆ เพราะเหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่เอามาเล่าใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากค่ะ คิดว่าน่าจะทำให้นักอ่านทั้งสนุกและได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะน้องๆ ที่สนใจเกี่ยวกับคณะนี้
ในความคิดของพี่กัล Until You จนกระทั่ง...คุณ ต่างจากนิยายรักเรื่องอื่นๆ ยังไง
กัลฐิดา: อืม มันต่างเพราะมันเป็นนิยายที่เขียนจากประสบการณ์จริง นอกจากเรื่องความรักที่เราเอามาเป็นตัวร้อยเรื่องแล้ว เหตุการณ์และฉากแทบจะกลั่นออกมาจากประสบการณ์จริงของพี่ และเพื่อนร่วมคณะ พี่โชคดีด้วยที่คู่แฝดก็เรียนคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน พอต้องมาลำดับเรื่องราวและเลือกประสบการณ์มาเล่ามันเลยมีเรื่องราวที่นำมาร้อยเรียงได้มาก (บางทีก็มากเกิน 555) เวลาเขียนก็อินมาก ร้องไห้ก็หลายตอน ยิ้มหัวเราะเหมือนได้เห็นเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ถือเป็นการทำงานที่มีความสุขมากๆ ค่ะ เวลาเขียนนิยายรักเรื่องอื่นๆ นี่บางทีก็เกร็งๆ เครียดๆ ยังไม่น่าพอใจเท่าไร ^^
ปกหวานทั้ง 3 ของ Until You จนกระทั่ง...คุณ
ผลงานนิยายรักก็มี นิยายแฟนตาซีก็มาก พี่กัลมองความเหมือนต่าง ความยากง่ายของนิยายทั้งสองหมวดนี้ยังไง
กัลฐิดา: พี่ว่า ความยากของนิยายรักคือความอิน ขณะที่ นิยายแฟนตาซี คือการทำให้สมจริง โดยส่วนตัว ความสมจริงทำได้ง่ายกว่าความอิน เพราะความจริงมันมีมาตรฐานค่อนข้างชัด แต่ความอินเป็นความชอบส่วนบุคคล เป็นประสบการณ์ที่มีไม่เหมือนกันทุกคน แต่เราต้องผลิตงานเขียนให้คนหมู่มากอ่านมันจึงยาก การได้เขียน Until You ทำให้พี่เข้าใจหลักการการทำให้คนอ่านอินเป็นครั้งแรก พอเป็นแบบนั้นก็เลยคาดหวังเลยว่า การเขียนนิยายรักเรื่องต่อไปคงได้ทำงานสนุกๆ อีก
ได้ข่าวว่าพี่กัลคือนักอ่านตัวยง ส่วนตัวแล้วพี่กัลคิดว่าการอ่านให้อะไรกับคนที่เป็นนักเขียนบ้าง
กัลฐิดา: ไม่ว่าจะฟัง พูด หรืออ่าน ก็เป็นรากฐานของการเขียนนักเขียนจะต้องเรียนรู้การปรับใช้ทักษะทั้งสามเพื่อนำเสนอออกมาในรูปแบบของการเขียน สำหรับพี่ พี่จะให้น้ำหนักของการอ่านมากเป็นพิเศษ เพราะการอ่านเป็นรากฐานที่สำคัญที่จะทำใหเราเห็นรูปแบบจำลองของชิ้นงาน เป็นเหมือนตัวอย่างที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเป็นทั้งข้อมูลที่เราจะมาใช้เป็นวัตถุดิบ ด้วยความคิดนี้ พี่จึงเชื่อว่า ไม่ว่านักเขียนจะเริ่มต้นการเขียนด้วยความชอบหรือไม่ชอบการอ่าน แต่สุดท้ายเขาก็จะอ่าน และไม่ใช่การอ่านเพื่อความชอบแต่เป็นการอ่านเพื่อพัฒนางานของตัวเองให้ดีขึ้น
อยากรู้ว่านิยายในดวงใจของพี่กัลคือเรื่องไหน และชอบเพราะอะไรคะ
กัลฐิดา: จริงๆ ถ้าให้เลือกนิยายในดวงใจคือเรื่องไหน มันมีเยอะมาก มันเลือกไม่ได้ เพราะมันสนุกหลายเรื่อง แต่ที่ชอบมากจะเป็นของนักเขียนอเมริกันคนหนึ่งชื่อ เจย์น แอน แครนท์ เขาเป็นนักเขียนนิยายรักที่มีแฟนตาซีเข้าไปในเรื่อง เรื่องที่อยู่ในใจพี่ตลอด อ่านซ้ำหลายครั้งมากคือ นิยายชุด Arcane Society เป็นหนังสือชุดที่มีหลายเล่มมาก อ่านแล้วสนุกทุกเล่ม จนรู้สึกอยากจะเขียนนิยายที่ทำให้คนรู้สึกอย่างนี้บ้าง นั่นเป็นเหตุผลได้ไหม (หัวเราะ) ก็คงได้เนอะ เพราะหนังสือที่ดี มักจะทำให้เราอยากผลิตผลงานที่ดีออกมา
ทุกวันนี้พี่กัลมีแนวทางพัฒนาผลงานของตัวเองยังไง
กัลฐิดา: พี่ค่อนข้างเป็นคนเข้มงวดกับตัวเองมากถึงมากที่สุดในเรื่องของงานเขียนนะคะ คนเราจะมีจุดที่เรายอมไม่ได้คนละแบบ สำหรับพี่คงเป็นเรื่องงานเขียน พี่จะต้องตรวจสอบผลงานตัวเองอย่างละเอียดทุกครั้ง ตั้งแต่เตรียมงาน ทั้งขณะทำ และหลังจากทำเสร็จ เราจะได้เรียนรู้ในกระบวนการที่แตกต่างกันเพื่อใช้ในการพัฒนาในงานต่อไปพี่เชื่อว่างานเขียนเป็นทักษะการสื่อสารแบบหนึ่งที่ซับซ้อน และการที่นักเขียนคนเดียวจะต้องสื่อสารเรื่องราวมากกว่าร้อยหน้าให้คนมากกว่าหนึ่งคนเข้าใจโดยไม่เคยเห็นหน้า มันยิ่งต้องระมัดระวังและหาจุดตรงกลางที่พอดี
มีหลายทฤษฎีที่พูดเกี่ยวกับการพัฒนางานเขียน ไม่ว่าจะเป็นภาษา คำศัพท์ การเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราจำเป็นต้องทำไม่ใช่เลือกทำแค่บางทักษะ และการจะพัฒนางานเขียนของตัวเองได้ก็คือการทำสิ่งเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา ตรวจงานตัวเองให้เป็นแล้วเริ่มทำใหม่ ไม่มีทางลัดที่เร็วกว่านี้ ไม่มีวิธีที่ง่ายหรือยากกว่านี้
กระบวนการที่ถูกทำซ้ำไปซ้ำมาจะเป็นตัววัดความอดทนและความพยายามของนักเขียน ไม่มีใครบอกได้ว่าเราเก่งขึ้นไหม เรามาถูกทางหรือเปล่า แต่สิ่งที่พี่สัมผัสได้ตลอดเส้นทางของความพยายามคือ เส้นทางนี้ช่วยกรองคนที่รักการเขียนจริงๆ และเมื่อเราให้ความรักมันมากพอ การเขียนก็จะรักเราเช่นกัน
เทคนิคของพี่เวลาใช้จับว่าตัวเองน่าจะมาถูกทางคือ คนอ่านรับสารของเราได้ ดังนั้น จุดสำคัญของการพัฒนางานและเป็นหลักฐานชี้ว่าเราสามารถก้าวไปอีกขั้นคือ ความเข้าใจตรงกันของนักเขียนของนักอ่านผ่านงานเขียนที่ไม่จำเป็นต้องมานั่งวิเคราะห์หรืออธิบายเพิ่มเติม ด้วยความคิดนี้ มันจึงเป็นโจทย์หลักของนักเขียนทุกคนจะต้องหาวิธีว่าเราจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าคนอ่านเข้าใจเรา
นักอ่านทดลองมีความสำคัญมากในจุดนี้ ถ้านักเขียนคนไหนหานักอ่านทดลองของตัวเองเจอ จะทำให้นักเขียนคนนั้นพัฒนาได้เร็วมาก ถือเป็นแต้มต่อที่ทรงพลังที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่นักอ่านทดลองที่ดีก็ไม่ได้หาง่ายค่ะ เนื่องจากคุณสมบัติของนักอ่านทดลองนอกจากต้องเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อิทธิพลของนักอ่านคนนั้นต่อนักเขียน
สำหรับพี่ ทุกคนบนโลกนี้สามารถวิจารณ์งานเขียนของเราได้ แต่เราจะเชื่อเขาได้หรือเปล่านั่นเป็นเรื่องสำคัญ คุณสมบัติของนักอ่านทดลองจึงไม่ใช่แค่คนที่รู้เทคนิคเยอะ อ่านเยอะ หรือน่าเชื่อถือ แต่เป็นคำพูดของเขาสามารถทำให้นักเขียนยอมรับจุดอ่อนจุดแข็งของเขาหรือเปล่า
หากน้องๆ สังเกตจะพบว่ารายการวาไรตี้แบบแข่งขันทักษะจะมีกรรมการที่เป็นเมนเตอร์เกือบทุกรายการ และเมนเตอร์แต่ละคนจะมีประสบการณ์และผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในคำพูดและคำแนะนำของเขา แต่งานเขียนเราอาจจะหาเมนเตอร์อย่างนั้นได้ยากหน่อย เพราะแม้แต่คนที่เก่งที่สุด มีผลงานมากที่สุดมาเมนต์ให้เรา ถ้าเราไม่เชื่อเขา มันก็ไม่มีประโยชน์ นี่ยังไม่นับว่า นักอ่านทดลองบางคนที่ดูเหมือนจะเป็นเมนเตอร์ที่ดีแต่ไม่ดีก็มี
คำถามคือ จะหานักอ่านทดลองที่เป็นทีมเดียวกับเราได้ที่ไหน สำหรับพี่นะ คนแรกที่พี่นึกถึงคือ คนที่ไม่ว่าจะพูดอะไร พี่ก็จะไม่โกรธ ซึ่งมันอยู่บนพื้นฐานของการเชื่อใจที่ว่า เขาไม่ใช่คนที่จะโกหกหรือพูดรักษาน้ำใจเรา และเขาหวังดีกับเรา ความแน่ใจตรงนี้จะช่วยลดข้อกังขาในคำวิจารณ์ของเขาได้เกือบหมด อย่างที่สองคือ ตัวเราเองที่ใช้สติในการพิจารณาคำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมา การยอมรับความจริง และการไม่ยอมแพ้
มันดูเหมือนยากใช่ไหมคะ แต่มันทำได้ค่ะ พี่เชื่ออย่างแรงกล้าว่า คนที่ก้าวไปในเส้นทางนี้จำเป็นต้องทำ มันอาจดูโหดร้ายไปหน่อยที่ต้องพูดแบบนี้ แต่พี่ไม่เคยเห็นที่ละเลยสิ่งนี้แล้วเป็นนักเขียนได้เลยค่ะ พวกเขาเป็นได้แค่นัก (อยากจะ) เขียน แต่ไม่ใช่นักเขียน ไม่ช้าก็เร็ว เราก็จะเห็นว่า เขาได้ที่เดินออกจากเส้นทางนี้ไปด้วยขาของเขาเอง
พี่เคยเป็น นัก (อยากจะ) เขียน มาก่อน ทุกคนที่อยากเป็นนักเขียนก็เคยเป็น การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่ทำให้เราสลัดป้ายคำว่า (อยากจะ) ออกไปจากป้ายติดตัวเราได้ และถึงแม้จะสลัดไปได้ครั้งหนึ่ง หากเราไม่พัฒนาตัวเองให้สม่ำเสมอ ป้ายคำนี้ก็จะเวียนกลับมาหาเราอีก
นักเขียนเป็นอาชีพที่แปลก แม้ว่าจะทำได้ครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าหยุดทำ ก็กลายเป็นว่า เรากลับไปทำไม่ได้เหมือนเดิม เป็นกำลังใจให้กับทุกคนทีกำลังพัฒนาตัวเองนะคะ
ในสายตาพี่กัล ผลงานที่ดีควรเป็นแบบไหนและเพราะอะไรพี่กัลถึงคิดอย่างนั้น
กัลฐิดา: ผลงานที่ดีสำหรับพี่คือ ผลงานที่สื่อสารกับคนอ่านได้ ภาษา พล็อต เป็นเรื่องรองไป ซึ่งจากประสบการณ์ เรื่องที่สื่อสารได้ดีก็มักจะมีภาษาและพล็อตดี พี่ไม่ชอบการวิจารย์นิยาย เพราะพี่มีความเชื่อว่า นิยายทุกเรื่องสนุก แต่ที่มันไม่สนุก เพราะคนเล่าเล่าไม่สนุก โจทย์ของนักเขียนก็คือ เล่าอย่างไรให้สนุก และเราพยายามหาวิธีที่จะทำให้การเล่านั้นสนุกอยู่เสมอ ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่หากเราค้นพบวิธีการเล่าเรื่องได้ครั้งหนึ่ง มันจะเหมือนกับเราได้คุยกับนักอ่านอย่างสนิทสนมทั้งที่เราไม่ได้อยู่ตรงหน้ากันและกัน
นิยายที่ดี คือนิยายที่บรรลุจุดประสงค์ของการสื่อสาร อาจมีส่วนอื่นไม่ยอดเยี่ยม อาจมีตกหล่น อาจไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าการสื่อสารสมบูรณ์ นั่นคือนิยายที่ดี
ทักษะการเล่าเรื่องเป็นศิลปะ มันพูดยากว่าอย่างไรถึงดี มันเหมือนเราไปถามคนวาดรูปว่า ทำไมถึงใช้สีนี้กับภาพนี้ หรือเอาให้ชัดเจนคือ เหมือนเราไปถามหมอว่า ทำไมถึงให้ยาตัวนี้กับคนไข้ มันอาจจริงที่เรารู้ว่า ยาแต่ละตัวออกฤทธิ์อย่างไร แต่ มันมียาที่ออกฤทธิ์เหมือนกันหลายตัว หลายยี่ห้อ คำถามคือ หมอใช้อะไรตัดสินใจว่าจะใช้ยาไหน ถ้าให้ตอบอย่างมีหลักการและใช้ได้กับการเขียนด้วยก็คือ คุณต้องรู้จักยาหรือของในมือคุณอย่างถ่องแท้ ใช่มันอาจเหมือนกัน แต่มันก็มีความต่างและความต่างเพียงเล็กน้อยนั้นทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมหาศาล
งานเขียนที่ดี คืองานเขียนที่ผ่านการกลั่นกรองอย่างจริงจัง คัดสรรอย่างเข้มข้น และเต็มไปด้วยรายละเอียดซึ่งแสดงผลออกมาในความเรียบง่ายจนบางทีคนอ่านก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กว่าจะได้มาซึ่งการเล่าเรื่องที่สื่อสารกับเขาได้ตรงจุดนี้ ต้องผ่านกระบวนการคิดมากขนาดไหน ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่นักอ่านต้องสนใจ เพราะนักเขียนจำเป็นต้องทำสิ่งนั้นอยู่แล้ว ไม่ได้มีความพิเศษอะไรในการที่ต้องเอามาอวดอ้าง
พี่เชื่อว่าพออ่านมาถึงตรงนี้ต้องมีบางคนพูดว่า เขาไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลย ทุกอย่างมันอยู๋ในหัว ไหลออกมาเอง มีแต่คนบอกว่านี่เป็นพรสวรรค์ ใช่ค่ะ พี่เองก็เคยเป็นแบบนั้น รู้ว่ามันรู้สึกดีแค่ไหนที่ทำได้อย่างนั้น แต่ถ้าน้องเขียนนิยายมากกว่าห้าสิบเล่มเมื่อไร น้องจะเข้าใจสิ่งที่พี่พูด การไหลบ่าของเรื่องราว การเขียนที่ลื่นไหลมันไม่เคยหายไปจากหัวพี่ แต่สิ่งที่พี่ได้เรียนรู้และต้องยอมรับคือ การกระทำที่ใช้เพียงสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียวแล้วประสบความสำเร็จ คือการสื่อสารทางเดียวที่ประสบผลเพราะโชคดีเฉยๆ แล้วถ้าวันหนึ่งโชคเราหายไป สิ่งที่เหลืออยู่คืออะไรคะ ยังไม่นับว่า หากก้าวมาเป็นนักเขียนอาชีพที่ต้องรักษาคุณภาพงาน แต่ต้องผลิตผลงานในเวลาจำกัด โชคของเราก็จะหมดไปเร็วขึ้น ดังนั้น ถ้าเลือกได้ อย่าใช้โชคของเราบ่อยเลยค่ะ ใช้มันตอนที่จำเป็น มีพรสวรรค์มันดีอยู่แล้ว แต่เก็บมันเป็นไม้ตายก้นหีบ แล้วสร้างอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพขึ้นมาใช้งานร่วมด้วยจะดีกว่า
ความรู้สึกวันแรกที่พี่กัลคิดที่จะเขียนนิยาย กับความรู้สึกในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมยังไงบ้างคะ
กัลฐิดา: ความรู้สึกรักและหลงใหลงานเขียนไม่ได้เปลี่ยนไปเลยค่ะ มันยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมมาคือเรามีกระบวนการในพัฒนามันดีขึ้น พี่ชอบอ่านการ์ตูน พี่ชอบอ่านนิยาย พอมาเป็นนักเขียน คนรอบข้างมองว่า มันไม่ใช่อาชีพที่จะเลี้ยงตัวเองได้ พี่ก็ได้แต่ถามตัวเองกลับว่า ถ้ามันไม่ใช่อาชีพที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ แล้วทำไมถึงยังมีคนที่ทำอยู่ บางคนทำจนตายจากโลกนี้ไปด้วยซ้ำ คำตอบที่ได้ในเวลานั้นก็คือ แสดงว่ามีคนที่เลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้ได้นี่ เขาทำอย่างไร เราสามารถทำได้ไหม นั่นคือ โจทย์ที่พี่ตั้งให้ตัวเองในเส้นทางนี้
ไม่กี่ปีต่อมาพี่ก็ได้คำตอบ คนที่อยู่บนเส้นทางนี้ได้คือคนที่รักและทำงานเขียนอย่างจริงจัง เพราะมีแค่สองสิ่งนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เราได้รับโอกาสจากนักอ่าน ได้รับการสนับสนุน มันเป็นสายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็นที่ทั้งเปราะบางและเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน แม้คนภายนอกจะมองว่า มันเป็นความเสี่ยง และใช่ค่ะ มันดูมีความเสี่ยงกว่าการทำงานประจำเยอะเลย แต่นั่นเป็นการบ้านของคนที่อยากทำงานสายนี้ต้องหาคำตอบให้ตัวเองต่อว่า ระหว่างที่เส้นทางของเรายังสุ่มเสี่ยงอยู่ เราจะเอาตัวรอดอย่างไร
สิบกว่าปีที่ผ่านมา พี่บอกตัวเองว่า ถ้างานเขียนของเรายังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องเลี้ยงตัวเอง คิดหาวิธีว่าอะไรที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ได้และเขียนนิยายได้ ถ้าเราไม่เกี่ยงงานหนักและไม่ละทิ้งความฝัน ก็ไม่มีใครเอาความฝันออกไปจากเราได้ ความรักในงานเขียน สอนให้พี่อยู่รวมกับสิ่งที่ไม่ชอบได้ ทำในสิ่งที่ไม่ชอบได้ อดทนต่อสิ่งที่เกลียดหรือกลัวได้ ทำให้เป็นคนมีระเบียบ มีวินัย ที่สำคัญ มันสอนให้พี่เข้าใจว่า คนมีฝัน กับ คนลงมือทำตามความฝัน แตกต่างกัน ความฝันไม่ใช่ของที่มีไว้ให้กับคนเอาแต่ใจและเห็นตัวเองเป็นใหญ่ แต่ความฝันจะสำเร็จได้ด้วยมือของคนที่เผชิญหน้ากับความจริงและมองหาลู่ทางที่เป็นไปได้จากนั้นก็ลงมือทำอย่างไม่ยอมแพ้
วันนี้เมื่อมองกลับไปบนเส้นทางที่ผ่านมา พี่ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน พี่ขอบคุณทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา และยังคงตั้งใจทำงานที่พี่รักให้ดีที่สุด ไม่ว่าต่อไปจะได้รับการตอบรับดีหรือไม่ก็ตาม พี่ก็จะพยายามสุดความสามารถเหมือนอย่างที่ทำมาตลอด เพื่อสร้างผลงานที่ดีที่สุดใหนักอ่านต่อไปค่ะ
ฝากอะไรถึงแฟนนักอ่าน และนักอยากเขียนของเราเป็นการทิ้งท้ายสักหน่อย
กัลฐิดา: สำหรับแฟนนักอ่าน ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่ ขอบคุณที่ติดตาม พี่ไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจากพัฒนางานให้ดีขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้สนุกกันต่อไป
สำหรับนักอยากเขียน พี่อาจจะดูเป็นคนที่ดุและเข้มงวดไปหน่อยนะคะ ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพูดหรือสอนก็มักจะจริงจังและดูน่ากลัวไปนิด แต่ทั้งหมดนั้นก็เพราะพี่ถ่ายทอดประสบการณ์ของพี่ สิ่งที่พี่พูดและสอนทุกอย่างเกิดจากประสบการณ์ ในความเป็นจริง พี่ไม่อยากให้ใครเลยจะต้องเดินออกจากเส้นทางนี้ไป และเพื่อการนั้น การติดอาวุธและบอกเล่าประสบการณ์อย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้สวยหรู ไม่ได้ชวนฝัน จึงเป็นเรื่องจำเป็น
เมื่อน้องอยู่ในวงการนี้ไปเรื่อยๆ น้องจะพบว่า สิ่งที่พี่พูด คือความจริงที่ไม่ว่าน้องจะอยากยอมรับหรือไม่มันก็จะเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้น มันคงดีไม่น้อย หากเราเตรียมตัวเพื่อเผชิญหน้ากับบททดสอบของสิ่งที่เรารัก มันไม่ผิดหรอกค่ะ ที่เราจะดูไม่เก่ง ดูไม่ดี พี่เองก็ผ่านมาเยอะเหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่เราดูแย่ ดูล้มเหลว มันทำให้เราเก่งขึ้น มันเป็นเส้นทางที่นักเขียนทุกคนต้องเจอไปตลอดชีวิต เพียงแต่คนที่มีประสบการณ์มากกว่า เขาก็จะมีวิธีที่จะชะลอหรือหลบเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุแบบนั้น หรือหากต้องเผชิญหน้าเขาก็มีอาวุธที่เอาไว้ต่อกร ซึ่งมันเป็นไม่ได้เลยที่เขาจะมีทักษะหรือของพวกนั้นโดยที่เขาไม่เคยผ่านเส้นทางเดียวกับน้องมาก่อน เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
วิธีการคิดที่มาพร้อมกับประสบการณ์ของนักเขียนคนนี้เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ใครที่กำลังคิดหาวิธีที่จะพัฒนาตัวเองลองเอาแนวคิดนี้ไปต่อยอด ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับตัวเอง เขียนให้เยอะอ่านให้มาก สิ่งสำคัญสำหรับนักอยากเขียนคือ ต้องเขียน เขียนทุกวัน เพราะนักเขียนจะพัฒนาฝีมือขึ้นได้อย่างไรถ้าไม่เขียน พี่อรและทีมงานไรเตอร์จะคอยเป็นกำลังใจและเชื่อว่าความฝันในการเป็นนักเขียนของน้องๆ ต้องสำเร็จได้ในสักวันแน่ๆ แล้วกลับมาพบปะพูดคุยกับรุ่นพี่นักเขียนเด็กดีได้อีกในสัปดาห์หน้าน้า
อ้อ ก่อนจากกันไป พี่อรมีของพิเศษมาฝากด้วยค่ะ นั่นคือ หนังสือ Glodano's Tale ที่ทางสนพ. สถาพรแฟนตาซีใจดี มอบให้เรามาแจกด้วยกัน 3 เล่ม ใครอยากได้ช่วยบอกหน่อย คุณชอบกัลฐิดาเพราะอะไร ประกาศผลรางวัลในวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2560 ค่ะ
ประกาศผลผู้ได้รับรางวัล Glodano’s Tale คำเชิญจากผืนป่า ได้แก่
1 Pandora P.
2 สกายวอล์คเกอร์ตัวน้อย
3 MaRiENa_
สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัล กรุณายืนยันสิทธิ์ ด้วยการส่ง
- ชื่อ นามสกุล -ชื่อแฝง -ที่อยู่ ในการจัดส่งของรางวัล
มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com
ขอบคุณที่เข้ามาร่วมสนุกกันนะคะ โอกาสหน้ามาร่วมสนุกกันอีกน้า
28 ความคิดเห็น
ขอบคุณพี่กัลมากเลยค่ะ พี่เป็นไอดอลในใจของหนูตลอดมาและตลอดไปจริงๆ
ชอบพี่กัล เพราะพี่กัลทำให้หนูรู้สึกมีกำลังใจทุกครั้งที่คิดจะเขียนนิยาย เป็นแรงบันดาลใจให้หนูทำตามความฝันของหนูต่อไป ประสบการณ์ของพี่สอนให้หนูมีความมุ่งมั่นและความพยายามที่จะทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ และขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่พี่แต่งออกมานะคะ เพราะนิยายของพี่ ทำให้หนูกลายเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ และรู้สึกว่าการอ่านหนังสือนั้นสนุกมาก ขอบคุณมากๆนะคะ
พี่กัลเป็นเหมือนคนเปิดโลกที่หนูมีกับหนังสือให้กว้างขึ้นค่ะ เซวีน่าเป็นนิยายเรื่องแรกที่ทำให้หนูได้เข้าใจว่าการจินตนาการเรื่องราวต่างๆในหนังสือมันสนุกสนานเพียงไหน การรอคอยตอนต่อๆไปที่พี่จะอัพมันเป็นเวลาที่ลุ้นมากเพียงใด พี่ทำให้หนูรู้ว่าการที่จะเขียนนิยายขึ้นมาหนึ่งเรื่องมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันคุ้มค่าและท้าทายที่จะทำ ที่สำคัญหนูอยากขอบคุณพี่มากจริงๆค่ะ ที่ทำให้หนูได้พบเพื่อนใหม่ๆที่ชอบอะไรเหมือนๆกัน เราคุยกันเรื่องหนังสือของพี่ และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันจนถึงทุกวันนี้ หนูพิมพ์บรรยายออกมาได้ไม่หมดหรอกค่ะว่าหนูชอบพี่มากแค่ไหน แต่หนูก็อยากให้พี่รู้ว่า หนูเป็นคนหนึ่งได้รับพลังด้านบวกจากการอ่านหนังสือของพี่ และสำหรับนิยายที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเซวีน่านี้ หนูก็เชื่อว่าหนูต้องได้รับอะไรมากมายจากการอ่านนิยายเรื่องนี้แน่นอนค่ะ
ปล.พิมพ์ซะยืดยาวขอลงท้ายว่า รักพี่กัลฐิดา มากค่ะ ^^
ครั้งแรกที่หนูเริ่มติดตามพี่กัล คือ ตอนม.2 หนูอ่านเซวีน่าเป็นเรื่องแรก ที่หนูชอบและติดตาม ผลงานของพี่กัล คือ หนูอ่านนิยายของพี่ไม่ว่าจะเรื่องไหนหนูรู้สึกได้ว่าเข้าไปอยู่ในโลกของนิยายนั้นจริงๆ คือมันรู้สึกว่าเราจับต้องได้ ปกติหนูเป็นคนอ่านนิยายแฟนซีแปล แต่พี่กัลเป็นนักเขียนคนไทยคนเดียวที่หนูติดตามอ่านนิยายของพี่มาตลอด รวมทั้งข้อคิดต่างๆไม่ว่าจะจากนิยายหรือจาก แฟนเพจพี่กัล ที่มีมาให้อ่านและได้ฉุกคิด ตอนนี้อยู่ปี 1 แล้วยังอ่านนิยายของพี่กัลอยู่เลย5555 สุดท้ายขอบคุณพี่กับ ที่สร้างสรรค์ ผลงานดีๆมาให้นักอ่านเยาวชนไทย ได้มีความคิดสร้างสรรค์มีจินตนาการ และรักการอ่าน ค่ะ แต่งไปนานๆๆ เลยนะคะ รอติดตามผลงานทุกเรื่องค่ะ ขอบคุณค่า
ปล. อยากได้หนังสือเซตนี้มากๆเลยค่ะ เพราะสัปดาห์หนังสือรอบนี้เงินไม่คล่อง5555 ถ้าไม่ได้ยังไงก็จะค่อยๆสะสมเก็บไปซื้อฮับ
ชอบพี่กัล เพราะพี่กัลเป็นคนมีความคิดที่ดี คิดรอบด้าน เป็นระบบ สร้างสรรค์ และกว้างไกล แถมยังสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือได้ดีด้วยค่ะ ทุกครั้งที่ได้อ่านนิยายของพี่กัล ไม่ว่าจะแนวแฟนตาซี หรือนิยายรัก จะได้อะไรดีๆกลับไปเสมอ ทำให้อยากตั้งใจเรียนมากขึ้น รักโลก รักคนข้างๆที่เราอยู่มากขึ้น อยากทำอะไรดีๆให้เขา อยากพัฒนาตัวเอง และอดทนแบบตัวเอกมากขึ้น ได้เรียนรู้ว่ากว่าจะประสบความสำเร็จได้ต้องผ่านอะไรมามากมาย และไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน หรือปัญหาตรงหน้ายากเย็นแค่ไหนก็ต้องลุกขึ้นสู้และฝ่ามันไปให้ได้ เหมือนกับที่พี่กัลเองก็จะบอกอยู่เสมอๆว่าพี่เองก็ต้องผ่านอะไรมามากเหมือนกัน และเพราะพี่ตั้งใจ มีวินัยกับตัวเอง และอดทน ถึงประสบความสำเร็จได้ถึงทุกวันนี้ เลยจำและพยายามนำมาปรับใช้กับตัวเองตลอด นึกขอบคุณพี่กัลและหนังสือทุกเล่มที่ได้อ่านมาว่าเป็นครูที่ดีคนหนึ่งอยู่เสมอค่ะ รักและเคารพพี่กัลมากๆ ขอบคุณมากๆนะคะ เขินน ><
ยินดีด้วยนะคะ กรุณายืนยันสิทธิ์ ด้วยการส่ง
- ชื่อ นามสกุล -ชื่อแฝง -ที่อยู่ ในการจัดส่งของรางวัล
มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com
ขอบคุณที่เข้ามาร่วมสนุกกันนะคะ
เริ่มจากเรื่องเซวีน่าเลย
เป็นนิยายเรื่องแรกที่อ่านในชีวิต
และเป็นเรื่องที่เป็นอันดับ1ในใจเสมอมา
พี่กัลเป็นคนเปิดโลกจินตนาการของเด็กผญ.ป.3คนหนึ่ง(นึกสภาพแบบเอลซ่าเปิดประตู เลทอิทโกเลยจิงๆ)
คือพี่กัลเป็นนักเขียนที่น่าทึ่งมาก พี่เขาสามารถสื่อภาพที่นักเขียนน้อยคนจะสื่ออกมาได้ เป็นภาพที่วาดในหัว เป็นภาพที่ทำให้เราเห็นในสิ่งที่พี่เขาจะสื่อ และเป็นโลกใหม่ที่เราตื่นเต้นไปกับมัน
นอกจากนั้นยังมีคำดีๆแฝงมาต่างๆ การสองโลกในแง่บวก มีพลังบวก บอกตรงๆเรารู้สึกว่าอ่านแล้วมีแรงผลักดัน มีกำลังใจ และยิ้มไปกับเรื่องราวต่างๆ
เราก็ใฝ่ฝันนะว่าสักวันอยากจะเขียนแล้วสื่อจินตภาพและอารมณ์ได้แบบพี่กัล
ปล.หนูเปย์glodano มาแล้วค่ะ อยากแชร์ว่าทำไมถึงชอบพี่กัลมากกว่า
ปล.2 แต่lostยังไม่มีนะพี่ อิๆ
แรกเริ่มชอบพี่กัลจากนิยายที่อ่าน นั่นก็คือเซวีน่าค่ะ เลยติดตามผลงานของพี่กัลมาเรื่อยๆ เรื่องที่ชอบมากที่สุดก็คือ เดรกเกอร์ สตอรี่ ซึ่งตอนนั้นรู้จักพี่กัลผ่านงานเขียนอย่างเดียว ไม่เคยรู้จักตัวจริง จนกระทั่งอ่านเรื่อง Until You รู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดชีวิตของพี่กัลมากขึ้น เลยเริ่มเข้าไปติดตามเพจของพี่กัล และก็ได้รู้ว่าพี่กัลเป็นคนที่มีการแบ่งเวลาได้ดีเยี่ยมมาก ช่วงไหนต้องทำอะไรก็จะทำอันนั้นอย่างเต็มที่ ทำให้งานที่ออกมามีคุณภาพที่ดีตลอด ทำให้ไม่รู้สึกผิดหวังเลยที่ติดตามชื่นชอบมาตลอด และทำให้อยากจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นโดยมีพี่กัลเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการแบ่งเวลา และทัศนคติต่อการเรียนการทำงาน สุดท้ายนี้อยากบอกพี่กัลว่า เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้พี่กัลทำงานเขียนออกมาได้เยอะๆ หนูจะคอยติดตามผลงานพี่กัลตลอดไปนะคะ
รักพี่กัล เพราะเริ่มจากรักเซวีน่า รักโลกแห่งนั้นมากจนหาว่า ใครกันนะที่เป็นคนสร้างมันขึ้นมา และสุดท้าย เมื่อได้ติดตามพี่กัลไปเรื่อยๆ....ก็รักพี่กัลมากกว่ารักนิยายของพี่กัลอีกค่ะบอกเลย 5555 เป็ยกำลังใจให้เสมอนะคะพี่กัล เลิฟๆ
เพราะอะไรถึงชอบพี่กัลฐิดา....
เพราะพี่กัลเป็นนักเขียนที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ประทับใจนักอ่านมากๆ พี่เป็นคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของงานเขียนของพี่ และถ่ายทอดมันออกมาให้นักอ่านได้อ่าน ทำให้รู้ว่าพี่ใส่ใจกัย
บนักอ่านและผลงานมากแค่ไหน ทุกงานเขียนของพี่กัล ทุกคำพูดในบทความต่างๆของพี่กัล เป็นแรงผลักดันและคำสอน ที่จะทำให้หนูและทุกๆคนที่อยากเขียนนิยายมีกำลังใจ มีแนวทางในการปฏิบัติว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่ออยากจะเขียนนิยาย ไม่ใช่แค่อยากอย่างเดียวแต่ต้องลงมือเขียน นั่นคือสิ่งที่พี่สอน ในทุกๆงานเขียนของพี่กัลไม่ว่าจะเป็นทั้งนิยายแฟนตาซีหรือนิยายรัก เนื้อหาล้วนสอดแทรกการดำเนินชีวิต ทำให้เห็นความแตกต่างของแต่ละตัวละครและมันก็เหมือนกับในชีวิตจริงด้วยนั่นทำให้ หนูรักพี่กัล และพี่กัลเป็นเหมือนพี่สาวของหนูเลยค่ะ
เริ่มจากการที่หนูเป็นคนชอบอ่านพวกนิยาย วรรณกรรมพวกนี้มาก อ่านแบบไม่เคยจำชื่อผู้แต่งเลยด้วยซ้ำ ทุกเรื่องที่อ่าน ๆ มา คือ จำได้แต่ชื่อเรื่องอ่ะ
แต่ เซวีน่า ไม่ใช่ เซวีน่า เป็นนิยายเรื่องแรกที่อ่านจบแล้วต้องกลับมาย้อนอ่านใหม่ อ่านไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบอ่ะ อ่านจนจะให้จำทั้งหมดเล่ม ว่าเขียนอะไรไว้บ้าง เป็นนิยายเรื่องแรกที่ทำให้ย้อนกลับมาอ่านชื่อผู้เขียนจนจำขึ้นใจอ่ะ เอาจริง ๆ ที่รู้จัก นักเขียนที่ชื่อกัลฐิดา เพราะเซวีน่าอ่ะ
ทำให้ติดตามผลงานมาตลอดนับตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว ที่เริ่มอ่านเซวีน่าครั้งแรก นี่ติดตามไม่เคยพลาดสักเรื่องอ่ะ เรื่องไหนที่นักเขียนคนนี้เขียนคือต้องไปตามเก็บตามซื้อมาให้หมดอ่ะ จนเพื่อนแซวว่า นี่แกจะอ่านแต่นิยายของนักเขียนคนนี้รึไง 5555
ชอบบบบ ชอบอ่ะ ไม่รู้จะบอกยังไง ชอบการเขียน การเล่าเรื่อง การบรรยาย มันให้ความรู้สึกเหมือนเราไปอยู่ในนิยายนั้นด้วย จนเก็บเอาไปฝันนี่ก็บ่อย (อาการหนัก5555)
แต่ดีใจมากที่ตอนเพื่อนแนะนำให้อ่านเซวีน่าครัแรก ทั้ง ๆ ที่เลี่ยงมาหลายครั้งเพราะมีหนังสือกองให้อ่านอีกเยอะ ล่ะพอไม่มีอะไรให้อ่านสุดท้ายก็ต้องหยิบเซวีน่าขึ้นมาอ่าน แต่เซวีน่ากลับกลายเป็นนิยายที่เปิดอ่านซ้ำไปซ้ำมามากกว่านิยายที่อ่านก่อนหน้าเสียอีก 5555
ขอบคุณพี่กัลที่มำให้หนูได้รู้จักโลกเซวีน่า และรู้จักงานเขียนคุณภาพของพี่
หนูชอบพี่เพราะพี่แสดงให้เห็นว่าพี่พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ อันนี้หนูสัมผัสได้จากการอ่านนิยายแต่ละเรื่อง ๆ ของพี่
และอีกอย่างที่ชอบมากกกก คือนิยายทุกเล่มของพี่ จะมีบทเรียนที่มาจากตัวละครแต่ละตัว จะคำพูดเตือนสติ คำพูดที่สอนให้คิด หื้ออ ชอบมากกกก ชอบบบบบบบบ รักกกกกก
ชอบพี่กัลเพราะอะไร
ถ้าจะให้พูดถึงว่าชอบเพราะอะไร ก็พูดได้เต็มปากเลยค่ะว่า ชอบเพราะ"หลงรักงานเขียนของพี่"
เราเป็นคนหนึ่งที่ติดตามพี่กัลมาจากเดรกเกอร์แล้วหลงรักเนื้อเรื่องข้างในจนอ่านซ้ำๆๆๆ อ่านวนตั้งแต่เล่มหนึ่งถึงเล่มห้า
แล้วเราก็เริ่มอยากตามเรื่องของฟายด์ต่อ เพราะอย่างนั้นถึงมุ่งเป้าไปหาลินคอร์น แต่สารภาพตามตรงว่าอ่านไม่รู้เรื่องในตอนแรกค่ะ5555 เลยหันไปเซวีน่า เราก็ตกหลุมรักโลกที่พี่สร้างขึ้นมาอีกครั้ง
หลงรักทั้งภาษา ตัวละครแล้วก็เนื้อเรื่องที่ดำเนินไป
หลังจากอ่านเซวีน่าจบเราก็เร่งอ่านทั้งลินคอร์นและบาเรีย แล้วก็มาเจอคาเลนดาร์
เป็นผลงานพี่อีกอันที่ทำให้เราทึ่งมากๆในการที่แต่ละตัวละครทำภารกิจของตัวเองในแนวทางของตัวเอง
พออ่านคาเลนดาร์จบก็ตรงกับที่พี่ออกลอสเล่มของดิสการ์พอดีเราก็เลยเดินเข้าไปในโลกของพี่อีกครั้ง
แล้วก็เสียน้ำตาให้เรื่องนี้ตั้งแต่เล่มของพริสมาเลยค่ะ
งานเขียนพี่กัลมีทั้ง ความรัก ความสุข ความเศร้า พัฒนาการของตัวละครและข้อคิดทีไ่ด้มาจากตัวละคร
มันเป็นทั้งความสนุกของเรา และแรงบันดาลใจให้เราได้เขียนนิยายเช่นกัน
เพราะอย่างนั้นเราถึงเราชอบพี่ และเคารพนับถือพี่เป็นไอดอลด้วยค่ะ
ชอบกี่กัลเพราะอะไร
เพราะพี่กัลสร้างแรงบัลดาลใจให้เราเป็นคนกล้าค่ะ เหมือนที่พี่กัลกล้าที่จะออกมาเป็นนักเขียนทั้งที่มีงานที่หลายๆคนต้องการคือหมอฟัน เราคนนึงที่เมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่กล้าค่ะ เราเลือกตัดสินใจเรียนตามความต้องการของครอบครัวที่เห็นว่าโอเค เราเรียนสายวิทย์มาตลอดเลยตั้งแต่เด็กๆ พอใกล้จบมอหก มันคือการตัดสินใจที่เครียดมากๆ เพราะเราไม่กล้าตัดสินใจค่ะ เรารู้ว่าเราไปสายวิทย์คณิตพอได้ แต่เราไม่ชอบ แล้วเราติดตามผลงานของพี่กัลมาตลอดแล้วอ่านเจอว่าพี่กัลออกจากงานมาเป็นนักเขียน ตอนนั้นทำให้เราตัดสินใจได้เลยค่ะ เราลองเสี่ยงกล้าที่จะเดินไปคุยกับพ่อแม่ว่าไม่อยากเรียนสายวิทย์คณิต เราขอสอบนิเทศศาสตร์ ตอนแรกคิดว่าพ่อแม่ไม่ให้แน่ๆ แต่พอได้คุยได้อธิบายพ่อกับแม่ก็เข้าใจแล้วสนับสนุนเรา คืออารมณ์นั้นดีใจมากกกก ดีใจที่อ่านเจอบทสัมภาษณ์ของพี่ ดีใจที่กล้าเข้าไปคุย ทำให้ตอนนี้เราได้เรียนในสิ่งที่ทำให้มีความสุข
แล้วก็ต้องขอบคุณเซวีน่าที่ทำเราให้ได้รู้จักกัน จะติดตามผลงานตลอดไปนะคะ❤
ชอบกัลฐิดาเพราะอะไร ?
เอาจริงๆคือหนูชอบกัลฐิดาเพราะหนังสือเซวีน่า เพราะเราหลงรักเซวีน่า หลงรักความเป็นเฟมีลหลงรักความเป็นตัวละครทุกตัว ในเรื่องนี้ จนกลายเป็นการค้นหา ความอยากรู้ เเละค่อยๆติดตาม ค่อยๆทำความรู้จัก เซวีน่าที่เราหลงรักนี้ใครเเต่ง กัลฐิดาแต่ง กัลฐิดาคือใคร ทำไหมถึงได้เเต่งเรื่องให้เราหลงรักถึงเพียงนี้ได้ จากนามปากกาสั้นๆที่เห็นบนปกเซวีน่า นามปากกาที่เราเริ่มหลงรักและเริ่มค้นหาเพื่อทำความรู้จัก เริ่มค้นหางานอื่นๆชองเขามาอ่าน ยิ่งอ่าน ทำให้ยิ่งรู้จัก และยิ่งอ่านหนังสือที่กัลฐิดาคนนี้แต่ง เรายิ่งหลงรักผู้หญิงคนนี้ หลงรักความคิด หลงรักตัวหนังสือที่เขาเขียน หลงรักนิยายที่เขาเเต่ง หลงรักทุกๆอย่างที่กัลฐิดาคนนี้ ขีดเขียนขึ้นมา ขอบคุณเซวีน่าที่ทำให้คนที่ไม่เคยรู้จักกัลฐิดา ได้มารู้จักกัน ขอบคุณพี่กัล ที่ทำให้เราได้รู้จักเซวีน่าและกัลฐิดา ขอบคุณที่เเต่งนิยายดีๆและดีมากๆมาให้เราได้อ่าน ไม่เคยมีครั้งไหน ที่ผิดหวังจากนักแต่งคนนี้ โลกที่พี่สร้างเเต่ละโลก โคตรสมบูรณ์และน่าติดตามเสมอ รอติดตามหนังสือพี่เสมอนะค่ะ
ปล. เซวีน่าคือเล่มแรกที่ซื้อหนังสือของกัลฐิดา จากนั้นเริ่มค้นหาเล่มอื่นที่มีชื่อผู้เเต่งนี้ (กัลฐิดา) จนวันนี้ไม่มีเล่มไหนของกัลฐิดาที่ไม่มีอยุ่บนชั้น และหนังสือของกัลฐิดาแต่ละเล่ม ต้องเคยอ่านเกินสิบครั้งขึ้นไป (ครั้งเดียวไม่พอจริงๆ
นอกจากเรื่องนิยาย มีอีกเรื่องที่หนูชอบแล้วก็อยากขอบคุณพี่มากๆเลยค่ะ ในเพจ World of Kalthida พี่กัลมักจะมาเล่าประสบการณ์ทั้งเรื่องในการเป็นนักเขียนและเรื่องที่พี่ได้พบเจอ คำพูดของพี่มันทำให้หนูมีไฟขึ้นมาใหม่ เวลาที่ไม่มีเวลาเขียนหรือบางครั้งก็ท้อขึ้นมาก็ทำให้อดทนขึ้น ทำให้หนูไม่ลืมและไม่ทิ้งความฝันของตัวเอง หนูคิดว่ามันดีมากๆเลยค่ะ และคิดว่าคนอื่นก็รู้สึกได้หมือนกัน สุดท้ายก็อยากบอกพี่กัลว่าขอบคุณแล้วก็เขียนนิยายที่ดีๆออกมาเรื่อยๆนะคะ หนูจะติดตามหนังสือที่พี่เขียนตลอดไปเลยค่า
ยินดีด้วยนะคะ กรุณายืนยันสิทธิ์ ด้วยการส่ง
- ชื่อ นามสกุล -ชื่อแฝง -ที่อยู่ ในการจัดส่งของรางวัล
มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com
ขอบคุณที่เข้ามาร่วมสนุกกันนะคะ
ทำไมถึงชอบพี่กัลน่ะเหรอ...เพราะพี่กัลเป็นนักเขียนคนแรกที่เปิดโลกนิยายแฟนตาซีให้หนู แต่เดิมหนูเป็นคนติดแฮร์รี่พอตเตอร์มากถึงขนาดไม่กล้าอ่านนิยายเรื่องอื่นเพราะหนูกลัวว่าการอ่านนิยายเรื่องอื่นที่สนุกน้อยกว่านิยายเรื่องเดิมจะทำให้เกิดอาการผิดหวังไม่อยากอ่านนิยายอีกแต่ว่าเมื่อหนูได้ลองเปิดอ่านนิยายของพี่กัล หนูก็พบว่าพี่ทำได้ดียิ่งกว่าharry potterเสียอีก นิยายของพี่กัลเป็นนิยายที่บรรยายได้สุดยอดจนเหมือนตัวละครหลุดออกมาสร้างเหตุการณ์อยู่ตรงหน้ ามันทำให้หนูเลิกมองนิยายแค่เล่มเดียว พี่ทำให้หนูเริ่มสนใจนิยายเรื่องอื่นๆ พี่ทำให้หนูเริ่มสนใจในการเขียนนิยาย พี่ทำให้หนูเข้าใจว่าความสุขของการอ่านมันเป็นยังไง ทำให้หนูเข้าใจประโยคที่ว่า "ถ้าคุณคิดว่าความสุขจากการอ่านมาจากนิยายแค่เล่มเดียวแสดงว่าคุณเห็นความสุขจากการอ่านต่างจากผม" ขอบคุณที่กัลมากนะคะ แม้พี่จะปิดโลกเก่าๆไปแต่หนูก็จะขอเป็นนักท่องเที่ยวของไกด์กัลตลอดไปค่ะ
เพราะอะไรถึงชอบกัลฐิดา?
พี่กัลคือ 'แรงบันดาลใจ' ในการเป็นนักเขียนค่ะ หนังสือเล่มแรกของพี่กัลที่อ่านคือ เดรกเกอร์ สตอรี่ พี่กัลพาเด็กตัวเล็กๆคนนึงเข้าไปรู้จักกับโลกอีกใบ เปิดมุมมองใหม่ๆ พาไปสัมผัสเสน่ห์ของนิยายรักแฟนตาซี(จนเป็นหมวดที่อ่านบ่อยที่สุดทุกวันนี้ <3) จนเด็กตัวเล็กๆคนนั้นเริ่มกลายเป็น 'นักอ่าน' อย่างเต็มตัว
ไม่ว่าจะอ่านผลงานของกัลฐิดากี่เล่ม สิ่งที่สัมผัสได้ผ่านนิยายของพี่กัล คือ 'ความทุ่มเท' ที่พี่กัลมีให้กับหนังสือทุกเล่ม พี่กัลพูดเสมอว่าพี่กัลอยากให้นักอ่านมีความสุข อยากให้นักอ่านได้รับสิ่งที่ดีที่สุด บางเรื่อง(เช่นโกลดาโน่)พี่กัลต้องทำการบ้านนานมากกกก เพื่อที่จะทำให้แน่ใจว่า นักอ่านทุกคนจะได้รับแต่ความรู้สึกดีๆกลับไป ซึ่งตรงนี้คือจุดที่ชอบมากๆ เพราะเรารู้สึกว่า 'นักเขียนคนนี้ทุ่มเทให้เรามาก' เราวางใจว่าหนังสือของพี่กัลจะสนุก
อีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมถึงชอบพี่กัลคือ หลงรักนิยายของพี่กัลค่ะ นิยายของพี่กัลมีกิมมิคในแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน อย่างเซวีน่า กิมมิคที่ชอบมากคือพระเอ---//โดนตี ไม่! คือโลกค่ะ! เซวีน่าคือโลกที่สมบูรณ์แบบที่เกิดจากสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบมารวมตัวกัน หรือ คาเลนดาร์ กิมมิคที่ชอบที่สุด คือ คาแรคเตอร์ของตัวละครที่เรียลขึ้นมาก พี่กัลคือนักเขียนที่พยายามท้าทายตัวเองอยู่ตลอด จากเซวีน่า ที่ตัวละครยังไม่เรียลเท่าไหร่ ปมยังไม่ใหญ่หรือยุ่งเหยิงมาก(รึเปล่านะ...) สู่เดรกเกอร์ที่ปมพันกันยิ่งกว่าสายหูฟังสามร้อยเส้นมาอยู่รวมกัน สู่คาเลนดาร์ที่ตัวละครมีความเรียลมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอีกหน่ึ่งเหตุผลค่ะ เพราะพี่กัลไม่เคยหยุดพัฒนาหรือท้าทายตัวเอง ทำให้นักอ่านอย่างเรา รอดูผลงานเล่มต่อๆไปของพี่กัล อยากรู้ค่ะว่านักเขียนคนนี้ จะนำเสนอเรื่องราวแบบไหนให้เราได้อ่านอีก ^_^
ป.ล. ถ้าพี่กัลได้อ่านนะคะ บอกดีดี้ทีว่าหนูรักเขา-----//ไม่เกี่ยว UAU
ยินดีด้วยนะคะ กรุณายืนยันสิทธิ์ ด้วยการส่ง
- ชื่อ นามสกุล -ชื่อแฝง -ที่อยู่ ในการจัดส่งของรางวัล
มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com
ขอบคุณที่เข้ามาร่วมสนุกกันนะคะ
ย้อนไปสมัย เมื่อเกือบ 10ปีก่อน สมัยเป็นเด็กม.1 ชอบอ่านนิยายรักหวานแวว
คิดว่าการอ่านนิยายแฟนตาซีเล่มหนาๆมันน่าเบื่อ
ตอนนั้นที่ห้องสมุด มีการโปรโมท เซวีน่า อย่างหนัก ทั้งเพื่อน หรือครูบรรณารักษ์ ใครๆ ก็แนะนำให้ลองอ่านเซวีน่า
เป็นครั้งแรกที่อ่านนิยาย เล่มใหญ่มากกกก ใหญ่กว่าหนังสือเรียน
พอได้อ่านเซวีน่า มันเหมือนเปิดโลกใหม่ขึ้นมา เราหลงรักในโลกนั้น เราใจหายเวลาที่ต้องออกจากโลกของเซวีน่า
ทุกๆครั้งที่พี่กัลเปิดโลกเซวีน่าใหม่อีกครั้ง เรารู้สึกตื่นเต้น ดีใจ เหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก ไปผจญภัย เรียนรู้เรื่องราวต่างๆในโลกเซวีน่า
สำหรับเราแล้ว เซวีน่าไม่ใช่แค่หนังสือ แต่เป็นโลกในจินตนาการของเรา และพี่กัลก็เป็นผู้สร้างโลกที่เรารักขึ้นมา ขอบคุณจริงๆนะคะ