อยากเป็นนักเขียนงั้นเหรอ? เริ่มจากเป็นบ้าก่อนสิ

 


อยากเป็นนักเขียนงั้นเหรอ?
เริ่มจากเป็นบ้าก่อนสิ

 


สวัสดีน้องๆ ชาวไรเตอร์ทุกคน เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยที่กำลังอ่านบทความนี้ต้องเป็นนัก (อยาก) เขียนกันแน่นอน เพราะไม่งั้นคงไม่คลิกเข้ามาอ่านบทความนี้ใช่มั้ยล่ะ!? เมื่อไม่นานมานี้พี่น้ำผึ้งได้หลังไมค์จากทางเพจไรเตอร์มาเยอะมาก เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า “อยากเป็นนักเขียน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”

กับอีกประเด็นนึงที่พี่เจอบ่อยไม่แพ้กัน ซึ่งก็คือตอนเริ่มเขียนนิยายยังดีๆ อยู่หรอก แต่พอเขียนไปเขียนมาดันหยุดซะงั้น อ้างว่ายุ่งไป เรียนหนัก ไม่มีเวลา การบ้านเยอะ งั้นเท เลิกเขียนดีกว่า มีอีกเป็นร้อยเหตุผลที่ทำให้เราเทงานเขียนและล้มเลิกความฝันในการเป็นนักเขียนของเรา
 
ถ้าใครที่กำลังเป็นอย่างนี้แล้วล่ะก็ พี่ขอแนะนำให้อ่านบทความนี้เลย! เพราะพี่น้ำผึ้งได้นำเทคนิคการเริ่มต้นเขียนนิยายจากนักเขียนหนุ่มจากดินแดนกิมจิชื่อดังอย่าง “คิม ยัง ฮา (Kim Young Ha)ที่พูดบนเวที TED Talk มาฝากน้องๆ ค่ะ โดยคิมตั้งชื่อเทคนิคเล็กๆ นี้ว่าGo a Little Nuts (เป็นบ้านิดๆ)”


 

Clip

Young-ha Kim: Be an artist, right now!


 

นวนิยายที่คิมเขียนส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นแนวสะท้อนสังคม ก็มักจะเป็นแนวฆาตกรรมที่มีผีโผล่มาเกี่ยวข้อง นิยายของเขาดีมาก การันตีด้วยรางวัลต่างๆ ในเกาหลีใต้ที่เคยได้รับไม่ว่าจะเป็น Yi Sang Literature Award จากเรื่อง The Brother is Balck หรือ Dong Literature Award จากเรื่อง Black Flower รวมทั้ง Hwang Sun Literature จากเรื่อง Treasure Ship

โดยเฉพาะนิยายเล่มแรกของเขาที่มีชื่อว่า I Have the Right to Destroy Myselfซึ่งเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่พยายามหาวิธีฆ่าตัวตาย และเรื่องนี้แหละที่ทำให้คิมแจ้งเกิดในวงการหนังสือของเกาหลีใต้ รวมทั้งยังได้รับการยกย่องว่ามีฝีมือการเขียนเหมือนกับฟรานซ์ คาฟกา นักเขียนชาวยิวชื่อดังระดับโลกอีกด้วย ที่สำคัญนิยายอีกเรื่องอย่าง Black Flower ยังขึ้นแท่นนิยายอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ โอ้โห โปรไฟล์ดีขนาดนี้ อย่าได้ลีลาค่ะ เลื่อนลงมาอ่านเลยดีกว่าว่าเทคนิค Go a Little Nuts ของคิม ยัง ฮา มีอะไรบ้าง โก!

 

คิม ยัง ฮาบนเวที TED Talk
(ขอบคุณรูปภาพ : Ted.com)


 

ปลดปล่อยตัวเองด้วยการโกหก

สังเกตมั้ยคะว่าตอนเด็กๆ เราชอบจินตนาการนู่นนั่นนี่ที่เหนือธรรมชาติ แต่พอโตมา จินตนาการเหล่านั้นกลับค่อยๆ เลือนหายไป คิมเปรียบเทียบการเขียนนิยายเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่เราสามารถทำได้ทุกอย่าง จินตนการได้ทุกเรื่อง โกหกกับตัวเองเข้าไว้ บ่อยครั้งที่เราได้รับอิทธิพลจากคนใกล้ตัวจนทำให้เราหยุดเขียนนิยายเพียงเพราะว่านิยายมันไม่ใช่เรื่องจริง เธอโตแล้วนะจะมาเขียนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ได้ยังไง แต่เชื่อเถอะว่า ฟังเสียงตัวเองแล้วเขียนออกมาเลย ให้เรานึกถึงตอนเด็กๆ มันเป็นตอนที่เราได้ใช้จินตนาการอันไร้ขีดจำกัด ไม่ต้องสนใจว่าสิ่งที่มโนจะเป็นไปได้มั้ย แค่เขียนก็พอ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีเด็กคนนึงบอกแม่ว่า “ดูสิฮะ ผมเจอเอเลี่ยนระหว่างทางกลับบ้าน” ปกติถ้าเราเป็นแม่ เราก็จะตอบว่า “ไร้สาระน่าลูก” แต่ทีนี้ให้เราเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่เป็นการโกหกตัวเอง “จริงเหรอ? แล้วเอเลี่ยนเป็นไงบ้างล่ะ? มันพูดอะไรกับลูกหรือเปล่า? ไปเจอที่ไหน?” อะไรประมาณนี้ ถึงจะเป็นการโกหก แต่เชื่อเถอะว่า คำโกหกคือการกระตุ้นสมองให้สร้างสรรค์เรื่องราวต่างๆ ขึ้นมา

 

ทำตัวให้บ้า

ยอมรับซะเถอะว่าการเขียนนิยายก็เหมือนกับการทำตัวให้บ้านั่นแหละ คิมบอกว่าการเขียนนิยายก็เหมือนกับการเริ่มต้นด้วยประโยคที่ฟังดูไม่มีเหตุมีผลผล แต่ประโยคถัดไปจะทำให้มันมีเหตุผลมากขึ้น ไม่ต้องแปลกใจถ้าตอนแรกที่เราเขียนนิยายนั้นอาจจะมีอาการเขินอายนิดหน่อย แต่พอเขียนประโยคถัดไปและถัดไป ความเขินอายที่มีก็จะหายไป สิ่งสำคัญคือให้เราทำตัวบ้าๆ บอๆ เข้าไว้ ซึ่งบ้าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าอาการจิตหลอนหรือเป็นโรคประสาทนะคะ แต่หมายถึงว่าให้เราใช้จินตนาการเยอะๆ โดยไร้ขอบเขต ไม่ต้องสนว่าที่คิดมันจะเป็นไปได้หรือไม่ อาจจะมีพูดกับตัวเองในหัวบ้างว่าเราจะเขียนอะไรต่อไป เห็นมั้ยว่าถึงแม้มันฟังดูบ้านิดๆ แต่ก็ช่วยให้นิยายของเราไปต่อได้นะ

 



(ขอบคุณรูปภาพจาก : alchetron.com)

เขียนอย่างบ้าคลั่ง

น้องๆ รู้มั้ยคะว่าคิม ยัง ฮา เป็นอาจารย์สอนประจำภาควิชาการแสดง มหาวิทยาลัย Korea National University of Arts ด้วยค่ะ คิมบอกว่าทุกครั้งที่เขาสอนนักศึกษาเรื่องการเขียนบทละคร เขามักจะบอกให้พวกเขา “เขียนให้สุด เขียนไปอย่างบ้าคลั่ง อย่าหยุดเขียน เขียนต่อไป อย่าหยุด” จากนั้นก็เริ่มกดดันเด็กด้วยการเดินวนรอบห้อง จับตาดูพวกเขาโดยไม่ให้คลาดสายตาจนกระทั่งหมดเวลาเรียน ซึ่งแน่นอนว่านักศึกษาเหล่านั้นก็มีงานมาส่งอาจารย์คิมอยู่แล้ว แถมเป็นงานที่ดีมากๆ ด้วย แม้พวกเขาจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมหาศาลตอนที่เขียนก็ตาม

คิมอธิบายสาเหตุที่บอกให้เด็กของเขา “เขียนอย่างบ้าคลั่ง ห้ามหยุด” ไว้ว่า เวลาที่คนเราเขียนนิยายช้าๆ เขียนเรื่อยๆ มันจะเริ่มมีความคิดบางอย่างเข้ามาในหัว ซึ่งคิมเรียกมันว่าปีศาจร้าย แล้วไอ้เจ้าปีศาจร้ายนี่แหละที่มันพยายามทำให้เราหยุดเขียนนิยายด้วยเหตุผลร้อยแปด อาทิเช่น เลิกเขียนเหอะ เขียนไปก็ไม่มีคนอ่าน, ดูประโยคนั้นสิ ไม่ได้เรื่อง, ห่วยมาก พอ เท!! และอื่นๆ อีกมากมายเป็นต้น คือปีศาจมันจะพูดหลายๆ อย่างใส่เราจนเราท้อใจและเทงาน ดังนั้นเราจำเป็นต้องเขียนนิยายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปีศาจร้ายจะได้ตามเรามาไม่ทันไงล่ะ!

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่คิมเน้นย้ำก็คือ ไม่ว่าการใช้จินตนาการของเราจะเป็นยังไง บ้าแค่ไหน แต่จงใช้มัน และใช้มันมากๆ อย่าให้ปีศาจร้ายเข้ามาควบคุมได้ 

 

ไม่ต้องสนหรอกว่าจินตนาการมาจากไหน

หลายคนอาจกังวลว่าทำยังไงให้มีไอเดียในการเขียนนิยายบทถัดไปหรือบรรทัดถัดไปได้ พี่น้ำผึ้งขอยืดอกบอกน้องๆ เลยว่าไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์นั้นมาหาเราได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะต้องการมันหรือไม่ นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถบังคับจินตนาการของเราได้เลยค่ะ เอาล่ะ ในเมื่อบังคับการมาของมันไม่ได้ แต่เราสามารถบังคับตัวเองได้ด้วยการเตรียมพร้อมตลอดเวลา มีสมุดบันทึกเล็กๆ กับดินสอเอาไว้จดไอเดีย ทีนี้ไม่ว่าจะขึ้นรถลงเรือก็ไม่ต้องกังวลเลยค่ะว่ามันจะหายไป นอกจากนี้คิมยังแนะนำวิธีกระตุ้นจินตนาการของเราด้วยการฟังเรื่องคนอื่นเยอะๆ ค่ะ เพราะนั้นจะช่วยให้เราเกิดการตั้งคำถามและหาคำตอบเองในใจ ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียดีๆ ในการเขียนนิยายนั่นเองค่ะ

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับเทคนิคดีๆ ที่พี่นำมาฝากในวันนี้ ซึ่งพี่น้ำผึ้งก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้น้องเริ่มเขียนนิยายกันเนอะ แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ว่า... อัพนิยายเท่าไหร่ก็ไม่มีคนอ่าน สำหรับพี่ พี่คิดว่าถ้าเราอยากเป็นนักเขียน เราก็ควรจะเริ่มเขียนเลยค่ะ ลงมือเลย สิ่งสำคัญคือการถามตัวเองเสมอว่าจุดมุ่งหมายในการเขียนนิยายของเราคืออะไร? มันคือการเขียนเพื่อสนองนี้ดตัวเองใช่มั้ย? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะว่าจะมีคนอ่านนิยายของเรามั้ย พี่เชื่อเสมอว่าถ้านิยายเราดีจริง เขียนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีคนมาอ่านแน่นอน ดังนั้นอย่างให้ปีศาจร้ายมาหยุดเราได้นะคะ ส่วนครั้งหน้าพี่จะนำเรื่องอะไรมาฝากนั้น รอติดตามเลยค่ะ ^_______^


 

พี่น้ำผึ้ง :)


ขอบคุณข้อมูลจาก
ted.com
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

15 ความคิดเห็น

stima Member 15 มี.ค. 60 16:55 น. 1

บทความนี้แชร์ไปเฟสบุ๊คไม่ได้เหรอคะ อยากไปแปะให้ลูกศิษย์อ่าน เพราะตอนนี้สั่งเขียนบทละครวิทยุอยู่ แต่เด็กๆ นึกเรื่องกันไม่ออกเลยค่ะ

2
กำลังโหลด
TheGrinner Member 15 มี.ค. 60 17:41 น. 2

อืมมม... ที่บอกให้เขียนแบบใส่ทุกอย่างที่คิดได้เราไม่ค่อยเห็นด้วยนะคะ เพราะเราคิดว่าถ้านิยายมันไร้เหตุผลเกินขีดจำกัดเราก็ไม่ไหว ถ้าอ่านเล่นๆ เบาสมองก็โอเคค่ะ แต่ว่าถ้าไร้เหตุผลอย่างแมรี่ ซูนี่ก็ไม่ไหว ฮาาา เป็นคนที่อ่านนิยายที่ค่อนข้างจริงจังค่ะ แฟนซีแบบมีขอบเขต หรือนี่อาจไม่ใช่แนวเรา = =;;


ส่วนที่บอกว่าต้องเริ่มต้นด้วยการบ้า เราก็คงเป็นนักเขียนที่เก่งกาจเชียวค่ะ เพราะไปหาจิตแพทย์จนพ่อแม่ขี้เกียจพาไปแล้วให้หยุดยาซะ--- (ไม่ใช่ละๆ) อันที่จริงเห็นด้งยกับข้อนี้ค่ะ คนปกติที่ไหนจะมานั่งสร้างโลกของตัวเองด้วยตัวอักษร! จะว่าไปนิยายเราก็เหมือนจะเข้าแนวที่พี่น้ำผึ้งแนะนำต่อมาเหมือนกันนะคะ เริ่มต้นด้วยการบอกว่าพระเอกต้องการมีเจ้าสาวผู้สมบูรณ์แบบ แต่เงื่อนไขคือเขาเกลียดผู้หญิง (แนววายนั่นเอง 555)


ยังไงก็ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ นะคะ! :)

1
Honey.T Columnist 16 มี.ค. 60 10:16 น. 2-1

ก่อนอื่นขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ

แต่อย่างไรก็ตาม พี่ค่อนข้างเห็นด้วยกับสิ่งที่คิมบอกนะคะ เพราะในช่วงเวลาที่จำกัด เราคิดอะไรได้ก็เขียนไป ซึ่งมันสามารถนำมาเกลาได้อีกครั้งค่ะ พี่ว่าก่อนที่จะเขียน เราก็ต้องสร้างเหตุผลรองรับอยู่แล้วหรือเปล่าเอ่ย? ส่วนเรื่องแมรี่ ซู สามารถเลี่ยงได้ตั้งแต่ลงมือสร้างตัวละครแล้วค่ะ ^^

ยังก็ขอบคุณสำหรับความเห็นอีกรอบนะคะ

0
กำลังโหลด
daimondphet504 Member 15 มี.ค. 60 21:39 น. 3

เป็นค่ะ ช่วงแรกโครตบ้าเลย ชนิดที่ว่าตื่นมาก็เขียนเลยค่ะ แต่การเวลาก็ผ่านไปจากบ้ากลายเป็นเบื่อค่ะ

1
กำลังโหลด
สายลมใบไม้ผลิ Member 16 มี.ค. 60 12:06 น. 4

ตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจที่ว่าอยู่เลยค่ะ ก็เลยเทมันต่อหน้าต่อตาเจ้าปีศาจนั้นเลย เสร็จหยิบขึ้นมาเกลาใหม่ในมุมเล่าเรื่องบุคคลที่ 3 (เดิมเล่าแบบบุคคลที่ 1) แบบไม่รอทิ้งไว้นาน ไม่งั้นปีศาจนั้นอาจชนะตลอดกาลได้ ฮ่าาาา ...ล้มบ้าง แพ้บ้างไม่เป็นไร แต่ถ้าลุกขึ้นใหม่ต้องชนะเท่านั้น


ขอบคุณบทความนะคะ เทจากหกสิบกว่าตอน เริ่มปั่นใหม่เกือบสามตอนแล้วตอนนี้ และจะยังไม่หยุดปั่นต่อไป


ปล.บางครั้งมือมันก็ไม่ค่อยทันความบ้าของสมองสักเท่าไหร่ ฮ่าาาา

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ซาน่า เอฟ. วาลกัส Member 18 มี.ค. 60 09:18 น. 7

ไม่เข้าขั้นนะค่ะ... เป็นมากกว่าบ้าไปแล้ว!

บ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้า! ขนาดเขียนนิยายไปโขกหัวกับประตูกระจก....//มีความอนาถ

พิมพ์มันเยอะพอแก้เหลือ 3 หน้า... ก็นะ

เป็นวิธีที่ดีจะเอาไปใช้//เอ๊ะ! หรอใช้อยู่นะ...

1
กำลังโหลด
DAIZUSUKA_1013 Member 21 มี.ค. 60 14:29 น. 8

เราก็บ้าอยู่แล้วเชื่อดิ พล็อตนิยายผุดออกมาเป็นดอกเห็ดจนเขียนไปลบแล้วลบอีก..555

 // พออ่านบทความแล้วก็รู้สึกอยากจับปากกาขึ้นมาเขียนทันที
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
อยู่ต่อเลยได้ไหม Member 22 มี.ค. 60 08:08 น. 10

ฮุๆ ขอบอกว่าอิฉันก็บ้ามานานแล้ว เขียนมาเป็นสิบเรื่อง ทุกเรื่องค้างขึ้นหิ้ง ตอนนี้ก็สอยลงมาเขียน จบไปแล้วหนึ่ง สองกับสามกำลังตะกายตามลงมา (ที่เหลือก็ชะเง้อคอรอไปก่อนน่ะเด็กๆ)

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
แสงเทียนท่ามกลางความมืดมิด Member 3 ก.ย. 60 15:49 น. 14

ปลดปล่อยตัวเองด้วยการโกหก

โอ้โห อันนี้ประจจำค่ะ มโนว่า สามีชื่อนั้นนี้ เราบินได้ล่ะ เราคือผู้ยิ่งใหญ่

เราพึ่งออกจากศรีธัญญา(ซึ่งเราโกหกเพื่อน แล้วมันก็เชื่อและอยากให้เราไปมาก สนับสนุนมาก)


ทำตัวให้บ้า

ไม่ต้องบอกก็เป็นแล้วค่ะ บ้าไม่หยุดหย่อน บ้าจนเพื่อนแทบจะลากเข้าศรีธัญญาทุกทีที่พูด


เขียนอย่างบ้าคลั่ง

อันนี้แรกๆเป็น หลังๆกำลังใจไม่ค่อยมีเลยไม่คลั่ง ถ้าคลั่งจริงๆ ตัวหนังสือที่ถูกพิมพ์มา จะมีตกบานเลยค่ะ เคยล่ะ


ไม่ต้องสนหรอกว่าจินตนาการมาจากไหน

เมื่อก่อนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้กำลังเป็นอยู่ ต้องพยายามทำตัวสบายๆ ปล่อยความเครียดออกไป สู้!

0
กำลังโหลด
Saizon 15 มี.ค. 63 17:47 น. 15

เขียนไม่ออกตั้งแต่เริ่มแรก

เริ่มวางพล็อตเรื่องก็ไม่เป็น ดูโง่ยังไงไม่รู้

ไม่รู้จะเริ่มไง

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด