8 วรรณกรรมดีต่อใจ อ่านแล้วฟินอินวันคริสต์มาส


8 วรรณกรรมดีต่อใจ อ่านแล้วฟินอินวันคริสต์มาส



สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน การอ่านหนังสือในช่วงวันหยุดเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก มันทำให้พวกเราฟินและแฮปปี้สุดๆ ยิ่งถ้าเราเลือกหนังสือให้เข้ากับเทศกาลนั้นๆ นะคะ บอกเลยว่าดีต่อใจ สำหรับเดือนธันวาคมก็คงหนีไม่พ้นวันคริสต์มาส พี่น้ำผึ้งอดไม่ได้ที่จะชวนน้องๆ มาอ่านวรรณกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์อันน่าตื่นตาตื่นใจในฤดูหนาวและวันคริสต์มาส วันนี้พี่ได้รวบรวมรายชื่อหนังสือนานาชาติที่ขอการันตีเลยว่าจะทำให้หัวใจของน้องๆ อบอุ่นและตื่นเต้นไปกับคริสต์มาสค่ะ จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ตามมาดูเลยจ้า

 


(via : amazon.com)
 

A Christmas Carol
โดย Charles Dickens


“A Christmas Carol” เป็นวรรณกรรมคลาสสิคที่มีคุณค่าเหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังคงเป็นอมตะไม่เปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่าเป็นวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของชาร์ลส์ ดิคเก้นเลยก็ว่าได้

นับตั้งแต่มีการตีพิมพ์วรรณกรรมเรื่องนี้ขึ้นในปี 1843 ข้อความ “Merry Christmas (สุขสันต์วันคริสต์มาส)ก็กลายเป็นประโยคยอดฮิตที่ผู้คนใช้พูดในวันคริสต์มาส ด้วยตัวละครที่น่าสนใจ มีความลึกซึ้งและการเล่าเรื่องที่น่าอัศจรรย์ของดิคเก้น ทำให้ A Christmas Carol ได้รับความสนใจและดึงดูดผู้อ่านเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน

ดิคเก้นเขียน A Christmas Carol ขึ้นเพื่อระลึกถึงเทศกาลคริสต์มาส รวมทั้งยังได้พยายามให้แง่คิดแก่นักอ่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศีลธรรม การแบ่งปันความรัก ความเมตตา การส่งต่อความสุขและทำการกุศล ดิคเก้นมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับวันคริสต์มาส เขาพาเราไปอยู่ในยุควิคตอเรีย สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในยุคนั้น รวมถึงความสิ้นหวังของคนจนในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และความมหัศจรรย์ของเทศกาลคริสต์มาสในยุควิคตอเรีย ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อวัฒนธรรมคริสต์มาสของชาวตะวันตกจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานรื่นเริง รวมไปถึงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมค่ะ 

 


(via : ala.org)
 

The Polar Express
โดย Chris Van Allsburg


การอ่าน “The Polar Express” ก่อนวันคริสมาสต์ช่วยสร้างมุมมองมหัศจรรย์ให้เด็กๆ ทั้งภาพประกอบที่สวยงามและรูปแบบการเล่าเรื่องที่ผ่อนคลาย แม้จะเป็นหนังสือสำหรับเด็ก แต่เรื่องราวกลับมีความละเอียดอ่อนและแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ทำให้ผู้ใหญ่สามารถอ่านได้โดยไม่เก้อเขิน

เรื่องราวของเด็กชายในคืนวันคริสต์มาสอีฟที่เต็มไปด้วยหิมะ เขาได้ขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปยังขั้วโลกเหนือ ผ่านบททดสอบต่างๆ มากมาย และได้พบซานต้าที่สามารถให้ของขวัญตามทุกสิ่งที่เขาปรารถนาค่ะ ซึ่งคริส วาน อัลส์เบิร์กเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อสอนเด็กๆ ให้รู้จักอดทนอดกลั้น มีความเป็นผู้นำและเชื่อมั่นในตัวเอง รวมทั้งยังแสดงให้เห็นถึงจินตนาการอันทรงพลังเกี่ยวกับมนต์ขลังของคริสต์มาสค่ะ


 


(via : hapercollins.com)
 

The Lion, The Witch and the Wardrobe
โดย C.S. Lewis


นวนิยายเรื่องแรกจากเจ็ดเล่มของ “The Chronicles of Narnia (ตำนานนาร์เนีย)” อย่าง The Lion, The Witch and the Wardrobe (ตู้พิศวง)เล่มนี้เป็นนิยายแฟนตาซีระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับดินแดนลึกลับที่มีแค่ฤดูหนาวและเต็มไปด้วยหิมะ มีทั้งสัตว์พูดได้และสิ่งมีชีวิตปริศนา

เรื่องเริ่มจากมีการโจมตีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้คนจึงพากันอพยพออกจากลอนดอนเพื่อความปลอดภัย เด็กๆ ของครอบครัวพีเวนซีอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าในชนบทได้บังเอิญพบทางเข้าสู่ดินแดนลึกลับผ่านตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นในห้องว่างห้องหนึ่ง ทันทีที่พวกเขาได้ก้าวเข้าไปในตู้ การผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ใจในดินแดนที่ปกครองด้วยแม่มดขาวผู้ชั่วร้ายก็เกิดขึ้น ซึ่งแม่มดได้ทำให้เกิดฤดูหนาวตลอดทั้งปี

แม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับคริสต์มาสโดยตรง แต่นิยายเรื่องนี้เหมาะมากที่จะหยิบมาอ่านในบ้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปลดปล่อยจินตนาการไปพร้อมกับเรื่องราวของคนแคระ เซนทอร์ ฟอนและยักษ์ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านาร์เนียอีกแล้ว

 


(via : parragon.co.uk)
 

The Snow Queen
โดย Hans Christen Anderson


ราชินีหิมะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝันและเน้นไปที่การต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่วของเด็กสองคนอย่าง “เกอร์ด้าและเคย์” เมื่อยายของพวกเขาเล่าเรื่องของราชินีหิมะที่มีอำนาจในการควบคุมเกล็ดน้ำแข็ง ผู้ที่ใครๆ ต่างก็เรียกเธอว่า “ผึ้งหิมะ” พวกเด็กๆ ก็เริ่มมองเห็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ วันหนึ่งเคย์ถูกราชินีหิมะลักพาตัวไปยังปราสาทน้ำแข็ง เกอร์ด้าจึงจำต้องออกตามหาเพื่อนรักของเธอท่ามกลางเหล่าก็อบลินส์ชั่วร้าย เวทมนต์ และปีศาจเจ้าเล่ห์

บอกเลยว่าหนังสือเล่มนี้ดีงามมากเพราะเต็มไปด้วยภาพประกอบที่สวยจนตรึงใจ สะท้อนให้เห็นถึงมนต์ขลังของฤดูหนาวและความมหัศจรรย์ของวันคริสต์มาส นี่ยังคงเป็นหนึ่งในนิทานที่น่าประทับใจ แม้เรื่องราวจะเต็มไปด้วยความลึกลับและความวุ่นวายของฤดูหนาวก็ตาม

 


(via : amazon.com)
 

Little Women
โดย Louisa May Alcott


Little Women หรือ สี่ดรุณีเวอร์ชั่นภาษาไทยเป็นหนึ่งในหนังสือน่าอ่านที่จะทำให้เรารู้สึกอบอุ่นในช่วงคริสต์มาส เรื่องราวของ 4 พี่น้องตระกูลมาร์ชได้เริ่มต้นขึ้นในวันคริสต์มาสอีฟด้วยประโยคน่าเศร้า Christmas won’t be Christmas without any presents. (วันคริสต์มาสจะไม่ใช่วันคริสต์มาสถ้าไม่มีของขวัญ)”

แม้ว่าครอบครัวมาร์ชจะเป็นครอบครัวที่ยากจน พ่อที่รักของพวกเธอต้องเดินทางไปออกรบเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามสาวๆ กลับเป็นพวกสุขนิยม พวกเธอเฉลิมฉลองและสรรหาของขวัญที่ดีที่สุดมามอบให้แก่แม่ รวมทั้งยังพยายามทำให้เทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมและมหัศจรรย์ เต็มไปด้วยความสนุก เสียงหัวเราะและความรัก บอกเลยว่าเป็นหนังสือฟีลกู๊ดที่ห้ามพลาดในช่วงคริสต์มาสเลยค่ะ อ่านแล้วอมยิ้มได้เรื่อยๆ 

 


(via : amazon.com)
 

The Nutcraker
โดย E.T.A Hoffmann


ถ้าพูดถึงThe Nutcracker คงนึกถึงการแสดงบัลเลต์ชื่อดังที่เขียนบทประพันธ์โดยปีเตอร์ ไชคอฟสกี้ นักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่ชาวรัสเซีย แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าบทประพันธ์สำหรับบัลเลต์เรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงมาจากนิทานเยอรมันเรื่อง The Nutcracker and the Mouse King ของฮอฟมันน์ที่พี่น้ำผึ้งกำลังพูดถึงอยู่ค่ะ

The Nutcracker ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1816 เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เมื่อคลารา สตาห์ลบอมได้ของขวัญวันคริสต์มาสเป็นที่ขบเปลือกลูกนัท (Nutcracker) รูปตุ๊กตาทหาร คลาร่าชื่นชอบในความน่ารักของมันมากจนถึงกับนำไปซุกไว้ใต้หมอนแล้วหนุนนอนในคืนนั้นเลย

คืนนั้นเธอฝันเห็นตุ๊กตาที่ขบเปลือกกลายร่างเป็นเจ้าชายและพาเธอไปยังดินแดนมหัศจรรย์ ซึ่งราชาและราชินีขนมหวานผู้ปกครองดินแดนได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ มีอาหารและการแสดงระบำชุดต่างๆ ก่อนเจ้าชายจะพาคลาราเดินทางกลับ เช้าวันรุ่งขึ้นเธอตื่นขึ้นมาและพบว่าทุกอย่างเป็นแค่ฝันไปค่ะ

อย่างไรก็ตาม การอ่าน The Nutcracker ไม่เพียงแค่ทำให้เทศกาลคริสต์มาสของเราสดใสและเต็มไปด้วยความสุข แต่มันยังช่วยดึงจิตวิญญาณความเป็นเด็กที่อยู่ภายในตัวเราออกมาด้วยค่ะ 

 


(via : abebooks.com)
 

Doctor Zhivago
โดย Boris Pasternak


นิยายอีปิกสัญชาติรัสเซียเรื่องนี้ตีพิมพ์ในประเทศอิตาลีเมื่อปี1957 จุดเด่นของนิยายอยู่ที่การบรรยายผลกระทบของการปฏิวัติรัสเซียในปี 1917 ให้เห็นภาพ ซึ่งการปฏิวัตินี้มันส่งผลต่อครอบครัวชั้นนายทุนเป็นอย่างมาก

สำหรับหลายๆ คน หมอชิวาโกเป็นเรื่องราวความรักที่ใช้ฉากหลังเป็นการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ของรัสเซียเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 มีตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 การปฏิวัติรัสเซีย สงครามกลางเมืองรัสเซีย การโค่นล้มพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 รวมถึงการสถาปนาสหภาพโซเวียตค่ะ เนื้อหาเกี่ยวกับความรักของหมอชิวาโกที่มีใจให้ผู้หญิงสองคนคือ ลาร่าและธัญญ่า เมื่ออ่านแล้วจึงให้ความรู้สึกค่อนข้างเหงาและโดดเดี่ยว อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องราวความรัก แต่หัวใจสำคัญของเรื่องกลับอยู่ที่คอร์รัปชั่นและโครงสร้างทางการเมืองและสังคมของสหรัฐโซเวียตค่ะ

สาเหตุที่แนะนำให้อ่านนิยายเรื่องหมอชิวาโก ไม่ใช่เป็นเพราะโลเคชั่นอยู่ในเมืองหิมะรัสเซีย แต่เป็นเพราะในหนังสือเล่มนี้ได้นำเสนอธรรมเนียมดั้งเดิมในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของชาวรัสเซียที่จะทำให้เราซาบซึ้งและประทับใจค่ะ

 


(via : amazon.com)
 

Hercule Poirot's Christmas
โดย Agatha Christie


สำหรับผู้ชื่นชอบนิยายสืบสวน คริสต์มาสจะไม่มีวันสมบูรณ์แบบได้เลยถ้าปราศจากนิยายสืบสวนคลาสสิคของอกาธา คริสตี้เรื่องนี้ พูดเลยว่า Hercule Poirot’s Christmas (คริสต์มาสฆาตกรรม)” เป็นสุดยอดแห่งการฆาตกรรมในวันพักร้อน เมื่อไซมอน ลี เจ้าของคฤหาสน์พันล้านได้เชิญลูกหลานมาฉลองคริสต์มาสในคืนวันคริสต์มาส และคืนอันสนุกสนานนั้นเองเจ้าของคฤหาสน์กลับถูกเชือดคอตายอย่างทารุณ เป็นเรื่องน่าพิศวงเพราะประตูถูกล็อกจากด้านนอก หน้าต่างปิดสนิท และไม่พบอาวุธภายในห้อง แทนที่นักสืบแอร์กูล ปัวโรจะได้เฉลิมฉลองในคืนวันคริสต์มาส เขากลับต้องมาปวดหัวกับคดีนี้แทนเสียเอง ใครอยากลองเปลี่ยนแนวเพื่อสร้างฟีลลิ่งใหม่ๆ ในวันคริสต์มาส ลองหยิบเรื่องนี้มาอ่านดูได้เลยนะคะ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

 

อ่านจบแล้วชอบเรื่องไหนกันบ้างคะ ส่วนตัวพี่น้ำผึ้งสนใจเรื่องคริสต์มาสฆาตกรรม ของอกาธา คริสตี่้กับหมอชิวาโก ว่าจะลองไปหามาอ่านบ้าง แว่วมาว่าหมอชิวาโกเคยทำเป็นภาพยนตร์ด้วยแหละ เข้าชิงออสการ์อีกต่างหาก ใครเคยอ่านเรื่องไหนแล้วมาแชร์กันนะ หรือถ้าม่ีเรื่องในดวงใจก็อย่าลืมบอกต่อกันด้วยจ้า ^o^

 

 พี่น้ำผึ้ง :)

 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น