6 คำพูดสร้างแรงบันดาลใจจาก 'เช็กสเปียร์' นำไปใช้ปุ๊บชีวิตปังเวอร์แน่นอน


6 คำพูดสร้างแรงบันดาลใจจาก 'เช็กสเปียร์' 
นำไปใช้ปุ๊บชีวิตปังเวอร์เเน่นอน



สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน เช็กสเปียร์คือบุคคลที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าเป็นนักเขียนและนักเขียนบทที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในโลก ไม่ใช่แค่เพราะวรรณกรรมที่เป็นตำนานหรือตัวละครที่น่าจดจำของเขา แต่บทกวีและคำพูดของเขาเองก็สร้างแรงบันดาลใจและมอบแสงสว่างให้ในชีวิตให้พวกเรา ดังนั้นวันนี้พี่จึงหยิบยกคำพูดของเช็กสเปียร์จากวรรณกรรมเรื่องต่างๆ มาฝากน้องๆ พร้อมไขข้อสงสัย นัยยะที่แฝงอยู่นั้นจะช่วยทำให้ชีวิตเราพัฒนาไปได้ยังไงค่ะ บอกเลยว่าดีงามมากๆ ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูเลยดีกว่าจ้า

 


แฮมเล็ต รับบทโดยเบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์
via : telegraph.co.uk

 

There is nothing either good or bad,
but thinking makes it so.


ไม่มีสิ่งใดๆ ในโลกที่ดีหรือเลว
มีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว


Hamlet, Act II, Scene II


เราสามารถแปลคำพูดของแฮมเล็ตที่บอกโรเซนครานซ์และกิลเด็นสเติร์นเป็นภาษาง่ายๆ ได้ว่า “หยุดมโน” ค่ะ เคยถามตัวเองบ้างมั้ยว่ากี่ครั้งที่เราเอาแต่คิดถึงสิ่งหนึ่งมากเกินไป คิดวนไปอยู่นั่น มโนว่ามันจะเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ทั้งที่ยังไม่เกิด คิดถึงผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปได้ทั้งดีและแย่ ถ้าเคยล่ะก็ ไม่แปลกเลยค่ะเพราะคนปกติก็เป็นกัน

อย่างไรก็ตาม แฮมเล็ตทำให้เรารู้ว่าการมโนมากเกินไป มีแต่จะทำให้เราทุกข์ใจและวิตกกังวลถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ในบางครั้งมันดีกว่าที่เราจะปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปตามธรรมชาติ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ต้องมาคิดมากให้วุ่นวายว่าจะทำอันนี้ดีมั้ย ทำอันนู้นดีมั้ย จะอัปนิยายเวลานี้ดีหรือเปล่า ระวังนะคะ ถ้าคิดมากไปโรงพยาบาลถามหานะ เพราะการคิดมากมีแต่จะทำให้เราเป็นบ้ามากขึ้นค่ะ



โรมิโอกับจูเลียต
via : pinterest.com

 

Wisely and slow, they stumble that run fast.
 

จงก้าวเดินอย่างมีสติ หากวิ่งอย่างรวดเร็วอาจเพลี่ยงพล้ำหรือสะดุดล้มได้

Romeo and Juliet, Act II, Scene III


แปลเป็นสำนวนไทยง่ายๆ ก็คือ “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” นั่นเอง พี่น้ำผึ้งคิดว่าคำพูดนี้เปรียบเสมือนของขวัญสำหรับชีวิตเราเลยค่ะ ใทำไม่น่ะเหรอ? เพราะในบางครั้งเราก็กระหายที่จะประสบความสำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว จนลืมคิดไปว่าท้ายสุดแล้วการเดินไปข้างหน้าช้าๆ แต่มั่นคงต่างหากที่จะนำพาเราไปสู่ชัยชนะ ค่อยๆ เรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้หรือทำทุกอย่างที่อยากทำภายในวันเดียว

แต่มันไม่ได้หมายความว่าให้เรานั่งเฉยๆ แล้วรอโอกาสมาหาเรานะคะ มันหมายความว่า บางครั้งเราก็ควรเดินช้าๆ เพื่อให้เวลากับตัวเองในการตัดสินใจบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่อย่างเช่นการเลือกคณะเรียน หรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นจะอัปนิยายเวลาไหนดี เป็นต้น แต่เชื่อเถอะว่าการใช้เวลาคิดนี้จะพาเราไปไกลกว่าที่คิด

ทุกวันนี้สังคมเราดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พวกเราใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ อยากรีบอัปนิยายแต่ไม่ยอมตรวจทานก่อน อยากรีบโต อยากรีบประสบความสำเร็จ แต่บางครั้งการเร่งรีบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดหรอกนะคะ อย่าลืมว่าโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว และเช็กเสปียร์เองก็ไม่ได้เขียนบทกวีเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง



เจสสิก้า
via : wikipedia.com

 

But love is blind, and lovers cannot see. 
 

ความรักทำให้ตาบอด และคู่รักก็มองไม่เห็นมัน

Merchant of Venice, Act II, Scene VI 


แปลเป็นภาษาง่ายๆ ก็คือ “ความรักทำให้ตาบอด” นี่คือประโยคที่เจสสิก้าพูดกับลอเรนโซ พ่อค้าชาวเวนิชผู้เป็นคนรักของเธอ โชคดีที่พวกเขามีชีวิตรักแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง อย่างไรก็ตามคำพูดนี้กลับแฝงนัยยะที่มากกว่านั้น เพราะถ้าให้แปลจากบริบทโดยตรง นั่นหมายถึงเจสสิก้ากำลังพูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ถึงแม้ความรักของเธอจะเป็นรักต้องห้ามอันเนื่องจากเชื้อพันธุ์ (ยิว-คริสเตียน) แต่เธอก็เลือกที่จะมองผ่านและหนีไปกับลอเรนโซ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการกระทำของคนที่ถูกความรักครอบงำอย่างเต็มตา กระนั้นความรักของเจสสิก้ายังสามารถมองได้อีกแง่ว่า แท้จริงแล้วการรักใครสักคนคือการรักโดยไม่สนว่าเป็นเพศไหนหรือเชื้อชาติไหน แค่รักที่เขาเป็นเขาก็พอแล้ว 

 


ไชล็อกและเจสสิก้า ลูกสาวของเขา
via : wikipedia.com

 

If you prick us, do we not bleed?
If you
trickle us, do we not laugh?
If you
posion
us, do we not die?
And if you wrong us, shall we not revenge?


ถ้าคุณแทงเรา เลือดเราไม่ออกงั้นหรือ?
ถ้าคุณจั๊กตี้เรา เราไม่หัวเราะงั้นหรือ?
ถ้าคุณวางยาเรา เราไม่ตายงั้นหรือ?
และถ้าคุณตัดสินเราผิด เราไม่แก้แค้นงั้นเหรอ?


Merchant of Venice, Act III, Scene I 


คำพูดจากพ่อค้าไชล็อกในตอนที่แก้ต่างให้ตัวเองต่อหน้าศาลสามารถตีความได้ง่ายๆ ว่า “ทุกคนเป็นมนุษย์และสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม” ในตอนท้ายของการขึ้นศาล ไชล็อกถูกบังคับให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ แต่มีหรือว่าชาวยิวอย่างเขาจะยอม ไชล็อกยืนกรานและแสดงให้เห็นว่าเขาเองก็เป็นมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นเขามีสิทธิ์เลือกได้ว่าตัวเองจะนับถือศาสนาอะไร

เช่นกันค่ะ คำพูดนี้ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เชื้อชาติอะไร นับถือศาสนาไหน ผิวขาวหรือดำ แต่เราทุกคนก็ล้วนแต่เป็นมนุษย์และสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ไม่มีใครต่ำต้อยกว่าใครค่ะ



Measure for Measure
via : goodmantheatre.org

 

The miserable have no other medicine but hope.
 

ไม่มียารักษาความทุกข์นอกจากความหวัง

Measure for Measure, Act III, Scene I


ทุกครั้งที่เรารู้สึกทุกข์ใจ รู้สึกว่าทำไมอะไรๆ ก็ไม่เป็นไปตามแผนเลย ขอให้เรายังคงมีความหวังไว้เสมอ ตราบใดที่ยังมีหวัง ย่อมยังมีแสงสว่าง ขอแค่เราเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเองว่าสักวันหนึ่งความสำเร็จจะมาหาเรา!

นอกจากนี้ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่บทเรียนอย่างหนึ่งในชีวิตเราค่ะ มันสอนให้เรารู้ว่าแท้จริงชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ดังนั้นจงเปลี่ยนความคิดลบที่มีต่ออุปสรรคให้เป็นพลังบวก มองว่ามันคือโอกาสทองในการเอาชนะมัน เชื่อเถอะว่ามันจะช่วยให้เราแข็งแกร่งและเติบโตขึ้นแน่นอนค่ะ ^o^

 


King Lear
via : shakespear-online.com

 

Nothing will come of nothing
 

ไม่มีอะไรมาจากการไม่มีอะไร

King Lear, Act I, Scene I


งงมั้ยคะกับวลีนี้? ถ้างง พี่น้ำผึ้งจะขยายความให้ฟังเองจ้า ความหมายของก็คือ “ถ้าอยากประสบความสำเร็จ จงลงมือทำ” แม้ว่าคำพูดนี้จะมาจากการที่คิงเลียร์ตำหนิคอร์ดีเลียเพราะเธอไม่ยอมบอกรักเขา แต่มันก็เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ถ้าเราไม่ลงมือทำอะไรเลย ไม่ลองพยายาม ไม่ทุ่มเท ไม่ลองเสี่ยงทำ จริงอยู่ที่เราไม่ล้มเหลว แต่เราก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จเลย เพราะงั้นอยากเป๊ะปังต้องลงมือทำนะคะ

ทำนองเดียวกัน เหมือนกับการเขียนนิยายนั่นแหละ ถ้าเราไม่ลงมือเขียน เราก็จะไม่มีวันมีนิยายเป็นของตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่น้องๆ ต้องทำก็คือลงมือเขียนเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนอ่านหรือไม่ แค่ลงมือเขียนเป็นพอแล้ว เอาเป็นว่าถ้าเมื่อใดก็ตามรู้สึกท้อ ให้นึกถึงคำพูดจากเช็กสเปียร์ไว้ Nothing will come of nothing แล้วเดินหน้าทำตามเป้าหมายของเราต่อไป

 

จบแล้วนะคะกับคำคมสร้างเเรงบันดาลใจจากนักเขียนชื่อก้องโลก "วิลเลี่ยม เช็กสเปียร์" หวังว่าน้องๆ คงได้กำลังใจเพียบนะ! หลังจากชาร์จพลังแล้วก็อย่าลืมกลับไปเขียนนิยายนะคะ เเม้ว่าเราจะเขียนได้วันละนิดวันละหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เขียนเลย อย่าลืมว่าโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว และเช็กสเปียร์ก็ไม่ได้แต่งบทประพันธ์ทั้งหมดจบภายในคืนเดียวเช่นกันค่ะ ^^


พี่น้ำผึ้ง :)
 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น