รู้หรือไม่ การเป็น 'นักเขียน' คือการรับมือกับ 'ความเหงา' หนักมาก!

รู้หรือไม่ การเป็น 'นักเขียน'
คือการรับมือกับ 'ความเหงา'
หนักมาก!
 

สวัสดีค่ะชาวนักเขียนเด็กดีทุกคน เชื่อว่านักเขียนหลายคนในที่นี้เคยเป็นเหมือนพี่น้ำผึ้ง ตื่นเต้นมากๆ ตอนคิดจะเขียนนิยายเรื่องใหม่ ทั้งชื่อตัวละคร พล็อตนิยาย ชื่อเรื่องสุดเพอร์เฟคท์แล้วก็คงอยากแชร์ให้ใครสักคนฟัง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เพื่อน แฟน แมว โพสต์ลงเฟซบุ๊คอะไรอย่างนี้ หวังว่าพวกเขาจะตื่นเต้นเหมือนอย่างที่เราไป แต่ที่ไหนได้มันดันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ นอกจากไม่ตื่นเต้นยังทำหน้าระอาด้วย เจอแบบนี้เข้าไปถึงกับต้องกลับมานั่งฟินกับตัวเองแบบเหงาๆ  ทำไมไม่มีใครเข้าใจเราเลยนะ!?

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่จะบอกว่า “นักเขียนเป็นอาชีพที่เหงา” ไม่ค่อยมีใครเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของพวกเราสักเท่าไหร่ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ นักเขียนผู้โด่งดังยังเคยกล่าวสุนทรพจน์หลังได้รับรางวันโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี 1954 ด้วยใจความประมาณว่า นักเขียนเป็นอาชีพที่เหงาเพราะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการนั่งคนเดียวเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุดออกมา

ดังนั้นเห็นได้ชัดว่านักเขียนไม่ใช่อาชีพที่ต้องข้องแวะกับผู้คนสักเท่าไหร่ แม้กระทั่งกับนักอ่านเอง แน่นอน นักเขียนส่วนใหญ่มักใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากกว่าอยู่กับคนอื่น ซึ่งการอยู่คนเดียวมากเกินไปอาจนำมาสู่ความอ้างว้างและรู้สึกโดดเดี่ยวได้ค่ะ


 
(via: izquotes.com)
 

นักเขียน, ความเหงา และโรคซึมเศร้า

ก่อนเริ่มต้นขอพูดถึงความเหงาสักนิดหน่อย จากงานวิจัยของดร.จอห์น แกช็อปโปและทีมจากสถาบัน Center for Cognitive and Social Neuroscience ของมหาวิทยาลัยชิคาโก้ได้ชี้ให้เห็นว่า "ความเหงามีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม" แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องได้แก่สถานการณ์ต่างๆ เช่น การหย่าร้าง การห่างเกินจากการพบปะผู้คน หรือการย้ายบ้าน เป็นต้น รวมถึงการเสียชีวิตของคนสำคัญในชีวิตเองก็อาจนำไปสู่อาการเหงา นอกจากนี้ความเหงายังเกิดขึ้นจากปัจจัยปัจจัยภายใน เช่น ความนับถือตนเองต่ำ คนที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองมักเชื่อว่าพวกเขาไม่สมควรที่จะได้รับความสนใจจากคนอื่น ซึ่งนี่สามารถนำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยวและโรคความเหงาเรื้อรัง

อ่านจนถึงบรรทัดนี้ นักเขียนหลายคนเริ่มแย้ง อ้าว เหงาแล้วยังไง? ถ้าเราไม่สนใจซะอย่าง เหงาก็มีเพื่อนเป็นตัวละครในนิยายที่เขียนไง แต่ช้าก่อนค่ะน้องๆ ใครว่าความเหงาไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเรา ไม่จริง เพราะ ดร. หลุยส์ ฮอว์คเลย์ นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยชิคาโก้เองได้ทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความเหงาไว้ โดยเขากล่าวว่า “ความเหงาเกิดขึ้นจากการที่เราอยู่คนเดียวมากเกินไปและรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งความรู้สึกโดดเดี่ยวนี่แหละนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าในอีก 2 – 3 ปีถัดมา และแน่นอนว่ามันจะนำมาสู่ความเศร้าเสียใจด้วย”

นั่นหมายความว่าความเหงาและภาวะซึมเศร้ามีบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน ดังนั้นหากคำกล่าวที่ว่า “นักเขียนคืออาชีพที่เหงา” เป็นจริง นั่นย่อมหมายความว่าพวกเราชาวนักเขียนมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าค่อนข้างสูงเพราะพวกเราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว คิดคนเดียว และจมอยู่กับตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องเขียนฉากดราม่า เราก็ต้องทำตัวให้ดาวน์ไปตามตัวละครเพื่อให้งานเขียนออกมาแนบเนียนและสมจริง 
 


J.K. Rowling
(via: pinterest.com)

 

ถามว่าเคยมีนักเขียนที่เป็นโรคซึมเศร้ามั้ย ถ้าให้ตอบตรงๆ คือมี... แถมยังเป็นนักเขียนดังๆ ด้วย เช่น เจ.เค.โรว์ลิ่งเองเป็นโรคซึมเศร้าเพราะสูญเสียแม่ หรือแม้แต่ฟิตซ์เจอรัลด์เป็นโรคซึมเศร้าเพราะความเครียด ส่วนมากแล้วนอกจากความเครียด ความเหงาเองก็เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า นักเขียนบางคนเมื่ออยู่กับตัวเองคนเดียวมากเกินไปก็เกิดความเครียด แล้วยิ่งหันมองรอบกายไม่พบใครที่สามารถพูดคุยหรือให้กำลังใจพวกเขาได้ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความเครียดมากขึ้นกว่าเดิม จนนำมาสู่ภาวะซึมเศร้าค่ะ

แต่ถึงอย่างนั้น แม้นักเขียนส่วนใหญ่จะชอบทำงานคนเดียวและรักสันโดษ แต่ก็ใช่ว่านักเขียนทุกคนจะทุกข์ทรมานจากความเหงา นี่คือความแตกต่างที่สำคัญมาก สำหรับนักเขียนบางคน การอยู่คนเดียวอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขา มันเป็นช่วงที่ทำให้เขาสามารถสัมผัสกับความรู้สึกของตัวเองอย่างลึกซึ้ง ทำให้เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งมันค่อนข้างต่างจากความเหงา อย่างไรก็ตามเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหงาที่อาจเกิดขึ้น ด้านล่างต่อไปนี้คือสิ่งที่นักเขียนควรทำ

 

จัดการความเหงาตามแบบฉบับนักเขียน

สร้างพื้นที่ทำงานให้น่าทำ

เป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมหรือพื้นที่ที่เรานั่งเขียนนิยาย เพราะนักเขียนอย่างเราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเขียนหน้าคอม ดังนั้นพื้นที่ที่เรานั่งเขียนนิยายควรเป็นพื้นที่ที่สะดวกสบายและง่ายต่อการทำงาน ซึ่งสิ่งที่เราควรโฟกัสเป็นอันดับต้นๆ เลยก็คือเก้าอี้และโต๊ะค่ะ อย่าปฏิเสธนะว่าเราไม่นั่งเขียนนิยายกัน!

ลงทุนให้กับเก้าอี้ดีๆ ที่นั่งเขียนแล้วรู้สึกสบาย ไม่ปวดหลัง เพราะไม่อย่างนั้นมันอาจทำให้เราปวดเมื่อยหลังและเอว ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลถึงการใช้ความคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ในการเขียนนิยายค่ะ นอกจากนี้ เรายังควรให้ความสำคัญที่สภาพแวดล้อมภายนอกด้วย จะเขียนนิยายทั้งทีก็ควรเลือกพื้นที่ที่ไม่มีเสียงรบกวนให้เป็นอุปสรรคต่อการเขียนนิยายค่ะ อย่าลืมนะว่าถ้าสภาพแวดล้อมดี เราก็ย่อมมีความสุขในการเขียนนิยายและไม่รู้สึกเหงา
 

พักเบรกบ่อยๆ

คนที่ไม่ใช่นักเขียนไม่รู้หรอกว่าการนั่งหน้าคอมเป็นเวลานานๆ และใช้ความคิดเนี่ยส่งผลต่อสภาพจิตใจและร่างกายของเราเป็นอย่างมากเลยนะ มันก็เหมือนจมอยู่กับความเครียดด้วยนั่นแหละ ซึ่งงานวิจัยชี้ว่าการพักเบรกบ่อยๆ ช่วยให้ร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของเราเฟรชขึ้น น้องๆ อาจเริ่มจากการพักทุกๆ 30 นาทีด้วยการเดินไปรอบๆ บ้านหรือแวะไปจิบกาแฟสักหน่อย แค่นี้ก็ทำให้ร่างกายสดชื่นแล้ว พอร่างกายสดชื่น จิตใจก็จะสดชื่น มันจะทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้นและไม่โดดเดี่ยวแล้วค่ะ นอกจากนี้มันยังช่วยให้เรามีความคิดที่ลื่นไหลมากขึ้นด้วย

 


ออกไปนอกบ้านบ้าง
(via: pixabay)

 

ออกจากบ้าน!

สาเหตุของความเหงาเกิดจากการที่เราอยู่กับตัวเองมากเกินไป เพราะงั้นวิธีแก้ง่ายๆ ก็คือการพาตัวเองออกจากถ้ำเพื่อไปพบปะผู้คนบ้างอะไรบ้าง อย่างน้อยในแต่ละวัน เราควรปิดคอม วางปากกาและเดินออกไปนอกบ้านบ้าง สัก 1 ชั่วโมงก็ยังดี เราอาจเริ่มต้นจากการออกไปกินข้าวนอกบ้านและเดินรอบๆ หมู่บ้าน ไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย หรือไปช็อปปิ้งในห้าง เป็นต้น ทำอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้เราหมกหมุ่นอยู่กับตัวเองมากเกินไป

ประเด็นหลักเลยก็คือตัดการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ก้าวออกมาจากโลกนิยาย เดินออกจากถ้ำแล้วสัมผัสโลกจริงๆ รอบกายเราบ้าง อย่างน้อย 1 ชั่วโมงในทุกๆ วัน แม้เราจะไม่รู้ว่าเราจะไปไหนก็ตาม การทำแบบนี้มักทำให้เรากระตือรือร้นที่จะกลับไปทำงานหลังจากพักเบรกยาวๆ ซึ่งทำให้เราได้ผลงานที่มีคุณภาพและน่าพอใจค่ะ

พูดคุยกับคนที่มีความฝันเดียวกัน

อย่างที่กล่าวไปแล้วตอนต้น นักเขียนเป็นอาชีพที่รับมือกับความเหงาหนักมาก เพราะงั้นจึงขอแนะนำให้พวกเราชาวนักเขียนลองมองหาและพูดคุยกับเพื่อนนักเขียนคนอื่นๆ ทั้งในชีวิตจริงและในโลกออนไลน์ การเข้าร่วมกลุ่มนักเขียนออนไลน์หรือออกไปพบปะกับแก็งนักเขียนเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้เราได้พูดคุยและแชร์ความฝันร่วมกัน! เชื่อเถอะว่าการใช้เวลากับคนที่ชื่นชอบ หลงใหลและมีแพชชั่นหมือนเรา มันจะทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่านี่คือบ้านของเรา ทำให้เราไม่เหงาอีกต่อไปเพราะรู้ว่ายังมีคนที่พร้อมเดินข้างๆ เราเสมอ หรือถ้าหากกว่าเป็นไปได้ อีกวิธีหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือลองเข้าร่วมเวิร์คช็อปหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับนักเขียนดูสิ นอกจากจะได้ความรู้แล้วยังได้เพื่อนเพิ่มอีกด้วย

คำเตือน: อย่าเสียเวลาตั้งสเตตัสใน Facebook ยาวๆ หรือพยายามถกเถียงกับคนในบอร์ดหรือฟอรั่มต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเรามีทักษะการเขียนที่ดีมาก หรือพยายามพิสูจน์ว่าเราฉลาดมากขนาดไหน การทำแบบนี้อาจมีผลทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ ดังนั้นจงมีส่วนร่วมอย่างชาญฉลาด

 

ช่วยคนอื่น

อีกหนึ่งสิ่งที่พี่คิดว่าเป็นประโยชน์คือการที่เราพยายามยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการทำการกุศล ชาริตี้ หรือแม้แต่ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น ช่วยเหลือพวกเขา เข้าใจพวกเขาและให้ความสนใจพวกเขาอย่างจริงจัง หน้าที่เราคือหาดูว่าเราสามารถช่วยเหลือใครได้บ้างและช่วยอย่างไร ประเด็นของคำแนะนำนี้ก็คือ เมื่อเราเลิกโฟกัสที่ตัวเอง เราจะสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ แค่นี้ความเหงาของเราก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนเท่าที่เคยเป็นแล้วจ้า!

 

แน่นอนว่าการเป็นนักเขียนคือการใช้เวลากับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ไม่แปลกที่มันอาจทำให้เราเหงาบ้างอะไรบ้าง แต่เราต้องยอมรับก่อนว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของงานเราและมันไม่มีอะไรน่ากลัวเลย แม้ว่าความเหงาอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าก็ตาม ซึ่งถ้าเรารู้จักจัดการกับความเหงาด้วยวิธีต่างๆ ข้างต้น โดยเฉพาะออกไปพบปะพูดคุยกับคนที่มีแพชชั่นเดียวกันเพื่อรับพลังบวก หรือใช้เวลากับคนที่เรารักและเข้าใจเรา แค่นี้ความรู้สึกโดดเดี่ยวแปลกแยกก็ห่างไกลจากเราแล้วจ้า

 

 พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.psychologytoday.com/us/blog/the-science-success/201010/the-cure-loneliness
https://www.everydayhealth.com/hs/major-depression/depression-feeling-lonely/
https://www.standoutbooks.com/handle-loneliness-writing/
http://www.writersdigest.com/editor-blogs/writers-perspective/the-writing-life/how-to-avoid-lonely-writer-syndrome


 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด
sar2619 Member 4 ก.ค. 61 17:13 น. 2

ความเหงาก็มีประโยชน์อย่างที่บอกไว้จริงๆ สำหรับโทษก็คงใช่ ดาบยังมี 2 คมเลยเนอะแค่ต้องรู้จักใช้

แต่ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว

เฮ้อ......ชีวิตดูวุ่นวายจนหาเวลาเหงาได้ยากยิ่ง เหมือนสมองไม่ได้พักผ่อนมานานมาก จนบางครั้งอยากให้เวลาในโลกใบนี้มีมากกว่า 24ชม. จะได้มีเวลาพอที่จะทำทุกอย่างที่อยากทำได้........ทั้งหมดhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-09.png

0
กำลังโหลด

8 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
sar2619 Member 4 ก.ค. 61 17:13 น. 2

ความเหงาก็มีประโยชน์อย่างที่บอกไว้จริงๆ สำหรับโทษก็คงใช่ ดาบยังมี 2 คมเลยเนอะแค่ต้องรู้จักใช้

แต่ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว

เฮ้อ......ชีวิตดูวุ่นวายจนหาเวลาเหงาได้ยากยิ่ง เหมือนสมองไม่ได้พักผ่อนมานานมาก จนบางครั้งอยากให้เวลาในโลกใบนี้มีมากกว่า 24ชม. จะได้มีเวลาพอที่จะทำทุกอย่างที่อยากทำได้........ทั้งหมดhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-09.png

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Member 2 ส.ค. 61 19:02 น. 5

ในหลายครั้งอยากนั่งจมอยู่กับตัวเองไปนานๆ เพื่อให้เวลากับตัวละคร พอออกเจอโลกข้างนอก ไปทำงาน ความเครียดจากที่ทำงานเปํนตัวกัดกร่อนพื้นที่ตัวละคร กว่าจะมีอารมณ์เขียนต้องใช้เวลา

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Imsa14170 Member 5 มิ.ย. 62 04:05 น. 8

ส่วนตัวผมก็อยากจะพันตัวเองเป็นนักเขียนแนวที่เรียกว่าเรียลไดอารี่ครับ หรือ บันทึกเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงครับ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด