รู้อย่างนี้ อ่านหนังสือ 8 เล่มนี้ก่อนเรียนจบดีกว่า!


 

รู้อย่างนี้ อ่านหนังสือ 8 เล่มนี้
ก่อนเรียนจบดีกว่า

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหรือรั้วโรงเรียนนั้นเป็นอีกช่วงหนี่งที่สำคัญ มันเป็นช่วงที่เราควรจะได้รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่เสียเวลาเดินในทิศทางที่มันไม่ใช่ ยิ่งเราค้นหาตัวตนของเราเจอเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น เพราะนั่นเท่ากับว่าเราได้ลงมือทำตามความฝันของเราอย่างเต็มที่และมีโอกาสที่จะไปถึงฝั่งฝันเร็วอย่างที่ต้องการ ดังนั้นช่วงเรียนนี่แหละคือช่วงที่เหมาะสมที่สุดแล้วในการค้นหาตัวตน

แล้วเราจะค้นหาตัวตนได้ยังไงบ้างล่ะ? มีหลายวิธีที่เราสามารถช่วยเราได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “การอ่านหนังสือ” ค่ะ อย่างที่เรารู้นั่นแหละ หนังสือเปรียบเสมือนขุมทรัพย์มหาศาล ในวันนี้พี่น้ำผึ้งจึงได้รวบรวมหนังสือ 10 เล่มที่มีทั้งนวนิยายและงานเขียนประเภท Non-Fiction มาฝากน้องๆ ซึ่งพี่เชื่อเหลือเกินว่าหนังสือเหล่านี้จะช่วยให้น้องๆ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น...รวมทั้งช่วยให้น้องๆ รู้สึกบวกกับการเรียนไม่มากก็น้อยค่ะ ว่าแล้วก็มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

 


 

The Art of Happiness
โดย The Dalai Lama

องค์ดาลาไลมะมีหนังสือที่ได้ตีพิมพ์เยอะมาก ซึ่ง The Art of Happiness เป็นหนึ่งในหนังสือที่พี่น้ำผึ้งขอแนะนำแรงๆ ให้อ่าน เพราะถือว่าเป็นคู่มือสุดเพอร์เฟคท์ในการช่วยเราปลูกฝังความสุขและความสนุกสนานให้กับตัวเรามากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างความสุขทางใจ

น้องๆ อาจเริ่มสงสัย อ้าว แล้วมันเกี่ยวกับการเรียนยังไงคะพี่น้ำผึ้ง หนูไม่เข้าใจ งงมากเลย มาๆ พี่จะเฉลยให้ฟังนะ คือมันเป็นอย่างนี้ หลายคนชอบบ่นว่าเรียนยาก เรียนเหนื่อย การบ้านเยอะ นู่นนั่นนี่ ไม่มีเวลาเขียนนิยายเลย แต่ก่อนที่เราจะบ่น พี่ขอเฉลยเลยว่าชีวิตตอนเรียนสบายที่สุดแล้ว เพราะหลังเรียนจบนี่สิของจริง! ไม่อาจไม่เหมือนกับสิ่งที่เราวาดฝันเลยก็ได้นะ สำคัญที่สุดคือต้องเตรียมจิตใจให้พร้อมกับสิ่งท้าทายต่างๆ ที่อาจเข้ามาในชีวิตเราด้วยการ “สร้างความสุข”

ดังนั้น The Art of Happiness เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับน้องๆ นักเรียนที่อยากเปลี่ยนมุมมองเล็กๆ น้อยๆ และสร้างความสุขให้ชีวิต รวมทั้งยังมีเคล็ดลับดีๆ ในการจัดการกับความเครียดและความกังวลที่มาพร้อมกับการเรียนในโรงเรียนค่ะ บอกแล้วว่าดีจริงๆ

 


 

Lucky Jim
โดย Kingsley Amis

ถ้าพูดถึงนิยายที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิยายแนวตลกที่ดีที่สุดและน่าขบขันที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบ คงหนีไม่พ้น  Lucky Jim ผลงานของคิงส์ลี่ย์ เอมิส เรื่องราวสั้นๆ ว่าด้วยเรื่องของ Jim Dixon อาจารย์ผู้โชคร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคกลางที่ต้องเดินทางไปดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด

อ่านดูก็เหมือนเรื่องอาจารย์มหาวิทยาลัยทั่วไป แต่ที่น่าสนใจคือมันเป็นเรื่องของ "อาจารย์มหาวิทยาลัย" ซึ่งตามปกติเราก็มักจะเห็นนิยายที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองของนักเรียนใช่มั้ยล่ะ? แต่นี่เป็นมุมมองของอาจารย์เชียวนะ แถมยังเป็นมุมมองที่หายากในชีวิตของศาสตราจารย์ด้วย! เพราะงั้นแรร์มาก โดยจากมุมมองของเขาแล้ว มันสามารถนำเสนอข้อมูลเชิงลึกทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราในฐานะนักเรียนด้วย อาทิเช่น ทำไมอาจารย์ต้องให้การบ้านเยอะ ทำไมต้องออกข้อสอบยาก เป็นต้น

Lucky Jim เป็นตัวเลือกที่ดีมากถ้าเราต้องการอยากตามติดชีวิตศาสตราจารย์ เราจะได้รู้จักอาชีพนี้มากขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้เราเห็นอกเห็นใจคุณครูของเราและเข้าใจพวกเขาอย่างลึกซึ้งว่า "แท้จริงแล้วบรรดาครูอาจารย์ก็คือคนๆ หนึ่งที่มีหัวใจเช่นกัน"

 


 

Portrait of a Lady
โดย Henry James

เอาจริงๆ นะ Portrait of a Lady เป็นหนังสือที่แว็บมาในหัวตอนที่พี่เขียนบทความนี้ เพราะมันเหมาะมากที่จะช่วยให้นักเรียนหรือนักศึกษาสามารถค้นหาตัวตนของตัวเองได้ แม้ว่าจะเป็นนิยายก็ตาม! 

เรื่องราวของ อิสซาเบล อาร์เชอร์ ผู้หญิงที่เป็นเฉกเช่นกับนางเอกทั่วไปในนิยาย เธอสวย มีเสน่ห์ เด็ดเดี่ยว เฉลียวฉลาดและเชื่อมั่นในตัวเอง เธอได้ออกเดินทางเพื่อสำรวจอีกโลกหนึ่งที่เธอไม่เคยได้สัมผัสด้วยการปฏิเสธคำขอแต่งงานของขุนนางเพอร์เฟคท์ หล่อและรวยมาก และไปแต่งงานกับผู้ชายที่จนกว่าเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า "เธอต้องการรู้จักชีวิตให้ดีขึ้น" จนนั่นทำให้เธอได้ค้นพบกับอีกตัวตนนึงของเธอ ซึ่งมันเปลี่ยนชีวิตของเธอตลอดกาล

หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า "จริงๆ แล้วเราต้องการอะไร?" อะไรคือจุดมุ่งหมายในชีวิตของเรา อะไรคือตัวตนของเราอย่างเเท้จริง ลองคิดภาพตามดูนะ น้องๆ นักเรียนหลายคนรู้แหละว่าชีวิตในอนาคตจะเป็นยังไง พวกเขาอยากมีชีวิตแบบไหน ได้ทำงานอะไร แต่ก็มีหลายคนที่ไม่รู้ บางคนอาจมองไม่เห็นแม้แต่อนาคตเลยทีเดียว หรือแม้แต่คนที่รู้แน่นอนแล้วแหละว่าพวกเขารักอะไร มั่นใจแล้วว่าชอบทำสิ่งๆ นี้ก็ยังมีความสับสนเกิดขึ้น ดังนั้นการอ่านหนังสือเล่มนี้อาจช่วยให้เราคลายความสับสนได้นะคะ

 


 

The Innocents Abroad
โดย Mark Twain

เชื่อว่าน้องๆ หลายคนคงรู้จักมาร์ก ทเวน นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขาก็มีมากมาย ทั้งงานเขียนประเภทนิยายและ Non-Fiction ซึ่ง The Innocents Abroad เป็นหนึ่งในผลงานหนังสือ Non-Fiction ที่มีชื่อเสียงมากๆ ในช่วงที่ทเวนยังมีชีวิตอยู่ ว่าด้วยเรื่องราวของการออกเดินทางผจญภัยไปตามที่ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ ไม่เพียงแค่เพื่อค้นหาตัวเองเท่านั้น แต่ยังนับว่าเป็นการแสวงบุญไปในตัวอีกด้วย 

ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้ก็คือ The Innocent Abroad มีความคล้ายคลึงกับหนังสือเรื่อง Hippie ที่เป็นเรื่องราวของการออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวตน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลงานจากปลายปากกาของ Paulo Coelho เจ้าของผลงานวรรณกรรมชื่อดังระดับโลกอย่าง "The Alchemist" 

The Innocent Abroad  เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมหากเราต้องการค้นหาตัวเองให้พบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรากำลังวางแผนจะไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ลองอ่านดูสิ แล้วน้องๆ จะรู้เลยว่าคำกล่าว "หากต้องการรู้จักตัวเราเองมากขึ้น ให้เริ่มจากการออกเดินทาง"  เป็นจริง

 


 

The Idiot
โดย Elif Batuman

The Idiot เป็นเรื่องราวที่ดำเนินอยู่ในปี 1995 ว่าด้วยเรื่องของเซลิน นักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียน เธอได้เข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดและเจอกับอีวาน นักศึกษาคณิตศาสตร์ ก่อนจะตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจัง ทั้งคู่แลกเปลี่ยนอีเมลและทำความรู้จักกันมากขึ้น วันเวลาผ่านไป เซลินเดินทางไปเยือนยุโรป ออกท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่นั่นนอกจากเซลินจะได้เดินทางไกล เธอยังได้ค้นพบบางอย่างในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความสับสนวุ่นวายใจของรักครั้งแรก แต่มันก็ทำให้เธอเปี่ยมไปด้วยความสุข กับเสียงเรียกร้องของเธอที่บอกว่าเธอจะต้องกลายเป็นนักเขียนให้ได้

แม้ว่า The Idiot จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการตกหลุมรัก การค้นพบตัวเองและการเผชิญกับข้อบกพร่องของคนที่เราแอบชอบ แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่ลึกซึ้งอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะหากมองให้ลึกลงไป เราสามารถนำเรื่องราวความรักมาปรับใช้กับการเรียนได้ ยังไงน่ะเหรอ? เวลามีความรัก เราต้องรักอย่างฉลาดและอดทน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความสุข กับการเรียนก็เช่นกัน ต้องอาศัยสติปัญญาที่ชาญฉลาด ความแข็งแกร่งและต้องรักในสิ่งที่เรียนด้วย

ดังนั้น The Idiot จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากหากน้องๆ อยากสัมผัสถึงเรื่องราวของรักครั้งแรกและได้ค้นหาตัวตนไปพร้อมๆ กับเซลิน

 


 

Five Point Someone
โดย Chetan Bhagat

ไปดูโซนเมกามาเยอะ ขอข้ามฝั่งมาที่อินเดียสักหน่อย ผลงาน Five Point Someone เล่มนี้บอกเลยว่าเป็นเบสท์เซลเลอร์ของอินเดีย มียอดขายมากกว่าล้านเล่มทั่วโลก แถมยังได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์บอลลิวู้ดชื่อว่า 3 Idiots ด้วย บอกแล้วว่าไม่ธรรมดาจริงๆ 

Five Point Someone เป็นนิยายวัยรุ่นที่ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรักเพื่อนซี้ชาวอินเดีย 3 คนที่ต้องเอาตัวรอดในสถาบันติด Top ของอินเดียอย่าง  Indian Institute of Technology ณ กรุงเดลีให้ได้ หนังสือเล่มนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการเรียน การพยายามปรับตัวของนักศึกษาเมื่อต้องไฟท์กับวิชาเรียนยากๆ นิยายแนวตลกที่จะทำให้เราอมยิ้มแม้ว่าเรื่องจะเครียดมากก็ตาม

Five Point Someone เหมาะสำหรับน้องๆ ที่ต้องการฮาวทูลดความเครียดระหว่างเรียนและเหมาะกับคนที่ต้องการรักษามุมมองบวกด้านการเรียนเข้าไว้ ง่ายๆ ก็คือพยายามประคับประคองให้ตัวเองเรียนจบไปในแต่ละปีนั่นแหละ เชื่อว่าน้องๆ อ่านแล้วจะต้องคิดถึงเรื่องตัวเองแน่นอน 

 


 

I Am Charlotte Simmons
โดย Tom Wolfe

I Am Charlotte Simmons คือหนังสือที่สามารถทำให้เราลืมไปว่าเคยเป็นใครมาก่อน ว่าด้วยเรื่องราวของชาร์ล็อตต์ นักเรียนจบใหม่วัยใสที่ย้ายไปต่างประเทศเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดูพอนท์ ทันทีที่เธอก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยครั้งแรก เธอก็พบว่ามันต่างจากที่เธอจินตนาการไว้มาก! ทั้งสภาพแวดล้อม เพื่อน รวมทั้งวิชาเรียน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับเธอ

ขณะที่เพื่อนร่วมชั้นเคร่งเครียดกับการทำเกรดให้ดี ชาร์ล็อตต์กลับเครียดเรื่องสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอนของเธอมาก จนทำให้เธอถึงกับตั้งคำถามเลยว่า “เธอเป็นใคร” และ “อะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับเธอ”

นิยายเล่มนี้เหมาะมากๆ สำหรับน้องๆ นักเรียนที่กำลังสับสนว่า แท้จริงแล้วตัวเองเป็นใครและเป้าหมายในชีวิตของตัวเองคืออะไร มันจะเป็นหนังสือที่ทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองเช่นเดียวกับชาร์ล็อตต์ เชื่อสิว่าหลังจากอ่านเรื่องนี้จบ นอกจากจะช่วยลุ้นชาร์ล็อตต์ลุ้นว่าจะหาตัวตนเจอมั้ย เราเองก็อาจจะเจอเช่นกัน

 


 

A Short History of Nearly Everything
โดย Bill Bryson

น้องๆ จะไม่อ่าน 7 เล่มข้างต้นก็ได้ไม่ว่ากัน แต่น้องจะไม่อ่าน A Short History of Nearly Everything ไม่ได้ ถือว่าพลาดมาก! ลืมไปเลยกับหนังสือวิทยาศาสตร์แสนน่าเบื่อและเข้าใจยาก เพราะนี่เป็นหนังสือที่พลิกโฉมตำราเรียนวิทยาศาสตร์เลยทีเดียว ด้วยการรวบรวมข้อมูลของ (เกือบ) ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกและในจักรวาลนี้ นับตั้งแต่ Big Bang ไปจนถึงเซลล์อะตอม อัดลงไปในหนังสือจำนวนกว่า 600 หน้า 

เห็นหนาๆ แบบนี้แต่ไม่น่าเบื่อนะคะ เนื่องจากตัวนักเขียน Bill Bryson เนี่ยเป็นนักเขียนสายท่องเที่ยวมาก่อน เพียงแต่พี่แกช่างสงสัย ในหัวมีแต่ทำไม? เขาเลยหยุดเขียนหนังสือท่องเที่ยว 3 ปีเต็มๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลและเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างบทโลกนี้ด้วยการใช้คำง่ายๆ ตรงไปตรงมา และตลกขบขัน อ่านแล้วย่อยง่ายมาก ไม่เข้าใจวิทย์ก็เก็ทได้ จนทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า A Short History of Nearly Everything คือนิยายวิทยาศาสตร์สนุกๆ เล่มนึงนั่นเอง!

ดังนั้นพี่จึงขอแนะนำแรงๆ เลยว่าให้อ่านก่อนเรียนจบ นอกจากจะช่วยเปลี่ยนการเรียนวิทยาศาสตร์ให้เป็นเรื่องง่ายแล้ว ยังได้รู้ทุกเรื่องชนิดครอบจักรวาลเลยทีเดียว หนังสือเจ๋งๆ แบบนี้ห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ



เป็นยังไงบ้างคะกับหนังสือ 8 เล่มที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ ไปหาอ่านให้ได้นะคะ การันตีเลยว่าไม่เสียเวลาแน่นอน พี่เชื่อว่าแต่ละเล่มจะให้ข้อคิดแก่เรามาก ส่วนน้องๆ คนไหนที่เรียนจบแล้วแต่อยากอ่านก็ไม่ว่ากันค่ะ น้องก็จะได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของชีวิตการเรียนผ่านทางตัวละครในเรื่อง 

ส่วนตัวพี่น้ำผึ้งชอบเรื่อง A Short History of Nearly Everything มากๆ เพราะเป็นหนังสือที่เปลี่ยนวิทยาศาสตร์ให้เป็นเรื่องสนุก แถมเข้าใจ (เกือบ) ทุกอย่างในโลกนี้อย่างถ่องแท้ เป็นหนังสือในตำนานที่น้องๆ สายวิทย์ (และไม่วิทย์) ต้องมีเก็บไว้ในบ้านเลยค่ะ ส่วนครั้งหน้าพี่จะนำเรื่องอะไรมาฝากนั้น รอติดตามได้เลยจ้า ^ ^ 

 พี่น้ำผึ้ง :) 

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก amazon.com


 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

 

 

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด