ล.โลกลัลล้า : ถ้ารู้สึกหมดไฟให้ลองนึกภาพตัวเองตอนยืนอยู่บนความสำเร็จ

เราพยายามดั้นด้นเขียนนิยายให้ออกมาดีที่สุดสมบูรณ์แบบที่สุด
จนทำให้เราลืมแก่นสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเริ่มต้นเขียนนิยายไป นั่นคือ
เราเคยเขียนแค่เพราะเรามีความสุขที่จะเขียน

ล.โลกลัลล้า

สวัสดีน้องๆ นักอ่านนักเขียนชาวเด็กดีทุกคนค่า ถ้าพูดถึงนิยายวายแนวมหา'ลัย ที่มีเดือนมหาลัยสุดฮ็อตอยู่ทั่วประเทศ พี่เชื่อว่าน้องๆ จะต้องนึกถึงนิยายเรื่อง "UNISTAR เดือน.ล่อง.หน" เป็นอันดับแรกๆ แน่นอน นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานโปรเจ็กต์ของ "เอิร์ธ" นักเขียนสาวเจ้าของนามปากกา "ล.โลกลัลล้า" ที่นักอ่านชาวเด็กดีน่าจะคุ้นชื่อกันอยู่บ้าง เพราะเดือนล่องหนเคยได้อันดับ 1 จากการติดท็อปทุกหมวดมาแล้วนั่นเอง แถมตอนนี้ยอดวิวนักอ่านก็กำลังทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ จนเกือบแตะสองล้านแล้วจ้า ความสนุกของนิยายเรื่องเดือนล่องหนที่นักอ่านส่วนใหญ่สัมผัสได้ก็คือความจริงของเหล่าแฟนคลับนี่แหละ ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกฟินเหมือนเป็นตัวเราเองที่กำลังเล่าเรื่องอยู่ พี่แนนนี่เพนเลยไม่พลาดที่จะชวนเอิร์ธมาพูดคุยถึงความเป็นมาให้น้องๆ ชาวเด็กดีได้รู้จักเธอในด้านอื่นๆ มากขึ้น รวมถึงเคล็ดลับในการเขียนนิยายของเธอด้วย ถ้าพร้อมกันแล้วไปพูดคุยกับเธอกันเลยค่า.. 
 
สวัสดีค่ะ ล.โลกลัลล้าเองนะคะ เรียกสั้นๆ ว่า เอิร์ธ ก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้มาพูดคุยกับทีมงานและพี่น้องชาวเด็กดีทุกคนนะคะ เรื่องอายุไม่ค่อยอยากจะเปิดเผย 555 แต่ว่าเรียนจบปริญญาโทแล้ว น่าจะพอคาดเดาอายุขั้นต่ำได้ ฮ่า ตอนนี้เอิร์ธอยู่ในช่วงกำลังวางแผนเพื่อศึกษาต่อปริญญาเอก ระหว่างนี้ก็เขียนนิยายควบคู่ไปด้วยค่ะ
 
ก่อนจะมาเขียนนิยาย.. เริ่มมาจากการเป็นนักอ่านตัวยงก่อนค่ะ เราเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายมากๆ อ่านได้ทุกแนว เหมือนกับชีวิตไม่สามารถขาดหนังสือนิยายได้ มีความสุขที่ได้เข้าไปอยู่ในโลกของนิยาย ได้รู้จักตัวละครผ่านการบอกเล่าจากตัวหนังสือ พออ่านมากๆ ก็เริ่มมีความรู้สึกว่าอยากจะลองสร้างโลกของตัวเองบ้าง ให้มีใครสักคนมาร่วมเดินทางไปกับเรา ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่มาเขียนนิยายค่ะ
 
เราเลือกเขียนนิยายวาย.. เพราะชอบอ่านค่า 555 จริงๆ แล้วเอิร์ธเป็นคนชอบอ่านนิยายทุกแนว แต่พอได้มาลองเขียนนิยายของตัวเองก็พบว่ามีเลือดสาววายอยู่ในตัวไม่น้อย ต่อให้เขียนแนวปกติที่ไม่วายก็ส่อวายได้ ก็เลยลองมาจับทางวายดูบ้าง แล้วก็ค้นพบว่า มันฟินมากสุดๆ เลยค่ะ //เขียนเองก็ฟินเองได้ 5555
 
นามปากกา “ล.โลกลัลล้า” มาจาก.. ตอนที่คิดชื่อนามปากกานี้ เพราะว่าเราชื่อ เอิร์ธ EARTH ที่แปลว่าโลก แล้วเราอยากให้ผู้อ่านอ่านนิยายของเราแล้วมีความสุข แค่เห็นนามปากกาก็ยิ้มหรือหัวเราะได้ เก็เลยตั้งชื่อนามปากกาจากสโลแกนที่ว่า “เมื่ออ่านนิยายของล.โลกลัลล้า ก็จะลัลล้าเหมือนนามปากกา” 55555.
 
นิยายเรื่องแรกเป็นยังไง.. โห ค่อนข้างนานมากแล้วค่ะ ถ้านับตั้งแต่ที่เริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกก็ผ่านมาเกือบ 10 ปีได้ ความรู้สึกส่วนใหญ่ที่จำได้ในตอนนั้นมักจะเป็นความล้มเหลว เช่น ลงนิยายแล้วไม่มีคนอ่าน ส่งที่ไหนก็ไม่ผ่าน หรือเจอคำวิจารณ์บั่นทอนกำลังใจ ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเคยรู้สึกหดหู่หรือเสียใจ แต่พอได้มาลองมองย้อนดูในตอนนี้ เราก็รู้สึกขอบคุณประสบการณ์ที่ผ่านมา มันทำให้เราให้ได้เรียนรู้และเข้มแข็งมากขึ้น จนสามารถพัฒนามาได้ถึงทุกวันนี้
 
สำหรับนิยายเรื่อง UNISTAR เดือน.ล่อง.หน .. ได้แรงบันดาลใจมาจากที่เราเองก็ชอบติดตามศิลปินไอดอลเหมือนกัน 555 โปรเจ็คยูนิสตาร์เป็นแนวไอดอล+มหา’ลัย เอิร์ธชื่นชอบบรรยากาศและแสงสีของโลกในวงการบันเทิง เลยอยากจะลองเขียนตัวละครที่เป็นไอดอลและเล่ามุมมองของไอดอลในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป อย่างเรื่องเดือนล่องหน ก็จะเป็นมุมมองไอดอลอย่างพี่อิน ที่แม้จะโด่งดังมีแฟนคลับมากมาย แต่กลับชอบใช้ชีวิตสงบเงียบเหมือนคนธรรมดาทั่วไป พล็อตของเรื่องเดือนล่องหนเลยเป็นการบอกเล่าถึงคนสองคนที่มีความเหมือนในมุมมองที่แตกต่างกันค่ะ คนหนึ่งอยู่ในที่สว่างที่ชอบทำตัวล่องหน ส่วนอีกคนเป็นคนล่องหนอยากลองอยู่ในที่สว่าง แต่สองคนนี้กลับมีสิ่งที่เชื่อมหากันนั่นก็คือสามารถมองเห็นกันและกันได้ค่ะ
 
ตอนที่เขียนนิยายเรื่องนี้รู้สึกสนุกและมีความสุขมากค่ะ 555 เป็นเรื่องแรกในรอบหลายปีที่เขียนด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น ไฟลุกโชน มีความสุขในทุกๆ ตัวอักษรที่ได้เขียนออกมา อาจเป็นเพราะเราไม่กดดันตัวเองเหมือนที่ผ่านมา จึงได้เขียนอย่างที่อยากเขียนได้เต็มที่
 

 
สำหรับคู่พระนายในมุมมองของเอิร์ธ.. “พี่อิน” คือไอดอลในอุดมคติค่ะ เราสร้างพี่อินขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ว่า อยากจะให้มีไอดอลแบบพี่อินจริงๆ และถ้ามีไอดอลแบบพี่อินนะ ติ่งอย่างเราก็พร้อมจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจและแรงเปย์(?)ไม่อั้นอย่างแน่นอน 555 ส่วน “น้องวิน” เป็นตัวละครที่สัมผัสแล้วรู้สึกอบอุ่นค่ะ ถึงแม้น้องวินจะขาดความมั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง แต่น้องวินเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก ทัศนคติหลายอย่างของวินเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก ซึ่งพอเราได้เขียนน้องวิน เราเองก็รู้สึกอบอุ่นและสบายใจด้วยเหมือนกัน 
 
ฉากที่เขียนยากสำหรับเอิร์ธ.. คือฉากบรรยายค่ะ เอิร์ธเขียนฉากบรรยายไม่ค่อยเก่ง แต่เรื่องเดือนล่องหนต้องใช้ความรู้สึกเพื่อคลี่คลายปมอยู่หลายฉาก บางครั้งเราก็เข้าใจตัวละครนะ อินไปกับความรู้สึกของตัวละคร แต่พอจะต้องถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาผ่านตัวหนังสือ กลับรู้สึกยาก เนื่องด้วยเป็นคนที่มีจุดอ่อนเรื่องบทบรรยาย ก็ต้องบิ้วอารมณ์อยู่นาน บางทีต้องมีคู่มือคลังคำศัพท์ไว้แนบข้างตลอด ไว้เปิดดูยามนึกไม่ออกว่าจะเลือกใช้คำไหนบรรยายดี 5555
 
เสน่ห์ของเดือนล่องหน.. ความมึนของพี่อินหรือเปล่านะ 555 พี่อินเป็นคนมึน พูดมึนๆ อ่อยมึนๆ จีบมึนๆ แถมยังหึงแบบมึนๆ 555 เอาจริงๆ ก็เดาไม่ถูกเหมือนกัน ฮ่า (แอบอยากให้ทีมงานช่วยสัมภาษณ์คนอ่านด้วยเหมือนกันนะคะเนี่ย 555 เพราะนักเขียนเองก็อยากรู้) แต่ถ้ายึดตามที่คิดเอาเอง อาจเป็นเพราะว่าเราเองก็เขียนเรื่องนี้ด้วยความสุข และบางทีคนอ่านอาจจะได้รับความสุขผ่านตัวหนังสือที่เราถ่ายทอดออกมาด้วยเช่นกัน
 
ได้ข่าวว่านิยายเรื่อง UNISTAR เดือน.ล่อง.หน เกิดขึ้นตอนกำลังหมดไฟ.. ในช่วงนั้นเหมือนกำลังสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอะไรในชีวิต จะตามล่าหาความฝันไปเพื่ออะไร ถ้าเจาะจงเฉพาะเรื่องเขียนนิยาย ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เอิร์ธเคยมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะมีหนังสือได้ตีพิมพ์เป็นของตัวเอง แต่เอาเข้าจริงๆ ถึงได้ตีพิมพ์แล้ว เราก็จะต้องรักษาคุณภาพ เรายังต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ เรื่องใหม่ที่เขียนจะต้องพยายามทำให้ดีขึ้นกว่าเรื่องก่อนหน้า ซึ่งพอเราเป็นแบบนั้น เราก็เผลอกดดันตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ เราพยายามดั้นด้นเขียนนิยายให้ออกมาดีที่สุดสมบูรณ์แบบที่สุด จนทำให้เราลืมแก่นสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเริ่มต้นเขียนนิยายไป นั่นคือ เราเคยเขียนแค่เพราะเรามีความสุขที่จะเขียน 
 
ตอนนั้นที่หมดไฟกับนิยาย เอิร์ธเริ่มรู้สึกว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียนนิยายอีกต่อไป กว่าจะเขียนได้แต่ละประโยคต้องฝืนใจอย่างหนักหน่วง ก็เลยพักงานเขียนไปสักระยะ หันไปทำอย่างอื่นเพื่อจูนอารมณ์ใหม่และค้นหาทางออก จนวันนึงได้ไปนั่งริมแม่น้ำ มองต้นไม้ มองนก มองท้องฟ้า มีลมพัดเย็นๆ สบายๆ แล้วจู่ๆ ก็เกิดความสุขเบาๆ ขึ้นมาอย่างประหลาด ทำให้เราก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เรื่องแค่นี้ก็ทำให้เรามีความสุขได้แล้ว นั่นทำให้เราหวนนึกไปถึงสมัยก่อนที่ตอนที่เราเริ่มเขียนนิยาย แค่ได้เขียนก็มีความสุขแล้วไม่ใช่เหรอ แท้จริงแล้ว ที่ผ่านมาเรามัวแต่มองอย่างอื่น แต่ไม่เคยมองความสุขที่อยู่ใกล้ตัวแค่นี้เลย พอคิดได้แบบนั้น ไฟที่มอดดับก็ลุกโชนขึ้นมา อยากจะเขียนตัวละครที่สร้างความรู้สึกเชิงบวกให้แก่กัน อยากจะถ่ายทอดความคิดเหล่านี้ทั้งหมดผ่านเนื้อเรื่องในนิยาย จึงเกิดเป็นพี่อินและน้องวินในเรื่องเดือนล่องหนขึ้นมาค่ะ
 
อยากให้คนอ่านได้อะไรจากการอ่านนิยายเรื่องนี้.. ถ้าหากว่ามีผู้อ่านท่านไหนที่กำลังเป็นแบบที่เราเคยเผชิญ เคยท้อแท้หมดกำลังใจ รู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่มีเป้าหมาย ถ้าได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ ก็อยากให้เขามีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาไม่มากก็น้อย อยากให้ลองมองแบบพี่อินว่า ความสุขเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่เรามักจะมองข้าม ถ้าหาความสุขไม่เจอจริงๆ ก็อยากให้ลองแบ่งปันความสุขที่มีให้คนอื่นดู เพราะความสุขที่ส่งต่อนั้น จะเป็นความสุขที่ยั่งยืนตลอดไป และอยากให้เขาได้ลองมองแบบวินว่า อย่าพยายามเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเลย บางทีความความสุขของคนอื่นที่เรามองเห็น อาจเป็นเพียงเหรียญด้านเดียวก็ได้ ทุกคนล้วนมีคุณค่าและมีดีในตัวเองอยู่แล้ว ขอเพียงแค่มองสิ่งที่มีอยู่ให้เป็นความสุขและความยินดีกับมันให้ได้ เท่านั้นก็พอแล้ว
 

 

 
เดือนล่องหนได้ลงขายกับเว็บเด็กดีด้วย เป็นยังไงบ้าง.. ยอมรับว่าดีกว่าที่คาดไว้เยอะมากเลยค่ะ เคยคิดว่าผู้อ่านส่วนใหญ่น่าจะยังชอบอ่านแบบหนังสือมากกว่า แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีผู้อ่านอีกไม่น้อยที่อยากซื้ออ่านนิยายบนเว็บด้วย ความรู้สึกว่าการขายเหรียญในเว็บเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับนักเขียนที่น่าสนใจมากเหมือนกัน อยากจะเชิญชวนทุกคนมาลงขายกันเยอะๆ ที่เว็บเด็กดีนะคะ (พี่ๆ ทีมงานเว็บเด็กดีน่ารักมากและให้คำปรึกษาดีมากๆ เลยค่ะ ^^)
 
ทำอะไรบ้างก่อนจะเริ่มเขียนนิยาย.. นักเขียนแต่ละคนอาจจะเทคนิคไม่เหมือนกันนะคะ แต่สำหรับเอิร์ธคือ ก่อนที่เอิร์ธจะเริ่มเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง เอิร์ธจะต้องสำรวจอยู่ 2 อย่าง คือ 1. พล็อตเรื่องนี้สมบูรณ์ดีแล้วใช่มั้ย อย่างน้อยเราก็มั่นใจว่าเรื่องนี้จะสามารถเขียนจบได้โดยไม่ตันกลางทาง  2. เรารักเรื่องนี้หรือเปล่า ถ้าสมมติเราเป็นนักอ่าน เราอยากจะอ่านนิยายเรื่องนี้ที่เราเขียนมั้ย อันนี้สำคัญมากๆ เพราะว่าเราก็ต้องมีความสุขที่จะเขียนด้วยเหมือนกัน ถ้าเอิร์ธมีนิยายที่ตั้งใจจะเขียน แต่ขาดข้อใดข้อหนึ่งนี้ไป เอิร์ธก็จะหยุดมันไว้ก่อน รอจนกว่าเราจะมั่นใจและอยากเขียนเรื่องนั้นจริงๆ
 
นิยายส่วนใหญ่ได้ไอเดียมาจาก.. ทุกสิ่งรอบตัวเลยค่ะ เวลาไปสถานที่ใหม่ๆ หรือพบเจอคนใหม่ๆ เรามักพยายามจดจำความรู้สึกเหล่านั้นไว้ ซึ่งบางทีก็กลายเป็นฉากในนิยายโดยไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงการอ่านหนังสือหลายๆ เรื่องหลากหลายแนว ก็ทำให้เราได้ไอเดียใหม่ได้เหมือนกัน เพราะการอ่านหนังสือช่วยให้เราสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ที่นักเขียนคนนั้นบอกเล่าผ่านตัวอักษรได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสประสบการณ์นั้นด้วยตัวเอง
 
สร้างคาแรคเตอร์ตัวละครยังไง.. เอิร์ธชอบสร้างตัวละครที่มีเอกลักษณ์สามารถจดจำได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น แค่อ่านบทพูดหนึ่งประโยค หรือ พูดถึงนิสัยตัวละครมา 2-3 อย่าง โดยไม่บอกชื่อเลย ก็จะยังสามารถบอกได้ว่าตัวละครนี้คือใคร ซึ่งเอิร์ธค่อนข้างให้ความสำคัญกับเด่นตัวละคร เพราะจากประสบการณ์ เวลาเอิร์ธชอบนิยายเรื่องไหนมากๆ ถึงแม้วันเวลาผ่านไป เราจะลืมเนื้อเรื่องไปบ้าง แต่ถ้าชอบตัวละครตัวนี้มากจริงๆ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เราก็ยังจดจำได้ไม่ลืม
 
ขอกำลังใจให้คนหมดไฟหน่อย.. จากที่เอิร์ธเคยหมดไฟมาก่อน ช่วงนั้นได้ลองตั้งสติแล้วสำรวจจิตใจตัวเอง ก็เลยค้นพบว่า “สภาวะหมดไฟ” ลึกๆ แล้วมีสาเหตุมาจาก “ความกลัว” กลัวว่าเราจะทำสิ่งนี้ไม่ได้ กลัวว่าจะไม่ได้ตามที่คาดหวัง กลัวที่จะต้องเผชิญกับความล้มเหลว ซึ่งความกลัวลักษณะนี้ทำให้เกิดความรู้สึก ‘ขาดความมั่นใจ’ จนส่งผลให้แรงบันดาลใจมอดหาย เราจะมีความรู้สึกว่า ต่อให้ตั้งใจทำแค่ไหนก็คงไม่สำเร็จ พยายามแทบตายสุดท้ายก็ต้องผิดหวัง จึงทำให้รู้สึกหมดไฟที่จะทำสิ่งนั้นต่อ
 
คำแนะนำจากประสบการณ์ คือ เราจะต้องเปลี่ยนมุมมองและวิธีการคิดใหม่ แทนที่จะนึกภาพตัวเองเผชิญหน้ากับความผิดหวังหรือความล้มเหลวที่ยังไม่เกิดขึ้น เราจะต้องเห็นภาพตัวเองยืนอยู่บนความสำเร็จที่เราคาดหวังไว้อย่างชัดเจน และมีความเชื่อมั่นว่าสักวันนึงเราจะไปยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ซึ่งถ้าเราเปลี่ยนความคิดข้างในได้สำเร็จ เราก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น ไฟที่เคยหมดไปมันก็จะกลับมา และถ้าทำได้เมื่อไหร่ เราอาจค้นพบว่าผลลัพธ์ที่ได้มานั้น มันยิ่งใหญ่กว่าภาพความสำเร็จที่เราจินตนาการไว้เสียอีก จนวันหนึ่งเราจะต้องร้องตะโกนขึ้นมาว่า “โหย เราก็ทำได้นี่นา!”
 
สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเป็นนักเขียน.. สำหรับเอิร์ธคือ ต้องรักและมีความสุขกับมัน การเขียนนิยายก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ ต้องใช้ความใส่ใจและความอดทนอยู่ไม่น้อย ถ้าอยากให้นิยายและตัวละครของเรามีชีวิตชีวา เราก็ต้องทุ่มเทพลังใจให้กับมันอย่างเต็มที่
 
การเขียนนิยายให้อะไรกับเราบ้าง.. การเขียนนิยายได้ให้หลายสิ่งกับเอิร์ธมาก เอิร์ธนึกไม่ออกเลยว่าโลกที่ไม่มีนิยายเป็นอย่างไร เคยมีช่วงหนึ่งที่เอิร์ธหยุดเขียนไประยะหนึ่ง มันรู้สึกเลยว่าชีวิตเราเหมือนมีสิ่งสำคัญขาดหายไป การเขียนนิยายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เป็นโลกอีกใบที่เราได้โลดแล่นและเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ พอได้เห็นนิยายของเราสามารถสร้างความสุขให้คนอ่านอื่นๆ ด้วย เราก็ยิ่งรู้สึกว่าเราจะต้องมุ่งมั่นเขียนต่อไป และหยุดเขียนไม่ได้อีกแล้ว
 

 
แนะนำน้องๆ ชาวเด็กดีที่อยากเป็นนักเขียนหน่อย.. สำหรับการเป็นนักเขียน เอิร์ธเชื่อว่าไม่มีเทคนิคหรือสูตรความสำเร็จที่ตายตัว มีเพียงคำว่า “อย่าหยุดเขียน” เท่านั้น บางทีอาจต้องใช้เวลา บางทีอาจต้องใช้ความอดทน บางทีอาจต้องเผชิญความล้มเหลว แต่ขนาดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกหลายแห่งยังต้องก่อสร้างนับสิบปี หากเราจะสร้างงานเขียนที่สุดยอดขึ้นมา มันก็คงต้องใช้เวลาด้วยเหมือนกัน ซึ่งหากเรามุ่งมั่นเขียนต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร เราก็ไม่เคยหยุดที่จะเขียน สักวันหนึ่ง งานเขียนนั้นต้องประสบความสำเร็จอย่างที่เรามุ่งหวังอย่างแน่นอน
 
ถึงนักอ่านที่ติดตามผลงานของเอิร์ธ.. ขอบคุณด้อมกะทิและยูนิตี้ทุกคนมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณร่วมเดินทางไปพร้อมๆ กับตัวละครในเรื่อง ได้ร่วมหัวเราะ ร่วมร้องไห้ และร่วมฟินไปด้วยกัน เรารู้สึกดีใจและมีความสุขมากๆ จนไม่อาจบรรยายออกมาได้ ทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเมนท์ของทุกคน มันทำให้เรายิ้มได้เสมอ บางวันเจอเรื่องเหนื่อยๆ มา ก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย อยากบอกนักอ่านที่รักและเอ็นดูพี่อินกับน้องวินว่าขอบคุณมากๆ จากใจจริง สองตัวละครนี้คงจะมีชีวิตชีวามากขนาดนี้ไม่ได้เลย ถ้าขาดกำลังใจจากผู้อ่านทุกคน อยากจะกอดผู้อ่านทุกท่านที่ติดตาม รักทุกคนจริงๆ น้า <3
 
สุดท้ายแล้ว ฝากผลงานกับน้องๆ ชาวเด็กดีกันหน่อย.. อยากจะขอฝากนิยายเรื่องใหม่ที่อยู่ในเซ็ต UNISTAR เหมือนกัน คือ เรื่อง ‘เดือน.ครึ่ง.เสี้ยว’ เรื่องนี้ตัวละครจะเป็นยูนิสตาร์รุ่นน้องของพี่อิน คือ วายุ (มุกแป้ก) กับนที (ปากเดือด) แนวไอดอลคู่จิ้นสองคนที่ไม่ถูกขี้หน้ากัน แต่ต้องมาอยู่ด้วยกันแถมโดนทั้งแฟนคลับและต้นสังกัดชงแก้วแตกให้รักกัน โทนเรื่องจะแตกต่างเดือนล่องหนพอสมควร เนื่องด้วยสองตัวเอกจะเพี้ยนๆ บ๊องๆ กัดกันไร้สาระแบบไม่ลืมหูลืมตา อ่านแล้วระวังสติอาจจะหล่นหายกลางทางได้ 555 เรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อคลายเครียด (แต่ไม่รู้ว่าจะอ่านแล้วจะเครียดในความไร้สติมากกว่าเดิมมั้ย ฮ่า) ถ้าใครเคยมีความคิดอยากเห็นคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริงขึ้นมาบ้าง และอยากสัมผัสมุมมองของไอดอลที่ถูกจิ้นกับคนที่ไม่ชอบหน้า ก็สามารถไปอ่านเรื่องนี้กันได้นะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่า 
 

 
พี่แนนนี่เพนต้องขอบคุณเอิร์ธมากเลยนะคะ ที่มาเล่าประสบการณ์ดีๆ ให้น้องๆ ชาวเด็กดีในวันนี้ หากน้องๆ คนไหนที่รู้สึกว่ากำลังหมดไฟ พี่แนนนี่เพนอยากจะให้มองเอิร์ธเป็นตัวอย่างของคนที่เคยหมดไฟและกลับมายืนอยู่บนความสำเร็จได้อีกครั้งหนึ่งค่ะ ในตอนนี้เราอาจจะยังกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่ถ้าลอง "เปลี่ยนมุมมองและวิธีการคิดใหม่" เหมือนอย่างที่เอิร์ธทำ เราอาจจะมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่รออยู่ก็ได้นะคะ พี่จะคอยเป็นกำลังใจน้องๆ เสมอค่ะ สู้ๆ พยายามเข้านะคะทุกคน ^^ 
 
พี่แนนนี่เพน 
 

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด