10 ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับ “ปีใหม่” ของคนจีน


สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคน พี่หญิงเป็นคนหนึ่งที่ชอบอะไรเกี่ยวกับจีนๆ มากๆ ยิ่งนิยายจีน วัฒนธรรมจีนพวกนี้โปรดปรานสุดๆ ไปเลยค่ะ และในเมื่อเพิ่งผ่านพ้นปีใหม่มาได้ไม่นาน พี่หญิงก็เลยอยากจะมาทำบทความเพื่อเผยแพร่ความเชื่อเกี่ยวกับปีใหม่ของชาวจีนกัน มาอ่านไว้เป็นความรู้กันนะคะ เผื่อใครสนใจเอาไปเขียนนิยายได้นะ 
 


 
ถ้าพูดถึง "วันปีใหม่" แล้ว ถึงแม้ว่าแต่ละประเทศจะมีเทศกาลนี้เหมือนๆ กัน มีการเฉลิมฉลองเพื่อแสดงถึงการเริ่มต้นศักราชใหม่เหมือนกัน แต่ลึกๆ ลงไปแล้วในแต่ละพื้นที่ก็มีตำนานความเชื่อเกี่ยวกับวันปีใหม่นี้แตกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรม ประเทศไทยเองก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาหลายรอบเหมือนกันนะ กว่าที่วันที่ 1 มกราคมของทุกปีจะถูกกำหนดขึ้นให้เป็นวันเริ่มต้นศักราชใหม่เหมือนทุกวันนี้ และในวัฒนธรรมของประเทศจีนเองก็เช่นกันค่ะ ชาวจีนมีตำนานความเชื่ออธิบายความสำคัญของวันขึ้นปีใหม่ และสิ่งที่ต้องปฏิบัติในวันนี้ที่เยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทำไมคนจีนต้องทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ในวันปีใหม่ ทำไมปีใหม่คนจีนถึงต้องตกแต่งสิ่งต่างๆ เป็นสีแดงและแต่งกายสีแดง ใครเป็นคนกำหนดปีนักษัตรจีน รวมถึงอะไรคือพอยต์สำคัญของขนมน้ำตาลปั้น (麦芽糖 Màiyátáng) ในวันปีใหม่กันแน่? และนี่คือเรื่องราวที่เราจะมาหาคำตอบกันในวันนี้ค่ะ
 

(ปีศาจโบราณของจีน)
 

1. “เหนียน” ปีศาจโบราณที่กลัวเสียงดัง และสีแดง 

ในสมัยโบราณ มีปีศาจที่ชื่อว่า "เหนียน" (年 Nián) อาศัยอยู่ในทะเลลึก และจะขึ้นฝั่งมาปีละครั้ง ซึ่งในช่วงเวลาที่เหนียนปรากฏตัวขึ้นนั้น  ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดกับทะเลก็จะหนีจากบ้านไปหลบซ่อนตัวตามภูเขา เหตุการณ์วนเวียนเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ กระทั้งปีหนึ่ง มีชายเร่ร่อนเดินทางผ่านมาหมู่บ้านนี้ ในขณะที่ชาวบ้านกำลังเตรียมตัวหลบหนีเหนียน เขาพยายามขออาหารจากชาวบ้านเพื่อบรรเทาความหิวและความเหนื่อยล้าจากเดินทาง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีชาวบ้านคนไหนสนใจเขาเลย ทุกคนต่างก็วุ่นวาย เร่งรีบ มีเพียงหญิงชราคนหนึ่งที่บอกกับเขาถึงภัยร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อชายเร่ร่อนได้ทราบเรื่องราว เขาจึงสัญญากับหญิงชราว่าจะช่วยขับไล่เหนียนออกไป ต่อมาเขาก็เริ่มตกแต่งบ้านตลอดทั้งวัน!
 
ในเวลาเที่ยงคืน เหนียนค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่ชายฝั่งที่ละน้อยๆ แต่ทันใดนั้นเองเหนียนก็หยุดการเคลื่อนไหวลง เมื่อมันมองเห็นกระดาษสีแดงที่ติดอยู่ตามประตูบ้าน ขณะที่มันคำรามด้วยความโกรธก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นประกอบกับที่มันเห็นชายสวมชุดสีแดงยืนหัวเราะมันอยู่ก็ตกใจกลัวจนวิ่งหนีไป เมื่อชาวบ้านกลับมาในวันรุ่งขึ้นก็รู้สึกอัศจรรย์ในใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากๆ พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่า... ปีศาจตนนี้จะมีจุดอ่อนอยู่ที่ "เสียงดังของประทัด" และ "สีแดง"
 
นี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นว่าทำไมชาวจีนถึงต้องประดับตกแต่งบ้านเรือนของตนด้วยสีแดง และจุดประทัดเสียงดังในเวลาเที่ยงคืน



2. กลอนคู่ เครื่องรางป้องกันวิญญาณร้าย!

หนึ่งในการตกแต่งบ้านด้วยสีแดงที่ชาวจีนนิยมมากที่สุดก็คือ การแขวนกลอนคู่ (春联—chūn lián) ไว้ที่หน้าประตู เพราะเชื่อว่าการแขวนกลอนคู่ไว้ที่หน้าประตูแบบนี้เนี่ยจะสามารถขับไล่เหนียนออกไปได้ (ตามตำนานที่กล่าวไปแล้วด้านบน)
 
นอกจากนี้แล้ว ชาวจีนยังเชื่ออีกว่ากลอนคู่นี้ก็เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แทนตัวเทพพิทักษ์สององค์ที่ถูกเง็กเซียนฮ่องเต้สั่งให้ลงมาเฝ้าต้นท้อและคอยจัดการเหล่าปีศาจที่ออกอาละวาดในเวลากลางคืนด้วยการจับไปให้เสือกิน ปีศาจจึงหวาดกลัวเทพสององค์นี้มากๆ เลยค่ะ (สงสัยกลัวถูกจับไปให้เสียกิน อืมๆ)
 
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปีศาจร้ายเข้ามายุ่งวุ่นวายกับบ้าน ชาวจีนจึงนิยมเอาแผ่นป้ายที่เขียนสัญลักษณ์ของเทพทั้สองมาแขวนไว้หน้าบ้านนั่นเองจ้า (ประมาณบอกเป็นนัยๆ ว่าบ้านนี้มีเทพเฝ้าอยู่นะ ถ้าไม่อยากเดือดร้อนอย่าเข้ามายุ่ง!) 




3.ติดตัว "ฝู" กลับหัว โชคลาภมาถึงแล้ว

แต่การตกแต่งบ้านด้วยกลอนคู่ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ไม่ใช่สิ่งเดียวที่นิยมทำในวันปีใหม่ค่ะ  การแขวนตัวอักษร “ฝู” (福) ที่มีความหมายเป็นมงคลว่า… ความสุขหรือโชคลาภ ก็เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวจีนเช่นกัน เพียงแต่การติดตัวอักษรนี้จะพิเศษอยู่หน่อย เพราะน้องๆ ทุกคนจะไม่เห็นบ้านไหนติดตัวอักษรนี้กันแบบตรงๆ เลยน่ะสิ! (ฮ่า)
 
ในสมัยราชวงค์หมิงมีตำนานเหล่าถึงการติดตัวอักษรนี้ไว้ว่า… ในสมัยนั้นจักรพรรดิได้มีคำสั่งให้ชาวบ้านทุกคนติดอักษรคำว่า “ฝู” ไว้ที่บนประตูบ้านทุกครัวเรือน ต่อมาในวันปีใหม่ฮ่องเต้ก็ได้ออกคำสั่งให้ทหารเดินทางไปตรวจสอบ ปรากฏว่ามีบ้านหลังหนึ่งที่ติดตัวอักษรกลับหัว เพราะไม่รู้หนังสือ ทีนี้ก็งานเข้าน่ะสิคะ ฮ่องเต้พิโรธหนักถึงกลับจะตัดสินโทษประหารกันเลยทีเดียว! ฮองเฮาที่ประทับอยู่ข้างกันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบออกอุบายช่วยเหลือชาวบ้านผู้โชคร้าย โดยอธิบายว่า… การที่ติดตัวอักษรคว่ำลงนั้น (倒—dào) เพื่อให้เป็นคำพ้องเสียงของคำว่า “อยู่ที่นี่” เมื่อรวมความหมายแล้วการติดตัวอักษรคว่ำจะความหมายแปลว่า… ฝูอยู่ที่นี่ (มีโชคมีลาภ)
 
***(การติดตัวอักษรฝูคว่ำลง ในภาษาจีนจะตรงกับคำว่า “福倒” fúdào เป็นพ้องเสียงที่ให้ความหมายแปลว่า “โชคลาภมาอยู่ที่นี่แล้ว” )***
 
เมื่อได้ฟังดังนั้นฮ่องเต้ก็หายพิโรธ ออกคำสั่งให้ปล่อยชาวบ้านให้เป็นอิสระ และนับแต่นั้นมาผู้คนก็นิยมติดตัวอักษร “ฝู” คว่ำลงเพื่อโชคลาภ และระลึกถึงองค์ฮองเฮา






4. ความเชื่อเกี่ยวกับเกี๊ยวและหูของคน

ถ้าพูดถึงเกี๊ยว อาหารที่ชาวจีนนิยมกินข้ามปีนี้แล้ว หลายคนอาจมองว่ามันมีลักษณะคล้ายทอง และเงินตำลึง เงินในสมัยโบราณของจีน แต่น้องๆ ทราบกันไหมคะ ว่ายังมีคนที่มองรูปร่างของเกี๊ยวชนิดคล้าย “หู” ของคนอยู่เหมือนกัน!

ซึ่งถ้าจะให้เล่าถึงความเป็นมาแล้ว ก็ต้องมองย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เทพหนี่วาลงมือสร้างมนุษย์กันเลย โดยในความเชื่อของชาวจีนมีตำนานดั่งเดิมเล่าถึงการกำเนิดมนุษย์ว่า… เทพหนี่วาสร้างมนุษย์มาจากการปั้นดินสีเหลือง และตระหนักดีว่าหูจะแข็งตัวและอาจแตกออกในฤดูหนาว เทพหนี่วาจึงตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยการเย็บหูติดกับศีรษะกันซะเลย แล้วเอาปลายเส้นด้ายมาไว้ในปากของมนุษย์
 
หลังจากนั้นมาเพื่อเป็นการระลึกถึงบุญของเทพหนี่วา ชาวจีนจึงห่อเกี๊ยวเป็นรูปหู แล้วทานร่วมกันกับครอบครัวในเวลาสิ้นปี //เอ...จะว่าไปลองจินตนาการตามแล้ว แอบเห็นด้วยนิดๆ นะว่าคล้ายหูอยู่เหมือนกัน 




5. ถูชูจิ่ว (屠苏酒) เหล้าโบราณที่จะช่วยให้พ้นจากโรคร้าย

ถูชูจิ่ว ที่ถูกกล่าวถึงในความเชื่อของชาวจีนนี้จะให้เรียกว่า "เหล้า" ก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่แฮะ ถ้าจะให้ตรงตัวแล้ว ควรจะเรียกว่า "ยาดองจีน" จะให้ความหมายที่ชัดเจนกว่า เพราะ "屠苏酒" เป็นเครื่องดื่มที่เกิดจากการผสมสมุนไพรหลายชนิดกับเครื่องดื่มพื้นบ้านเข้าด้วยกัน
 
โดยที่มาของความเชื่อนี้มีตำนานเล่าถึงอยู่ว่า... ในหมู่บ้านที่ประสบภัยโรคระบาด มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางไปหาเพื่อนบ้านพร้อมถุงที่ใส่สมุนไพรหลายชนิดลงไป เขาบอกชาวบ้านทุกคนให้แช่ถุงสมุนไพรนี้ในน้ำ และก็เหมือนมีเวทมนตร์เมื่อพวกเขาดื่มน้ำชนิดนี้ในวันปีใหม่ มันก็ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากโรคร้ายได้! และตั้งแต่นั้นมาเครื่องดื่มชนิดนี้ก็กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ "ถูชูจิ่ว" ที่นิยมดื่มในวันขึ้นปีใหม่เพื่อเสริมสร้างความเป็นมงคล และเป็นการอวยพรให้ไม่เจ็บป่วยตลอดปี





6. ต้นกำเนิดของซองแดง

ซองแดง หรือ อั่งเปาที่เรารู้จักกันอยู่ทุกวันนี้ น้องๆ รู้ไหมคะว่า ความจริงแล้ว ค่านิยมนี้ไม่ได้มีไว้มีไว้เพื่อให้เราดีใจเล่นเวลาได้เงินจากญาติผู้ใหญ่เท่านั้นนะคะ แต่ในความเชื่อเกี่ยวกับตำนานการให้ซองแดง ยังมีนัยยะถึงการ “ปกป้อง” ลูกหลานให้พ้นจากการคุกคามของปีศาจร้ายอีกด้วย!
 
โดยสมัยก่อน มีเรื่องเล่าถึงปีศาจที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกอยู่ตนหนึ่งที่มักปรากฏตัวในช่วงเวลาระหว่างคืนส่งท้ายกับวันขึ้นปีใหม่อยู่ว่า… ซุ่ย (祟 Sui) จะเข้ามาทำร้ายเด็กๆ ด้วยการใช้มือลูบไปที่ศีรษะของเหยื่อทั้งหมด 3 ครั้ง หลังจากนั้นเด็กๆ จะจับไข้ และเมื่อฟื้นขึ้นมาพวกเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป (จากเด็กฉลาดๆ จะกลายเป็นคนสมองช้าโดยทันที)
 
ชาวบ้านต้องอยู่ในภาวะหวาดกลัวปีศาจตนนี้เสมอมา จนกระทั่งมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง นำเงินออกมาเล่นกับลูกๆ ในวันสิ้นปี ครั้นเมื่อลูกหลับก็ได้นำเงินห่อซองแดงวางเอาไว้ข้างหมอน เมื่อปีศาจซุ่ยบุกเข้าบ้านหวังทำร้ายเด็ก แสงจากเงินในซองแดงก็กระทบเข้าตา จนทำให้ซุ่ยตกใจกลัว และหนีไปในที่สุด!





7.ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าเตาและลูกอม

เทพเจ้าเตา เป็นความเชื่อของชาวจีนที่เชื่อว่า... เทพพระเจ้าเตา จะสถิติอยู่ในห้องครัวของบ้าน คอยดูแลอาหารและวิถีชีวิตของผู้คนในบ้านเรือน และถือเป็นพระเจ้าที่มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มากที่สุด ในวันขึ้นปีใหม่ของทุกปีจะเป็นวันที่เทพเจ้าองค์นี้กลับขึ้นไปรายงานเง็กเซียนฮ่องเต้ถึงการใช้ชีวิตของผู้คน บอกเล่าว่าแต่ละครอบครัวนั้นเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็จะกลับมาสู่โลกเพื่อให้พรหรือลงโทษผู้คนตามที่เง็กเซียนฮ่องเต้มีบัญชาลงมา (อืมๆ เป็นประหนึ่งสายลับที่แฝงตัวสอดส่องความพฤติกรรมของเราอยู่ในห้องครัวนั่นเอง)
 


 
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม ชาวจีนแต่ละครอบครัวถึงต้องทำลูกอม (ขนมเม่งถัง) ทิ้งไว้หน้าเตาในเวลากลางคืนไงล่ะ เพราะการไหว้ลูกอมที่ว่านี้จะทำให้เทพเจ้าเตาไม่สามารถพูดเรื่องโชคร้ายกับครอบครัวเหล่านี้ได้ เนื่องจากถูกลูกอมเหนียวนึบเชื่อมปากไว้ จะสามารถพูดได้แต่เรื่องราวดีๆ ที่เป็นพรเท่านั้น!




8.เทพนักษัตร 12 ราศี

เทพนักษัตรทั้ง 12 องค์ของชาวจีนเป็นเทพที่ถูกแต่งตั้งจากเง็กเซียนฮ่องเต้ ผ่านการแข่งขันชิงตำแหน่ง ซึ่งฟังๆ ดูแล้วมันก็ชวนให้เกิดความสงสัยจริงๆ นะ ว่าทำไมทั้งๆ ที่หนูตัวเล็กนิดเดียวถึงเอาชนะคนอื่นๆ จนถูกจัดเป็นปีนักษัตรลำดับแรกได้ แต่นั่นมีคำตอบอยู่ค่ะ ตามตำนานเล่าว่า… เป็นเพราะ “หนู” ฉลาดแกมโกงนั่นเอง
 
ในตอนที่เง็กเซียนฮ่องเต้มีดำริให้สัตว์ต่างๆ มารายงานตัวในวันปีใหม่ เพื่อจะตั้งปีนักษัตรตามลำดับก่อนหลังของที่มาเข้าเฝ้านั้น ความจริงแล้วหนูและแมวจะต้องเดินทางมาด้วยกัน แต่แมวกลับตื่นสาย เพราะหนูได้วางแผนใส่บางสิ่งบางอย่างลงไปในชาที่แมวดื่มไปในคืนก่อนวันเดินทาง จากนั้นระหว่างทางหนูก็วิ่งไปเจอวัวที่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง หนูจึงเสนอไอเดียให้วัวแบกหนูขึ้นหลังไปด้วย แลกกับการที่หนูจะร้องเพลงคลายความเบื่อหน่ายในวัวไปตลอดทาง แต่เมื่อไปถึงเส้นชัย หนูกลับพุ่งตัวลงจากหลังวัวถึงจุดมุ่งหมายเป็นตัวแรก ก่อนวัวกันซะแบบนั้นเลย
 
เสือและกระต่ายตามมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน แล้วตามด้วยมังกรที่เดินทางอ้อมไปช่วยเหลือหมู่บ้านที่ประสบภัยก่อน พร้อมกับงูที่เดินทางมาถึงในเวลาเดียวกัน เพียงแต่งูตัวเล็กเกินไป เง็กเซียนจึงเห็นมังกรก่อน ต่อมาม้าและแพะก็เดินทางมาด้วยกัน เพียงม้าจะมาถึงเร็วกว่าเล็กน้อย ถัดมาไม่นานลิง ไก่ และสุนัขที่เดินทางไปช่วยเหลือพระเจ้าในประเทศอื่นก็มาถึง ตามด้วยหมูที่มาช้าสุดเพราะต้องซ่อมบ้านของตนที่โดยหมาป่าทำลายให้เสร็จก่อนมารายงานตัว
 
อ่านๆ ไปแล้วก็สงสารหมูสุดๆ เลยค่ะ โธ่ๆ ที่น้องหมูต้องมาอยู่ลำดับสุดท้ายในปีนักษัตรเพราะมัวแต่ไปซ่อมบ้านที่ถูกทำลายอยู่นี่เอง




9.ประเพณีสวมชุดชั้นในสีแดง

อย่างที่ทราบกันดีว่าสีแดง เป็นสีที่เป็นมงคลกับคนจีนมากๆๆๆ ผู้คนนิยมในเสื้อผ้าสีแดงเพื่อเสริมสร้างความเป็นมงคลต่างๆ รวมถึง "ชุดชั้นใน" โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ดวงชะตาประจำราศีอ่อนกำลังลง จนมีดวงที่จะดึงดูดความสนใจปีศาจ โชคร้าย ตลอดจนสิ่งไม่ดีไม่งามเข้ามาในตัว หนทางจะป้องกันตนเองได้ในความเชื่อของคนจีนก็คือการสวนชั้นในสีแดงนั่นเองค่ะ
 
นอกจากนี้ตั้งแต่ในช่วงราชวงศ์เหลียวยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการกำเนิดขึ้นของทารกว่า... ในระหว่างที่ทารกมีอายุ 100 วันเป็นช่วงเสี่ยงที่วิญญาณเด็กจะสามารถหลุดออกจากร่างได้ตลอดเวลา พ่อแม่จึงให้เด็กๆ สวนชุดสีแดงเอาไว้ เมื่อเลยช่วงร้อยวันไปจะต้องมีการเฉลิมฉลองการเกิดใหม่ของพวกเขา รวมถึงต้องเชิญนักบวชเพื่อประกอบพิธีขับไล่สิ่งชั่วร้ายอีกด้วย
 
โดยสรุปคือ ชาวจีนมีความเชื่อว่าการสวมชั้นในสีแดงจะเป็นการล็อคโชคสวาสนา และจิตวิญญาณของตนให้ปลอดภัยนั่นเองจ้า




10.ตำนานวิหคสวรรค์ กับเทศกาล "หยวนเซียว"


"หยวนเซียว" เป็นเทศกาลของจีนที่จัดขึ้นหลังจากการฉลองปีใหม่ผ่านไปไม่นาน  จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติของชาวจีน ในเทศกาลผู้คนจะเฉลิมฉลองด้วยการติดโคมไฟสีแดงสีแดงทั่วไปหมด โดยสาเหตุที่ในเทศกาลต้องชาวจีนต้องติดโคมไปสีแดงไว้นั้นได้มีตำนานเล่าถึงเรื่องนี้อยู่ว่า... เมื่อนานมาแล้วได้มีวิหคสวรรค์บินหลงมายังโลก แล้วถูกนายพรานพลั้งมือฆ่าตาย จนทำให้เง็กเซียนฮ่องเต้พิโรธ จนออกคำสั่งในขุนพลสวรรค์เดินทางมาปล่อยเพลิงเผาทำลายมนุษย์ให้หมดสิ้นในคืน 15 ค่ำเดือนอ้าย 

ธิดาของเง็กเซียนได้ข่าวก็เกิดความสงสารขึ้น จึงแอบลงมาเตือนมนุษย์ล่วงหน้า ในคืนนั้นเองทุกคนก็พร้อมใจกันประดับโคมไฟสีแดง และจุดประทับ เมื่อเง็กเซียนมองลงมาจึงคิดว่าโลกถูกไฟเผาไปแล้ว มนุษย์จึงได้รอดพ้นจากความโกรธของพระเจ้ามาได้อย่างปลอดภัย 



******************************
 
จบไปแล้วนะคะ สำหนับ 10 ตำนานความเชื่อในเทศกาลปีใหม่จีนที่ได้นำมาฝากกันในวันนี้ แต่ละความเชื่อน่าสนใจกันไม่เบาเลยใช่ไหมล่ะ มีใครคุ้นเคยกับความเชื่อไหนเป็นพิเศษกันบ้างเอ่ย บอกเลยนะคะว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตำนานความเชื่อเกี่ยวกับวันปีใหม่ของจีนเท่านั้น ยังมีตำนานอีกหลายๆ แบบเลยที่เรายังไม่ได้นำมาพูดถึงกันในวันนี้นะคะ  สำหรับใครที่สนใจก็อย่าลืมไปลองหาอ่านเพิ่มเติมกันได้น้า


สุดท้ายนี้ พี่หญิงขอลาไปก่อนเจอกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ


พี่หญิง


ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก : http://www.sohu.com/a/221784601_655489
https://chinesenewyear.net/myths/
https://www.chinlingo.com/articles/801273/
http://www.jd.com/phb/zhishi/448c0b3244058145.html
http://www.cssn.cn/preview/zt/19158/19167/19181/201401/t20140126_953938.shtml

http://zjnews.zjol.com.cn/05zjnews/system/2009/01/31/015213940.shtml
มาทำความรู้จัก 7 ซีรี่ส์วายสุดปังที่สร้างมาจากนิยายเด็กดีกันเถอะ!!!

 
พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด