‘Road Trip’ ธีมเรื่องที่อาจเพอร์เฟคท์สำหรับนิยายระทึกขวัญ

 

Road Trip ธีมเรื่องที่อาจเพอร์เฟคท์
สำหรับนิยายระทึกขวัญ

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวนักเขียนเด็กดี ก่อนอื่นพี่อยากให้ทุกคนลองจินตนาการดูว่าเรากำลังขับรถอยู่บนถนนใหญ่ ข้างหน้าของเราคือขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไป รอบตัวคือเสียงเครื่องยนต์ ตอนนี้น้องกำลังออกเดินทางและอยู่ที่ไหนสักแห่งบนถนนโล่งๆ ที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่รออยู่ปลายทางในอนาคตคืออะไร แล้วทันใดนั้นเหตุการณ์บางอย่างก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จนทำให้น้องตกตะลึง ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นอะไร แต่มันสามารถทำให้เราลืมวิธีการหายใจได้!

น้องๆ หลายคนอาจสงสัย เห็นพี่ให้จินตนาการถึงถนนโล่งๆ แบบนี้แล้ว แปลว่าวันนี้พี่ต้องพูดถึงถนนแน่ๆ เลยใช่มั้ย? ถูกต้องแล้วค่ะ ถนนกับความธรรมดาคือสิ่งที่เราจะพูดถึงในกลเม็ดเคล็ดลับฉบับนี้! ไม่รู้ว่าน้องๆ เคยอ่านนิยายหรือดูหนังแนว Road Trip รึเปล่า? มันเป็นเรื่องราวที่ตัวละครต้องออกเดินทางไปตามที่ต่างๆ แล้วเจอเหตุการณ์ระหว่างทาง หากว่าเคย บอกเลยว่าดีมาก แต่หากว่าไม่เคย ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะวันนี้พี่จะมาชวนน้องๆ ทำความรู้จักธีมเรื่องแนวนี้ ซึ่งพี่เชื่อว่าเป็นแนวที่ช่วยให้นิยายของเราแปลกใหม่และมีเสน่ห์มากขึ้น รวมทั้งเหมาะมากๆ สำหรับนิยายระทึกขวัญค่ะ

 


(via: unsplash.com)
 

Road Trip คือเรื่องราวที่ตัวละครต้องออกเดินทางไปตามที่ต่างๆ แล้วพบเจอกับเหตุการณ์ระหว่างทาง ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นสามารถเปลี่ยนทัศนตคติหรือส่งผลต่อชีวิตของตัวละครได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตัวละครของเราอาจกลายเป็นคนที่เข้มแข็งหรือเติบโตมากขึ้น ในทางตรงข้าม ตัวละครที่ดีมากๆ อาจกลายเป็นตัวละครที่ค้นพบดาร์คไซต์ของตัวเอง กล่าวโดยสรุปก็คือ นิยายแนวนี้สามารถทำให้ตัวละครมีนิสัยหรือทัศนคติที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้  

นิยายแนว Road Trip มีองค์ประกอบเรียบง่าย ไม่เยอะให้นักเขียนปวดหัว ขอแค่มีถนนที่ไกลสุดลูกหูลูกตา (Open Road) รถยนต์สักคัน และตัวละครสักตัวสองตัว แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งหัวใจหลักของนิยายแนวนี้คือการเล่นกับอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกและมุมมองการมองโลกของตัวละคร โดยในตอนท้ายตัวละครมักเติบโตขึ้นหรือได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เห็นเป็นแค่เรื่องราวการผจญภัยด้วยยานพาหนะบนท้องถนนธรรมดาๆ แบบนี้แล้ว แต่ Road Trip เป็นธีมเรื่องชั้นเยี่ยมที่จะทำให้นิยายสยองขวัญของเราน่าสนใจด้วยค่ะ ซึ่งความธรรมดาของการผจญภัยบนถนนสายยาวนี่แหละที่จะทำให้นักอ่านลุ้นระทึกและอยากพลิกหน้าถัดไป หากน้องๆ ไม่รู้ว่าทำไม “ถนนที่ไกลสุดลูกหูลูกตา” ถึงเหมาะเหม็งสำหรับนิยายลุ้นระทึก วันนี้พี่นำเหตุผลพร้อมคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ มาฝากค่ะ

 


(via: pexels.com)
 

อะไรก็เกิดขึ้นได้บนถนนสายยาว

ลองจินตนาการตามดูนะ เราขับรถบนถนนสายยาวอย่างโดดเดี่ยวยามค่ำคืน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอยู่ๆ น้ำมันหมด? ยางแบน? หรือมีผู้หญิงโบกรถอยู่ข้างหน้า? แล้วถ้าไม่มีปั๊มน้ำมันแถวนั้นล่ะ? ถ้าอยู่ๆ คนที่โผล่มาช่วยเป็นโจรหรือฆาตกรโรคจิต? หรือถ้าให้ผู้หญิงแปลกหน้าติดรถด้วย? เธอใช่คนแน่ๆ เหรอ? ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างจะเป็นยังไง เราจะยังรอดชีวิตใช่มั้ย? บอกเลยว่าไม่มีอะไรจะชวนขนหัวและชวนลุ้นได้เท่ากับการเดินทางบน “ถนนสายยาวจนสุดลูกหูลูกตา” อีกแล้ว! เพราะบนถนนใหญ่...อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะความสยองขวัญสั่นประสาท

ลองลิสต์เหตุการณ์ต่างๆ ที่น่าจะเป็นไปได้ หรือดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ (แต่มันก็ค่อนข้างเป็นไปได้อยู่ดี) นึกให้หลากหลายเข้าไว้ตามจินตนาการของเรา รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดออก ตั้งแต่ยางแบนบนทางหลวงกับถนนที่ไม่มีรถขับผ่านท่ามกลางความมืด ไปจนถึงการลักพาตัวคนต่างด้าวบนถนนสายนี้ที่ได้รับการสนับสนุนโดยคนที่พอใจ (หรือไม่พอใจก็ได้) ยังไงก็ตาม ลองรวบรวมไอเดียต่างๆ ดู เริ่มจากความคิดปกติธรรมดา หรือปัญหาที่กำลังเจออยู่ในปัจจุบัน หลับตาลงแล้วลองค้นหา ไอเดียมันอยู่ที่ไหนสักแห่งที่อยู่นอกเหนือการมองเห็นของเรา 

 

ถนนสายยาวทำให้ตัวละครอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

บนถนนสายยาวจนสุดลูกหูลูกตาเส้นเดิม ไม่ว่าจะเดินทางมากี่ครั้ง เรามักเห็นรถบรรทุกคันเดียวกันจอดอยู่ มองเห็นร้านอาหาร ทิวทัศน์ ทั้งในเวลากลางคืนและกลางวัน ขับรถไปเท่าไหร่ก็เจอแต่ภาพเดิมๆ วิวเดิมๆ จนความคิดบางอย่างแว็บเข้ามาในหัว “มันน่าจะมีบางสิ่งที่แตกต่างจากนี้สิ” 

ในความเป็นจริง การแปรเปลี่ยนของสิ่งที่คุ้นเคยนำไปสู่สิ่งที่ไม่คุ้นเคยได้ และอาจเป็นเพราะความคุ้นเคยนี้แหละที่ทำให้เราเริ่มวิตกกังวล ความคุ้นเคยกลายเป็นเหมือนคำพูดทั่วไปที่เราพูดเป็นร้อยครั้ง จนกระทั่งทันใดนั้นเราสงสัยว่าเราพูดได้แค่คำนี้คำเดียวใช่มั้ย? เราคงอดประหลาดใจและพิลึกในตัวเองไม่น้อย ฟีลเดียวกันแหละ ขณะที่เราขับรถอยู่บนถนนโล่งไปเรื่อยๆ เมื่อเขาหันมองวิวด้านข้างก็พบแต่วิวเดิมซ้ำๆ แน่ล่ะว่าตอนแรกอาจรู้สึกเฉยๆ แต่หลังจากนั้นจะเริ่มรู้สึกกลัวและตั้งคำถาม “ฉันวนกลับมาที่เดิมหรือเปล่า?” เช่นเดียวกับการเดินป่าแล้ววนกลับมาที่เดิม 

เพราะงั้นน้องๆ ลองใช้ความคุ้นเคยของตัวละครมาทำให้พวกเขารู้สึกกลัวสิ เครื่องยนต์ที่ดับในยามโพล้เพล้กับถนนโล่งที่นานๆ ทีจะมีรถผ่านสักคัน เวลานี้ตัวละครของเราไม่เพียงแค่อ่อนแอเท่านั้น แต่ยังเปราะบางด้วย และการฟังเพลงเดิมซ้ำๆ หรือร้องเพลงให้ตัวเองฟังดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวเองได้น้อยที่สุด เสียงของพวกเขาจะขาดเป็นห้วง สั่นคลอนและจำไม่ได้แม้แต่เนื้อเพลง 

 


(via: มิวสิควิดีโอ Lauv & Troye Sivan - i'm so tired)
 

ถนนสายยาวทำให้วิถีชีวิตของตัวละครเปลี่ยนไป

ลองจินตนาการดู หากเราต้องกินข้าวกับครอบครัวเป็นประจำทุกวัน หรือการอาบน้ำเป็นสิ่งแรกที่ใครบางคนทำในตอนเช้า แต่แน่นอนไม่ใช่สำหรับวันนี้ เพราะเรากำลังติดแหง็กอยู่ในรถที่เราขับมาตลอดทั้งคืน เห็นได้ชัดว่าการเดินทางบนถนนสายยาวทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป กิจวัตรประจำวันเล็กๆ น้อยๆ ดูเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเราใช้ชีวิตที่เป็นปกติ แต่เมื่อติดแหง็กอยู่บนถนนที่ไกลจนสุดลูกหูลูกตาเส้นนี้กลับทำให้เราคิดถึงวิถีชีวิตเหล่านั้นมาก เราโหยหาชีวิตปกติธรรมดา ที่เราทำซ้ำๆ ทั้งหน้าที่หรืองานที่ทำ เมื่อเราไม่มีมัน เราก็อาจเริ่มรู้สึกหลงทาง ไร้จุดหมาย การไม่มีอะไรทำอาจทำให้ชีวิตของเรายากที่จะน่าจดจำ ใช่ค่ะ นอกจากการเดินทางไปเรื่อยๆ บนถนนสายยาวที่ไม่รู้ว่าจะไปจบลงตรงไหนจะทำให้เราเกิดภาวะวิตกกังวล หวาดกลัวและฟุ้งซ่าน มันยังทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของเราไร้จุดหมายด้วยค่ะ และเมื่อเรานำไปเขียนเป็นนิยาย มันก็จะช่วยทำให้ผู้อ่านรู้สึกกดดันได้ด้วยเช่นกัน

 

ถนนสายยาวนั้นไกลจนสุดลูกหูลูกตาและอาจทำให้ตัวละครจิตตกได้

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และในบางครั้งก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ขับรถบนถนนสายยาวมาแสนนาน ทางออกที่ตั้งหน้าตั้งตารอมาอย่างกระตือรือร้นก็ปรากฎขึ้น ปลายทางที่เราลงทุนขับมาหลายกิโลได้อยู่ตรงหน้าแล้ว มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ตอนนี้เราทั้งตื่นตัวและดีใจเพราะที่ผ่านมาเจอกับความจำเจของการเดินทางอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วอยู่ๆ เส้นทางนั้นดันไม่ใช่เส้นทางที่เราต้องการนี่สิ แบบนี้ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาขับรถกันต่อไป แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตาม

จริงๆ แล้วแม้การเดินทางบนถนนสายยาวอาจดูเหมือนธรรมดา แค่ขับรถไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเราไปไม่ถึงปลายทางที่ต้องการสักที มันก็สามารถทำให้เราเครียด วิตกกังวลและจิตตกได้เช่นกัน ทำไมน่ะเหรอ? มันก็เหมือนกับการเดินทางอย่างไร้จุดหมายนั่นแหละ ยิ่งเดินต่อไปยิ่งไม่เห็นปลายทาง แบบนี้ก็เหนื่อยล้าที่จะเดินแล้ว บอกเลยว่าถ้าตัวละครเราจิตอ่อนนี่อาจท้อแท้ได้ ไม่อยากเดินต่อไป

สำหรับการเขียนลักษณะนี้ นักเขียนสามารถแสดงให้นักอ่านเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของนิสัยตัวละคร เช่น ตัวละครอ่อนแอก่อนเริ่มผจญภัย แต่หลังจากหลงทางอยู่บนถนนนานๆ พวกอาจหลายเป็นคนดิบเถื่อนหรือสตรองขึ้น อย่างไรก็ตาม คีย์เวิร์ดหลักๆ ก็คือ… ถนนสายนี้บั่นทอนจิตใจตัวละคร (หรือทำให้ตัวละครเข้มแข็ง) ได้อย่างไร

 

ถนนสายยาวทำให้ตัวละครกลายเป็นคนแปลกหน้า

ในตอนท้ายของเรื่อง หากดำเนินเรื่องไปจนถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ตอนนี้สภาพจิตใจของตัวละครอาจเปลี่ยนไป อาจเย็นชาขึ้น แข็งกระด้างขึ้น หรือจิตตกจนเป็นบ้าเลยก็ได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน พวกเขากลายเป็นคนแปลกหน้า ผู้คนมองเห็นแต่ความแปลกประหลาดของขา ทั้งผ่านสายตาของพนักงานขายอาหารจานด่วน พนักงานปั๊มแก๊ส หรือแม้แต่พนักงานที่โมเต็ล ในขณะที่ตัวละครเดินเข้ามาในร้าน ทุกคนพร้อมใจกันหันมองผู้มาใหม่ แต่ตัวละครของเรานี่สิเกือบจะมองไม่เห็นใครสักคน แถมยังลืมแม้กระทั่งวิธีการเริ่มต้นบทสนทนา

ดังนั้นแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรม ความคิดและการกระทำของตัวละครที่เปลี่ยนไป มันจะทำให้นักอ่านเห็นว่าถนนสายยาวจนสุดลูกหูลูกตานี้ไม่ธรรมดา แม้ว่านี่จะเป็นเพียงถนนโล่งๆ แต่มันก็สามารถทำให้เกิดความระทึกขวัญได้ ถึงนิยายของเราอาจจะไม่ผีตุ้งแช่หรือฆาตกรโรคจิตปรากฎในเรื่องให้นักอ่านรู้สึกลุ้นระทึก แต่สิ่งที่สามารถกระชากใจนักอ่านได้ก็คือ ทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือเลวลงของตัวละครนี่แหละ อย่าลืมสิว่าความคิดของคนเราน่ะ… น่าลัวที่สุดแล้ว

 


(via: pexels.com)
 

ธรรมชาติของถนนสายยาวจนสุดลูกหูลูกตาชวนให้ผู้อ่านเข้าสู่โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก ซึ่งมันเต็มไปด้วยอันตราย ความเย้ายวน จินตนาการและความเป็นจริง นักอ่านจะลุ้นไปตามตัวละครที่ต้องเดินทางต่อไปเพื่อความอยู่รอด ถนนสายยาวเส้นนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้นักอ่านพร้อมที่เปิดกระดาษแผ่นถัดไป

พออ่านมาจนถึงตรงนี้พี่น้ำผึ้งก็หวังว่าน้องๆ จะได้ไอเดียในเรื่องการนำธีม Road Trip มาปรับใช้ในนิยายสยองขวัญของเราไม่มากก็น้อย รวมทั้งสามารถนำไปปรับใช้กับแนวอื่นๆ ที่เราเขียนเช่น นิยายรัก แฟนตาซี หรือไซไฟได้ด้วย แม้ว่าตอนนี้ Road Trip จะเป็นแค่ธีมเรื่องใหม่ๆ ที่ไม่ได้โดดเด่น แต่มันก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับนักเขียนแล้วแหละว่าจะทำยังไงต่อไปให้มันสนุกและน่าจดจำ

อย่างไรก็ตาม ก่อนจากกันวันนี้ พี่ขอทิ้งท้ายด้วยสิ่งสำคัญที่ทำให้ Road Trip โดดเด่นและแตกต่างจากงานเขียนที่เกี่ยวกับยานพาหนะทั่วไปค่ะ นั่นคือ “ทัศนคติ” ของตัวละคร อย่าลืมนะ...ก่อนออกผจญภัย ระหว่างการผจญภัย และหลังเสร็จสิ้นการผจญภัย ทัศนคติ มุมมองและความรู้สึกของตัวละครควรเปลี่ยนไปค่ะ ส่วนครั้งหน้าพี่จะนำเรื่องอะไรมาฝากนั้น รอติดตามได้เลยจ้า

พี่น้ำผึ้ง :)

 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

คนหล่อมืออาชีพ Member 25 ก.พ. 62 23:37 น. 1

สมัยเด็กๆ เคยมุดผ้าห่มจินตนาการแบบนี้ครับ กลัวมาก เลยเอาหมอนมาทำปืนสมมุติยิงผีซะ555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด