วาเลนไทน์นี้ บอกรักแนวใหม่ด้วย 17 คำหวานที่คัดสรรจากนิยายรักเล่มโปรดของคุณ!
สวัสดีเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักค่ะชาวเด็กดีทุกคน ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แล้วการพูดว่า “ฉันรักคุณ” ก็มีความหมายพิเศษ ดังนั้นโดยธรรมชาติ หลายคนชอบได้ยินข้อความสุดซาบซึ้งและเปี่ยมไปด้วยความหมาย บางทีหลายคนในที่นี้อาจกำลังมองหาวิธีใหม่ๆ ในการแสดงความรู้สึก และ “ฉันรักคุณ” อาจไม่เพียงพอ แน่นอนว่าวาเลนไทน์ทั้งที หากอยากเปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้โดยปราศจากคำว่า “ฉันรักคุณ” แล้วล่ะก็ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการหยิบยืมคำพูดจากนิยายโรแมนติกเล่มโปรดของเรามาใช้อีกแล้ว!
ไม่ว่าน้องๆ กำลังแสดงความรักเป็นครั้งแรกหรือได้กล่าวว่า “ฉันรักคุณ” มาแล้วเป็นล้านครั้งก่อนวันวาเลนไทน์ คำพูดเหล่านี้เหมาะมากๆ ที่จะส่งให้คนที่เราแอบรักแอบชอบ ดังนั้นเริ่มวางแผนล่วงหน้าเพื่อหาคำพูดที่ดีที่สุดที่จะอธิบายความสัมพันธ์ของเรา แต่ถ้าไม่รู้จะหาคำพูดหวานๆ จากไหน พี่น้ำผึ้งได้รวบรวมคำบอกรักหวานๆ จากนิยายรักเล่มโปรดของใครหลายคนมาให้แล้วค่ะ มีตั้งแต่นิโคลัส สปาร์ค ไปจนถึงจอห์น กรีนเลยทีเดียว ถ้าหากน้องๆ คนไหนไม่เคยอ่านหนังสือ งั้นพี่ขอ *spoiler alert* ไว้เลย อิอิ ยังไงก็ตาม เชื่อเถอะว่าคำเหล่านี้จะทำให้เราเห็นว่าทำไมมันทำให้ทุกคนร้องไห้ได้
“That smile could end wars and cure cancer.”
(รอยยิ้มนั้นสามารถยุติสงครามและรักษาโรคมะเร็งได้)
John Green, An Abundance of Katherines
ไม่มีอะไรจะโรแมนติกไปกว่ารอยยิ้มแสนหวานสำหรับคนที่เรารักมากที่สุดแล้ว หากว่าน้องเป็นหนึ่งคนที่ตกหลุมรักรอยยิ้มของคนที่เราแอบชอบ ประมาณว่าแค่เห็นเขายิ้มก็เคลิ้มไปทั้งวัน ครั้นจะบอกว่าชอบรอยยิ้มของเขาก็ดูธรรมดาไป งั้นลองยืมคำพูดเด็ดจากนิยายเรื่อง An Abundance of Katherines ของ John Green ไปใช้ดูสิ ความหมายลึกซึ้งกว่าคำว่า “ฉันชอบรอยยิ้มคุณ” อีกนะ ไม่เพียงแต่เราชอบรอยยิ้มของเขา แต่รอยยิ้มของเขายังเป็นทุกอย่างและสามารถทำให้เรามีความสุขได้ด้วย (เพราะการยุติสงครามและรักษาโรคมะเร็งให้หายได้เปรียบเหมือนความสุขอย่างหนึ่ง)
"You are so busy being you that you have no idea how unprecedented you are."
(คุณยุ่งเกินไปจนคุณไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร)
John Green, The Fault in Our Stars
หากคนที่เรากำลังเดตด้วยไม่ค่อยมีเวลาให้ อย่าปล่อยให้พวกเขาลืมว่าตัวเองพิเศษขนาดไหน! ทำไมน่ะเหรอ? เพราะเรามักจะคิดว่ามันไม่สำคัญที่จะเข้าสังคม มันไม่สำคัญที่จะสื่อสารกัน เรามัวแต่ยุ่งกับธุรกิจของเราจนลืมไปว่ามีคนรอพูดคุยกับเรา รับฟังเรา แชร์สิ่งดีๆ บางอย่างร่วมกับเรา อย่าลืมสิว่าเราไม่ได้อยากได้ยินคนบอกว่า “อ๋อ คนนั้นหรอ ตายไปแล้วกับหนังสือของเธอ” บลาๆๆ เป็นต้น แต่เราก็ยังอยากได้ยินคนบอกว่า “ฉันตกหลุมรักตอนคุณหลับ” ด้วย ดังนั้นลองเมสเสจไปบอกเขาสักหน่อยว่าอย่ามัวแต่ยุ่งกับตัวเองจนลืมคนรอบข้างนะ!
“When you ... lose enough people, you learn to appreciate the memories you have…”
(เมื่อคุณ… สูญเสียคนมากพอ คุณเรียนรู้ที่จะชื่นชมกับความทรงจำที่คุณมี)
Nicholas Sparks, The Lucky One
เป็นประโยคที่ช่วยเตือนความจำเราไว้เสมอว่าอีกฝ่ายสำคัญกับเรามากแค่ไหน เพราะงั้นจงทำดีกับคนที่เรารักและรักเราให้มากเข้าไว้ ก่อนที่วันใดวันหนึ่งเราจะเสียเขาไป หรือถ้าหากเราต้องเสียเขาไปจริงๆ ก็อยากให้เรารู้ไว้ว่าอย่างน้อยเขายังอยู่ในความทรงจำของเรา อยากให้ยิ้มและมีความสุขกับความทรงจำนั้นไว้ทุกครั้งที่นึกถึงเขา
“You are my heart, my life, my one and only thought.”
(คุณคือหัวใจของฉัน ชีวิตของฉัน หนึ่งเดียวของฉันและความคิดเดียวของฉัน)
Arthur Conan Doyle, The White Company
แม้นิยายเรื่อง The White Company ของอาเธอร์ โคนัน ดอยล์จะไม่ดังเมื่อเทียบกับเชอร์ล็อค โฮล์มส์ แต่เรื่องนี้กลับดังมากๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าด้วยเรื่องราวที่พิสูจน์ให้เห็นถึงคำสัญญาอันยิ่งใหญ่ บอกเลยว่าไม่มีอะไรจะฟังแล้วทำให้หน้าแดงเท่ากับประโยคนี้อีกแล้ว แค่คำว่า “คุณคือหัวใจของฉัน” ก็ครอบคลุมไปหมดโดยไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ เพิ่ม ลองเอาไปใช้สิ รับรองว่าอีกฝ่ายต้องเขินจนตัวบิดแน่ๆ
“I love you wildly, insanely, infinitely.”
(ฉันรักคุณมากๆ อย่างบ้าคลั่งและไม่มีที่สิ้นสุด)
Boris Pasternak, Doctor Zhivago
หากอยากบอกรักแบบเถื่อนๆ ให้อีกฝ่ายอินจัด ลองพูดตามประโยครักจากนิยายรัสเซียเรื่อง Doctor Zhivago ที่คว้ารางวัลโนเบลไปครองสิ “ฉันรักคุณมากๆ อย่างบ้าคลั่งและไม่มีที่สิ้นสุด” สามารถทำให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ว่าเรารักเขาขนาดไหน รวมทั้งยังแฝงไปด้วยความคลั่งไคล้เล็กๆ (?) ในตัวเขาด้วย
(via: iammarlonlindain - Tumblr)
“I didn't plan on falling in love with you ... but once we met, it was clear that neither of us could control what was happening to us.”
(ฉันไม่ได้วางแผนที่จะตกหลุมรักคุณ แต่ทันทีที่เราเจอกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราได้)
Nicholas Sparks, The Notebook
เชื่อว่ามีหลายคนที่เป็นแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะตกหลุมรักตั้งแต่แรก… แต่ไม่ทันแล้ว รู้ตัวอีกทีคือตกหลุมรักขึ้นไม่ไหว เธอใช่มั้ยเป็นคนผลักฉัน แถมหลับตาลงทีไรก็ฝันเห็นแต่หน้าเธอด้วย บอกเลยว่าประโยคนี้จากนิโคลัส สปาร์คในผลงานเรื่อง The Notebook เป็นประโยคที่คู่ควรมากที่สุด สำหรับประโยคนี้ ตัวเอกไม่ได้ตั้งใจจะตกหลุมรัก แต่พอเจอกันครั้งแรกก็รู้เลยว่านี่คือรักแท้ นับว่าเป็นอะไรที่โรแมนติกมาก หากน้องๆ คนไหนอยากได้คำพูดหวานๆ ไปบอกให้แฟนอมยิ้มแก้มปริ ลองจัดประโยคนี้ดูนะคะ
“I've always liked quiet people: You never know if they're dancing in a daydream or if they're carrying the weight of the world.”
(ฉันชอบคนเงียบๆ นะ เพราะคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าพวกเขากำลังเต้นรำในฝันกลางวัน หรือว่ากำลังแบกโลกนี้เอาไว้คนเดียว)
John Green, Looking for Alaska
เสน่ห์ของคนเงียบๆ ดูโลกส่วนตัวสูงคือความนิ่งของพวกเขา เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเขากำลังคิดอะไร กำลังเศร้าหรือมีความสุขอยู่ การเดาใจคนนิ่งๆ ไปสิ่งที่ท้าทาย ขณะเดียวกันก็ทำให้เรายิ่งอยากรู้จักเขามากขึ้น และเมื่อใดก็ตามที่เราได้ใจเขา เขาจะรักเราแค่คนเดียว ลองส่งประโยคนี้ไปให้คนนิ่งๆ ที่เราตกหลุมรักสิ พี่เชื่อว่าประโยคที่ฟังดูไม่เหมือนการบอกรักนี้จะทำให้เขายิ้มได้แน่นอน อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้ว่าเราเคารพในความเป็นเขานะ! ใครๆ ก็ชอบคนที่เคารพในตัวเราทั้งนั้นแหละ
“I'm also just a girl standing in front of a boy asking him to love her.”
(ฉันเป็นแค่ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าผู้ชายและขอให้เขารักหล่อน)
Andy Hopkins, Notting Hill
ไม่มีอะไรจะตรงไปกว่านี้อีกแล้ว! เพราะนี่ไม่ได้เป็นแค่ประโยคบอกรักเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยคขอความรักอีกด้วย สำหรับสาวๆ ที่อยากบอกชอบหนุ่มๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ลองเริ่มต้นด้วยบทสนทนาเบาๆ แล้วพูดประโยคนี้ไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมเตรียมใจไว้ก่อนเลยว่าถ้าเขาไม่ได้ชอบเราเหมือนกัน เราอาจเจอนกตัวโตๆ เลย
“You want me to fall back in love with you.
How do I do that when I haven't ever stopped?”
(คุณอยากให้ฉันตกหลุมรักคุณอีกครั้ง แต่ฉันจะทำได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่เคยหยุดรักคุณเลย)
Nicholas Sparks, The Best of Me
คนบางคนอาจตกหลุมรักคนเก่าซ้ำๆ ทุกวัน บางคนอาจแอบรักใครบางคนตลอดมาจนไม่ยอมเปิดใจให้ใคร วาเลนไทน์นี้เป็นโอกาสดีแล้วที่จะเปิดเผยความรู้สึกด้วยประโยคบอกรักจากเจ้าพ่อนิยายรักอย่างนิโคลัส สปาร์ค เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรารักเขาตลอดมาและไม่สามารถหยุดรักเขาได้เลย ไม่ว่ายังไงก็ตามความรักโดยปราศจากเงื่อนไขเป็นความรักที่ดีที่สุด
“I finally understood what true love meant...love meant that you cared for another person's happiness more than your own,
no matter how painful the choices may be.”
(ฉันเข้าใจในที่สุดว่ารักแท้หมายถึงอะไร… ความรักหมายความว่าคุณแคร์ความสุขของอีกฝ่ายมากกว่าตัวเอง ไม่ว่าสิ่งที่คุณเลือกนั้นจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม)
Nicholas Sparks, Dear John
สายแอบรักห้ามพลาดกับคำพูดนี้ มันเป็นประโยคที่คอยย้ำเตือนให้เราอย่าเห็นแก่ตัวและจงเสียสละเข้าไว้ โดยเฉพาะในเรื่องความรัก หลายคนอาจคิดว่าความรักคือการครอบครอง เราต้องได้เป็นแฟนกับเขา เขาต้องชอบเราสิ! แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เลยค่ะ ความรักที่แท้จริงคือการเห็นอีกฝ่ายมีความสุข ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นอาจไม่ได้รู้สึกกับเราในแบบที่เรารู้สึกด้วยก็ตาม แต่อย่าลืม แค่เขามีความสุข นั่นก็ถือว่าเป็นความสุขของเราแล้ว!
“Love requires sacrifice but it's worth it.”
(ความรักต้องอาศัยความเสียสละ แต่มันก็คุ้มค่า)
Nicholas Sparks, Longest Ride
หากว่าความรักคือการที่เราดีใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีความสุข เห็นทีความรักก็คงจะเป็นความเสียสละอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน เนื่องจากในบางครั้งเราต้องเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อคนรักของเรา ซึ่งพี่น้ำผึ้งเห็นด้วยกับประโยค “ความรักต้องอาศัยความเสียสละ แต่มันก็คุ้มค่า” ของนิโคลัส สปาร์คมากๆ เพราะการรักหรือต้องใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนต้องอาศัยการปรับตัวและการเปิดใจเป็นอย่างมาก หลายๆ ครั้งที่เราอาจต้องจำใจทิ้งในสิ่งที่เราชอบสุดๆ แต่เป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ เพื่อให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างมั่นคง และท้ายที่สุด ต่อให้ต้องเสียสละแค่ไหน แต่มันก็คุ้มค่ากับการที่มีใครสักคนอยู่เคียงข้างเราไปจนผมเปลี่ยนเป็นสีขาว :)
“Some people search their whole lives to find what I found in you.”
(บางคนค้นหาทั้งชีวิตเพื่อค้นหาสิ่งที่ฉันพบในตัวคุณ)
Nicholas Sparks, The Notebook
ทำให้คนที่เรารักรู้ว่าพวกเขามีคุณค่าขนาดไหนด้วยการบอกพวกเขาว่า “เราโชคดีขนาดไหนที่ได้เจอคุณ” ผ่านประโยคสุดซึ้งจาก The Notebook นิยายรักท็อปฟอร์มของนิโคลัส สปาร์คสิ แค่ประโยคนึงก็สามารถทำให้คนฟังยิ้มได้แล้ว มันเป็นประโยคที่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีคุณค่ามากๆ และยังทำให้พวกเขารู้สึกรักตัวเองมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
“She was as much a part of him as his heart and soul.”
(เธอเป็นส่วนหนึ่งของเขามากพอๆ กับหัวใจและวิญญาณของเขา)
J. L. Sheppard, Demon King's Desire
บอกคนนั้นของเราว่าเขามีความหมายต่อเราขนาดไหนด้วยการเปรียบเทียบว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจและจิตวิญญาณของเรา ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว การันตีเลยว่าคนฟังจะไม่มีทางทิ้งเราไปไหนแน่นอน เพราะถ้าเขาทำ นั่นหมายความเขาได้พรากอีกส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณเราไป เขาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกเนอะ (หวังว่านะ)
“You must allow me to tell you
how ardently I admire and love you.”
(คุณต้องอนุญาตให้ผมบอกว่าผมชื่นชมและรักคุณมากแค่ไหน)
Jane Austen, Pride and Prejudice
ใครๆ ก็ต้องการความมั่นใจทั้งนั้นแหละ ถ้าเดตกับเขามานานและอยากเพิ่มความมั่นใจให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรารักเขาจริงๆ นะ ลองพูดประโยคเดียวกับมิสเตอร์ดาร์ซี่สิ ไม่เพียงแต่มีคำว่ารักเท่านั้น ยังมีคำว่าชื่นชมพ่วงมาอีกด้วย ซึ่งนั่นสื่อให้เห็นว่าเรารักในความเป็นเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงเราก็ยังรักและชื่นชม อย่าลืมสิ ใครๆ ก็ชอบถ้าอีกฝ่ายรักเราเพราะเราเป็นเรา
“I wish you to know that you have been the last dream of my soul.”
(ฉันปรารถนาที่จะให้คุณรู้ว่าคุณเป็นความฝันสุดท้ายของจิตวิญญาณฉัน)
Charles Dickens, A Tale of Two Cities
คิดถึงอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตหรือเปล่า? ถ้างั้นตื่นเช้ามาลองส่งเมสเสจไปบอกคนนั้นของเราว่า “คุณคือความฝันสุดท้ายของฉันสิ” พี่น้ำผึ้งคิดว่ามันเป็นคำพูดที่โรแมนติกมาก และในความคิดของพี่ พี่คิดว่ามันเป็นคำพูดที่ยืนยันเลยว่าเราจะรักและเคียงข้างเขาตลอดไป ลองทำให้เขายิ้มได้แต่เช้าแล้ววันนั้นทั้งวันของเราและเขาจะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา
“I won’t ever leave you, even though you’re always leaving me.”
(ฉันไม่เคยคิดที่จะทิ้งคุณ แม้ว่าคุณมักจะทิ้งฉันเสมอก็ตาม)
Audrey Niffenegger, The Time Traveler’s Wife
เจ็บจี๊ดสุดๆ กับประโยคนี้ ลองส่งไปให้แฟนเก่าที่เรารักอยู่สิ (แต่ต้องแน่ใจนะว่าเขาโสดสนิท ไม่มีใครจริงๆ) ทำให้เขาเห็นว่าเรายังรักและหวังดีกับเขา รวมทั้งอยู่ตรงนี้เสมอมา ถ้าหากว่าเขายังรู้สึกดีกับเราอยู่ มันจะเป็นประโยคที่ทำให้เขาคิดได้และอาจรู้สึกผิดได้ แต่ถ้าหากว่าไม่… ก็เตรียมใจไว้เลยว่าอาจได้ความเงียบเป็นคำตอบ
“The only thing worse than a boy who hates you: a boy that loves you.”
(สิ่งที่แย่มากว่าผู้ชายที่เกลียดคุณคือ ผู้ชายคนนั้นรักคุณ)
Markus Zusak, The Book Thief
โอ้โห ไม่มีอะไรจะหักมุมเท่านี้อีกแล้ว ลองนึกภาพดูนะคะว่าถ้าเราไม่ถูกกับใครมากๆ แล้วอยู่มาวันหนึ่งคนนั้นดันมาสารภาพรักด้วยประโยคนี้ มีแต่เงิบในเงิบ จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นประโยคที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการความรักเหมือนกันนะคะ จากความไม่ชอบ ไม่ถูกชะตา รู้สึกว่าคนนี้ไม่ใช่ แต่เมื่อได้ใกล้ชิดกันนานวันเข้าความรู้สึกก็เปลี่ยนและกลายเป็นรักในที่สุด นี่ล่ะนะคงเป็นความหมายที่แท้จริงของคำที่ว่า "ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว"
เป็นยังไงบ้างคะกับประโยคบอกรักหวานๆ โดยไม่มีคำว่ารักจากนิยายรักชื่อดังหลายเรื่องที่พี่หยิบมาฝากในวันนี้ บอกเลยว่าคำคมความรักที่ดีที่สุดตลอดกาลนี้มีความหมายมากกว่าแค่เอาไว้อ่านเล่นเฉยๆ พี่ได้คัดสรรมาเพื่อน้องๆ โดยเฉพาะ ทีนี้น้องๆ จะได้แรงบันดาลใจในการนำไปใช้ในวันวาเลนไทน์ด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งสเตตัสในเฟสบุ๊ค หรือเป็นแคปชั่นในอินสตาแกรม และยังช่วยให้เราบอกอีกฝ่ายได้อย่างไม่เคอะเขิน (?) ว่าเรารู้สึกอย่างไรกับเขาได้ด้วย ^ ^
1 ความคิดเห็น
ขอบคุณ