7 ความรู้สึกที่ทำให้นักอ่านเกิด
‘Filling in love’ เมื่ออ่านนิยายที่ชอบ


สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน พี่แนนนี่เพนเชื่อว่าน้องๆ คงรู้จักคำว่า ‘Falling in love’ หรืออาการตกหลุมรักกันอยู่แล้วแน่นอน แล้วน้องๆ รู้จักคำว่า ‘Filling in love’ กันบ้างไหมคะ แค่เปลี่ยนตัวสะกดจากตัว a เป็นตัว i ความหมายจากอาการตกหลุมรัก (แบบไม่ตั้งใจ) ก็เปลี่ยนเป็นอาการของคนที่ต้องการความรักมาเติมเต็ม (แบบตั้งใจ) ได้ทันที! ซึ่งในบทความนี้จะเล่าถึงเรื่องราวของอาการ Filling in love ที่ทำให้นักอ่านชื่นชอบการอ่านนิยาย และจะเฉลยว่าการที่เราชอบอ่านนิยายเนี่ย ทำไมถึงกลายเป็นคนต้องการความรักไปซะงั้น ซึ่งพี่แนนนี่เพนมองว่านี่เป็นเรื่องราวดีๆ ที่จะช่วยปลดล็อคนักอ่านในเรื่องที่สงสัยกันอยู่ได้ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไง มาตามอ่านกันเล้ยยย

ตกหลุมรัก vs เติมเต็มรัก = กะทันหัน, ชั่วคราว vs ต้องการ, ตลอดเวลา 

คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าอาการตกหลุมรัก (Falling in love) มักเกิดจากการสบตากัน หรือพบเจอกันแบบกะทันหัน แล้วสปาร์คกันทันที เหมือนกับเจอรักแรกพบ (Love at first sight) ซึ่งความเข้าใจนี้ไม่ผิดแต่ก็ถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะมีวิจัยและทฤษฎีเกี่ยวกับความรักจำนวนมากอธิบายถึงสาเหตุของการก่อเกิดความรู้สึกรักแบบกะทันหันเอาไว้ว่า "เป็นการหลงใหลเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น เกิดขึ้นโดยไร้ความผูกพัน และหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน" บางคนเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่บางคนก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่ออ้างอิงตามทฤษฏี Triangle of Love ของ Robert Sternberg นักจิตวิทยาผู้คิดค้นทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก จะพบว่าอาการตกหลุมรักนั้นเกิดขึ้นในขั้นที่สองเรียกว่า "Passion" เป็นความรู้สึกหลงใหล ถูกใจจากรูปลักษณ์ภายนอก และมีเป้าหมายอยากสานต่อความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวนั่นเอง 

ซึ่งต่างจากความรู้สึกต้องการคนมาเติมเต็มความรัก (Filling in love) ในด้านของความรู้สึกที่อยากได้รับตลอดไปนั่นเอง หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินคำว่า "เติมเต็มส่วนที่ขาด" กันมาบ้างพอสมควร ในส่วนนี้จะเป็นอาการของคนที่มีความต้องการภายในลึกๆ มีทั้งคนที่รู้ตัวว่าตัวเองขาดอะไรไป และคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าความต้องการภายในลึกๆ นั้น ขาดอะไรไป และต้องการอะไรมาเติมเต็ม ส่วนใหญ่แล้วเมื่อหาส่วนเติมเต็มเจอ รู้ว่าอะไรที่จะอยู่กับเราได้นานตลอดไป จะเกิดความรู้สึกว่าฉันขาดสิ่งนี้ไม่ได้ และไขว่คว้าหามาเติมเต็มเสมอ เมื่อพิจารณาอาการ Filling in love กับนักอ่าน พบว่าอาการชื่นชอบ หรือเสพติดการอ่านนิยาย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นได้ว่านักอ่านกำลังขาดอะไร และต้องการอะไรมาเติมเต็ม 

7 ความรู้สึกที่ทำให้นักอ่านเกิด ‘Filling in love’ เมื่ออ่านนิยายที่ชอบ

ในบทความนี้จึงคัดสรรเรื่องราวและความรู้สึก Filling in love ที่อาจเกิดขึ้นได้กับนักอ่านมาทั้งหมด 7 ข้อ มาลองเช็คดูว่าจะมีข้อไหนตรงใจเราบ้าง!

1. รู้สึกปลอดภัย 

ข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าเราขาดความปลอดภัยนะคะ แต่หมายถึงเราได้รับความรู้สึกปลอดภัยจากการอ่าน อ่านแล้วรู้สึกเหมือนนิยายคือเซฟโซน (Safe Zone) เสมือนมีคนคอยปลอบประโลมอยู่ข้างๆ เรา โดยความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อนักอ่านได้อ่านนิยายที่ชอบแล้วรู้สึกหวนคิดถึงชีวิตในวัยเด็ก หรือเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เมื่ออ่านแล้วนักอ่านจะเกิดความรู้สึกคุ้นเคยและอยากติดตามเรื่องราวในนิยายต่อไป ความคุ้นเคยนี้ทำให้นักอ่านรู้สึกไว้ใจ รู้สึกปลอดภัย และรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้อ่านนิยาย อาจจะทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่เมื่อได้อ่านนิยายแล้ว เรากลับพบว่านิยายคือเซฟโซนที่ปลอดภัยที่สุด!! เพราะนิยายเติมเต็มความปลอดภัยให้เราได้ 

2. รู้สึกโดดเดี่ยว

คนจำนวนมากมีวิธีจัดการความเหงาจากความโดดเดี่ยวและจากอาการคิดถึงบ้านด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป แต่หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดก็คือการได้อ่านในสิ่งที่ชอบนั่นเอง เมื่อเราต้องอยู่คนเดียวในที่ห่างไกล หรือห่างจากบ้านที่เปรียบเสมือนความรัก ความอบอุ่น การได้อ่านนิยายที่ชอบจะช่วยเติมเต็มความรักที่ขาดหายไป รวมถึงช่วยบำบัดความรู้สึกโดดเดี่ยวให้นักอ่านรู้สึกคล้ายมีคนอยู่ข้างๆ เสมออีกด้วย 

3. รู้สึกว่าชีวิตมีความหวังเสมอ

การอ่านนิยายเปรียบเสมือนการใช้ชีวิตผ่านสายตาของตัวละครนั้นๆ บางครั้งเราก็เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของตัวละคร แต่เราก็ยังหวังให้พวกเขาใช้ชีวิตโดยปราศจากอุปสรรคอยู่ดี อยากให้พวกเขามีชีวิตที่ดี แม้แต่ตัวร้าย เราก็ยังเอาใจช่วย นั่นเพราะในชีวิตจริงเราทุกคนต่างมีอุปสรรคในชีวิตที่ต้องพบเจอ เมื่อได้อ่านนิยายก็อยากจะปลดล็อคเรื่องราวจากชีวิตจริง และอยากอยู่ในโลกจำลองแห่งนี้ด้วยความสุข แม้เรื่องราวในนิยายจะมีอุปสรรคตลอดทั้งเรื่อง เราก็ยังหวังให้นิยายมีตอนจบที่แฮปปี้เอนดิ้ง เพื่อเติมเต็มความหวังให้ชีวิตของเรามีความสุขเช่นในนิยาย เช่น นิยายมักจบลงที่ฉากแต่งงานหรือได้ครองคู่รักกันตลอดไป มีลูกที่น่ารัก และมีสามีที่รักเราเสมอ ตอนจบเหล่านี้สร้างความหวังให้ผู้หญิงเชื่อว่าเมื่อพวกเธอแต่งงานจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นนั่นเอง 

4. รู้สึกอยากได้โอกาสจากคนรอบข้าง

ในข้อนี้ใจความสำคัญของคำว่า 'โอกาส' หมายถึงการให้อภัยค่ะ นักอ่านมักจะเกิดความรู้สึกคาดหวังว่าจะได้รับโอกาสจากคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากในนิยายที่เราอ่าน มักจะมีตัวละครที่ทำผิดพลาดและได้รับการให้อภัยจากคนรอบข้างอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้นักอ่านเกิดความคาดหวังในชีวิตจริงว่า "เมื่อฉันทำพลาด ฉันหวังจะได้โอกาสจากใครสักคน" ซึ่งการขอโอกาสเมื่อเราทำผิดพลาดในชีวิตจริงนั้น แม้จะง่ายเพียงแค่ขอโทษและปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้น แต่เราทุกคนคงอยากได้รับการให้อภัยที่แท้จริงมากกว่าการให้อภัยแบบขอไปที ในข้อนี้จึงสอดคล้องกับข้อสามในเรื่องของความหวังในชีวิตนั่นเอง  

5. รู้สึกมีประสบการณ์

เพียงแค่อ่านนิยายก็เหมือนได้ท่องโลกกว้างทั้งๆ ที่นอนอยู่บนเตียง นี่เป็นเรื่องราวน่าเหลือเชื่อมากที่นักอ่านบางคนรู้สึกอินราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง ไม่ว่าตัวละครจะไปที่ไหน ตัดสินใจอย่างไร แก้สถานการณ์แบบไหน นักอ่านมักจะรู้สึกร่วมและจดจำไว้ราวกับเป็นประสบการณ์ชีวิต หลายครั้งที่นิยายมีความรู้ในเรื่องต่างๆ สอดแทรกเข้ามาแบบที่เราเองก็ไม่รู้ตัว แต่เราสามารถเข้าใจถึงกระบวนการและวิธีการต่างๆ ได้อย่างดี เพียงแค่อ่านเท่านั้น! นักอ่านจึงรู้สึกเสมือนตัวเองมีความรู้ความสามารถมากมาย สามารถเป็นที่พึ่งให้เพื่อนได้เวลาปรึกษาความรักแม้จะไม่เคยมีคนรักมาก่อนก็ตาม เพราะนั่นคือตะกอนความคิดที่ได้จากการอ่านนิยาย และคิดว่ามันเป็นประสบการณ์

6. รู้สึกได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ 

นักอ่านส่วนใหญ่มักจะมีช่วงเวลาที่นิ่งสงบจนคนรู้จักมาเจอช่วงเวลานั้นอาจจะไม่เชื่อว่าเป็นคนๆ เดียวกันได้ นี่เป็นหนึ่งในมุมที่คนไม่อ่านนิยายจะไม่มีวันรู้ นักอ่านมักแสวงหาเรื่องราวในนิยายตามแนวที่ชอบ บางคนชอบเรื่องราวระทึกขวัญ บางคนชอบรักหวานๆ บางคนก็ชอบแนวสงคราม แต่ละแนวนิยายที่เราชอบก็บ่งบอกได้เหมือนกันว่าเรากำลังต้องการอะไร บางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่ขาดเสมอไป แต่เป็นสิ่งที่เรายังไม่เคยพบเจอและอยากเรียนรู้นั่นเอง เช่น เราชอบนิยายแนวสงคราม ไม่ได้หมายความว่าเราอยากเจอสงคราม แต่หมายถึงเราต้องการเห็นชีวิต วิธีการในสงคราม การต่อสู้ที่ทำให้เรามีความหวังและสนุกสนานได้ เพราะในชีวิตจริงเราคงไม่สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางสงครามได้ การได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้จึงเป็นเหมือนการผจญภัยในโลกที่เราไม่เคยพบเจอ 

7. รู้สึกว่าความรักเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต 

ข้อสุดท้าย นักอ่านต้องการมีความรักที่ยั่งยืนค่ะ ความรักในที่นี้หมายถึงความรักทุกประเภท ความยั่งยืนก็หมายถึงตลอดไปเลยค่ะ นักอ่านพบเจอนิยายมาเยอะ ทั้งสมหวังและไม่สมหวัง มีแค่ตัวละครเอกแบบเดี่ยวๆ เลยก็มี แต่ถึงอย่างนั้นในนิยายทุกเรื่องมักจะมีความรักเป็นองค์ประกอบสำคัญเสมอ ตัวร้ายที่เรารู้สึกว่าชั่วมาก เขาก็อาจจะมีปมพ่อแม่ไม่รักก็ได้ ตัวละครที่รักกันก็อาจจะรักเพราะสงสารในชะตาชีวิตก็เป็นได้ ดังนั้น นักอ่านจึงมีความหวังเล็กๆ ว่าจะได้เห็นความอบอุ่นและการใช้ชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต และเชื่อว่าความรักเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไม่ว่าจะรักอะไรก็ตาม.. 

เป็นยังไงบ้างเอ่ย ใครอ่านนิยายที่ชอบแล้วรู้สึกแบบนี้บ้าง อาการ Filling in love อาจจะต้องลองทำความเข้าใจและวิเคราะห์ตัวเองกันหน่อย เพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก เราก็ต้องเอาใจใส่กันหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าอาการนี้ไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลย แค่ชี้ให้เห็นว่าเรารักการอ่านนิยาย เพราะนิยายช่วยให้เรารู้สึกได้รับด้านต่างๆ เหล่านี้เท่านั้นเอง หากใครมีความรู้สึกอื่นๆ ที่ได้รับจากการอ่านนิยายอีก คอมเมนต์บอกกันได้น้า แล้วเจอกันใหม่ค่ะ ^^
 

พี่แนนนี่เพน 
 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก 

http://www.robertjsternberg.com/love/
https://unsplash.com/search/photos/fall-in-love 


Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

เรโกะ จิทาคุ Member 24 ก.พ. 62 06:03 น. 1

1.ไม่

2.ไม่

3.ใช่(มั้ง)

4.ใช่(มั้ง)

5.ไม่ เป็นแค่ความรู้เฉยๆ

6.ไม่ ดูเมะเอา//โดนถีบ

7.ใช่ มันเป็นกันส่วนใหญ่ไม่ใช่รึไงกัน?

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด