- “DarkSAlone” หรือ “ภูมิ” คือนักเขียนหนุ่มวัย 20 ปี ผู้เขียนนิยายเกมออนไลน์เรื่อง Legendary of Rune Online
- การเป็นเด็กติดเกมทำให้ภูมิได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตหลายอย่าง เช่น การเขียนนิยาย และการเข้าแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต
- Legendary of Rune Online คือนิยายเรื่องแรกของภูมิที่เขียนภาคแรกแบบไม่มีพล็อต เพราะอยากเก็บความทรงจำของเกมแนวเก็บเวล (MMORPG) ไว้ในรูปแบบของนิยาย กระทั่งเขาเริ่มหลงใหลในงานเขียน และได้รับการสนับสนุนจากนักอ่าน นิยายเรื่องนี้จึงมีพล็อตไปต่อได้อีก 3-4 ภาค
- ระหว่างที่เขียนนิยายภูมิได้ท้าทายตัวเองด้วยการฟอร์มทีมกับเพื่อนเพื่อเข้าแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต และแม้ว่าจะตกรอบแต่ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เขาได้มาจากการชอบเล่นเกม
• • • • •
“ถ้าผมไม่ใช่เด็กติดเกมผมก็คงพัฒนาไปทำอย่างอื่นไม่ได้”
ตอนที่ “DarkSAlone” หรือ “ภูมิ” นักเขียนหนุ่มวัย 20 ปี ผู้เขียนนิยายเกมออนไลน์เรื่อง Legendary of Rune Online เล่าให้เราฟังตอนพูดคุยกันว่า เขาเป็นเด็กติดเกมอย่างที่สังคมเคยมองว่าไม่ดีมาก่อน ตอนนั้นเราเห็นประกายความซุกซนในแววตาของเขาตอนที่เล่าเรื่องนี้ให้เราฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ราวกับว่าการเป็นเด็กติดเกมในสายตาของคนอื่นนั้นไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เขาแม้แต่น้อย
“ผมก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะติดเกมในสายตาคนอื่น คนรอบข้างจะชอบพูดว่าเราเป็นเด็กติดเกมนะ ทำไมติดเกมแบบนี้ ถ้าเล่นมากๆ มันจะเสียการเรียนนะ ผมว่าผมก็โดนว่ามาเยอะเหมือนกันนะ (หัวเราะ)”
คำบอกเล่าของภูมิที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทำให้เรารับรู้ว่าเขาเข้าใจสายตาของคนในสังคมเป็นอย่างดีว่าพวกเขามองเด็กติดเกมเป็นปัญหาอย่างไร แต่ยิ่งมีคนมองว่าการเล่นเกมเป็นเรื่องไร้สาระมากเท่าไหร่ เด็กหนุ่มก็มีความในใจอยากบอกกับทุกคนมากขึ้นเท่านั้น
“การเล่นเกมคืออีกหนึ่งความสุขที่เราสามารถหาได้จากมันครับ ถ้าเราบริหารเวลาเป็น ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ไร้สาระเสมอไป เพราะว่าเราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากเกมเหมือนกัน คือถ้าผมไม่ใช่เด็กติดเกมผมก็คงพัฒนาไปทำอย่างอื่นไม่ได้ มาเป็นนักเขียนก็ไม่ได้ เพราะผมคงไม่มีความรู้เรื่องเกมอะไรเลย”
ความในใจของภูมิอาจจะไม่สามารถแทนความในใจของเด็กติดเกมได้ทุกคน ทว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นกลับช่วยพิสูจน์คำพูดเหล่านี้ให้เราทุกคนได้มองเห็นว่าการชอบเล่นเกมของเด็กคนหนึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกต่อไป
จากเด็กติดเกมก้าวสู่การเป็นนักเขียนได้อย่างไร?
หากย้อนกลับไปพูดถึงกระแสนิยายบนเว็บเด็กดีเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ “นิยายเกมออนไลน์” กำลังเป็นที่นิยมของนักอ่าน ตอนนั้นใครๆ ก็หันมาเขียนนิยายแนวนี้กันเกือบหมดแต่ไม่ใช่กับภูมิแน่นอน เพราะเขาวางตัวเองเป็นเพียงนักอ่านที่เปิดเว็บเด็กดีหานิยายเกมออนไลน์อ่านไปเรื่อยๆ เท่านั้น เรื่องไหนชอบก็กดติดตาม เรื่องไหนอัปเดตก็ไปตามอ่าน เขาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มั่นคงกับการอ่านนิยายแนวนี้มากๆ เลยก็ว่าได้
“ครอบครัวผมเป็นนักอ่านกันพอสมควรเลยครับ บ้านผมเต็มไปด้วยหนังสือเลย ถามว่าผมอ่านแนวไหน จริงๆ ผมอ่านแต่แนวเกมออนไลน์ครับ อ่านแนวที่เขียนโดยตรงเลย เรื่องที่อ่านแรกๆ บนเว็บเด็กดีเลยก็ Endless Online ครับ ถ้าเป็นเล่มที่ชอบผมอ่านก็ Pride Online ของพี่มาซาลันครับ”
“ที่ผมชอบอ่านแนวนี้ เพราะผมรู้สึกว่านิยายเกมออนไลน์มันสัมพันธ์กับชีวิตของผมครับ เพราะว่าผมก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะติดเกมในสายตาคนอื่น เวลาที่ได้อ่านนิยายแนวนี้มันเลยรู้สึกดีเหมือนเราได้เข้าไปเล่นเกมด้วยจริงๆ”
ถึงแม้ว่าช่วงที่นิยายเกมออนไลน์กำลังฮิต ภูมิจะไม่ได้แวะเวียนเข้าไปสู้บนสังเวียนนักเขียนเหมือนคนอื่นๆ แต่จากประสบการณ์การอ่านที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วันหนึ่ง เด็กหนุ่มตัดสินใจเขียนนิยายเรื่อง Legendary of Rune Online ขึ้นมา เพียงเพราะอยากเก็บความทรงจำของเกมแนวเก็บเวล (MMORPG) ไว้ในรูปแบบของนิยายเท่านั้นเอง
“ผมเริ่มเล่นเกมจากเกมแนวเก็บเวลมาก่อนครับ จนเดี๋ยวนี้เกมแนวนั้นมันเริ่มสูญหายตายจากไปแล้ว ผมเลยอยากคงมันไว้ในรูปแบบของนิยายก็ยังดี แล้วเราก็มีแนวที่เราชอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ถ้าเราแต่งออกมาอาจจะมีคนชอบเหมือนกันก็ได้ ตอนนั้นแค่อยากให้คนที่ชอบแบบเราเข้ามาอ่านครับ”
จุดเริ่มต้นการเป็นนักเขียนของภูมิ แม้จะมาจากความคิดเพียงชั่ววูบ และเกือบจะเลิกเขียนนิยายเรื่องนี้ไปเพราะมีคนอ่านน้อย แต่ด้วยเป็นนิยายเรื่องแรกที่เขาอยากเขียนจริงๆ ภูมิจึงกลับมาตั้งใจเขียนนิยายเรื่องนี้อีกครั้งจนนิยายจบภาคแรกไปด้วยดี พร้อมกระแสตอบรับและแรงสนับสนุนจากนักอ่านที่ภูมิเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ตอนที่เปิดเรื่องเมื่อสองปีก่อน ผมรู้สึกว่าคนอ่านน้อยจัง พักก่อนไหม พอกลับมาปัดฝุ่นใหม่ ผมกลับมาด้วยความรู้สึกว่าผมแค่อยากแต่งมันออกไปให้คนที่ชอบเหมือนผมได้อ่าน ไม่ได้หวังว่ามันจะดัง แต่กระแสตอบรับมันดีเกินกว่าที่เราคาดไว้มากครับ”
นักเขียนมือใหม่กับงานอดิเรกที่อยู่ๆ ก็สร้างรายได้
ภูมิเป็นนักเขียนมือใหม่คนหนึ่งที่ไม่ได้มีเป้าหมายบนเส้นทางนักเขียนมาก่อน เขาเขียนนิยายแค่เพราะว่าอยากเขียน ไม่ได้มองว่างานอดิเรกจากการเขียนนิยายจะสามารถนำมาหารายได้ หรือกลายเป็นอาชีพในอนาคตได้ เพราะเขาเองก็ทำงานพิเศษเป็นผู้ช่วยไกด์เพื่อหารายได้มาใช้ซื้อสิ่งของที่เขาชอบอยู่แล้ว กระทั่งเขาเขียนนิยายไปแล้วกว่า 100 ตอน และเห็นว่านิยายที่เขียนบนเว็บเด็กดีสามารถนำมาขายได้ ภูมิจึงตัดสินใจลองขายนิยายของเขา และไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีนักอ่านเข้ามาสนับสนุนงานเขียนเรื่องแรกของเขา
“การเขียนนิยายสำหรับผม คิดว่าจะทำเป็นงานอดิเรกครับ ผมรู้สึกว่าการเขียนนิยายมันคือการปลดปล่อยในรูปแบบหนึ่ง เราได้ปลดปล่อยจินตนาการให้คนอื่นได้รับรับรู้ว่าจินตนาการของเราเป็นแบบไหน ”
“แล้วผมไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะมีคนชอบนิยายเรามากขนาดนี้ เราเริ่มแต่งจากสิ่งที่เราชอบมากกว่า เราไม่ได้แต่งตามตลาดที่เขากำลังชอบอยู่ด้วย แล้วที่คนอ่านมาซื้อนิยายเรา เหตุผลส่วนหนึ่งผมว่าน่าจะเพราะเขาอยากสนับสนุนผมด้วยรึเปล่า ผมว่าถ้าเขาชอบนิยายของเรา เขาก็อยากจะสนับสนุนนิยายของเราให้ไปต่ออยู่แล้ว ผมจำได้ว่าตอนนั้นรู้สึกตกใจมากที่นิยายของผมขายได้ เพราะตอนแรกที่เปิดขายไม่คิดมาก่อนว่าจะขายได้เยอะถึงขนาดนี้”
“พอเป็นแบบนี้เราก็เลยมีกำลังใจ คิดว่ายังไงก็ต้องแต่งให้จบครับ เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่อ่านนิยายเหมือนกัน พอผมอ่านนิยายเรื่องไหนแล้วมันโดนตัดจบ มันรู้สึกค้าง รู้สึกว่าทำไมน้า อีกไม่นานก็จะจบแล้ว ทำไมไม่ทำให้มันจบดีๆ ไปล่ะ (หัวเราะ)”
อยู่ๆ ภูมิก็สารภาพเรื่องที่เขาต้องเขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบให้ได้ เพราะว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาอยากเขียนก็เขียนขึ้นมาเลย ในภาคแรกจึงไม่ได้วางพล็อตนิยายเอาไว้ กระทั่งเขาเริ่มสนุกกับการเขียนนิยาย และผลตอบรับจากนักอ่านก็ดีเกินคาด ทำให้นิยายเกมออนไลน์เรื่องแรกที่ภูมิคิดจะเขียนเล่นๆ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา พอเขามาจริงจังกับการเขียนมากขึ้นก็สามารถวางพล็อตนิยายเรื่องนี้ได้อีก 3-4 ภาคเลย
“ตอนเขียนแรกๆ ไม่มีพล็อตเลยจริงๆ ครับ (หัวเราะ) จนเริ่มรู้สึกว่าถ้าเราไม่มีพล็อตเราจะไปต่อไม่ได้นะ ผมเลยหยุดแล้วคิดทบทวน นั่งคิดพล็อตใหม่เลยตอนนั้น นิยายเรื่องนี้ผมเลยวางแพลนไว้ประมาณ 3-4 ภาค เอาจริงๆ มันคือการแต่งแบบสนุกมากกว่า อยากใส่อะไรก็ใส่เข้าไปก่อน แต่พอขึ้นภาคสองผมรู้สึกว่ามันต้องมีพล็อตเรื่องของเราแล้ว ผมก็เลยรู้สึกว่า เนื้อเรื่องที่ผมต้องการให้มันไปถึงยังเหลืออีกหลายภาคเลยครับ”
เมื่อเด็กติดเกมสร้างเกมที่อยากเล่นด้วยการเขียนนิยาย
จากที่ภูมิเป็นนักอ่านเด็กดีมาก่อน ทำให้เขาเข้าใจกระแสแนวนิยายที่เปลี่ยนแปลงไปมาเป็นอย่างดี ในความเห็นของเขาคิดว่า กระแสนิยายเกมออนไลน์นั้นขึ้นอยู่กับความนิยมของเกมที่กำลังพัฒนาอยู่ในช่วงนั้นๆ ด้วย
“กระแสนิยายเกมออนไลน์ค่อนข้างที่จะแผ่วลงมาเยอะเหมือนกันครับ แรกๆ ที่ผมอ่านนิยายเด็กดีจะมีนิยายแนวเกมออนไลน์ขึ้นมาให้อ่านเยอะมาก ผมรู้สึกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่เกมพัฒนาขึ้นมาอีกระดับ คนเริ่มสนใจเกมมากขึ้น นิยายก็เลยมากขึ้นไปด้วย แต่ตอนนี้เราอยู่ในยุคที่เกมมันพัฒนามาดีแล้ว มันไม่ได้พัฒนามากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง มันก็แค่เกมที่เราเคยเล่น”
แม้ว่านิยายเกมออนไลน์จะเป็นส่วนหนึ่งของนิยายแฟนตาซี แต่ว่านิยายแนวนี้ก็ยังเป็นนิยายที่หลายคนยังมองว่าเป็นนิยายเฉพาะกลุ่ม คนที่ไม่ค่อยเล่นเกมอาจจะอ่านแล้วสับสนอยู่บ้าง ขณะที่คนที่ชื่นชอบการเล่นเกม นิยายเกมออนไลน์ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนได้เล่นเกมอยู่จริงๆ
“ถึงแม้ว่านิยายแนวนี้จะเฉพาะกลุ่ม แต่นักอ่านสามารถจินตนาการโลกของเกมขึ้นมาได้ ถ้าคนเล่นเกมอยู่แล้วก็จะจินตนาการง่าย คนที่ติดตามนิยายเกมออนไลน์ คือ คนที่สนใจพัฒนาการของตัวละครว่าจะสามารถพัฒนาไปถึงไหน ยิ่งตัวเอกพัฒนาไปเรื่อยๆ ก็จะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วคนอ่านก็จะรู้สึกว่าเราได้พัฒนาไปกับตัวละครด้วย ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเราพัฒนาไปด้วย”
สำหรับนิยายเรื่อง Legendary of Rune Online ที่เป็นนิยายเรื่องแรกของภูมิ ที่เริ่มจากการอยากเขียนให้ตัวละครเล่นเกมไม่เป็นเลย ได้เข้าไปเรียนรู้เกม กระทั่งไปถึงจุดสูงสุดของเกมในท้ายที่สุด เขาเล่าว่าไอเดียของนิยายเรื่องนี้มีต้นแบบมาจากเกมแนว Open world หรือเกมเก็บเวล และได้เพิ่มเรื่องราวของตัวละครด้วยการนำอักษรรูนมาเป็นพลัง และเชื่อมโยงถึงเรื่องราวของเทพต่างๆ เอาไว้ด้วย
“เกมแนวออนไลน์มันเริ่มพัฒนามาจากเกม Open world มันมีเนื้อเรื่องในตัวมันเองที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่การจะจบเกมนี้ได้เราต้องทำตามเนื้อเรื่อง แล้วในระหว่างทางนั้นเราอาจจะอยากไปทำอย่างอื่น เราอยากจะไปเก็บเวล หรือไปทำกิจกรรมตกปลาก็ได้ เราสามารถเลือกไปทำได้เลย เกมแนวนี้ไม่จำเป็นต้องเดินตามเนื้อเรื่องแบบเป๊ะๆ เราสามารถพลิกออกไปทำอย่างอื่นก่อนได้ ก่อนจะกลับมาทำเนื้อเรื่องของเกม”
“อีกแบบคือเดินตามเนื้อเรื่องไปเลยเป๊ะๆ ส่วนใหญ่แนวนั้นจะเป็นด่านๆ ไปครับ เราเล่นด่านนี้จบเราก็ไปด่านต่อไป โดยที่เราไม่สามารถออกไปทางไหนได้เลย เราก็แค่ทำตามภารกิจที่เขาให้มา ของผมคือให้อิสระกับผู้เล่น แล้วเริ่มจากการที่ตัวละครเล่นเกมไม่เป็นเลย เรียนรู้เกม จนไปถึงจุดสูงสุดของเกม”
“เรื่องตัวอักษรรูน มันคืออีกหนึ่งระบบในเกมของผม ที่จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องหลังจากภาคที่สองเป็นต้นไปครับ เหมือนเราสามารถยืมพลังจากอะไรมาใช้ก็ได้ แล้วแต่ว่าเราครอบครองรูนอะไรอยู่ ซึ่งรูนแต่ละชิ้นของผมก็จะไปผูกกับตำนานเทพให้น่าสนใจมากขึ้นครับ ตรงนี้เราก็ต้องไปศึกษามาก่อนว่ารูนมันมีอักษรรูนที่ชื่อว่าอะไรบ้าง อักษรรูนแต่ละตัวมันสามารถแปลออกมาได้แต่ละความหมาย และผมก็จะเอาความหมายมันมาเชื่อมโยงกับตำนานเทพ โยงมันเข้ามาหากันครับ”
ภูมิเล่าอีกว่านิยายที่เขาเขียนก็เหมือนเกมที่เขาอยากเล่น การที่เรื่องราวของ Legendary of Rune Online มีเป้าหมายของตัวละครอยู่ที่การเป็นอันดับหนึ่งของเกม เพราะมันเป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันของเกมเมอร์แทบทุกคนที่หลงใหลในการเล่นเกม ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเด็กติดเกมเท่านั้นที่อยากเล่นเกมชนะ เพราะทุกคนที่เล่นเกมหรือได้ลงแข่งขันอะไรก็ตาม เป้าหมายอันดับแรกๆ ก็คงอยากเอาชนะการแข่งขันให้ได้
และเรื่องราวของ Legendary of Rune Online ก็คือเรื่องราวของทุกคน
ถ้าหากไม่ได้เป็นด็กติดเกมมาก่อน ภูมิคงไม่ใช่ภูมิแบบทุกวันนี้
ปัจจุบันภูมิเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชีวิตของภูมิมีหลายอย่างให้ต้องทำตลอดทั้งวัน ทั้งเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย เขียนนิยายไปด้วย และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ต้องหาเวลาเพื่อเล่นเกมด้วย
ถามว่าภูมิแบ่งเวลามาใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างไร เขาเล่าให้ฟังว่าการเรียนต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง และการเขียนนิยายกับการเล่นเกมเป็นอันดับที่เขาต้องแบ่งเวลาไปให้เท่าๆ กัน แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่เขาให้ความสนใจการเล่นเกมมากๆ จนถึงขั้นฟอร์มทีมเพื่อไปแข่งขันอีสปอร์ตแบบจริงจังเลย
“เคยมีความคิดอยู่ช่วงหนึ่งครับ ช่วงที่เล่นจนไต่มาระดับหนึ่ง เจอผู้เล่นที่มีฝีมือพอๆ กัน จนเรารู้สึกว่าเราอาจจะมีฝีมือพอที่เข้าไปแข่งขันได้แล้ว เลยลองสมัครเข้าไปแข่งในบางรายการ พอเข้าไปทำจริงๆ มันกดดันกว่าปกติครับ การแข่งขันมันเน้นผลการแข่งที่ค่อนข้างจริงจัง ก่อนที่จะไปแข่ง ช่วงซ้อมนี่แหละครับทำให้ผมรู้ว่าต้องจริงจังมากขึ้น มากกว่าการเล่นเกม เราต้องรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง ต้องมีฝีมือ และการเล่นร่วมกับคนอื่น พอไปแข่งก็ตกรอบครับ (หัวเราะ) แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปแข่งอีกนะครับ แต่ตอนนี้เราอาจจะต้องถอยกลับมาเป็นคนเล่นเหมือนเดิมก่อน”
จากที่ได้ลองเข้าไปสู่วงการอีสปอร์ต ทำให้ภูมิได้รู้ว่าการเล่นเกมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาก้าวไปทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายแบบที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน และการได้เข้าไปฝึกซ้อมกับเพื่อนๆ ทำให้เขาได้เห็นว่าการเล่นเกมสามารถเป็นอาชีพที่จริงจังได้จริงๆ เช่นเดียวกับการเขียนนิยาย
“ผมรู้สึกว่ามันเป็นอีกหนึ่งวงการที่สามารถหาเงินได้ ในเมืองไทยตอนนี้มันเริ่มโตขึ้นจนมันกลายเป็นอาชีพของนักแข่งเกมได้แล้วครับ มันก้าวหน้าพอที่จะลองไปอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความคิดที่คนในสังคมหลายคนยังไม่ได้ยอมรับมากขนาดนั้น มันก็ยังเป็นแค่การเล่นเกมอยู่ดี มันก็ยังทำให้เด็กติดเกมอยู่ดี (หัวเราะ)”
“การเล่นเกมทำให้เราได้เจอเพื่อน ได้เปิดมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับเกมมากขึ้นว่าเกมอาจจะไม่ได้มีแค่ผู้เล่น เราอาจจะไปอยู่ในฐานะผู้พัฒนา หรือว่าเป็นคนแต่งนิยายที่เกี่ยวกับเกมก็ได้ มันทำให้เราได้เปิดมุมมองเกี่ยวกับเกมว่าไม่ใช่แค่การเข้าไปเล่นเพียงอย่างเดียว การได้แต่งนิยาย ได้เข้าไปเป็นนักแข่งเกม มันก็เริ่มจากการเล่นเกมทั้งหมดเลยครับ”
• • • • •
จากเรื่องราวของ “ภูมิ” เด็กติดเกมที่ก้าวสู่การเป็นนักเขียน และในระหว่างทางก็ยังได้ลองก้าวเข้าสู่วงการอีสปอร์ต
สิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้กำลังบอกกับเราทุกคนก็คือ การเล่นเกมไม่ใช่เรื่องไร้สาระสำหรับเขา มันทำให้เขาได้เจอโลกใบใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะโลกของการเขียนนิยาย ที่แม้จะมีจุดเริ่มต้นที่ทำให้ท้อจนเกือบเลิกเขียนนิยายไป แต่เมื่อได้ก้าวเข้ามาเขียนด้วยแพชชั่นที่อยากจะเล่าโลกของเกมให้คนที่ชอบเกมเหมือนกันได้รับรู้
การลงมือเขียนนิยาย จึงเป็นการเปลี่ยนจินตนาการภาพเคลื่อนไหวในหัวของเขาให้กลายเป็นโลกเสมือนจริงที่นักอ่านรับรู้ได้ผ่านนิยายเรื่องแรก และเรื่องต่อๆ ไปของเขานั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่แม้แต่ตัวของภูมิเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านิยายเรื่องแรกที่เขาเขียนเพราะอยากเขียน จะสามารถสร้างรายได้บนเว็บเด็กดีได้จริง ทั้งยังมีนักอ่านที่คอยติดตามยินดีสนับสนุนทันทีที่เปิดขาย นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้ภูมิเริ่มจริงจังกับการเขียนนิยาย และอยากรับผิดชอบงานเขียนให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับใครที่มีความชอบ หรือมีความฝัน อยากลองก้าวเดินบนเส้นทางนักเขียนเหมือนกันกับภูมิ คุณสามารถเริ่มต้นเส้นทางนักเขียนได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณเริ่มเขียนนิยายบนเว็บเด็กดีเหมือนอย่างที่ภูมิทำได้เลยค่ะ
ทั้งหมดนี้จึงเป็นทั้งเรื่องราวและคำตอบที่พิสูจน์คำพูดของนักเขียนหนุ่มได้ชัดเจนที่สุด
เพราะถ้าหากภูมิไม่ใช่เด็กติดเกม เราคงไม่ได้รู้จักเขาในฐานะนักเขียนเจ้าของนามปากกา “DarkSAlone” อย่างเช่นทุกวันนี้
พี่แนนนี่เพน





0 ความคิดเห็น